ตอนที่ 57 เป็นตอนจบของ (คุณน้าขาโปรดรักหนู) และเป็นตอนเริ่มต้นของ "คุณลุงขารักนะ" ด้วยนะคะ ติดตามอ่านกันต่อได้เลย เรื่องฟินๆ ของโคแก่หญ้าอ่อน
“อย่างนั้นบอกมาสิคะ ว่าคุณกับแม่ฉันเป็นอะไรกัน” “แล้วเธอคิดว่าผู้หญิงกับผู้ชาย เวลาอยู่ด้วยกัน เขาเป็นอะไรกันล่ะ” “ก็ไหนคุณว่าไม่ได้เป็นคนรัก” หล่อนถาม หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เขาจะพูดอะไรกับหล่อนกันแน่ “งั้นฉันคงเป็นคนรักกับผู้หญิงในร้านเธอทุกคน” คำตอบของเขาเหมือนค้อนขนาดใหญ่ทุบหัวหล่อน ดวงตาหวั่นไหวมองผู้ชายสูงวัยแต่หล่อจัดที่สร้างความหวั่นไหวในหัวใจหล่อนรุนแรง หล่อนมองเขาอย่างค้นหาคำตอบว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เขากับแม่มีความสัมพันธ์กันในสถานะที่ไม่ใช่คนรัก แต่เป็น… สิ่งที่หล่อนไม่อยากให้เป็นจริง หล่อนโตพอที่จะรู้ว่าอาชีพเสริมของพี่ๆ ในร้านนวดนั้นทำอะไรบ้าง นอกจากจะนวดผ่อนคลายแบบปกติแล้วนั้น พี่ๆ ยังนวดแบบ ‘บอดี้ทูบอดี้’ และก็อาจมีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่นั่นก็เป็นส่วนที่พี่ๆ กับลูกค้าจะตกลงกันเอง แม่ของหล่อนไม่ได้ยุ่งเกี่ยว นั่นคือสิ่งที่แม่บอกหล่อน แต่หล่อนรู้ว่ามันไม่จริงหรอก แม่เกี่ยวเต็มๆ เพราะลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ‘ฟ้ารุ่ง เดอะเซาว์น่า เฮลท์สปา’ ถ้าแม่ไม่เต็มใจ พี่ๆ ก็คงจะไม่กล้า
เอื้อมดาวรีบขอโทษอีกหลายครั้งอย่างลนลาน เมื่อคนขับรถกิตติมศักดิ์ทำเสียงจิ๊จะน่ารำคาญใส่ หล่อนรีบควานหาเข็มขัดนิรภัยข้างกายเพื่อมาคาดตัวตามคำสั่ง แต่อยู่ตรงไหนล่ะ? หล่อนหาไม่เจอ มือควานหาไม่พบ จนหลอนต้องเอี้ยวตัวดูว่าสายซุกซ่อนอยู่ตรงไหน แต่คงไม่ทันใจเขา เพราะเจ้าของรถเบรกเอี๊ยดจนหล่อนหน้าคะมำ “ว้าย!” หล่อนร้องได้แค่นั้นก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง ร่างกายราวจะตื่นไปทั้งตัว เมื่อเขาชะโงกเข้าหา แล้วหล่อนก็หลับตาปี๋เพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายที่หล่อนทำไม่ทันใจ แต่ไม่ใช่... ร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง อกผายและกลิ่นกายผู้ชายที่หล่อนเพิ่งเคยได้กลิ่นเป็นครั้งแรกอบอวลไปทั่ว ความอบอุ่นแผ่ซ่านเมื่อเขาโน้มกายเข้ามา ใกล้กันเพียงลมหายใจสัมผัสถึงกันได้ เอื้อมดาวค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะชะงักค้าง ดวงตาหวานเหม่อมองใบหน้าหล่อที่อยู่ใกล้ ริมฝีปากเผยอค้างไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไร เพราะเมื่อสบกับดวงตาคมเข้ม หล่อนก็รับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจตัวเองที่เต้นรัว หล่อนตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว กิ๊ก… เสียงสายรัดที่เขาดึงรั้งม
สีหน้านิ่งๆ ของลูกสาว เริ่มทำให้อารมณ์กรุ่นๆ เมื่อครู่พวยพุ่งอีกครั้ง เพราะหล่อนไม่ชอบเลย ท่าทีเมินเฉยแบบนี้ เอื้อมดาวถ่ายทอดความเฉื่อยชาแต่บาดลึกไปถึงจิตใจของสามีผู้ล่วงลับมาหมดทั้งสิ้น อย่างนี้ไงหล่อนถึงได้เบื่อเขา และหันหน้าเข้าสู่วังวน... “แกทำหน้าทำตาแบบนี้หมายความว่ายังไงนังเอื้อม แกไม่เต็มใจใช่มั้ย ใช่ซี่! ฉันไม่ได้เก่งเหมือน...” “ค่ะแม่ หนูดูร้านให้เอง แม่ไปเถอะ” เอื้อมดาวรีบตอบรับ หล่อนไม่อยากให้แม่เอ่ยคำนั้นออกมา คำที่ว่า ‘ฉันไม่ได้เก่งเหมือนพ่อแกนี่ ทำดีได้แค่นี้แหละ ไหนจะต้องดูลูก ดูร้าน ใครไม่มาเป็นฉันไม่รู้หรอก แบกรับทุกอย่างเอาไว้ ทำคนเดียวรับผิดชอบทั้งครอบครัว’ และอีกสารพันที่แม่จะพูดออกมาเพื่อให้หล่อนเห็นความยากลำบากนั้น ทั้งที่ความเป็นจริงเหตุของความเหนื่อยยากนั้นไม่ได้มาจากใครเลย แม่ทำตัวเองทั้งนั้น “ก็แค่นี้แหละ ทำมายึกยักอยู่ได้ เสียเวลาจริงๆ” “แต่หนูอยากขอร้องแม่” หล่อนรั้งร่างอวบอัดของแม่ที่กำลังจะเดินออกไป “อะไร” สีหน้าแม่ยังมีแววขุ่นมัว แต่ก็
ในยามนั้นหล่อนไร้แรงต้านทาน แม้แต่สมองก็ยังร้องสั่งว่ายินดี เพราะจิตใต้สำนึกของหล่อนเฝ้าฝันถึงวันนี้ วันที่เขาจะมองหล่อนเฉกเช่นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ ไม่ใช่เพียงเด็กกะโปโลที่เขามองเมิน ทว่าเมื่อฝ่ามืออุ่นจัดและหยาบอย่างมือผู้ชายแหวกสาบเสื้อ ล้วงเข้าใต้ลูกไม้ขาว หล่อนก็ต้องสะท้านเฮือก สติสตังที่ล่องลอยไปกับสัมผัสวาบหวามกลับคืนสู่ตัวตน เพราะความสากหยาบเมื่อกระทบกับผิวเนื้อเนียนนุ่มบอบบาง นั่นทำให้หล่อนเจ็บ ‘คุณปูรณ์...’ หล่อนเรียกชื่อเขาราวละเมอ ดวงตาเบิกกว้างมองเจ้าของใบหน้าหล่อสะท้านใจสาวที่อยู่เหนือใบหน้าหล่อน ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจเจือกลิ่นมิ้นท์และกลิ่นบุหรี่จางๆ เขามองหล่อน ขณะที่ฝ่ามือยังคงเคล้นคลึงและคลอเคลียอยู่ที่ปลายยอด ขยี้เบาๆ จนหล่อนสั่นไปทั้งร่าง เปล่งเสียงเรียกชื่อเขาอย่างบอกไม่ถูก ‘คุณปูรณ์...’ ‘ติดกระดุมซะ เร็วๆ ด้วย ไม่งั้นฉันไม่รับประกัน’ เสียงเหี้ยมออกจะเย็นชาเปล่งออกมาทันทีที่เขาผละไปนั่งหลังชิดเบาะคนขับดังเดิม นั่นทำให้หล่อนรีบกระเถิบหนีจนสุดประตูรถ มือสั่นรีบกลัดรังดุมอย่างเร็วรี่ หล่
ปูรณ์ยังจำคำที่พ่อสอนเขา ‘ถ้าเจอคนที่ใช้ใจทำงาน จงรักษาเขาไว้ให้ดี’ เหมือนที่พ่อเคยพยายามรักษา ‘พิภพ’ ผู้จัดการฟาร์มคนก่อนเอาไว้ แต่เมื่อรักษาไม่ได้ก็จำต้องปล่อยไป คอยดูแลอยู่ห่างๆ จนพิภพตาย พ่อก็ยังตามดูแลครอบครัวของพิภพ ซึ่งตอนนี้ถ่ายโอนมาเป็นหน้าที่ของเขาต้องคอยดูแลทั้งเมียและลูกของพิภพ เมื่อฟ้ารุ่งเข้ามาปรึกษาเรื่องทำร้านนวด เขาก็เห็นด้วย ให้คนไปปรับปรุงบ้านปรับให้เป็นร้านนวดตามที่ฟ้ารุ่งต้องการ แต่ฟ้ารุ่งร้ายกาจอย่างที่พ่อบอกไว้จริงๆ หากไม่เพราะหล่อนทะเยอทะยานจนเกินพอดี พิภพก็คงไม่คิดออกไปทำกิจการด้วยตัวเอง ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่ได้พักผ่อนขับรถหลับในจนเกิดอุบัติเหตุ ทั้งที่เขาคิดว่าฟ้ารุ่งจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ เพราะหล่อนมีลูกสาวต้องดูแล แต่ไม่ใช่เลย ฟ้ารุ่งทำตัวฟุ้งเฟ้อ คบหาผู้ชายมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลหลายคนในตัวอำเภอ ฟ้ารุ่งเปลี่ยนร้านนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้กลายเป็นนวดผ่อนคลายอารมณ์อย่างชนิดผู้ชายอย่างเขาต้องการ แต่เขาก็ไม่คิดจะเตือนหล่อน ยังคิดว่าฟ้ารุ่งควรจะเรียนรู้การอยู่รอดด้วยตัวเอง แม้ธุรกิจของหล่อนจะสีเท
“คุณเข้าใจผิดแล้วนะคะ ดิฉันไม่ใช่พนักงานนวด ดิฉันเป็นเจ้าของร้านค่ะ” “แต่ไกด์บอกผมว่า ผู้หญิงที่นี่ออฟได้ทุกคน แค่เงินถึง แม้แต่เจ้าของร้านก็ออฟได้ ว่ากันว่าลีลานวดบีทูบีเจ้าของร้านเด็ดสุด นวดทีแตกคาอก ผมอยากลอง ผมสู้ราคาด้วย” “คุณ!” เอื้อมดาวกัดฟันกรอด อยากจะตะบันหน้าไอ้ลูกค้าหน้าตี๋สักหมัด สิ่งที่ลูกค้าพูดหล่อนเข้าใจทุกอย่าง แต่ที่ทำได้คือสะกดเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้แล้วยื้อฝ่ามือกลับคืนมาให้ได้ แต่ไม่ว่าจะยื้อเท่าไร ทางนั้นก็เหมือนจะดึงหล่อนเข้าหาราวกับกำลังเล่นชักกะเย่อ “ว่าไงล่ะครับ ค่าตัวเท่าไร ผมจ่ายไม่อั้น บีทูบีกับผมนะ” “ไม่นะ! กรุณาปล่อย ไม่งั้นฉันจะเรียกไกด์” “อ้อ... จะเรียกมาตกลงราคาใช่ไหมครับ ผมบอกแล้วไงว่าจ่ายไม่อั้น จะเหน็บซอกอกให้เพิ่มเป็นทิปด้วย เอิ่ม... หรือจะเปลี่ยนเป็นเหน็บซอกขาดีล่ะ คงเหน็บเงินได้หลายหมื่น” เอื้อมดาวกัดปากตัวเองจนเจ็บ ทว่าน้ำตาที่เอ่อคลอกลับมีแม่เป็นต้นเหตุ ‘นี่แม่จะรู้ไหมว่าหนูต้องเจอกับอะไรบ้าง’ จนหล่อนเกิดแรงฮึดดึงมือตัวเองสุดแรง และจะไม่ทนอยู่ตรงนี้ให้ลูกค้าแทะโลมอีก
เมื่อเดินเข้าใกล้ระยะ 1 เมตร หล่อนย่อกายลงเดินด้วยเข่าเข้าไปด้านข้างเขา ฝ่ามือสั่นเล็กน้อยขณะค่อยๆ วางถาดเครื่องนวดกับพื้น ระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ส่งผลให้หัวใจหล่อนเต้นรัวเร็ว ร้อนวูบวาบไปทั้งร่างกาย โดยเฉพาะที่ใบหน้า แต่ก็ต้องสะกดกลั้นไว้ให้ได้ เม้มริมฝีปากแน่น ผ่อนลมหายใจเบาๆ ค่อยๆ ชำเลืองมองเขาที่หันหน้าไปอีกทาง เพียงแค่เห็นด้านหลังตั้งแต่เรือนผมดำขลับตัดสั้นสะอาด ต้นคอแข็งแกร่ง บ่ากว้าง ไหล่หนา และแผ่นหลังมีกล้ามเนื้อ หัวใจหล่อนก็ยิ่งสั่น ทว่าไม่ใช่สั่นด้วยความกลัว แต่เป็นสั่นจากสัญชาตญาณที่ต่อยอดจากเมื่อคืน หล่อนอยากลูบไล้ผิวกายของเขา อยากบีบคลึงความเข้มแข็งตึงแน่นของมัดกล้าม อยาก... แตะริมฝีปากสัมผัส เฮือก... แต่ทุกความคิดต้องสะดุดลงเมื่อเขาขยับกาย เอื้อมดาวจ้องเขม็ง เตรียมตัวเตรียมใจหากเขาหันมา ทว่าเขายังนอนนิ่ง หล่อนเองเสียอีกที่ทั้งตื่น ทั้งสั่นไปทั่วร่าง หล่อนกลัวใจตัวเอง กลัวว่าหล่อนจะเป็นฝ่ายเสนอและเรียกร้องให้เขาช่วยกินหญ้าอ่อนต้นนี้ หากชีวิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้แขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความหวาดหวั่น เกรงว่าสักวันคงต้องตกเป็นของเล่
เอื้อมดาวมองแผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือย แม้สิ่งที่ตัดสินใจจะดูสิ้นคิดไร้ยางอายที่นำเสนอตัวเองให้เขา แต่หล่อนก็เลือกแล้วด้วยความเต็มใจของตัวเอง ไม่มีใครบังคับขืนใจให้หล่อนทำแบบนี้ จะมีสักกี่ครั้งที่คนอย่างหล่อนจะตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ นอกจากถูกแม่สั่งการทุกอย่าง นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวก็ได้ที่หล่อนเลือกด้วยตัวเอง “รอสักครู่นะคะ” หล่อนบอกเขาพร้อมนิ้วมือเคลื่อนแตะปมเชือกที่ผูกรัดตัวเสื้อ ค่อยๆ รูดออกจนสุดสาย ก่อนจะถอดเสื้อผ้าฝ้ายสีครีมออกจากตัว ตามด้วยปลดเชือกคาดผ้าซิ่นสีน้ำตาล ขยับตัวเพียงนิดผ้าซิ่นก็กองอยู่กับพื้น เอื้อมดาวพับเสื้อวางทบไว้บนผ้าซิ่นที่พับเรียบร้อย ดวงตาสวยหวานจับจ้องแต่เพียงแผ่นหลังกว้าง เม้มริมฝีปากเพียงนิดเพราะขณะนี้กายท่อนบนของหล่อนมีเพียงเสื้อชั้นในลูกไม้สีขาวดูบอบบางทว่ากลับทำหน้าที่โอบประคองความอวบอิ่มไว้ ส่วนกายท่อนล่าง บิกินีตัวจิ๋วก็แทบจะปิดบังอำพรางอะไรไม่ได้ และไม่นานทั้งคู่ก็คงหลุดออก หล่อนเอื้อมมือไปด้านหลัง นิ้วมือแตะที่ตะขอ ค่อยๆ ปลดออกจนเนื้อลูกไม้ล่นขึ้นเหนือเนินอวบ หล่อนห่อกายเข้าหากัน
คุณปูรณ์พาหล่อนก้าวเดินเข้ากระโจม ด้านในนั้นมีเตียงนอนสีขาวสะอาดตาถูกจัดเตรียมไว้ไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นตอนส่งตัวน้ำว้าเข้าหอ หมอนสองใบวางเคียงกัน บนเตียงมีกลีบกุหลาบสีชมพูตกแต่งเป็นรูปหัวใจจนทั่วทั้งห้องมีแต่กลิ่นกุหลาบ เจ้าบ่าวหล่อที่สุด ค่อยๆ วางหล่อนบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับลงมา และทำท่าจะ... “คุณปูรณ์คะ... แขกยังอยู่เลยนะคะ” หล่อนเอียงหน้าหลบจมูกโด่งที่ซุกไซ้ซอกคอ “อยู่แล้วยังไง เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าหอ ใครๆ เขาก็รู้ว่าจะทำอะไรกัน” จมูกโด่งซุกไซ้ข้างแก้ม ใบหู ไรผม ต้นคอ พร้อมริมฝีปากพูดแนบชิดจนหล่อนเริ่มหายใจติดขัด คุณปูรณ์กำลังปลุกอารมณ์หล่อน และหล่อนก็ร้อนง่ายเหลือเกิน “วันนี้เอื้อมเป็นของฉันจริงๆ แล้วนะ และฉันก็เป็นของเอื้อม เป็นของเอื้อมคนเดียวตลอดไป เข้าหอกันนะทูนหัว ไม่เช้าไม่ออก” ปูรณ์ยิ้มกับเจ้าของใบหน้าสวยที่ส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้ เพราะแปลว่าหล่อนยินยอม ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงบนกลีบปากบอบบางก่อนจะละเลียดปลายลิ้นเข้าชอนชิมความหวาน จากนั้นก็ไม่มีพื้นที่ใดทั่วทั้งร่างกายของเอื้อมดาวที่ร
สายตาร้อนแรงราวกับเป็นเอื้อมดาวคนละคนมองตรงไปยังกายแกร่งที่เดินไปนั่งพิงแผ่นหลังหน้าก้อนฟางอัดแน่นจนเป็นโซฟาตัวยาวบุเบาะนวมนุ่ม ดวงตาคมเข้มจ้องมองมาที่หล่อน มือก็สาวความแข็งแกร่งรอคอย เอื้อมดาวรู้หน้าที่ดี หล่อนคลานเข้าหา ลีลาไม่ต่างจากนางแมวยั่วสวาท ตาก็จองมองสิ่งนั้น สิ่งที่จะเติมเต็มความร้อนรุ่มรุนแรงของหล่อนให้บรรเทา สิ่งที่จะสอดแทรกสู่ร่างกายและทำให้หล่อนไม่ทรมาน แต่เมื่อมือน้อยๆ ไขว่คว้าได้ คุณปูรณ์กลับรั้งร่างหล่อนขึ้นมาจูบ “คุณปูรณ์ขา... ซี้ด... ขอหนูนะคะ หนูอยากได้ ซี้ด... ขอหนู... คุณปูรณ์ขา...” “อืม... ใจเย็นๆ นะเอื้อมจ๋า... ฉันยังเล็มหญ้าอ่อนไม่อิ่มเลย” เอื้อมดาวมองเขาฉงน เขาจะกินหล่อนต่อ... ยังไง และเขาก็บอกวิธีการกิน แต่หล่อนไม่กล้า แม้จะอยากจนกอหญ้าเต้นระริกคันยิบ “มาเถอะเอื้อมจ๋า... เอามาให้ฉันกิน” “มัน... เอ่อ... จะดีเหรอคะ หนู...” “เอื้อมรู้ว่ามันจะดี มาเถอะ ฉันหิว...” คำว่า ‘หิว’ มาพร้อมกับคุณปูรณ์แหงนศีรษะพาดไว้ที่เบาะนุ่ม ปลายลิ้นที่แลบออกมาส่ายร่อนอยู่เหนือริมฝีปาก
สิ่งแรกที่เห็นคือเขายิ้มกว้าง ดวงตาคมเข้มมีแววสนุกเหล่ตาไปข้างซ้ายข้างขวาคล้ายจะให้หล่อนมองตาม และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หล่อนตื่นตะลึง มือป้องปิดริมฝีปากที่พร้อมจะเปล่งเสียงร้องไห้โฮ เพราะทั่วบริเวณคือสถานที่จัดงานแต่งงานขนาดย่อมท่ามกลางบรรยากาศของโรงนา มีเวทีขนาดเล็กอยู่สุดทางเดิน มีภาพของหล่อนกับเขาในหลากอิริยาบถประดับไปทั่ว “อยู่ที่นี่ด้วยกันนะเอื้อม อ้อมกอดนี้และหัวใจดวงนี้เป็นของเอื้อมจริงๆ” “คุณปูรณ์ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ หรือหนูฝัน” เอื้อมดาวขยับยุกยิกเหมือนจะหยิกตัวเอง ทำให้ปูรณ์ยิ่งขำ เขากอดรัดร่างหอมกรุ่นแน่นขึ้น จดจมูกที่หน้าผากและเรือนผมนุ่ม อยากกอดรัดหล่อนแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่อยากให้เอื้อมดาวห่างหายไปไหน ช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่มีร่างเล็กๆ นี้นอนแนบข้าง ไม่เคยมีค่ำคืนใดที่ว่างเว้น เรียกได้ว่าแค่ขอให้มีโอกาส เขาก็พร้อมจะพาเอื้อมดาวโลดแล่น และเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่หล่อนขอไปหาฟ้ารุ่งที่ร้าน เขาก็แทบจะขาดใจ แล้วเดือนหน้าหล่อนต้องไปเรียน เขาไม่ต้องตามไปเฝ้ากันเลยเหรอ เวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักมันมีอานุภาพร้า
แม่เปิดปากเล่าเรื่องราวที่ทำให้พ่อลาออกจากงานที่ฟาร์มแล้วมาเปิดร้านวัสดุการเกษตร เพียงเพราะเพื่อนนินทาว่าพ่อเลี้ยงแม่เหมือนเมียเก็บ วันวันอยู่แต่ไร่แต่ฟาร์ม เพราะว่าแม่อายุห่างจากพ่อมาก แม่จึงร่ำร้องให้พ่อตามใจ เพราะอยากประกาศให้เพื่อนฝูงรู้กันให้ทั่วว่าแม่เป็นเมียของพ่อ เป็นเจ้าของร้านค้า โดยที่แม่ไม่คำนึงถึงความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน “พ่อรักแม่มากเลยนะคะ” “ใช่ พ่อรักแม่มาก แต่แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” “คะ...” “เพราะเอื้อมไงละ เอื้อมทำให้แม่เห็นว่าพ่อรักแม่มากแค่ไหน” เอื้อมดาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา “ตอนนั้นแม่เพิ่งสิบแปด ยังเด็กมาก มีลูกก็ไม่อยากจะเลี้ยงด้วยซ้ำ อยากแต่งตัวสวยๆ อยากให้คนมองอย่างชื่นชม แต่เอื้อมไม่เหมือนแม่นะ เอื้อมเป็นผู้ใหญ่กว่าแม่มาก เอื้อมเข้มแข็งและแม่มั่นใจว่าเอื้อมจะทำได้ดีกว่าแม่ ที่สำคัญคุณปูรณ์เขาไม่ได้เห็นเอื้อมเป็นเมียเก็บ เชื่อแม่” .. เอื้อมดาวกลับเข้ามาที่ฟาร์มช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านพัก คนงานก็มาบอกว่าคุณปูรณ์ให้หล่อนไปพบที่โรงนาหลังเก่าที่กำลังปรับปรุงไว้ส
แกร๊ก... ฟ้ารุ่งผินมองคนที่เปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประทินผิวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนต้องรีบแต่งหน้าให้เสร็จเร็วไว เพราะใกล้เวลาเปิดร้านเต็มที ทว่าคนที่เดินเข้ามาแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้ฟ้ารุ่งหงุดหงิด “แกจะพูดอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวันหรอกนะ” คำพูดห้วนจากน้ำเสียงหวานๆ ของแม่ทำให้เอื้อมดาวเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าว คงไม่มีวันที่จะพูดจาดีๆ กันอีกแล้ว แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเกือบเดือน จนแน่ใจว่าไอ้เสี่ยโบ้จะไม่มาวุ่นวายกับแม่กับหล่อนอีก คุณปูรณ์จึงอนุญาตให้แม่กลับมาดูแลร้านได้ และคุณปูรณ์ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแม่ เขาแค่ยั่วหล่อนเล่น แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนกับแม่ก็ยังเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ดี หรืออาจเรียกได้ว่าตั้งแต่วันนั้นก็แทบเป็นคนไม่รู้จัก เพราะแม่ไม่เคยพูดกับหล่อนอีกเลย แต่หล่อนล่ะ หล่อนจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้เหรอ อยู่แบบไม่มีแม่ แม้แม่จะไม่เห็นว่าหล่อนเป็นลูก แต่แม่ก็เป็นแม่ของหล่อนเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ “แม่ยังโกรธหนูอยู่เหรอคะ” ฟ้ารุ่งชะงักมือท
เอื้อมดาวล่องลอยไปกับความปรารถนาเพราะทุกจุดสัมผัสบนร่างกายถูกจู่โจมพร้อมๆ กัน จนหล่อนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายยิ่งบดเบียดเสียดสีดอกไม้งามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำหวานกับความแข็งแกร่งของเขา จนในที่สุด ทุกอย่างก็ถูกสอดใส่ ทั้งๆ ที่หล่อนและเขายังสวมใส่เสื้อผ้าครบ นั่นทำให้เอื้อมดาวได้อีกประสบการณ์ความเสียวที่เพียงแหวกช่องทาง ทุกอย่างก็สอดใส่เข้าหากันได้ “อ่ะ...” หล่อนชะงักร่าง เพราะสิ่งที่หล่อนนั่งทับให้สอดแทรกเข้าสู่ร่างกาย ใหญ่จนหล่อนไม่กล้าทิ้งตัวนั่งลงไปตรงๆ “เจ็บเหรอ” “ไม่ค่ะ หนู... หนูแค่ตกใจ... เอ่อ... คุณปูรณ์ใหญ่” หล่อนตอบแต่เขากลับหัวเราะ “คุณปูรณ์หัวเราะอะไรคะ” “ก็หัวเราะคนพูดตรง” “เอ่อ... ไม่ดีเหรอคะ หนู... ไม่ควรพูดเหรอคะ” “ไม่ใช่ไม่ควร ควรมากเลยละ เพราะยิ่งพูด... ฉันก็ยิ่งแข็ง” “ว้าย! คุณปูรณ์...” เอื้อมดาวผวาเพราะสิ่งที่แข็งเด้งสวนขึ้นมาพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ขยับโขยกสะโพกของหล่อนเร็วรี่ จนเสียงร้องตกใจกลายเป็นเสียงครวญครางไม่ขาดปาก จากนั้นเสียงของเขาเสียงของหล่อนก็สอดประสาน เ
ดวงตาคมเข้มกร้าวขึ้นทันทีที่ไอ้เสี่ยโบ้พูดจบ ทว่าแววตาก็ต้องอ่อนลงเมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มของใครบางคนเอื้อมมากระชับที่ต้นแขน “หือ...” เขาทำเสียงน้อยๆ ในลำคอ เชิงถามว่าหล่อนต้องการอะไร “เขาหมายความว่าอะไรคะ” น้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ปูรณ์ต้องกระชับฝ่ามือนุ่ม บีบเบาๆ ให้คลายความกังวล “ไม่มีอะไร เอื้อมออกไปข้างนอกก่อนนะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” เขาตอบเสียงนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะเรียกเป้ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มาพาเอื้อมดาวออกไปก่อน “จะรีบไปไหนล่ะครับดอกเบี้ย ยังไม่ได้เก็บสักดอก” ทว่าคำพูดของไอ้เสี่ยโบ้กลับทำให้เอื้อมดาวชะงักหันมองตื่นตะลึง ก่อนจะได้ยินเสียงแม่กรีดร้องคร่ำครวญ แต่หล่อนก็ได้สติเมื่อฝ่ามืออบอุ่นบีบกระชับ ม่านน้ำตาที่ก่อเกิดทำให้เห็นทุกสิ่งรางเลือนแต่กลับเห็นแววอ่อนโยนจากดวงตาคมเข้มชัด “ออกไปก่อนนะเอื้อม เชื่อฉัน” “แต่แม่...” “ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น ทางนี้ฉันจัดการเอง” เอื้อมดาวพยักหน้าทั้งที่สั่นสะอื้น แต่แค่หล่อนลุกขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดของไอ้เสี่ยโบ้ก็เข้ามาล้อมจน
สิ่งที่ปูรณ์ให้นทีไปทำก็คือ ให้ทนายเข้ามาดูแลเรื่องการโอนโฉนดที่ดินและบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของเขา เพราะตอนที่ฟ้ารุ่งมาอ้างว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้าน เขาให้ทนายทำเป็นสัญญาขายฝากเอาไว้ แล้วหล่อนไม่สนใจสิ่งใดมากกว่าได้เงินครบตามที่ต้องการหรือเปล่า ดังนั้นการลงชื่อในเอกสารทุกแผ่น จึงไม่ใช่สิ่งที่ฟ้ารุ่งจะสนใจ แน่นอนว่าเอกสารเหล่านั้นมีใบมอบอำนาจให้ทนายดำเนินการแทนฟ้ารุ่งได้ทุกอย่าง ซึ่งเขาไม่เคยอยากให้เป็นแบบนี้ แต่ต้องกันเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้บ้านพร้อมที่ดินผืนนี้คงกลายเป็นของไอ้เสี่ยโบ้ไปแล้ว ตอนนั้นเขาถือว่าทำเพราะต้องการรักษาทรัพย์สินของพิภพไว้ให้ลูกสาว ส่วนเป้ยนั้นเขาให้ไปส่งข่าวให้ไอ้เสี่ยโบ้รู้ว่าเขาแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่เข้ามาบริหารงานที่ร้านนวดแทนฟ้ารุ่ง เพราะเขาซื้อกิจการต่อจากฟ้ารุ่งแล้ว ดังนั้นฟ้ารุ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาบ้านและที่ดินผืนนี้ไปใช้หนี้เสี่ยโบ้อีก และคำสั่งของเขา ส่งผลให้ร้านนวดของฟ้ารุ่งมีแขกมาเยี่ยมเยือนในทันที “ผมได้ข่าวว่าคุณปูรณ์มาเทคโอเวอร์ร้านนวดของฟ้ารุ่ง” ปูรณ์มองผู้ชายวัย 30 กว่า แต่งกายด้วย
เอื้อมดาวมองสำรวจใบหน้าของคนหล่อ ค่อยๆ แตะนิ้วมือที่แนวคิ้วเข้ม เปลือกตาของเขาที่หลับพริ้ม สันจมูกโด่ง และลงมาถึงริมฝีปาก ทุกสิ่งจริงจนหล่อนต้องหลับตาส่ายหน้า ขอให้เมื่อหล่อนลืมตาอีกครั้งนี่จะไม่เป็นเพียงความฝัน ทั้งหมดที่หล่อนเห็นและจับต้องได้อยู่ขณะนี้คือความจริง “อุ้ย!” สิ่งที่ยืนยันได้ไม่ใช่ตาหล่อนที่เห็น แต่เป็นริมฝีปากร้อนผ่าวอ้าอมปลายนิ้วของหล่อนเอาไว้ และเมื่อหล่อนลืมตามอง คุณปูรณ์ก็ตอกย้ำความจริงด้วยการรั้งศีรษะหล่อนเข้าหาและมอบความรุมร้อนแนบริมฝีปากของหล่อน จูบเร่าร้อนแต่หวานที่สุดละเลียดไล้อยู่บนกลีบปากหวาน จนหล่อนมึนงงสับสนจนต้องโอบท่อนแขนรอบลำคอของเขา คุณปูรณ์ทำให้หล่อนล่องลอยราวกำลังไต่ขึ้นสวรรค์ ร่างกายของหล่อนบางเบา มีแต่แสงสีขาวรายล้อม ความสุขกำลังก่อตัว ความทุกข์ที่หล่อนคิดว่ามากมายพลันสลายไปไม่หลงเหลือ อา... ร่างกายหล่อนเบาหวิว ก่อนจะนอนราบบนที่นอนนุ่ม โดยมีเขาทาบทับ “คุณปูรณ์...” “หืม... ว่าไง” ชื่อของเขาเปล่งออกจากปาก หล่อนเห็นเขาฟอนเฟ้นเต้าอวบอัด ที่หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าหลุ