“หมอเย่ ไม่ระวังเลยนะ มาเถอะ ข้าจะดูแผลให้เจ้า”“ท่านแม่ทัพ ปล่อยข้านะ ข้าไม่ได้หกล้มเสียหน่อย ข้าก็แค่”สายตาของเขาจ้องนางกลับมา ทำเอาผู้ที่ถูกจ้อง มิกล้าถกเถียงอีก ก่อนที่เขาจะพานางขึ้นไปบนรถม้าและวางนางที่เตียงนุ่มในรถม้านั่น“ข้าอยากเปิดหน้าต่าง”“แต่ข้าไม่ชอบเปิด”“ท่านแม่ทัพ ขาข้ามิได้ปวดมาก ถ้าอย่างไร เรารีบตามฮูหยินไปดีกว่า”นางลุกขึ้นเพื่อจะออกไป แต่ถูกเขารวบตัวเอาไว้ก่อนจะดึงนางเข้ามาและล้มลงบนเตียงในรถม้า ปลายจมูกที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม เสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่กระทบกัน ก่อนที่เขาจะก้มลงไป ซูเย่ก็รีบเบี่ยงตัวหลบออกมา“ท่านแม่ทัพ ขออภัย แต่ข้าไม่เป็นจริงๆ ข้าขอตัว...”“ซูเย่ ข้าขอโทษ …”นางชะงัก ก่อนที่เขาจะดึงนางลงมานั่งใกล้ๆ เขา นางขยับออกมา แต่เขาก็ขยับจนชิดนางจนนางหนีไปไหนไม่ได้อีก“ท่าน ช่วยขยับออกไปก่อน”“เจ้าก็ต้องบอกข้าก่อนว่าจะไม่หนีออกไปจนกว่าเราจะคุยกันจบ”“ข้า…ข้ารับปาก”เขาขยับออกมาห่างจากนางตามตกลง ก่อนที่จะหันไปมองหน้านาง ที่แดงราวกับมะเขือเทศ“ซูเย่ ข้าขอโทษ ที่เมื่อคืน ข้าพูดจาไม่ดี แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ข้าพูดเพราะความโมโห เจ้าก็รู้ว่าข้า…”“ข้ารับ
“กรี๊ดดดดดดด…..นังสารเลว ชาติชั่ว กล้าดีอย่างไร เอาน้ำล้างเท้าโสโครกนี่มาสาดใส่ข้า นังไพร่ สถุน ต่ำช้าที่สุด”“แม่นางผัง หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!!”ผังอี้เหมยหันไปมองมู่หลงฟู่ สลับกับหมอเย่ ก่อนที่นางจะทนไม่ไหว“ท่านโหว เหตุใดท่านจึงลำเอียง ท่านจะเห็นแก่คนในจวนแล้วกลั่นแกล้งข้าเช่นนั้นหรือ”“ข้าถามว่า ผู้ใดลงมือก่อน พูด!!”“เรียนท่านโหว พวกข้าพึ่งเก็บของออกมาจากห้องฮูหยินกับท่านหมอ เดินมาก็เจอแม่นางผู้นี้มาขวางทางและบังคับให้เราทำความเคารพนางเจ้าค่ะ ก่อนที่นางจะตบท่านหมอ เพราะท่านหมอ…”“ข้าบอกว่า ข้าไม่เคารพผู้ที่ไร้มารยาท ดูถูกผู้อื่น เมื่อไม่ให้เกียรติผู้อื่นก่อน ข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะก้มหัวให้คนเช่นนี้”“เจ้าค่ะ แม่นางผังก็เลยลงมือกับท่านหมอเจ้าค่ะ ท่านหมอก็เลยโต้ตอบ ตบนาง กับสาวใช้ของนาง ก่อนที่จะ…”เขาฟังแล้วอยากจะปรบมือดังๆ ให้กับซูเย่เหลือเกิน ช่างกล้าคิดกล้าทำยิ่งนัก กงจื่อและกงเซียวถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่ นั่นน้ำล้างเท้าเชียวนะ สมน้ำหน้าเหลือเกิน“แม่นางผัง เจ้าถือสิทธิ์อะไร มาสั่งให้คนจวนข้าทำความเคารพเจ้า มีสิทธิ์อะไรทำร้ายคนในจวนข้า ออกไปจากจวนข้าเดี๋ยวนี้ อย่าให้ข้าเห็น
ทหารล้อมพวกเขาเอาไว้รอบด้าน ด้วยความตกใจของเจ้าซูเย่ เหตุใดมู่หลงฟู่ถึงได้สั่งจับนาง หรือว่าเขาต้องการจับฉินเว่ยหยาง หรือว่าเพราะเขาคิดว่านางเต็มใจหนีมากับฉินเว่ยหยาง“ท่านแม่ทัพ ท่านสั่งจับพวกข้าด้วยสาเหตุใดกัน”เขาหันมามองหน้านาง สายตาของเขาที่มองมา ไม่เหมือนคนเดิมอีกต่อไป เป็นสายตาที่เย็นชา โหดเหี้ยม พร้อมจะฆ่าคนตรงหน้าได้ทันที เพียงแค่นางพูดอะไรผิดอีกนิดเดียว….“เจ้ายังกล้ามาถามข้าอีกอย่างนั้นหรือ แม่นางเจ้า นี่เจ้ายังไม่รู้ถึงความผิดของพวกเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ วางยาพิษแม่ข้าจนสิ้นใจ และหนีออกมากับคนรัก เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปหรือไม่ล่ะ!!”เจ้าซูเย่ตกใจแทบสิ้นสติ เขาว่าเช่นไรนะ เมื่อกี้เขาบอกว่า มู่ฮูหยิน ถูกวางยาพิษจนตายงั้นหรือ“ไม่ ไม่จริง ตอนข้าออกมา ฮูหยินยังดีๆ อยู่เลยเป็นไปได้เช่นไรกัน”“เจ้าก็ไปแก้ตัวกับนางเองเถอะ ส่วนเจ้า โทษที่พาคนร้ายหนี ข้าจะลงโทษเจ้าทีหลัง จับพวกมันไป”ทหารที่เหลือเข้ารวบตัวนางและเว่ยหยางทันที ซูเย่ถูกล้อม แต่ผู้ที่มาจับนางคือกงจื่อ เขาแค่มัดข้อมือของนาง ก่อนจะพานางขึ้นรถม้าและพากลับ ส่วนเว่ยหยางให้นั่งม้าอีกตัวพร้อมกับทหารคุมตัวไปที่คุกของสกุลมู
“คำพูดข้า ข้าย่อมจำได้ หากท่านจะยอมตกลง ข้าก็จะรับปากกับท่าน ตามที่ข้าเคยให้สัญญาไว้”สายตานางที่มองมาที่เขา มุ่งมั่นไม่หวั่นไหว มีเพียงหัวใจนางเท่านั้นที่เริ่มเจ็บช้ำจากการไม่ได้รับความเชื่อใจจากเขา“ท่านแม่ทัพ…ได้โปรดเชื่อข้า”“ก็ได้ ข้าจะไว้ชีวิตเขา แต่เจ้าจงอย่าลืมสิ่งที่เจ้าพูดในวันนี้เสียล่ะ”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”เขาเดินออกจากห้องนางไป ก่อนที่จะกลับไปยังห้องหนังสือ นางยอมทำข้อแลกเปลี่ยนนี้เพื่อแลกกับชีวิตของชายผู้นั้นนี่นางยังลืมคู่หมั้นเก่านางไม่ได้อย่างนั้นหรือ นางยังรักคนสกุลฉินนั่นอยู่ แล้วเขาควรจะทำเช่นไร สวมบทผู้ร้าย พรากคู่รักออกจากกันแล้วแย่งชิงนาง ครอบครองนางเสียหรือเป็นบุรุษผู้สูงส่ง ปล่อยคนรักของนาง และส่งคนที่ตัวเองรักไปให้ชายอีกคน จิตใจเขามันคับแคบมากเกินไป มันเอนเอียงไปที่คำสั่งแรกโดยไม่คิดเลย“หากเขาไม่สารภาพออกมา อย่าหาว่าข้าโหดร้ายกับพวกเจ้า”ผังอี้เหมยเดินทางมาเพื่อเคารพศพของมู่ฮูหยินที่จวน นางแสร้งเดินร้องไห้จนตาบวมเข้ามาอย่างโศกเศร้า ก่อนจะพบกับเจ้าซูเย่ที่นั่งคุกเข่าเพื่อเผากระดาษอยู่ข้างๆนางไม่ได้รับรู้เสียด้วยซ้ำว่ามีผู้ใดมา นางแสร้งร้องไห้หนักขึ้น ก่อนจะ
มู่หลงฟู่ค่อยๆ วางร่างบางในอ้อมแขนลงอย่างเบามือ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นกระโปรงของนางที่เปื้อนเลือดของผังอี้เหมย เมื่อชิงชิงเดินเข้ามา เขาจึงรีบสั่งการ“ชิงชิง เจ้าช่วยเปลี่ยนชุดให้นางที แล้วเอาชุดนี้ไปเผาทิ้งเสีย ชุดนี้เปื้อนเลือดชั่วของสตรีสกุลผังคนนั้น ข้าไม่อยากเห็น”“ได้เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ”เขาเดินออกมา ทิ้งให้ชิงชิงเป็นผู้ดูแลต่อ เขานั่งรออยู่หน้าห้องเกือบหนึ่งชั่วยาม กว่าที่ชิงชิงจะออกมา“ท่านแม่ทัพข้าเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนูแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะเอาของไปเก็บก่อนและจะกลับมาทายาให้เจ้าค่ะ”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าทำเอง เจ้าไปทำธุระอย่างอื่นเถิด”“เจ้าค่ะ”เขาเดินเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตู และเดินเข้าไปที่เตียงอย่างช้าๆ ซูเย่ที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางขาวซีดราวกระดาษกำลังหลับสนิท อาจจะเพราะความเหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลียก็มิอาจคาดเดาได้ แต่หลายวันมานี้ เหมือนว่านางจะพบเจอหลายเรื่องที่กระทบจิตใจนางอย่างรุนแรง ไม่ต่างกับเขา…..“เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้จักปกป้องตัวเอง”เขามองรอยช้ำและรอยเล็บจิกที่คอของนางที่เป็นรอยจ้ำแดงๆ และรอยเล็บ ก่อนที่จะค่อยๆ ทายาให้นางอย่างเบามือ ก่อนที่นางจะตกใจต
ขุนนางในท้องพระโรงถึงจั้นตกใจ มองหน้าท่านโหวอย่างคาดไม่ถึง แม้แต่ฝ่าบาทที่เอาแต่กุมขมับเพราะความเบื่อหน่ายยังต้องหันมามองเขาอย่างนึกแปลกใจ“ท่านโหวมู่ นี่ท่านกำลังจะบอกอะไรเรา”“ข้าบอกว่า ข้าจะยอมแต่งงานกับบุตรสาวท่านราชครูก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"เหล่าบรรดาขุนนางต่างส่ายหัว นึกเสียดายหากว่าแม่ทัพมู่จะเลือกแต่งกับสตรีเช่นบุตรสาวของราชครูเฒ่า แต่บางคนก็คิดว่านี่คงเป็นการรวมอำนาจของพวกเขา และบางคนก็คิดว่าท่านโหวมู่ น่าจะอยากรับผิดชอบนางเท่านั้น“ท่านโหว เรื่องการแต่งงานพูดเล่นมิได้ หากเราออกราชโองการไป ก็จะมิมีทางยกเลิกได้แล้ว เหตุใดเจ้า…”"ข้าพระองค์ยังพูดไม่จบพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมจะยอมแต่งกับนาง หากว่านาง สามารถทำตามเงื่อนไขสามข้อ”เหล่าบรรดาขุนนางต่างมองไปที่ท่านโหวหนุ่ม นึกแปลกใจในเรื่องที่เขาพูดมา นี่เขากล้ายื่นเงื่อนไขนี้ให้กับท่านราชครูเชียวหรือ แต่สิ่งที่พวกเขาอยากรู้มากกว่านั้นคือเงื่อนไขสามข้อนั่นต่างหาก“เจ้ามีเงื่อนไขอะไร ต้องการสิ่งใด ข้าผู้เป็นราชครู รับปากเจ้าได้หมด ท่านโหวจงกล่าวมาเถิด"เขายิ้มเหยียดที่มุมปาก หันไปมองราชครูเฒ่าด้วยหางตาอย่างนึกรังเกียจ หลายคนที่มองเห็นสายตานั้
เรื่องราวในที่ประชุมในวันนี้ คงเป็นที่ขบขันของบรรดาขุนนางในราชสำนักไปอีกหลายวันเลยทีเดียว ราชครูเฒ่าถูกหักหน้ากลางที่ประชุม เล่นงานผิดคน จนตัวเองเดือดร้อน กล้าเรียกร้องให้เขารับผิดชอบลูกสาวตัวเอง แต่พอตั้งเงื่อนไขสามข้อ กลับทำให้รู้ข้อบกพร่องของบุตรสาวที่ฉาวโฉ่ทั่วเมืองหลวงของเขาเสียเอง….“เราว่า เขามิน่าหยุดเพียงเท่านี้ ราชครูผู้นี้ ดูเหมือนโง่ ขี้โวยวาย แต่หากทำการใหญ่ เขาก็จัดการได้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน โชคดีเหลือเกินที่เจ้ามิได้นิยมชมชอบบุตรีของเขา มิเช่นนั้น อำนาจในมือเรา คงเหลือแค่ส่วนเดียว”“ฝ่าบาท ข้าพระองค์มิคิดเป็นอื่น มิมีทางหักหลังฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“อาฟู่ เจ้ากับเราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เจ้านิสัยใจคอเช่นไร เหตุใดเราจะไม่รู้ ว่าแต่ ผู้ที่ถูกบุตรีของราชครูนั่นทำร้าย ก็คือแม่นางน้อยจินผู้น่าสงสารนั่นใช่หรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าคิดว่าจะปิดเรื่องนี้กับเขาได้อีกนานเท่าใด เขามิอยู่เฉยแน่ ยิ่งวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาแค้นพวกเรายิ่งนัก ถึงแม้จะวางตัวเป็นที่ปรึกษาให้เรา แต่ในใจกลับคิดคดต่อราชอำนาจ หากเจ้ามิได้ส่งจดหมายลับนั่นมาเตือนเราก่อน ครั้งนั้น ข้าคงเสียเจ้าไปแล้ว”“ด้วยพระบา
เขาวางร่างบางลงที่ห้องนอน นางรีบหันและวิ่งไปที่ประตู เขาใช้มือปิดประตูเอาไว้ก่อนที่นางจะเปิดออก เขาพูดกับเรือนผมหอมที่หอมยั่วยวนของนาง และกระซิบที่ข้างหู“เจ้าคงไม่ลืมคำพูดของตัวเองใช่หรือไม่”เสียงของเขาทำเอานางขนลุกชูชันทั้งตัว ทั้งๆ ที่เขาพึ่งฉุดกระชากนางออกมาจากคุกนั่น แต่เหตุใดนางต้องหวั่นไหวกับเสียงของเขาตอนนี้ นึกแล้วแค้นใจตัวเองยิ่งงนัก“ขะ..ข้ามิได้ลืมเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่…อยากจะเตรียมตัว ข้ายังมิได้อาบน้ำ”เขาจับตัวนางหันมาเผชิญหน้ากับเขา พร้อมกับเริ่มถอดชุดขุนนางออก ก่อนจะบอกกับนางด้วยเสียงกระซิบ“พอดีเลย ข้าก็อยากอาบน้ำก่อน เจ้า ต้องเป็นคนอาบให้ข้า”“ตะ ..แต่ว่า..ข้าไม่เคย.”“เจ้าสร้างเงื่อนไขนี้ขึ้นมาเอง หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมนะ”“อุ๊ย ท่านแม่ทัพ อย่านะ ท่านจะทำอะไร คนหยาบคาย อย่านะ ไม่นะ ปล่อยข้านะ...”เขาดึงนางมาที่ห้องอาบน้ำส่วนตัวด้านหลัง บ่อหินที่ด้านหลังนี้ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม บ่อน้ำสำหรับอาบมีควันลอยขึ้นมา ไออุ่นจากน้ำและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาอ่อนๆ ต้องจมูกทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ภาพตรงหน้าช่างงดงาม หากแต่นางจะมิถูกบังคับมา“ถอดชุดให้ข้าสิ”นางค่อยๆ เดินมาแกะกระดุมให้เขา ล
สองวันถัดมาอาการแพ้ท้องแทนฮูหยินของท่านโหวยังคงมีเรื่อย ๆ และเริ่มเบาบางลงในวันที่สาม ก่อนที่เขาจะบอกให้ฮูหยินเตรียมตัวออกจากจวน“ท่านจะพาข้าไปที่ใดเจ้าคะ”“ไม่ไกลหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากให้เจ้านั่งรถม้าสักเท่าใดนักหรอก”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนและมุ่งหน้าตรงไปทางวังหลวง และเลี้ยวไปยังจวนของพี่ใหญ่สกุลจิน“ทางนี้ ไปบ้านพี่ใหญ่นี่เจ้าคะ หรือว่าท่านจะพาข้ามาเยี่ยมหลานงั้นหรือเจ้าคะ ท่านพี่ ท่านอยากลองเลี้ยงลูกดูหรือเจ้าคะ”“นานแล้วที่เจ้าไม่ได้เจอพี่ใหญ่นี่นา ตั้งแต่วันงานแต่ง เจ้าก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะเรากลับหย่งตูเสียก่อน พอกลับมาก็ต้องดูแลข้าที่เป็นแบบนี้อีก”“มันเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้วนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ”รถม้าเคลื่อนตัวจนถึงหน้าจวนสกุลจิน ก่อนที่กงเซียวจะเดินลงมาเปิดประตูให้พวกเขาเดินลงไป มู่หลงฟู่เดินลงไป ก่อนจะไปรอรับซู่เย่ที่ด้านล่างเพื่อรับนางลงมาและทั้งหมดก็เดินเข้าไปในจวน“ซู่เย่ เจ้ามาแล้ว ฮูหยินน น้องสามมาแล้ว เอาน้ำชามาเร็ว มาๆ นั่งก่อน ให้ข้าตรวจครรภ์เจ้าหน่อย”“พี่ใหญ่ นี่ท่านพี่ส่งข่าวมาบอกท่านเร็วขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ”“แน่นอนสิ เ
“ฮูหยิน ข้างหน้านี้แหละ”“ท่านพี่ ถึงแล้วหรือเจ้าคะ”พวกเขาเดินขึ้นเขาเพื่อมาไหว้หลุมศพของสกุลจิน ซู่เย่พึ่งจะเคยมากราบท่านพ่อ หลังจากเกิดเรื่องที่สกุลจินเมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อมาถึง นางคุกเข่าลงก่อนจะกราบคำนับป้ายหลุมศพสีขาวที่พี่ใหญ่ของนางกับสามีนางจัดการทำให้คหบดีที่ยิ่งใหญ่ของหย่งตูเพื่อนาง“ท่านพ่อ พี่รอง ข้ามาหาพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อบอกว่าคนชั่วที่ทำร้ายพวกเรา ได้ถูกลงโทษไปแล้ว พวกเขาได้รับผลกรรมจากการกระทำชั่วของพวกเขาไปแล้ว หลังจากนี้ พวกท่านอย่าได้มีห่วงอันใดอีกเลยเจ้าค่ะ”นางกราบหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและพบว่ามีดอกไม้ที่มาวางเอาไว้ เหมือนกับว่าจะถูกวางก่อนหน้าที่นางจะมาเพียงไม่นาน ทำให้ซู่เย่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าผู้ใดกันที่มากราบไหว้หลุมศพพวกเขา เมื่อนางมองไปรอบๆก็พบว่าบริเวณโดยรอบมีการดูแลรักษาอย่างดี หญ้าและสิ่งสกปรกล้วนไม่มี“ท่านพี่เจ้าคะ”“ว่าอย่างไรหรือฮูหยิน เจ้ารู้สึกเหนื่อยงั้นหรือ นั่งพักสักครู่ เดี๋ยวข้าจะให้ชิงชิงเอาน้ำมาให้”“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ รอบๆหลุมศพนี้ เหมือนกับว่ามีผู้มาคอยดูแลตลอด ทั้งๆที่…”มู่หลงฟู่มองตามที่ฮูหยินของเขาพูด เขาก็พ
หลังจากศึกเมืองฉางอันเสร็จสิ้น และทรราชผังเจินถูกประหารชีวิตไปร่วมสองเดือน กำหนดการณ์งานสมรสของท่านโหวมู่หลงฟู่และจินซู่เย่จึงได้ออกมาแต่เนื่องจากมู่หลงฟู่ได้สูญเสียบิดาไปยังไม่ครบสามปี ยังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พวกเขาจึงมิอาจจัดงานมงคลที่เอิกเกริกได้ดังปกติทั่วไปงานสมรสของทั้งคู่จึงจัดเพียงยกน้ำชาให้มู่ฮูหยิน กราบศาลบรรพชนสกุลมู่ งานเลี้ยงเล็กๆภายในครอบครัว ส่งตัวเข้าหออย่างเรียบง่าย ซึ่งก็เป็นที่ถูกใจจินซู่เย่และมู่หลงฟู่เพราะทั้งคู่ก็มิได้ชอบงานที่ยิ่งใหญ่วุ่นวายมากนัก“แม่ขอให้พวกเจ้ารักกัน ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า หนักนิด เบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”""ขอบคุณท่านแม่""“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”ห้องส่งตัวมู่หลงฟู่ หลังจากเสร็จสิ้นการส่งแขกที่มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่กี่คน ก็เดินเข้ามายังห้องส่งตัว แม่สื่อที่รอบอกขั้นตอนและปิดประตูให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเขาเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาวของเขาก่อนจะตกตะลึงกับเจ้าสาวที่งดงามราวบุปผาที่บานสะพรั่ง เขาไม่เคยเห็นซู่เย่ที่แต่งหน้าจัดมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังงดงามม
เมื่อเขาควบม้ามาถึงหน้าจวนสกุลจิน เขาก็พบกับพ่อบ้าน ที่รีบวิ่งออกมาต้อนรับพวกเขา“พ่อบ้าน ข้าอยากจะขอพบท่านหญิงจินซู่เย่”“เรียนท่านโหว ท่านหญิงมิได้อยู่ที่จวนขอรับ”“แล้วนางไปที่ใดกัน”“คือว่านาง จะเดินทางกลับไปหย่งตูเลยออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไปแล้ว!!”“เอ่อ…ขอรับ ไปซื้อของเมื่อเช้ามืดขอรับ”เขาไม่ทันรอฟังให้จบ ก่อนจะควบม้าทะยานออกไป ก่อนที่จะหยุดที่ประตูเมือง“ซู่เย่ เหตุใดจึงทิ้งข้า ทำไมเจ้าถึงใจร้ายกับข้านัก”แม่ทัพหนุ่มกลับเข้ามาในจวนด้วยความหดหู่ ก่อนจะนั่งจิบสุราโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว มู่ฮูหยินเดินมาหาเขา ที่บัดนี้ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว“เหตุใดมาดื่มสุราอยู่ที่นี่ เจ้าไปหาซู่เย่มามิใช่หรือ ทำไม ทะเลาะกับนางมา หรือว่านางไล่เจ้ากลับมาอีกล่ะ”“แบบนั้นจะยังดีเสียกว่าขอรับ นี่นางเล่นหนีไปเลย”“หนีไป เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“นางหนีไปแล้ว นางทิ้งข้าไปแล้วขอรับท่านแม่”มู่ฮูหยินฟังเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง นางมองหน้าแม่นมหยุน นางเข้าใจในทันที ก่อนจะเดินออกไป“เจ้าใจเย็นๆ ก่อน บอกแม่มาสิ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางหนีไปแล้ว นางจะหนีไปไหนได้”“ข้าไปหานางเมื่อเช้านี้ขอรับ
วันรุ่งขึ้น นางนั่งรถม้าไปพร้อมกับมู่หลงฟู่ เมื่อคืนนี้กว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง นางรู้ว่าสามีนางนั้นเป็นทหารกล้าที่แข็งแรง แต่ไม่คิดว่าจะทำเอานางหมดแรงได้ขนาดนี้ นี่ขนาดนั่งรถม้ามาส่ง เขาก็จูบนางไม่หยุดตั้งแต่ออกจากจวนมา จนเกือบจะถึงจวนสกุลจิน“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ ข้ามิได้ดูทางเลย ท่านพี่ หยุดก่อน”“ไม่เอา เจ้าจะอยู่กับหมอจินกี่วันกี่คืน แล้วข้าจะนอนคนเดียวกี่คืน ซู่เย่ เรามาแค่เยี่ยมพวกเขา แล้วกลับเลยได้หรือไม่”“ท่านพี่ เราคุยกันแล้วนี่เจ้าคะ เหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก”“ก็ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้า ซู่เย่ ไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ กลับจวนเรากันเถิดนะ”“หากท่านยังพูดไม่หยุด ข้าจะอยู่จวนสกุลจินตลอดไป จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน”มู่หลงฟู่ยอมปล่อยนาง ก่อนที่จะหันมานั่งเฉยๆ ด้วยท่าทางไม่พอใจ ซู่เย่รู้สึกได้อิสระทันที กว่าเขาจะยอมปล่อยนางได้ พร้อมกับหันไปมองคนตัวโตที่นั่งไม่พอใจอยู่“โกรธหรือเจ้าคะ”“…..”“ท่านพี่”“ท่านแม่ทัพขอรับ ถึงจวนสกุลจินแล้วขอรับ”“ข้าไปนะเจ้าคะ ท่านพี่”นางหันไป แต่เขายังไม่มองกลับมา ก่อนที่นางจะเดินลงจากรถม้าเอง และก็เป็นเขาที่สั่งให้รถม้าออกตัวไปทันทีโดยที่ไม่ได้ลงมาส่
จวนสกุลมู่“น้องสาม ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที”“พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่า ท่านทราบมาโดยตลอด ว่าข้าอยู่ที่นี่”“ใช่ แม่ทัพมู่บอกข้าตั้งแต่หย่งตู วันที่ฝังโลงเปล่านั่นแล้ว ทำให้ข้ามีแรงจะกลับเมืองหลวง อย่างน้อยก็เพราะรู้ว่ามีเจ้าอยู่ มิเช่นนั้น ข้าเองก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”“พี่ใหญ่ ท่านมีครอบครัว มีลูกแล้ว เหตุใดท่าน…”“ก็เหมือนเจ้าหรือมิใช่ เจ้าเองก็เกือบจะฆ่าตัวตาย หากท่านแม่ทัพไม่ได้ช่วยเจ้าขึ้นมา”“นั่นแสดงว่าพวกท่าน รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วพวกท่านช่วยฮูหยินได้อย่างไรเจ้าคะ”ย้อนกลับไป….“ฮูหยินเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ”“อืม นี่ยาอะไร”“ท่านหมอเย่สั่งเอาไว้ให้ท่านดื่มเจ้าค่ะ”“ออ งั้นหรือ อ่อ เจ้าน่ะให้คนไปแจ้งท่านโหวด้วยก็แล้วกันว่าหมอเย่ออกไปที่ตลาด”ฮูหยินสั่งสาวใช้ที่ยกยามาให้ออกไปแจ้งคน ก่อนจะทำท่ายกยาดื่มให้สาวใช้คนนั้นเห็น“ฮูหยินเจ้าคะ นี่มัน…”“ไม่ผิดแน่ นางไม่อยากรอแล้ว นางอยากกำจัดข้า แต่เสียดายที่ใช้คนโง่”“ท่านพึ่งจะกินยาที่ท่านหมอเย่ต้มให้ แต่นางกลับมาช้า และไม่ทันได้มองถ้วยยาเดิม”“แม่นมหยุน ให้คนไปแจ้งอาฟู่ว่ามีคนพาซูเย่ออกไปแล้ว ให้รีบกลับจวน และเจ้าเก็บตัวอย่างนี้
“นางใช้อำนาจของท่านราชครู สั่งให้ใต้เท้าฉินกรมคลังมาพบ นางสืบรู้มาว่าใต้เท้าฉินมีใจชอบพอกับหมอหญิง จึงบอกให้เขาใส่ร้ายแม่่ทัพมู่ว่าหลอกนางมารักษาฮูหยินเพื่อจะแยกพวกเขา ใต้เท้าฉินจึงได้ถามเรื่องหย่งตู นางเลยใส่ร้ายว่าเพราะแม่ทัพมู่เป็นผู้บอกว่าสกุลจินช่วย อดีตคู่หมั้นของเขาจึงตาย เขาจึงแค้นใจ ทำให้นางช่วยเขาวางแผนให้พานางหนี ในวันที่ส่งคนของนางไปวางยามู่ฮูหยิน ที่ข้ารู้ ก็เพราะข้าเป็นผู้ให้ยากับสาวใช้ผู้นั้นไปเองขอรับ”“เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่อง ลอบกัดลูกสาวข้า เจ้ามันอกตัญญู”“หากนางคิดดีสักนิด ข้าจะไม่หักหลังพวกท่าน นางบอกจะส่งข้ากลับบ้านเกิด ให้ข้าได้พักผ่อน ที่ไหนได้ให้คนมาฆ่าปิดปาก ท่านแม่ทัพมู่ส่งคนมาช่วย ข้าจึงได้รอดมาถึงตอนนี้ พวกท่านมันชั่วช้าสารเลว เรื่องสั่งฆ่าแม่ทัพมู่ผู้พ่อ ก็เป็นท่านเพราะท่านไม่พอใจที่เขามักจะหักหน้าท่านกลางที่ประชุมราชสำนัก”“เจ้าสารเลววว!!”“หยุดนะ จับตัวผังเจินเอาไว้”มู่หลงฟู่หันมาที่จินซู่เย่ ที่แท้นางก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เขารู้ว่านางไม่เคยคิดร้ายกับท่านแม่ แค่เขาโมโห ที่วันนั้นที่นางออกจากจวนไปกับฉินเว่ยหยาง แต่เขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนของผังอี้เหม
มู่หลงฟู่พาเจ้าซูเย่เดินเข้าไปในท้องพระโรง ก่อนที่จะได้พบกับอากวง แม่ทัพสี่จตุรทิศ เหล่าบรรดาขุนนางหลายคนที่ถูกเรียกเข้ามา บรรดาขุนนางต่างพากันจ้องมองสตรีที่แม่ทัพหนุ่มพาเดินเข้ามาถึงท้องพระโรง ก่อนที่นางจะคุกเข่า“หม่อมฉัน เจ้าซูเย่ ถวายบังคมฝ่าบาท”“นำเก้าอี้ให้นางนั่ง”เหล่าขุนนางต่างรู้สึกแปลกใจ นางได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกัน“เอาล่ะ พาตัวนักโทษเข้ามา”ฝ่าบาทบอกให้กงกงบอกให้ทหารราชองครักษ์พาราชครู ที่ปรึกษา และผังอี้เหมยเดินเข้ามาที่ท้องพระโรง พวกเขาถูกมัดเอาไว้ก่อนจะถูกบังคับให้คุกเข่า ราชครูเฒ่านั้นมิได้มีท่าทีสำนึกผิดสักนิด ที่ปรึกษาของเขาเอาแต่ก้มหน้า มิกล้ามองขึ้นมา ผังอี้เหมยตอนนี้เริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะมองมาที่เจ้าซูเย่ด้วยสายตาที่แสนจะเกลียดชัง“ราชครูผังเจิน เจ้าคิดทรยศต่อบ้านเมือง ปลุกปั่นใส่ร้ายแม่ทัพมู่ สั่งกักขังเรา เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ต้าซ่ง ความผิดนี้เจ้ายอมรับหรือไม่”“หึ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ฝ่าบาท จะทำสิ่งใดก็ทำเถิด”“ราชครู ท่านยังจำกบฏหย่งตูได้หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าคิดสร้างกบฏขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกดินแดน สั่งให้กบฏชั่วลอบสังหารบิดาข
“ฝ่าบาท พระองค์มาที่นี่ได้เช่นไร”“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงเลอะเลือนเช่นนี้ไปได้ ท่านยังคิดว่าข้ารู้มิทันความคิดท่านอยู่หรือ”“พวกเจ้า บังอาจวางแผนลอบกัดข้า”“เป็นท่านที่ละโมบในอำนาจ อยากได้ในสิ่งที่มิคู่ควร เรามิอาจเก็บท่านเอาไว้ข้างกายได้อีก ราชครู วันนี้ท่านก็จงรับโทษตามที่ท่านได้ก่อเอาไว้เถิด”“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าจะจนมุม พามันออกมา”ทหารที่เตรียมล้อมจับอยู่ ยังคงมิกล้าทำสิ่งใด เมื่อมู่หลงฟู่สั่งให้พวกเขาหยุดก่อน เขานำคนผู้หนึ่ง ซึ่งถูกถุงคลุม ก่อนจะนำมายืนอยู่ตรงหน้าเขา“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าเป็นผู้ใด มู่หลงฟู่”มู่หลงฟู่ใจหายวาบ เขารู้สึกไม่ดี แต่นางจะมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร อย่าบอกว่านางขัดคำสั่งเขาออกมาอีกแล้ว“หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่านางทันที เจ้าลองหรือไม่ล่ะ”“อย่านะ!!”“ฮ่าๆๆๆ มู่หลงฟู่ ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าไม่กล้า เอาแบบนี้ ข้าจะให้เจ้าดู หากเจ้ายังตัดสินใจอยู่ ข้าก็จะนับไปเรื่อยๆ เอาล่ะนะ นิ้วก้อยก่อน เป็นไร”""เจ้าราชครูชั่ว ต่ำทราม นี่เจ้ากล้ารังแกสตรีอย่างนั้นหรือ เจ้ามันมิใช่คน สารเลว"“โอ้ อย่าพึ่งโกรธๆ จุ๊ จุ๊ ข้ากำลังจะมอบของขวัญให้เจ้า รอเดี๋ยว เอาดาบมา มา