เกือบสิบวันแล้วที่กองทัพของมู่หลงฟู่ ตั้งหลักอยู่ที่ชายแดนฉางอัน โดยมิได้แจ้งความคืบหน้าใดๆ ให้กับทางเมืองหลวงทราบข่าวคราว ราชครูใช้โอกาสนี้ ยุยงฝ่าบาท ปลุกปั้นข่าวลือต่างๆ ที่ทำลายความน่าเชื่อถือของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้“ฝ่าบาท ข้าพระองค์ส่งคนไปสืบมาแล้ว ข่าวยืนยันมาว่าเขาเอาแต่ตั้งทัพ ไม่บุกตีพวกกบฏอย่างที่ได้วางแผนกล่าวอ้างไว้”“เพราะเหตุใดกัน ไหนเขาบอกว่าจะบุกตีเลยอย่างไรเล่า”“หรือเขามีแผนการอื่น”“หรือเพราะไม่พอใจที่ได้กองทัพไปจำนวนน้อย หรือว่านี่จะเป็น...”“เอาล่ะ ทุกท่าน เราขอรอฟังข่าวอีกสักหน่อย ช่วงนี้ก็อย่าพึ่งตื่นตระหนกกันไป”ราชครูหันมาทูลฝ่าบาทด้วยท่าทีที่รีบเร่งทันที“ฝ่าบาท ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องรักษาเมืองหลวงและความปลอดภัยของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ เรามิอาจไว้วางใจเขาได้ บัดนี้ แม้แต่ข่าวคราว ท่านแม่ทัพมู่ก็จงใจที่จะไม่ส่งข่าวใดมาแจ้งทางวังหลวง นี่มันเป็นการคิดก่อกบฏชัดๆ”เมื่อคำนี้หลุดออกมาจากปากผู้เป็นถึงราชครู ทำให้เหล่าบรรดาขุนนางเริ่มหวาดระแวงและเริ่มหวาดกลัวหากมู่หลงฟู่คิดก่อการกบฏ ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงสงครามในครั้งนี้ได้ และด้วยหากเป็นแม่ทัพมู่นำทัพเ
ดึกสงัดคืนนั้น กงจื่อรีบวิ่งไปเรียกท่านหมอเย่ที่กระโจม ด้วยมีเรื่องด่วนมาแจ้งนาง“ท่านหมอเย่ขอรับ ท่านหมอ ช่วยด้วยขอรับ”เจ้าซูเย่ได้ยินเสียงเรียก นางที่พึ่งจะล้มตัวลงนอนได้ไม่นานกลับต้องลุกขึ้นและรีบเดินมายังหน้ากระโจมก่อนจะเห็นว่าเป็นกงจื่อที่มาเรียก“พวกท่านมีเรื่องด่วนอะไรกันหรือ”“ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านแม่ทัพไข้ขึ้นสูง ตัวสั่น มิรู้ว่าเกิดจากอะไรขอรับ รบกวนท่านหมอช่วยไปตรวจดูด้วยขอรับ อีกสองวันพวกเราต้องเคลื่อนทัพแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านแม่ทัพ…”“ท่านรอสักครู่ ข้าขอไปหยิบกระเป๋ายาก่อน”นางรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋ายามา ก่อนที่จะรีบวิ่งตามกงจื่อไปยังกระโจมของแม่ทัพ เมื่อนางเดินเข้าไป กงจื่อกลับมิได้ตามมาด้วย เพียงแค่ส่งนางหน้ากระโจมก่อนจะแจ้ง“ท่านหมอ ข้าต้องรอด้านนอก ป้องกันความปลอดภัย จะให้ข่าวหลุดออกไปมิได้นะขอรับว่าท่านแม่ทัพเราบาดเจ็บหนัก มิเช่นนั้น อาจจะเป็นภัยใหญ่หลวงนักขอรับ”“ได้ ข้าทราบแล้ว ฝากท่านด้วย”นางรีบวิ่งเข้าไปด้วยความเป็นห่วงเขา นางก็มิได้รักษาผิดวิธี ยาที่ให้ก็ล้วนแต่เป็นยาชั้นดี เหตุใดยังจับไข้ หรือว่าเขามีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น นางรีบวางกระเป๋า และเดินไปยังเตี
มือของเขาเริ่มลุกลามไปทั่วเรือนร่างของนางที่เขาเฝ้าคิดถึง แม้แต่ตอนหลับก็ฝันถึงนาง ปากเขายังไม่ยอมผละออกจากปากอิ่มของนางนางเริ่มหายใจหอบขึ้นเพราะหายใจไม่ทัน เขาจึงเริ่มพลิกตัวให้นางอยู่ด้านบนแทน“ฮูหยิน วันนี้ต้องเป็นหน้าที่เจ้าเสียแล้วล่ะ เพราะว่าข้าเจ็บไหล่อยู่”นางเริ่มก้มลงมาจูบเขา และนิ้วมือสากน้อยๆ ของนางก็เริ่มจัดการแผงอกกว้างนั้นไปเรื่อยๆ นางพึ่งรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงแผงอกกว้างนั้นช่างแน่นและน่าหลงใหลเพียงใด ก่อนนางจะส่งลิ้นน้อยๆ ลงไปลองลิ้มรสปลายยอดอกสีแดงช้ำของเขา แม่ทัพหนุ่มที่มิเคยถูกทำเช่นนี้มาก่อนถึงกับส่งเสียงออกมาอย่างพอใจ“อาาา ซูเย่ เจ้าเรียนรู้ไวมาก อาาา ช่างดีจริง อาาา ฮูหยิน”“ข้าก็เรียนรู้มาจากท่าน”นางเริ่มไต่ลงด้านล่าง เข้าไปหาลำเอ็นท่อนใหญ่ที่แข็งรออยู่ด้านล่าง มันแข็งกว่าครั้งใดที่นางเคยเห็น เขาเกร็งจนเห็นเส้นเอ็นโดยรอบที่ปูดโปนออกมารอบๆ นั้น ซูเย่ส่งลิ้นเข้าไปดั่งเป็นการปลอบประโลมมัน ก่อนที่จะส่งเข้าไปรับความอบอุ่นจากปากนาง“อาาาา ซูเย่ ช่างดีนัก ข้าา อาาา อืยยยยฮูหยินนน เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว เจ้าช่วยหันหลังมาหน่อยสิ”เขาจับบั้นท้ายนาง และค
มู่หลงฟู่ตื่นแล้ว เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมา ซูเย่ก็เดินเข้ามา นางอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วโดยใช้ห้องน้ำของเขาในกระโจมนี้ และเตรียมน้ำมาเพื่อให้เขาล้างหน้า และจะพาไปอาบน้ำ“ไหนเจ้าบอกว่าแผลถูกน้ำไม่ได้อย่างไรล่ะ”“ข้าจะระวังเจ้าค่ะ แต่ท่านต้องไปอาบน้ำล้างตัวแล้ว”“ก็ได้ หากเจ้าเป็นคนทำให้ ข้าก็ยอม”“ไปเถอะเจ้าค่ะ”เขาค่อยๆ เดินลงไปที่อ่างน้ำในกระโจม ก่อนที่นางจะพับแขนเสื้อรอที่จะอาบให้เขา นางถือผ้าสะอาดแห้งๆ มาหนึ่งผืนเพื่อปิดแผลเขาเอาไว้ และเริ่มเช็ดตัวให้เขา“เจ้าจำวันที่ข้าถูกพิษที่จวนเจ้าแล้วแช่ในอ่างเจ้าได้หรือไม่”“จำได้สิเจ้าคะ ท่านถามทำไมหรือ”“ตอนนั้น เจ้าคิดสิ่งใดอยู่งั้นหรือ”“ข้าเพียงคิดว่า ท่านเก่งกาจออกปานนั้น เหตุใดจึงถูกพิษโดยง่ายโดยไม่ระวังตัวเช่นนั้นได้ ช่างโง่เง่ามากจริงๆ”เขาหัวเราะในลำคอ เป็นดังที่นางว่า เขาพลาดง่ายเกินไปจริงๆ“แล้วเจ้าไม่กลัวข้างั้นหรือ”“กลัวสิเจ้าคะ แต่พอข้ารู้ว่าท่านถูกพิษ ข้าเลยไม่กลัว เพราะข้าเป็นหมอ”“แล้วเจ้า ตกใจหรือไม่ ที่ข้าจูบเจ้าในคืนนั้น...”ซูเย่รู้สึกว่าใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว ระหว่างที่ถูหลังให้เขาในอ่าง“ตกใจเจ้าค่ะ แต่ก็เข้าใจได้ ที่สำคัญ ข
กองทัพที่เข้ามาเพิ่ม แต่งตัวไม่ต่างกับกองทัพของมู่หลงฟู่ และมีบางส่วนที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ก่อนที่หัวหน้ากองและคนอื่นๆ จะเข้ามาพบเขาในกระโจม“ท่านพี่ ข้ามาแล้ว”“อากวง เดินทางราบรื่นดีหรือไม่ มีผู้ใดบาดเจ็บหรือไม่”“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ท่านพี่ ท่านนี้คือ”เขาชี้มายังเจ้าซูเย่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้แม่ทัพของเขา“เจ้าซูเย่ หรือหมอเย่ นางเป็นหมอประจำกองทัพของพวกเรา และเป็นฮูหยินข้าด้วย”“ว๊าววว ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง ข้าอากวงคำนับพี่สะใภ้”“ท่านอย่าได้เกรงใจเจ้าค่ะ ข้าน้อยเจ้าซูเย่ เป็นหมอ หากคนของท่านมีผู้ใดบาดเจ็บ ก็แจ้งพวกเราได้เจ้าค่ะ”“เยี่ยมเลย พี่ใหญ่ ท่านช่างสรรหาพี่สะใภ้ งดงามทั้งหน้าตาและมีความรู้ ถูกใจข้ายิ่งนัก”“เอ่อ ข้าขอตัวไปต้มยาให้ท่านก่อนนะเจ้าคะ พวกท่านเชิญตามสบาย”“เจ้าไปเถอะ”ซูเย่รู้ดีว่าพวกเขาคงมีเรื่องจะคุยกัน นางจึงได้ขอตัวออกไป“พี่ใหญ่ นี่คือแผนที่ราชครูชั่วนั่นจะให้ข้าร่วมมือด้วย เป็นดั่งที่ท่านคาดการณ์เอาไว้มิผิด เขากะให้ข้าลอบโจมตีท่าน”“ถ้าเช่นนั้น เราก็จะให้เขานึกลำพองใจ ดูว่าหางเขาจะโผล่ออกมาแค่ไหน”“ท่านจะทำเช่นไร คนของข้าบอกว่าบัดนี้ฮ่องเต้นั่นเริ่ม
ทัพหลวงออกมายืนรอทัพกบฏฉางอันอยู่ด้านนอก ก่อนที่ทัพของฉางอันจะเดินทางมาประจันหน้ากันที่ประตูเมือง อากวงควบม้าออกมา ก่อนที่จะเห็นว่าผู้ ใดขี่ม้ามา แม่ทัพรุ่ยที่เฝ้าประตูอยู่จึงสั่งทหารทั้งหมด“วางอาวุธ”ทหารที่เตรียมยกคันธนูเพื่อเล็งศัตรูและพลทหารเก็บดาบจนหมด ก่อนที่อากวงจะลงจากม้า และเดินลงมาแม่ทัพรุ่ยชิงที่อยู่หลังม้า“คารวะท่านแม่ทัพรุ่ย”“อากวง เป็นเจ้า เหตุใดเป็นเจ้า”“ข้ารับคำสั่งท่านแม่ทัพใหญ่มู่ มาจัดการกับทรราชแผ่นดินขอรับ ท่านอารุ่ย ท่านจะเปิดทางเพื่อให้พวกเราได้ร่วมจัดการกับทรราชผู้นั้นได้หรือไม่”“ท่านแม่ทัพเล่า อยู่ที่ใด ปลอดภัยดีหรือไม่ ราชครูเฒ่านั่นบอกว่าเขาบาดเจ็บสาหัส หนีเข้าเมืองมา แต่ข้าสั่งคนของข้าให้เฝ้าดูอยู่ หากว่าพบ ให้พามาหาข้า แต่กลับไม่มีข่าวคราว”“ท่านแม่ทัพปลอดภัยดีขอรับ เข้าเมืองไปที่วังหลวงพร้อมกับข้า แล้วข้าจะอธิบายให้ท่านฟังเองขอรับ”“ได้สิ ไปกันเถอะ ยกทัพเข้าวังหลวง”“ยกทัพเข้าวังหลวง”ทหารฟังคำสั่ง ก่อนจะนำทัพทั้งหมดกลับเข้าวังหลวง อากวงให้คนไปส่งข่าวราชครูว่าเขาสามารถชนะทัพหลวงได้ ก่อนจะเข้าประตูเมืองไปพร้อมกับแม่ทัพรุ่ยชิง“ซูเย่ ข้าจะออกแยกตัวไปตร
“ฝ่าบาท พระองค์มาที่นี่ได้เช่นไร”“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงเลอะเลือนเช่นนี้ไปได้ ท่านยังคิดว่าข้ารู้มิทันความคิดท่านอยู่หรือ”“พวกเจ้า บังอาจวางแผนลอบกัดข้า”“เป็นท่านที่ละโมบในอำนาจ อยากได้ในสิ่งที่มิคู่ควร เรามิอาจเก็บท่านเอาไว้ข้างกายได้อีก ราชครู วันนี้ท่านก็จงรับโทษตามที่ท่านได้ก่อเอาไว้เถิด”“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าจะจนมุม พามันออกมา”ทหารที่เตรียมล้อมจับอยู่ ยังคงมิกล้าทำสิ่งใด เมื่อมู่หลงฟู่สั่งให้พวกเขาหยุดก่อน เขานำคนผู้หนึ่ง ซึ่งถูกถุงคลุม ก่อนจะนำมายืนอยู่ตรงหน้าเขา“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าเป็นผู้ใด มู่หลงฟู่”มู่หลงฟู่ใจหายวาบ เขารู้สึกไม่ดี แต่นางจะมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร อย่าบอกว่านางขัดคำสั่งเขาออกมาอีกแล้ว“หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่านางทันที เจ้าลองหรือไม่ล่ะ”“อย่านะ!!”“ฮ่าๆๆๆ มู่หลงฟู่ ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าไม่กล้า เอาแบบนี้ ข้าจะให้เจ้าดู หากเจ้ายังตัดสินใจอยู่ ข้าก็จะนับไปเรื่อยๆ เอาล่ะนะ นิ้วก้อยก่อน เป็นไร”""เจ้าราชครูชั่ว ต่ำทราม นี่เจ้ากล้ารังแกสตรีอย่างนั้นหรือ เจ้ามันมิใช่คน สารเลว"“โอ้ อย่าพึ่งโกรธๆ จุ๊ จุ๊ ข้ากำลังจะมอบของขวัญให้เจ้า รอเดี๋ยว เอาดาบมา มา
มู่หลงฟู่พาเจ้าซูเย่เดินเข้าไปในท้องพระโรง ก่อนที่จะได้พบกับอากวง แม่ทัพสี่จตุรทิศ เหล่าบรรดาขุนนางหลายคนที่ถูกเรียกเข้ามา บรรดาขุนนางต่างพากันจ้องมองสตรีที่แม่ทัพหนุ่มพาเดินเข้ามาถึงท้องพระโรง ก่อนที่นางจะคุกเข่า“หม่อมฉัน เจ้าซูเย่ ถวายบังคมฝ่าบาท”“นำเก้าอี้ให้นางนั่ง”เหล่าขุนนางต่างรู้สึกแปลกใจ นางได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกัน“เอาล่ะ พาตัวนักโทษเข้ามา”ฝ่าบาทบอกให้กงกงบอกให้ทหารราชองครักษ์พาราชครู ที่ปรึกษา และผังอี้เหมยเดินเข้ามาที่ท้องพระโรง พวกเขาถูกมัดเอาไว้ก่อนจะถูกบังคับให้คุกเข่า ราชครูเฒ่านั้นมิได้มีท่าทีสำนึกผิดสักนิด ที่ปรึกษาของเขาเอาแต่ก้มหน้า มิกล้ามองขึ้นมา ผังอี้เหมยตอนนี้เริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะมองมาที่เจ้าซูเย่ด้วยสายตาที่แสนจะเกลียดชัง“ราชครูผังเจิน เจ้าคิดทรยศต่อบ้านเมือง ปลุกปั่นใส่ร้ายแม่ทัพมู่ สั่งกักขังเรา เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ต้าซ่ง ความผิดนี้เจ้ายอมรับหรือไม่”“หึ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ฝ่าบาท จะทำสิ่งใดก็ทำเถิด”“ราชครู ท่านยังจำกบฏหย่งตูได้หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าคิดสร้างกบฏขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกดินแดน สั่งให้กบฏชั่วลอบสังหารบิดาข
สองวันถัดมาอาการแพ้ท้องแทนฮูหยินของท่านโหวยังคงมีเรื่อย ๆ และเริ่มเบาบางลงในวันที่สาม ก่อนที่เขาจะบอกให้ฮูหยินเตรียมตัวออกจากจวน“ท่านจะพาข้าไปที่ใดเจ้าคะ”“ไม่ไกลหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากให้เจ้านั่งรถม้าสักเท่าใดนักหรอก”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนและมุ่งหน้าตรงไปทางวังหลวง และเลี้ยวไปยังจวนของพี่ใหญ่สกุลจิน“ทางนี้ ไปบ้านพี่ใหญ่นี่เจ้าคะ หรือว่าท่านจะพาข้ามาเยี่ยมหลานงั้นหรือเจ้าคะ ท่านพี่ ท่านอยากลองเลี้ยงลูกดูหรือเจ้าคะ”“นานแล้วที่เจ้าไม่ได้เจอพี่ใหญ่นี่นา ตั้งแต่วันงานแต่ง เจ้าก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะเรากลับหย่งตูเสียก่อน พอกลับมาก็ต้องดูแลข้าที่เป็นแบบนี้อีก”“มันเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้วนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ”รถม้าเคลื่อนตัวจนถึงหน้าจวนสกุลจิน ก่อนที่กงเซียวจะเดินลงมาเปิดประตูให้พวกเขาเดินลงไป มู่หลงฟู่เดินลงไป ก่อนจะไปรอรับซู่เย่ที่ด้านล่างเพื่อรับนางลงมาและทั้งหมดก็เดินเข้าไปในจวน“ซู่เย่ เจ้ามาแล้ว ฮูหยินน น้องสามมาแล้ว เอาน้ำชามาเร็ว มาๆ นั่งก่อน ให้ข้าตรวจครรภ์เจ้าหน่อย”“พี่ใหญ่ นี่ท่านพี่ส่งข่าวมาบอกท่านเร็วขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ”“แน่นอนสิ เ
“ฮูหยิน ข้างหน้านี้แหละ”“ท่านพี่ ถึงแล้วหรือเจ้าคะ”พวกเขาเดินขึ้นเขาเพื่อมาไหว้หลุมศพของสกุลจิน ซู่เย่พึ่งจะเคยมากราบท่านพ่อ หลังจากเกิดเรื่องที่สกุลจินเมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อมาถึง นางคุกเข่าลงก่อนจะกราบคำนับป้ายหลุมศพสีขาวที่พี่ใหญ่ของนางกับสามีนางจัดการทำให้คหบดีที่ยิ่งใหญ่ของหย่งตูเพื่อนาง“ท่านพ่อ พี่รอง ข้ามาหาพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อบอกว่าคนชั่วที่ทำร้ายพวกเรา ได้ถูกลงโทษไปแล้ว พวกเขาได้รับผลกรรมจากการกระทำชั่วของพวกเขาไปแล้ว หลังจากนี้ พวกท่านอย่าได้มีห่วงอันใดอีกเลยเจ้าค่ะ”นางกราบหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและพบว่ามีดอกไม้ที่มาวางเอาไว้ เหมือนกับว่าจะถูกวางก่อนหน้าที่นางจะมาเพียงไม่นาน ทำให้ซู่เย่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าผู้ใดกันที่มากราบไหว้หลุมศพพวกเขา เมื่อนางมองไปรอบๆก็พบว่าบริเวณโดยรอบมีการดูแลรักษาอย่างดี หญ้าและสิ่งสกปรกล้วนไม่มี“ท่านพี่เจ้าคะ”“ว่าอย่างไรหรือฮูหยิน เจ้ารู้สึกเหนื่อยงั้นหรือ นั่งพักสักครู่ เดี๋ยวข้าจะให้ชิงชิงเอาน้ำมาให้”“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ รอบๆหลุมศพนี้ เหมือนกับว่ามีผู้มาคอยดูแลตลอด ทั้งๆที่…”มู่หลงฟู่มองตามที่ฮูหยินของเขาพูด เขาก็พ
หลังจากศึกเมืองฉางอันเสร็จสิ้น และทรราชผังเจินถูกประหารชีวิตไปร่วมสองเดือน กำหนดการณ์งานสมรสของท่านโหวมู่หลงฟู่และจินซู่เย่จึงได้ออกมาแต่เนื่องจากมู่หลงฟู่ได้สูญเสียบิดาไปยังไม่ครบสามปี ยังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พวกเขาจึงมิอาจจัดงานมงคลที่เอิกเกริกได้ดังปกติทั่วไปงานสมรสของทั้งคู่จึงจัดเพียงยกน้ำชาให้มู่ฮูหยิน กราบศาลบรรพชนสกุลมู่ งานเลี้ยงเล็กๆภายในครอบครัว ส่งตัวเข้าหออย่างเรียบง่าย ซึ่งก็เป็นที่ถูกใจจินซู่เย่และมู่หลงฟู่เพราะทั้งคู่ก็มิได้ชอบงานที่ยิ่งใหญ่วุ่นวายมากนัก“แม่ขอให้พวกเจ้ารักกัน ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า หนักนิด เบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”""ขอบคุณท่านแม่""“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”ห้องส่งตัวมู่หลงฟู่ หลังจากเสร็จสิ้นการส่งแขกที่มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่กี่คน ก็เดินเข้ามายังห้องส่งตัว แม่สื่อที่รอบอกขั้นตอนและปิดประตูให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเขาเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาวของเขาก่อนจะตกตะลึงกับเจ้าสาวที่งดงามราวบุปผาที่บานสะพรั่ง เขาไม่เคยเห็นซู่เย่ที่แต่งหน้าจัดมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังงดงามม
เมื่อเขาควบม้ามาถึงหน้าจวนสกุลจิน เขาก็พบกับพ่อบ้าน ที่รีบวิ่งออกมาต้อนรับพวกเขา“พ่อบ้าน ข้าอยากจะขอพบท่านหญิงจินซู่เย่”“เรียนท่านโหว ท่านหญิงมิได้อยู่ที่จวนขอรับ”“แล้วนางไปที่ใดกัน”“คือว่านาง จะเดินทางกลับไปหย่งตูเลยออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไปแล้ว!!”“เอ่อ…ขอรับ ไปซื้อของเมื่อเช้ามืดขอรับ”เขาไม่ทันรอฟังให้จบ ก่อนจะควบม้าทะยานออกไป ก่อนที่จะหยุดที่ประตูเมือง“ซู่เย่ เหตุใดจึงทิ้งข้า ทำไมเจ้าถึงใจร้ายกับข้านัก”แม่ทัพหนุ่มกลับเข้ามาในจวนด้วยความหดหู่ ก่อนจะนั่งจิบสุราโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว มู่ฮูหยินเดินมาหาเขา ที่บัดนี้ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว“เหตุใดมาดื่มสุราอยู่ที่นี่ เจ้าไปหาซู่เย่มามิใช่หรือ ทำไม ทะเลาะกับนางมา หรือว่านางไล่เจ้ากลับมาอีกล่ะ”“แบบนั้นจะยังดีเสียกว่าขอรับ นี่นางเล่นหนีไปเลย”“หนีไป เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“นางหนีไปแล้ว นางทิ้งข้าไปแล้วขอรับท่านแม่”มู่ฮูหยินฟังเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง นางมองหน้าแม่นมหยุน นางเข้าใจในทันที ก่อนจะเดินออกไป“เจ้าใจเย็นๆ ก่อน บอกแม่มาสิ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางหนีไปแล้ว นางจะหนีไปไหนได้”“ข้าไปหานางเมื่อเช้านี้ขอรับ
วันรุ่งขึ้น นางนั่งรถม้าไปพร้อมกับมู่หลงฟู่ เมื่อคืนนี้กว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง นางรู้ว่าสามีนางนั้นเป็นทหารกล้าที่แข็งแรง แต่ไม่คิดว่าจะทำเอานางหมดแรงได้ขนาดนี้ นี่ขนาดนั่งรถม้ามาส่ง เขาก็จูบนางไม่หยุดตั้งแต่ออกจากจวนมา จนเกือบจะถึงจวนสกุลจิน“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ ข้ามิได้ดูทางเลย ท่านพี่ หยุดก่อน”“ไม่เอา เจ้าจะอยู่กับหมอจินกี่วันกี่คืน แล้วข้าจะนอนคนเดียวกี่คืน ซู่เย่ เรามาแค่เยี่ยมพวกเขา แล้วกลับเลยได้หรือไม่”“ท่านพี่ เราคุยกันแล้วนี่เจ้าคะ เหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก”“ก็ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้า ซู่เย่ ไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ กลับจวนเรากันเถิดนะ”“หากท่านยังพูดไม่หยุด ข้าจะอยู่จวนสกุลจินตลอดไป จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน”มู่หลงฟู่ยอมปล่อยนาง ก่อนที่จะหันมานั่งเฉยๆ ด้วยท่าทางไม่พอใจ ซู่เย่รู้สึกได้อิสระทันที กว่าเขาจะยอมปล่อยนางได้ พร้อมกับหันไปมองคนตัวโตที่นั่งไม่พอใจอยู่“โกรธหรือเจ้าคะ”“…..”“ท่านพี่”“ท่านแม่ทัพขอรับ ถึงจวนสกุลจินแล้วขอรับ”“ข้าไปนะเจ้าคะ ท่านพี่”นางหันไป แต่เขายังไม่มองกลับมา ก่อนที่นางจะเดินลงจากรถม้าเอง และก็เป็นเขาที่สั่งให้รถม้าออกตัวไปทันทีโดยที่ไม่ได้ลงมาส่
จวนสกุลมู่“น้องสาม ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที”“พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่า ท่านทราบมาโดยตลอด ว่าข้าอยู่ที่นี่”“ใช่ แม่ทัพมู่บอกข้าตั้งแต่หย่งตู วันที่ฝังโลงเปล่านั่นแล้ว ทำให้ข้ามีแรงจะกลับเมืองหลวง อย่างน้อยก็เพราะรู้ว่ามีเจ้าอยู่ มิเช่นนั้น ข้าเองก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”“พี่ใหญ่ ท่านมีครอบครัว มีลูกแล้ว เหตุใดท่าน…”“ก็เหมือนเจ้าหรือมิใช่ เจ้าเองก็เกือบจะฆ่าตัวตาย หากท่านแม่ทัพไม่ได้ช่วยเจ้าขึ้นมา”“นั่นแสดงว่าพวกท่าน รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วพวกท่านช่วยฮูหยินได้อย่างไรเจ้าคะ”ย้อนกลับไป….“ฮูหยินเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ”“อืม นี่ยาอะไร”“ท่านหมอเย่สั่งเอาไว้ให้ท่านดื่มเจ้าค่ะ”“ออ งั้นหรือ อ่อ เจ้าน่ะให้คนไปแจ้งท่านโหวด้วยก็แล้วกันว่าหมอเย่ออกไปที่ตลาด”ฮูหยินสั่งสาวใช้ที่ยกยามาให้ออกไปแจ้งคน ก่อนจะทำท่ายกยาดื่มให้สาวใช้คนนั้นเห็น“ฮูหยินเจ้าคะ นี่มัน…”“ไม่ผิดแน่ นางไม่อยากรอแล้ว นางอยากกำจัดข้า แต่เสียดายที่ใช้คนโง่”“ท่านพึ่งจะกินยาที่ท่านหมอเย่ต้มให้ แต่นางกลับมาช้า และไม่ทันได้มองถ้วยยาเดิม”“แม่นมหยุน ให้คนไปแจ้งอาฟู่ว่ามีคนพาซูเย่ออกไปแล้ว ให้รีบกลับจวน และเจ้าเก็บตัวอย่างนี้
“นางใช้อำนาจของท่านราชครู สั่งให้ใต้เท้าฉินกรมคลังมาพบ นางสืบรู้มาว่าใต้เท้าฉินมีใจชอบพอกับหมอหญิง จึงบอกให้เขาใส่ร้ายแม่่ทัพมู่ว่าหลอกนางมารักษาฮูหยินเพื่อจะแยกพวกเขา ใต้เท้าฉินจึงได้ถามเรื่องหย่งตู นางเลยใส่ร้ายว่าเพราะแม่ทัพมู่เป็นผู้บอกว่าสกุลจินช่วย อดีตคู่หมั้นของเขาจึงตาย เขาจึงแค้นใจ ทำให้นางช่วยเขาวางแผนให้พานางหนี ในวันที่ส่งคนของนางไปวางยามู่ฮูหยิน ที่ข้ารู้ ก็เพราะข้าเป็นผู้ให้ยากับสาวใช้ผู้นั้นไปเองขอรับ”“เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่อง ลอบกัดลูกสาวข้า เจ้ามันอกตัญญู”“หากนางคิดดีสักนิด ข้าจะไม่หักหลังพวกท่าน นางบอกจะส่งข้ากลับบ้านเกิด ให้ข้าได้พักผ่อน ที่ไหนได้ให้คนมาฆ่าปิดปาก ท่านแม่ทัพมู่ส่งคนมาช่วย ข้าจึงได้รอดมาถึงตอนนี้ พวกท่านมันชั่วช้าสารเลว เรื่องสั่งฆ่าแม่ทัพมู่ผู้พ่อ ก็เป็นท่านเพราะท่านไม่พอใจที่เขามักจะหักหน้าท่านกลางที่ประชุมราชสำนัก”“เจ้าสารเลววว!!”“หยุดนะ จับตัวผังเจินเอาไว้”มู่หลงฟู่หันมาที่จินซู่เย่ ที่แท้นางก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เขารู้ว่านางไม่เคยคิดร้ายกับท่านแม่ แค่เขาโมโห ที่วันนั้นที่นางออกจากจวนไปกับฉินเว่ยหยาง แต่เขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนของผังอี้เหม
มู่หลงฟู่พาเจ้าซูเย่เดินเข้าไปในท้องพระโรง ก่อนที่จะได้พบกับอากวง แม่ทัพสี่จตุรทิศ เหล่าบรรดาขุนนางหลายคนที่ถูกเรียกเข้ามา บรรดาขุนนางต่างพากันจ้องมองสตรีที่แม่ทัพหนุ่มพาเดินเข้ามาถึงท้องพระโรง ก่อนที่นางจะคุกเข่า“หม่อมฉัน เจ้าซูเย่ ถวายบังคมฝ่าบาท”“นำเก้าอี้ให้นางนั่ง”เหล่าขุนนางต่างรู้สึกแปลกใจ นางได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกัน“เอาล่ะ พาตัวนักโทษเข้ามา”ฝ่าบาทบอกให้กงกงบอกให้ทหารราชองครักษ์พาราชครู ที่ปรึกษา และผังอี้เหมยเดินเข้ามาที่ท้องพระโรง พวกเขาถูกมัดเอาไว้ก่อนจะถูกบังคับให้คุกเข่า ราชครูเฒ่านั้นมิได้มีท่าทีสำนึกผิดสักนิด ที่ปรึกษาของเขาเอาแต่ก้มหน้า มิกล้ามองขึ้นมา ผังอี้เหมยตอนนี้เริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะมองมาที่เจ้าซูเย่ด้วยสายตาที่แสนจะเกลียดชัง“ราชครูผังเจิน เจ้าคิดทรยศต่อบ้านเมือง ปลุกปั่นใส่ร้ายแม่ทัพมู่ สั่งกักขังเรา เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ต้าซ่ง ความผิดนี้เจ้ายอมรับหรือไม่”“หึ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ฝ่าบาท จะทำสิ่งใดก็ทำเถิด”“ราชครู ท่านยังจำกบฏหย่งตูได้หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าคิดสร้างกบฏขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกดินแดน สั่งให้กบฏชั่วลอบสังหารบิดาข
“ฝ่าบาท พระองค์มาที่นี่ได้เช่นไร”“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงเลอะเลือนเช่นนี้ไปได้ ท่านยังคิดว่าข้ารู้มิทันความคิดท่านอยู่หรือ”“พวกเจ้า บังอาจวางแผนลอบกัดข้า”“เป็นท่านที่ละโมบในอำนาจ อยากได้ในสิ่งที่มิคู่ควร เรามิอาจเก็บท่านเอาไว้ข้างกายได้อีก ราชครู วันนี้ท่านก็จงรับโทษตามที่ท่านได้ก่อเอาไว้เถิด”“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าจะจนมุม พามันออกมา”ทหารที่เตรียมล้อมจับอยู่ ยังคงมิกล้าทำสิ่งใด เมื่อมู่หลงฟู่สั่งให้พวกเขาหยุดก่อน เขานำคนผู้หนึ่ง ซึ่งถูกถุงคลุม ก่อนจะนำมายืนอยู่ตรงหน้าเขา“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าเป็นผู้ใด มู่หลงฟู่”มู่หลงฟู่ใจหายวาบ เขารู้สึกไม่ดี แต่นางจะมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร อย่าบอกว่านางขัดคำสั่งเขาออกมาอีกแล้ว“หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่านางทันที เจ้าลองหรือไม่ล่ะ”“อย่านะ!!”“ฮ่าๆๆๆ มู่หลงฟู่ ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าไม่กล้า เอาแบบนี้ ข้าจะให้เจ้าดู หากเจ้ายังตัดสินใจอยู่ ข้าก็จะนับไปเรื่อยๆ เอาล่ะนะ นิ้วก้อยก่อน เป็นไร”""เจ้าราชครูชั่ว ต่ำทราม นี่เจ้ากล้ารังแกสตรีอย่างนั้นหรือ เจ้ามันมิใช่คน สารเลว"“โอ้ อย่าพึ่งโกรธๆ จุ๊ จุ๊ ข้ากำลังจะมอบของขวัญให้เจ้า รอเดี๋ยว เอาดาบมา มา