เขาวางร่างบางลงที่ห้องนอน นางรีบหันและวิ่งไปที่ประตู เขาใช้มือปิดประตูเอาไว้ก่อนที่นางจะเปิดออก เขาพูดกับเรือนผมหอมที่หอมยั่วยวนของนาง และกระซิบที่ข้างหู“เจ้าคงไม่ลืมคำพูดของตัวเองใช่หรือไม่”เสียงของเขาทำเอานางขนลุกชูชันทั้งตัว ทั้งๆ ที่เขาพึ่งฉุดกระชากนางออกมาจากคุกนั่น แต่เหตุใดนางต้องหวั่นไหวกับเสียงของเขาตอนนี้ นึกแล้วแค้นใจตัวเองยิ่งงนัก“ขะ..ข้ามิได้ลืมเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่…อยากจะเตรียมตัว ข้ายังมิได้อาบน้ำ”เขาจับตัวนางหันมาเผชิญหน้ากับเขา พร้อมกับเริ่มถอดชุดขุนนางออก ก่อนจะบอกกับนางด้วยเสียงกระซิบ“พอดีเลย ข้าก็อยากอาบน้ำก่อน เจ้า ต้องเป็นคนอาบให้ข้า”“ตะ ..แต่ว่า..ข้าไม่เคย.”“เจ้าสร้างเงื่อนไขนี้ขึ้นมาเอง หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมนะ”“อุ๊ย ท่านแม่ทัพ อย่านะ ท่านจะทำอะไร คนหยาบคาย อย่านะ ไม่นะ ปล่อยข้านะ...”เขาดึงนางมาที่ห้องอาบน้ำส่วนตัวด้านหลัง บ่อหินที่ด้านหลังนี้ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม บ่อน้ำสำหรับอาบมีควันลอยขึ้นมา ไออุ่นจากน้ำและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาอ่อนๆ ต้องจมูกทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ภาพตรงหน้าช่างงดงาม หากแต่นางจะมิถูกบังคับมา“ถอดชุดให้ข้าสิ”นางค่อยๆ เดินมาแกะกระดุมให้เขา ล
นางเดินไปหาเขา ก่อนที่จะค่อยๆ ปลดเชือกที่รัดเอวออกด้วยมือที่สั่นเทา เขาดึงนางลงมาที่เตียงก่อนที่จะคร่อมตัวนางไว้“ทำไม แค่นี้ก็สั่นแล้วหรือ เจ้าก็รู้ดี เหตุใดจึงเลือกวิธีนี้ คงมิใช่ว่าเจ้าก็แอบมีใจให้ข้าหรอกนะซูเย่”หากว่านางเพียงยอมรับ ว่านางเองก็มีใจให้กับเขา เขาก็จะไม่บีบบังคับนาง และพร้อมรอให้นางเต็มใจที่จะมอบกายให้กับเขา เพราะการบีบบังคับเช่นนี้ มิใช่วิธีที่เขาชอบใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนาง“ท่านแม่ทัพคิดมากไปแล้ว ข้าพูดคำไหนคำนั้นเจ้าค่ะ”“เจ้ายอมรับว่าเจ้ายังรักคนแซ่ฉินนั่นอยู่ ถึงได้ช่วยเขาเช่นนั้นหรือ”“ท่านทำข้อตกลงกับข้าแล้ว หวังว่าท่านคงจะมิทำผิดคำพูดหรอกนะเจ้าคะ”“อวดดี”เขาระดมจูบไปทั่วทั้งคอของนาง ก่อนที่จะกระชากชุดของนางออก แต่นางยังคงกำมันเอาไว้แน่นเพราะความกลัวที่เขารุกอย่างรุนแรงจนนางตกใจ“ปล่อยมือ!!”“ไม่เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ ได้โปรดอย่ารุนแรง ข้ามิได้ตกลงเอาไว้เช่นนี้ อย่า…”“เหตุใดเจ้าจึงยอมเสียสละให้กับมัน เหตุใดจึงช่วยมัน”“ข้าแค่ไม่อยากติดค้างเขา เหมือนที่ไม่อยากติดค้างท่าน”“เพียงเท่านั้นหรือ มิใช่ว่าเจ้ายังไม่ลืมเขา แล้วจะหนีตามกันไปอย่างนั้นหรือ”“ในเมื่อท่านเ
สองร่างเปลือยก่ายกอดกันอยู่บนเตียงด้วยความอิดโรยจากสงครามรักบนเตียง ซูเย่ค่อยๆ กะพริบตาขึ้น นางก็พบว่าตัวหนักและไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ เพราะคนข้างๆ ได้เอามือและขาพาดนางเอาไว้….“อื้ออ หนัก…”“อยู่เฉยๆ”“ข้าต้องรีบกลับห้องเจ้าค่ะ”“ข้าบอกว่าให้อยู่เฉยๆ อย่างไรล่ะ เจ้าอยากถูกทำโทษหรือซูเย่”“ท่านแม่ทัพ เช้าแล้วนะเจ้าคะ”“อืม ข้าไม่รีบ วันนี้มิได้ไปไหน มีเวลาอยู่กับเจ้าทั้งวัน”“แต่ว่าข้า ต้องไปดูด้านนอก”“อืม บ่าวไพร่มากมาย ปล่อยพวกเข้าทำเถอะ”“ข้าหายใจไม่ออก ท่านเอาขาออกไปก่อนสิเจ้าคะ”“ก็ได้”เขาเอาขาออกตามที่นางบอก แต่กลับดึงตัวนางกระชับเข้ามากอดให้แน่นขึ้น“ซูเย่ เมื่อคืนเจ้า…”“หยุดนะเจ้าคะ หากท่านพูดอีก...”“งั้นข้าไม่พูดก็ได้”ปากของเขาเริ่มขยับจูบที่หลังเปลือยเปล่าผ่านเรือนผมที่หอมอ่อนๆ ของนาง ก่อนที่คนร่างเล็กในอ้อมกอดจะเริ่มดิ้นเพื่อขยับหนีสัมผัสที่ยั่วยวนนี้“อ๊ะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ นี่มันเช้าแล้ว เดี๋ยวมีคนได้ยิน อ๊ะ ไม่นะ หยุดเดี๋ยวนี้”นางกัดฟันกลั้นเสียงมิให้ลอดออกมาได้อย่างยากลำบาก เพราะบัดนี้เขารุกล้ำนางไม่หยุด ปากพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังจนนางรู้สึกวาบหวาม สัมผัสเมื่อคืนยั
มู่หลงฟู่ออกมาพร้อมกับชุดสีขาวไว้ทุกข์อย่างเรียบง่าย ก่อนจะมีบ่าวมาแจ้งว่า ท่านลุงซูอี้จวิน ที่เดินทางมาจากฉางอันเพื่อมาเคารพศพน้องสาว ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา“ท่านลุง ข้ามู่หลงฟู่ คำนับท่านลุงซู ท่านป้าซู”“ท่านโหว อย่าได้มากพิธี ข้าเสียใจด้วย ข้าพึ่งได้ข่าวว่าน้องข้าพึ่งจากไป ข้าพึ่งมารับตำแหน่งที่กรมโยธา เจ้าก็อย่าได้เศร้าโศกไปเลยนะหลานชาย”“ขอบคุณขอรับท่านลุง พวกท่านพึ่งจะมาที่เมืองหลวง แล้วมีที่พักกันหรือยังขอรับ”“พวกเราจะพักโรงเตี๊ยมนอกเมืองน่ะ ระหว่างรอจวนพระราชทานจัดการเสร็จ น่าจะมีเวลาอีกสี่ห้าวัน”“ขอรับท่านลุง”“ท่านโหว นี่ลูกสาวพวกข้า ซูเฟยเซียน ไม่รู้ว่าท่านยังจำได้หรือไม่”เขามองพินิจสตรีแรกรุ่นที่นั่งตรงหน้า ใบหน้างดงาม ที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่“คือข้า…เคยรู้จักแม่นางด้วยหรือ”“หลานชาย เจ้าเคยเจอนางสมัยเด็กๆ ตอนนั้นคงจะจำความไม่ได้น่ะ”“ก็เอาแบบนี้สิเจ้าคะ ไหนๆ ท่านโหวก็อยู่คนเดียวที่จวนนี้ อย่างไรพวกเราก็หมั่นมาเยี่ยม เฟยเซียน เจ้าทักทายพี่เขาสิ”สาวน้อยยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะลุกขึ้นมาคำนับเขาอย่างนอบน้อม“เฟยเซียนคารวะพี่มู่เจ้าค่ะ”“น้องเฟยเซียน ตามสบายเถิด ท่านลุงขอ
เขาเดินนำเจ้าซูเย่ไปที่เรือนรับรองแขก ก่อนที่ซูฮูหยินจะรีบจูงบุตรสาวออกมารับหน้าท่านโหวอย่างกระตือรือร้น“ท่านโหวมาแล้ว ขอบคุณมากเลยเจ้าค่ะ ที่จัดห้องพักให้พวกเราอย่างดี เซียนเอ๋อร์ ขอบคุณพี่เขาสิ”“อ่อ ไม่ต้องหรอก ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อมาสอบถามดูเท่านั้น”“ท่านโหว ข้ามัวแต่เก็บของอยู่ ขอโทษทีหลานชาย อ่าว ท่านพาผู้ใดมาด้วยงั้นหรือ”เขาจึงจูงมือซูเย่มา ก่อนที่เขาจะโอบเอวนาง และนางต้องรีบปัดออกอย่างจงใจ พวกสกุลซูทันเห็นพอดี เฟยเซียนเฝ้ามองตามด้วยสายตาที่หม่นลงนิดหน่อย ก่อนเขาจะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก“นางคือท่านหมอประจำตัวท่านแม่ข้า เจ้าซูเย่ขอรับท่านลุง ท่านป้า”“ซูเย่คารวะท่านซู ซูฮูหยิน”“อ้อ ที่แท้ก็แค่หมอหญิงประจำตัวนายหญิงคนก่อนนี่เอง….”มู่หลงฟู่หันมามองหน้าซูฮูหยินอย่างเอาเรื่อง ท่านลุงซูรู้ทันทีว่าฮูหยินของเขาปากเสียจนไปยุ่งกับผู้ที่ไม่ควรแตะต้องเข้าให้แล้ว ด้วยนิสัยหลานชายคนนี้ หากเขาไม่พอใจขึ้นมา อย่าว่าแต่ฮูหยินของเขาเลย หากเขาพอใจ เขาสามารถถอดตำแหน่งหัวหน้ากรมโยธาของซูอี้จวินได้เลยทีเดียว“ท่านหมอเจ้า ต้องขออภัยด้วย ตอนมาถึงพวกข้าไม่ทันได้เห็นท่าน มาทักทายช้าไปหน่อย”“ข้าต้องขอ
ซูฮูหยินหน้าชาไปกับคำพูดนี้ ตะเกียบในมือนางสั่น นางรู้แล้วว่าเหตุใดจึงมิควรไปพูดอะไรมิเหมาะสมกับท่านโหวผู้นี้ ที่แม้แต่องค์ฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจ ก่อนที่จะทานข้าวไปเงียบๆ สร้างความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้นบนโต๊ะอย่างเห็นได้ชัดซูเย่เองก็มิได้ตอบโต้สิ่งใด นางเพียงแค่กินของนางเงียบๆ นางชินแล้วกับฝีปากของมู่หลงฟู่ที่พร้อมตอกหน้ากับผู้ที่มายุ่งกับเรื่องในจวนของเขา เฟยเซียนเองเมื่อถูกมู่หลงฟู่ตำหนิเมื่อตอนบ่าย ก็มิกล้าที่จะลองดีอีก“ท่านลุงขอรับ พรุ่งนี้ท่านจะเข้าวัง ไปพร้อมกับข้าก็ได้นะขอรับ ข้ามีธุระพอดี”“อ้อ ได้สิท่านโหว ขอบคุณน้ำใจของท่านด้วย”“อ้อ แม่นางซู เจ้าลองชิมนี่ดูสิ แม่นมหยุนทำเพิ่มขึ้นมา ข้าชอบมากที่สุด”ซูเฟยเซียนยิ้มออกมาได้เมื่อเขาคีบอาหารให้นาง หมอเย่ที่มองเห็น นางรู้สึกว่ามีคนเอามีดมากรีดที่หัวใจนาง หากไม่เห็นคงจะดีกว่านี้มาก ก่อนที่ฮูหยินซูจะยิ้มออกและเริ่มพูดคุยอีกครั้ง“ดูสิ แค่ท่านโหวตักกับข้าวให้ เจ้าก็หน้าแดงเสียแล้ว เซียนเอ๋อร์ เจ้านี่นะ”เขาเหลือบมองไปที่หมอเย่ที่ยังกินข้าวอยู่ สายตาหม่นลงเล็กน้อยจนเขารู้สึกผิดในใจ ก่อนที่จะคีบให้นางด้วย“หมอเย่ กินเยอะๆ หน่อย ช่วงนี้
เขาปล่อยเชือกที่มัดนางออก ก่อนที่จะดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดทั้งๆ ที่ร่างกายทั้งคู่ยังคงประสานกันอยู่ นางไม่มีแรงเหลือที่จะต่อว่าเขาอีก ได้แต่ปล่อยให้เขาครอบครองนาง“ซูเย่ เหนื่อยหรือยัง”“ปล่อยข้าได้หรือยัง”“ข้าไม่มีวันปล่อยมือจากเจ้า ซูเย่ เหตุใดเราไม่หันมาคุยกันดีๆ”“ท่านแม่ทัพ ข้าในสายตาท่าน เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยในการตายของมู่ฮูหยินเท่านั้น”“แล้วข้าในสายตาของเจ้า คือใครผู้ใดกัน”เขาเริ่มเบียดกายเข้าไปอีกรอบ ทำให้นางเริ่มตอบสนอง ก่อนที่เขาจะเริ่มเร่งจังหวะ เขารู้ว่านางก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขานานแล้วมู่หลงฟู่มิใช่คนโง่ที่จะมองความรู้สึกของนางไม่ออก เพียงแค่นางปากแข็งเท่านั้น เขาจะค่อยๆ ปล่อยให้นางค่อยๆ ยอมรับออกมาเอง เขารอนางได้ทั้งชีวิตอยู่แล้ว“อ๊าา ท่านแม่ทัพ อ๊าาา ข้า ไม่ไหวแล้ว อ๊าา…”“ซูเย่ อาาาา พร้อมกันนะ อืมมมมม….อาาาา”ไม่รู้ว่าพวกเขาพากันแตะสวรรค์ไปกี่รอบแล้ว แต่ทว่าท่าทีของนางกลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาชอบช่วงเวลานี้ที่สุด เวลาที่นางไม่ดื้อ และเป็นคนดีอยู่ในอ้อมกอดของเขาเหมือนลูกแมวขี้อ้อนที่หมดแรง“ซูเย่ เจ้าหึงข้าใช่หรือไม่”“ท่านแม่ทัพ ข้า…”"เจ้ายอมรับมาเถิด เรื่องนี
ซูเย่ค่อย ๆ กะพริบตาขึ้น ก่อนที่นางจะพบว่าถูกร่างหนานั้นโอบกอดเอาไว้เช่นเดิมเหมือนเมื่อวานนี้ตอนตื่นนอน แต่หากว่าความรู้สึกนั้นช่างแตกต่างยิ่งนักนางหันไปมองเปลือกตาหนาที่ปิดสนิท ปลายจมูกโค้งเป็นสันที่น่าหลงใหลนั้น ก่อนจะแอบจับเบาๆ เรือนผมของเขาพาดลงมาถึงไหล่จนถึงแผงอกกว้างของเขา ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะเริ่มขยับตัว และตื่นมาพบกับรอยยิ้มของซูเย่ในอ้อมกอด“เจ้าตื่นเร็วจัง”“ท่านบอกว่าวันนี้จะเข้าวังนี่เจ้าคะ ข้าก็เลยว่าอีกสักพักจะปลุกท่านไปอาบน้ำ”“อืม ใช่ จริงด้วย ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปสะสางในวัง เริ่มไม่อยากไปเสียแล้วสิ ทำอย่างไรดี”แม่ทัพหนุ่มทำท่าทางอ้อนราวกับแมวพึ่งตื่นนอนและออดอ้อนเจ้าของ ก่อนที่มือของเขาจะเริ่มล้วงไปเรื่อยเปื่อยจนนางต้องตีที่แขนเขาจนเป็นรอย“โอ๊ย ซูเย่ เจ้าตีข้าทำไมกันน่ะ”“มือท่านก็อย่าซนสิเจ้าคะ ในเมื่อท่านตื่นแล้วก็รีบลุกไปอาบน้ำเจ้าค่ะ”“อาบด้วยกัน”“ไม่เจ้าค่ะ”“ซูเย่”“ไปอาบน้ำสิเจ้าคะ”“ไม่”“ท่านแม่ทัพเจ้าคะ อย่าทำตัวเป็นเด็กห้าขวบเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไปสายนะเจ้าคะใต้เท้าซูรอเข้าวังกับท่านนะ”“ก็แค่อยากอาบน้ำกับเจ้า ตอนนี้ก็ยังมิได้เช้ามากขนาดนั้น อาบสักครึ่ง
สองวันถัดมาอาการแพ้ท้องแทนฮูหยินของท่านโหวยังคงมีเรื่อย ๆ และเริ่มเบาบางลงในวันที่สาม ก่อนที่เขาจะบอกให้ฮูหยินเตรียมตัวออกจากจวน“ท่านจะพาข้าไปที่ใดเจ้าคะ”“ไม่ไกลหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากให้เจ้านั่งรถม้าสักเท่าใดนักหรอก”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนและมุ่งหน้าตรงไปทางวังหลวง และเลี้ยวไปยังจวนของพี่ใหญ่สกุลจิน“ทางนี้ ไปบ้านพี่ใหญ่นี่เจ้าคะ หรือว่าท่านจะพาข้ามาเยี่ยมหลานงั้นหรือเจ้าคะ ท่านพี่ ท่านอยากลองเลี้ยงลูกดูหรือเจ้าคะ”“นานแล้วที่เจ้าไม่ได้เจอพี่ใหญ่นี่นา ตั้งแต่วันงานแต่ง เจ้าก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะเรากลับหย่งตูเสียก่อน พอกลับมาก็ต้องดูแลข้าที่เป็นแบบนี้อีก”“มันเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้วนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ”รถม้าเคลื่อนตัวจนถึงหน้าจวนสกุลจิน ก่อนที่กงเซียวจะเดินลงมาเปิดประตูให้พวกเขาเดินลงไป มู่หลงฟู่เดินลงไป ก่อนจะไปรอรับซู่เย่ที่ด้านล่างเพื่อรับนางลงมาและทั้งหมดก็เดินเข้าไปในจวน“ซู่เย่ เจ้ามาแล้ว ฮูหยินน น้องสามมาแล้ว เอาน้ำชามาเร็ว มาๆ นั่งก่อน ให้ข้าตรวจครรภ์เจ้าหน่อย”“พี่ใหญ่ นี่ท่านพี่ส่งข่าวมาบอกท่านเร็วขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ”“แน่นอนสิ เ
“ฮูหยิน ข้างหน้านี้แหละ”“ท่านพี่ ถึงแล้วหรือเจ้าคะ”พวกเขาเดินขึ้นเขาเพื่อมาไหว้หลุมศพของสกุลจิน ซู่เย่พึ่งจะเคยมากราบท่านพ่อ หลังจากเกิดเรื่องที่สกุลจินเมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อมาถึง นางคุกเข่าลงก่อนจะกราบคำนับป้ายหลุมศพสีขาวที่พี่ใหญ่ของนางกับสามีนางจัดการทำให้คหบดีที่ยิ่งใหญ่ของหย่งตูเพื่อนาง“ท่านพ่อ พี่รอง ข้ามาหาพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อบอกว่าคนชั่วที่ทำร้ายพวกเรา ได้ถูกลงโทษไปแล้ว พวกเขาได้รับผลกรรมจากการกระทำชั่วของพวกเขาไปแล้ว หลังจากนี้ พวกท่านอย่าได้มีห่วงอันใดอีกเลยเจ้าค่ะ”นางกราบหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและพบว่ามีดอกไม้ที่มาวางเอาไว้ เหมือนกับว่าจะถูกวางก่อนหน้าที่นางจะมาเพียงไม่นาน ทำให้ซู่เย่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าผู้ใดกันที่มากราบไหว้หลุมศพพวกเขา เมื่อนางมองไปรอบๆก็พบว่าบริเวณโดยรอบมีการดูแลรักษาอย่างดี หญ้าและสิ่งสกปรกล้วนไม่มี“ท่านพี่เจ้าคะ”“ว่าอย่างไรหรือฮูหยิน เจ้ารู้สึกเหนื่อยงั้นหรือ นั่งพักสักครู่ เดี๋ยวข้าจะให้ชิงชิงเอาน้ำมาให้”“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ รอบๆหลุมศพนี้ เหมือนกับว่ามีผู้มาคอยดูแลตลอด ทั้งๆที่…”มู่หลงฟู่มองตามที่ฮูหยินของเขาพูด เขาก็พ
หลังจากศึกเมืองฉางอันเสร็จสิ้น และทรราชผังเจินถูกประหารชีวิตไปร่วมสองเดือน กำหนดการณ์งานสมรสของท่านโหวมู่หลงฟู่และจินซู่เย่จึงได้ออกมาแต่เนื่องจากมู่หลงฟู่ได้สูญเสียบิดาไปยังไม่ครบสามปี ยังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พวกเขาจึงมิอาจจัดงานมงคลที่เอิกเกริกได้ดังปกติทั่วไปงานสมรสของทั้งคู่จึงจัดเพียงยกน้ำชาให้มู่ฮูหยิน กราบศาลบรรพชนสกุลมู่ งานเลี้ยงเล็กๆภายในครอบครัว ส่งตัวเข้าหออย่างเรียบง่าย ซึ่งก็เป็นที่ถูกใจจินซู่เย่และมู่หลงฟู่เพราะทั้งคู่ก็มิได้ชอบงานที่ยิ่งใหญ่วุ่นวายมากนัก“แม่ขอให้พวกเจ้ารักกัน ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า หนักนิด เบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”""ขอบคุณท่านแม่""“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”ห้องส่งตัวมู่หลงฟู่ หลังจากเสร็จสิ้นการส่งแขกที่มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่กี่คน ก็เดินเข้ามายังห้องส่งตัว แม่สื่อที่รอบอกขั้นตอนและปิดประตูให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเขาเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาวของเขาก่อนจะตกตะลึงกับเจ้าสาวที่งดงามราวบุปผาที่บานสะพรั่ง เขาไม่เคยเห็นซู่เย่ที่แต่งหน้าจัดมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังงดงามม
เมื่อเขาควบม้ามาถึงหน้าจวนสกุลจิน เขาก็พบกับพ่อบ้าน ที่รีบวิ่งออกมาต้อนรับพวกเขา“พ่อบ้าน ข้าอยากจะขอพบท่านหญิงจินซู่เย่”“เรียนท่านโหว ท่านหญิงมิได้อยู่ที่จวนขอรับ”“แล้วนางไปที่ใดกัน”“คือว่านาง จะเดินทางกลับไปหย่งตูเลยออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไปแล้ว!!”“เอ่อ…ขอรับ ไปซื้อของเมื่อเช้ามืดขอรับ”เขาไม่ทันรอฟังให้จบ ก่อนจะควบม้าทะยานออกไป ก่อนที่จะหยุดที่ประตูเมือง“ซู่เย่ เหตุใดจึงทิ้งข้า ทำไมเจ้าถึงใจร้ายกับข้านัก”แม่ทัพหนุ่มกลับเข้ามาในจวนด้วยความหดหู่ ก่อนจะนั่งจิบสุราโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว มู่ฮูหยินเดินมาหาเขา ที่บัดนี้ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว“เหตุใดมาดื่มสุราอยู่ที่นี่ เจ้าไปหาซู่เย่มามิใช่หรือ ทำไม ทะเลาะกับนางมา หรือว่านางไล่เจ้ากลับมาอีกล่ะ”“แบบนั้นจะยังดีเสียกว่าขอรับ นี่นางเล่นหนีไปเลย”“หนีไป เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“นางหนีไปแล้ว นางทิ้งข้าไปแล้วขอรับท่านแม่”มู่ฮูหยินฟังเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง นางมองหน้าแม่นมหยุน นางเข้าใจในทันที ก่อนจะเดินออกไป“เจ้าใจเย็นๆ ก่อน บอกแม่มาสิ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางหนีไปแล้ว นางจะหนีไปไหนได้”“ข้าไปหานางเมื่อเช้านี้ขอรับ
วันรุ่งขึ้น นางนั่งรถม้าไปพร้อมกับมู่หลงฟู่ เมื่อคืนนี้กว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง นางรู้ว่าสามีนางนั้นเป็นทหารกล้าที่แข็งแรง แต่ไม่คิดว่าจะทำเอานางหมดแรงได้ขนาดนี้ นี่ขนาดนั่งรถม้ามาส่ง เขาก็จูบนางไม่หยุดตั้งแต่ออกจากจวนมา จนเกือบจะถึงจวนสกุลจิน“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ ข้ามิได้ดูทางเลย ท่านพี่ หยุดก่อน”“ไม่เอา เจ้าจะอยู่กับหมอจินกี่วันกี่คืน แล้วข้าจะนอนคนเดียวกี่คืน ซู่เย่ เรามาแค่เยี่ยมพวกเขา แล้วกลับเลยได้หรือไม่”“ท่านพี่ เราคุยกันแล้วนี่เจ้าคะ เหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก”“ก็ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้า ซู่เย่ ไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ กลับจวนเรากันเถิดนะ”“หากท่านยังพูดไม่หยุด ข้าจะอยู่จวนสกุลจินตลอดไป จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน”มู่หลงฟู่ยอมปล่อยนาง ก่อนที่จะหันมานั่งเฉยๆ ด้วยท่าทางไม่พอใจ ซู่เย่รู้สึกได้อิสระทันที กว่าเขาจะยอมปล่อยนางได้ พร้อมกับหันไปมองคนตัวโตที่นั่งไม่พอใจอยู่“โกรธหรือเจ้าคะ”“…..”“ท่านพี่”“ท่านแม่ทัพขอรับ ถึงจวนสกุลจินแล้วขอรับ”“ข้าไปนะเจ้าคะ ท่านพี่”นางหันไป แต่เขายังไม่มองกลับมา ก่อนที่นางจะเดินลงจากรถม้าเอง และก็เป็นเขาที่สั่งให้รถม้าออกตัวไปทันทีโดยที่ไม่ได้ลงมาส่
จวนสกุลมู่“น้องสาม ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที”“พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่า ท่านทราบมาโดยตลอด ว่าข้าอยู่ที่นี่”“ใช่ แม่ทัพมู่บอกข้าตั้งแต่หย่งตู วันที่ฝังโลงเปล่านั่นแล้ว ทำให้ข้ามีแรงจะกลับเมืองหลวง อย่างน้อยก็เพราะรู้ว่ามีเจ้าอยู่ มิเช่นนั้น ข้าเองก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”“พี่ใหญ่ ท่านมีครอบครัว มีลูกแล้ว เหตุใดท่าน…”“ก็เหมือนเจ้าหรือมิใช่ เจ้าเองก็เกือบจะฆ่าตัวตาย หากท่านแม่ทัพไม่ได้ช่วยเจ้าขึ้นมา”“นั่นแสดงว่าพวกท่าน รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วพวกท่านช่วยฮูหยินได้อย่างไรเจ้าคะ”ย้อนกลับไป….“ฮูหยินเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ”“อืม นี่ยาอะไร”“ท่านหมอเย่สั่งเอาไว้ให้ท่านดื่มเจ้าค่ะ”“ออ งั้นหรือ อ่อ เจ้าน่ะให้คนไปแจ้งท่านโหวด้วยก็แล้วกันว่าหมอเย่ออกไปที่ตลาด”ฮูหยินสั่งสาวใช้ที่ยกยามาให้ออกไปแจ้งคน ก่อนจะทำท่ายกยาดื่มให้สาวใช้คนนั้นเห็น“ฮูหยินเจ้าคะ นี่มัน…”“ไม่ผิดแน่ นางไม่อยากรอแล้ว นางอยากกำจัดข้า แต่เสียดายที่ใช้คนโง่”“ท่านพึ่งจะกินยาที่ท่านหมอเย่ต้มให้ แต่นางกลับมาช้า และไม่ทันได้มองถ้วยยาเดิม”“แม่นมหยุน ให้คนไปแจ้งอาฟู่ว่ามีคนพาซูเย่ออกไปแล้ว ให้รีบกลับจวน และเจ้าเก็บตัวอย่างนี้
“นางใช้อำนาจของท่านราชครู สั่งให้ใต้เท้าฉินกรมคลังมาพบ นางสืบรู้มาว่าใต้เท้าฉินมีใจชอบพอกับหมอหญิง จึงบอกให้เขาใส่ร้ายแม่่ทัพมู่ว่าหลอกนางมารักษาฮูหยินเพื่อจะแยกพวกเขา ใต้เท้าฉินจึงได้ถามเรื่องหย่งตู นางเลยใส่ร้ายว่าเพราะแม่ทัพมู่เป็นผู้บอกว่าสกุลจินช่วย อดีตคู่หมั้นของเขาจึงตาย เขาจึงแค้นใจ ทำให้นางช่วยเขาวางแผนให้พานางหนี ในวันที่ส่งคนของนางไปวางยามู่ฮูหยิน ที่ข้ารู้ ก็เพราะข้าเป็นผู้ให้ยากับสาวใช้ผู้นั้นไปเองขอรับ”“เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่อง ลอบกัดลูกสาวข้า เจ้ามันอกตัญญู”“หากนางคิดดีสักนิด ข้าจะไม่หักหลังพวกท่าน นางบอกจะส่งข้ากลับบ้านเกิด ให้ข้าได้พักผ่อน ที่ไหนได้ให้คนมาฆ่าปิดปาก ท่านแม่ทัพมู่ส่งคนมาช่วย ข้าจึงได้รอดมาถึงตอนนี้ พวกท่านมันชั่วช้าสารเลว เรื่องสั่งฆ่าแม่ทัพมู่ผู้พ่อ ก็เป็นท่านเพราะท่านไม่พอใจที่เขามักจะหักหน้าท่านกลางที่ประชุมราชสำนัก”“เจ้าสารเลววว!!”“หยุดนะ จับตัวผังเจินเอาไว้”มู่หลงฟู่หันมาที่จินซู่เย่ ที่แท้นางก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เขารู้ว่านางไม่เคยคิดร้ายกับท่านแม่ แค่เขาโมโห ที่วันนั้นที่นางออกจากจวนไปกับฉินเว่ยหยาง แต่เขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนของผังอี้เหม
มู่หลงฟู่พาเจ้าซูเย่เดินเข้าไปในท้องพระโรง ก่อนที่จะได้พบกับอากวง แม่ทัพสี่จตุรทิศ เหล่าบรรดาขุนนางหลายคนที่ถูกเรียกเข้ามา บรรดาขุนนางต่างพากันจ้องมองสตรีที่แม่ทัพหนุ่มพาเดินเข้ามาถึงท้องพระโรง ก่อนที่นางจะคุกเข่า“หม่อมฉัน เจ้าซูเย่ ถวายบังคมฝ่าบาท”“นำเก้าอี้ให้นางนั่ง”เหล่าขุนนางต่างรู้สึกแปลกใจ นางได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกัน“เอาล่ะ พาตัวนักโทษเข้ามา”ฝ่าบาทบอกให้กงกงบอกให้ทหารราชองครักษ์พาราชครู ที่ปรึกษา และผังอี้เหมยเดินเข้ามาที่ท้องพระโรง พวกเขาถูกมัดเอาไว้ก่อนจะถูกบังคับให้คุกเข่า ราชครูเฒ่านั้นมิได้มีท่าทีสำนึกผิดสักนิด ที่ปรึกษาของเขาเอาแต่ก้มหน้า มิกล้ามองขึ้นมา ผังอี้เหมยตอนนี้เริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะมองมาที่เจ้าซูเย่ด้วยสายตาที่แสนจะเกลียดชัง“ราชครูผังเจิน เจ้าคิดทรยศต่อบ้านเมือง ปลุกปั่นใส่ร้ายแม่ทัพมู่ สั่งกักขังเรา เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ต้าซ่ง ความผิดนี้เจ้ายอมรับหรือไม่”“หึ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ฝ่าบาท จะทำสิ่งใดก็ทำเถิด”“ราชครู ท่านยังจำกบฏหย่งตูได้หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าคิดสร้างกบฏขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกดินแดน สั่งให้กบฏชั่วลอบสังหารบิดาข
“ฝ่าบาท พระองค์มาที่นี่ได้เช่นไร”“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงเลอะเลือนเช่นนี้ไปได้ ท่านยังคิดว่าข้ารู้มิทันความคิดท่านอยู่หรือ”“พวกเจ้า บังอาจวางแผนลอบกัดข้า”“เป็นท่านที่ละโมบในอำนาจ อยากได้ในสิ่งที่มิคู่ควร เรามิอาจเก็บท่านเอาไว้ข้างกายได้อีก ราชครู วันนี้ท่านก็จงรับโทษตามที่ท่านได้ก่อเอาไว้เถิด”“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าจะจนมุม พามันออกมา”ทหารที่เตรียมล้อมจับอยู่ ยังคงมิกล้าทำสิ่งใด เมื่อมู่หลงฟู่สั่งให้พวกเขาหยุดก่อน เขานำคนผู้หนึ่ง ซึ่งถูกถุงคลุม ก่อนจะนำมายืนอยู่ตรงหน้าเขา“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าเป็นผู้ใด มู่หลงฟู่”มู่หลงฟู่ใจหายวาบ เขารู้สึกไม่ดี แต่นางจะมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร อย่าบอกว่านางขัดคำสั่งเขาออกมาอีกแล้ว“หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่านางทันที เจ้าลองหรือไม่ล่ะ”“อย่านะ!!”“ฮ่าๆๆๆ มู่หลงฟู่ ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าไม่กล้า เอาแบบนี้ ข้าจะให้เจ้าดู หากเจ้ายังตัดสินใจอยู่ ข้าก็จะนับไปเรื่อยๆ เอาล่ะนะ นิ้วก้อยก่อน เป็นไร”""เจ้าราชครูชั่ว ต่ำทราม นี่เจ้ากล้ารังแกสตรีอย่างนั้นหรือ เจ้ามันมิใช่คน สารเลว"“โอ้ อย่าพึ่งโกรธๆ จุ๊ จุ๊ ข้ากำลังจะมอบของขวัญให้เจ้า รอเดี๋ยว เอาดาบมา มา