ครั้งสุดท้ายที่หยวนเพ่ยเป็นลม คือตอนที่อ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคโต้รุ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาท่องจำอยู่หลายวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง หลังจากที่สอบเสร็จ คล้ายกับความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดขาดสะบั้นในคราเดียว จากนั้นเธอก็ล้มทั้งยืน ลำบากให้เพื่อนต้องคอยมาพัดวีจนฟื้นนี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนกลับไปในอดีต ที่เ
เมื่อถึงยามโหย่ว (17.00 น.-18.59 น.) หวงตี้ที่สะสางงานทุกสิ่งจนเสร็จสิ้นในห้องทรงพระอักษรมุ่งหน้ากลับสู่ตำหนักใหญ่ ที่นั่นหยวนเพ่ยในชุดฮั่นฝูสีเหลืองอ่อน สายรัดอกและชายแขนเสื้อขลิบสีน้ำเงินเข้ม เกล้ามวยฉุยเลี่ยนจี้[1] มีเครื่องประดับเล็กน้อยเสริมให้ร่างนั้นดูน่ารักน่าทะนุถนอมราวคุณหนูสกุลสูงยืนอยู่
จวนเจ้ากรมโยธา ฟู่ถิงเฟิง นั้นอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับขุนนางอื่นๆ ในราชสำนัก ภายในเป็นเรือนสี่ประสานขนาดกะทัดรัด มีการขุดบ่อปลูกบัวเลี้ยงปลาไว้ในสวน รอบๆ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีแปลงผักสวนครัว และเล้าไก่เล็กๆ สื่อให้เห็นว่าเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตสมถะอย่างยิ่งในโถงรับแข
หยวนเพ่ยเห็นทั้งสองหมดกำลังใจ จึงพามารดาไปนั่งที่ แล้วจึงเดินมาหาพวกเขา จากนั้นจึงเอ่ยเสียงค่อย"มารดาหม่อมฉันตาบอดมาตั้งแต่หม่อมฉันจำความได้ ดังนั้นจึงอาจพูดหรือกระทำสิ่งใดเสียมารยาท ขอทั้งสองพระองค์โปรดอย่าได้ถือสานางเลยนะเพคะ""ช่างเถอะ พวกเราไม่ถือสาหรอก" หวงตี้ยิ้มบาง พลางโบกมือไล่นาง "หาที่นั่
หลังจากที่ขบวนเกี้ยวเคลื่อนออกไปจากจวนเจ้ากรมโยธาได้ไม่ไกลนัก หวงตี้พลันมีรับสั่งให้คนหยุดเกี้ยวแล้วเดินออกมารับหยวนเพ่ยที่เดินออกจากเกี้ยวตามโดยไม่มีสีหน้าตกใจเท่าใดนัก ต่างจากฉู่หวางที่ย่นคิ้วน้อยอย่างไม่เข้าใจนัก"เสด็จพี่""ข้าจะไปเที่ยวงานเทศกาลกับเพ่ยเอ๋อร์" หวงตี้เอ่ย ก่อนหันไปทางผู้เป็นอนุชา
หลังจากเดินมาได้ประมาณชั่วยามหนึ่ง หวงตี้ก็ตกลงว่าจะเดินดูอะไรอีกเล็กน้อยแล้วจึงกลับวังหลวง หยวนเพ่ยจึงเลือกเดินซื้อขนมและของกินเพื่อเอาไปฝากหยุนรุ่ยกับเมิ่งหลาน ซึ่งหวงตี้กับฉู่หวางได้แต่เดินตามอยู่ข้างหลังเงียบๆ คล้ายพี่ชายที่เฝ้ามองน้องสาวเล่นซน จนนางหยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ใบหน้
"นานแล้วที่ฝ่าบาทไม่เสด็จมายังตำหนักชุนชิวนี้" ลี่เฟยคลี่ยิ้มอ่อนโยน ขณะรินชาถวายหวงตี้ อีกฝ่ายเพียงรับมาดื่มเงียบๆ ขณะที่พระองค์ประทับอ่านหนังสือในพระหัตถ์เงียบๆชายหนุ่มมองใบหน้าสดสวยของลี่เฟยนิ่ง...นางยังงามไม่สร่าง กิริยาอ่อนหวานนุ่มนวลไม่เปลี่ยนแปลง ครรภ์นูนกลมคล้อยลงต่ำมากกว่าเมื่อสองเดือนที่แ
นับตั้งแต่องค์ชายน้อยจื่อหยวนถือกำเนิด น้อยครั้งนักที่หวงตี้จะเสด็จมาประทับที่ตำหนักใหญ่ อาจเป็นเพราะเกิดก่อนกำหนดเกือบเดือน ทำให้ช่วงแรกร่างกายอ่อนแอไม่น้อย แม่นมต้องใช้วิธีดื่มยาบำรุงหลายถ้วยจนมั่นใจว่ายาจะเข้ากระแสเลือดแปรเปลี่ยนเป็นน้ำนมให้เสวย ทำเช่นนี้อยู่สองเดือน จากทารกน้อยที่ตัวเล็กแดงราวลู
ตำหนักเซียวซูเฟยคึกคักอย่างยิ่งในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากตอนนี้เซียวซูเฟยตั้งครรภ์ได้สองเดือน จึงมีขุนนางบางส่วนส่งของขวัญมาให้ไม่แพ้กับตอนช่วงที่ลี่เฟยตั้งครรภ์ อีกทั้งวันนี้ข่านแห่งซีซย่ายังพาธิดามาเยี่ยมท่านอาหญิง ในวังวันนี้จึงคึกคักยิ่งกว่าเดิมข่านซีซย่ารูปร่างกำยำล่ำสัน ผิวคล้ำแดดจาก
นับตั้งแต่องค์ชายน้อยจื่อหยวนถือกำเนิด น้อยครั้งนักที่หวงตี้จะเสด็จมาประทับที่ตำหนักใหญ่ อาจเป็นเพราะเกิดก่อนกำหนดเกือบเดือน ทำให้ช่วงแรกร่างกายอ่อนแอไม่น้อย แม่นมต้องใช้วิธีดื่มยาบำรุงหลายถ้วยจนมั่นใจว่ายาจะเข้ากระแสเลือดแปรเปลี่ยนเป็นน้ำนมให้เสวย ทำเช่นนี้อยู่สองเดือน จากทารกน้อยที่ตัวเล็กแดงราวลู
"นานแล้วที่ฝ่าบาทไม่เสด็จมายังตำหนักชุนชิวนี้" ลี่เฟยคลี่ยิ้มอ่อนโยน ขณะรินชาถวายหวงตี้ อีกฝ่ายเพียงรับมาดื่มเงียบๆ ขณะที่พระองค์ประทับอ่านหนังสือในพระหัตถ์เงียบๆชายหนุ่มมองใบหน้าสดสวยของลี่เฟยนิ่ง...นางยังงามไม่สร่าง กิริยาอ่อนหวานนุ่มนวลไม่เปลี่ยนแปลง ครรภ์นูนกลมคล้อยลงต่ำมากกว่าเมื่อสองเดือนที่แ
หลังจากเดินมาได้ประมาณชั่วยามหนึ่ง หวงตี้ก็ตกลงว่าจะเดินดูอะไรอีกเล็กน้อยแล้วจึงกลับวังหลวง หยวนเพ่ยจึงเลือกเดินซื้อขนมและของกินเพื่อเอาไปฝากหยุนรุ่ยกับเมิ่งหลาน ซึ่งหวงตี้กับฉู่หวางได้แต่เดินตามอยู่ข้างหลังเงียบๆ คล้ายพี่ชายที่เฝ้ามองน้องสาวเล่นซน จนนางหยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ใบหน้
หลังจากที่ขบวนเกี้ยวเคลื่อนออกไปจากจวนเจ้ากรมโยธาได้ไม่ไกลนัก หวงตี้พลันมีรับสั่งให้คนหยุดเกี้ยวแล้วเดินออกมารับหยวนเพ่ยที่เดินออกจากเกี้ยวตามโดยไม่มีสีหน้าตกใจเท่าใดนัก ต่างจากฉู่หวางที่ย่นคิ้วน้อยอย่างไม่เข้าใจนัก"เสด็จพี่""ข้าจะไปเที่ยวงานเทศกาลกับเพ่ยเอ๋อร์" หวงตี้เอ่ย ก่อนหันไปทางผู้เป็นอนุชา
หยวนเพ่ยเห็นทั้งสองหมดกำลังใจ จึงพามารดาไปนั่งที่ แล้วจึงเดินมาหาพวกเขา จากนั้นจึงเอ่ยเสียงค่อย"มารดาหม่อมฉันตาบอดมาตั้งแต่หม่อมฉันจำความได้ ดังนั้นจึงอาจพูดหรือกระทำสิ่งใดเสียมารยาท ขอทั้งสองพระองค์โปรดอย่าได้ถือสานางเลยนะเพคะ""ช่างเถอะ พวกเราไม่ถือสาหรอก" หวงตี้ยิ้มบาง พลางโบกมือไล่นาง "หาที่นั่
จวนเจ้ากรมโยธา ฟู่ถิงเฟิง นั้นอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับขุนนางอื่นๆ ในราชสำนัก ภายในเป็นเรือนสี่ประสานขนาดกะทัดรัด มีการขุดบ่อปลูกบัวเลี้ยงปลาไว้ในสวน รอบๆ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีแปลงผักสวนครัว และเล้าไก่เล็กๆ สื่อให้เห็นว่าเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตสมถะอย่างยิ่งในโถงรับแข
เมื่อถึงยามโหย่ว (17.00 น.-18.59 น.) หวงตี้ที่สะสางงานทุกสิ่งจนเสร็จสิ้นในห้องทรงพระอักษรมุ่งหน้ากลับสู่ตำหนักใหญ่ ที่นั่นหยวนเพ่ยในชุดฮั่นฝูสีเหลืองอ่อน สายรัดอกและชายแขนเสื้อขลิบสีน้ำเงินเข้ม เกล้ามวยฉุยเลี่ยนจี้[1] มีเครื่องประดับเล็กน้อยเสริมให้ร่างนั้นดูน่ารักน่าทะนุถนอมราวคุณหนูสกุลสูงยืนอยู่
ครั้งสุดท้ายที่หยวนเพ่ยเป็นลม คือตอนที่อ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคโต้รุ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาท่องจำอยู่หลายวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง หลังจากที่สอบเสร็จ คล้ายกับความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดขาดสะบั้นในคราเดียว จากนั้นเธอก็ล้มทั้งยืน ลำบากให้เพื่อนต้องคอยมาพัดวีจนฟื้นนี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนกลับไปในอดีต ที่เ