หมิงซีมองแม่บ้าน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามแม่บ้าน "คุณป้าคะ ฉันขอยืมโทรศัพท์โทรหาเพื่อนหน่อยได้ไหมคะ"แม่บ้านรู้สึกลำบากใจ เพราะคำสั่งของคุณชายคือ ห้ามคุณหญิงไปข้างนอก แน่นอนอยู่แล้วว่า ห้ามคุณหญิงติดต่อใครทั้งสิ้นแต่เธอเห็นช่วงสองวันที่ผ่านมา คุณหญิงเศร้าหมองมาตลอด เธอเลยคิดว่า ถ้าคุณหญิงได้คุยโทรศัพท์ คุณหญิงอาจดีขึ้นหน่อย แค่คุยโทรศัพท์ คงไม่เป็นไรหรอกเธอเอาโทรศัพท์ให้หมิงซีแล้วไปทำความสะอาดที่ห้องครัวหมิงซีจำเบอร์โทรศัำท์ของป๋อซือเหนียนไม่ได้ แต่เธอจำเอบร์โทรศัพท์ของซูเนี่ยนได้ เธอโทรหาซูเนี่ยน และซูเนี่ยนรับสายด้วย เธอถามป๋อซือเหนียนเป็นยังไง เมื่อรู้เขาไม่ได้เป็นอะไร เธอจึงโล่งใจขึ้นเวลานี้ซูเนี่ยนกำลังเฝ้าคุณพ่อของเธอที่โรงพยาบาล เธอเพิ่งรู้เรื่องที่คุณยายของหมิงซีเสียชีวิต และเธอก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเพราะหมิงซีไม่บอกเธอตั้งแต่แรก ทั้ง ๆ ที่พวกเธอสองคนเป็นเพื่อนสนิท“หมิงซี ทำไมเแกไม่บอกอะไรฉันเลย ฉันยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแกอยู่หรือเปล่า”หมิงซีเม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า "เนี่ยนเนี่ยน ฉันขอโทษ มันกะทันหันมากเกิน ฉันเลยไม่ทันบอกใคร"ซูเนี่ยนจะตำหนิหมิงซีได้อย่า
เมื่อหมิงซีได้ยินคำพูดของฟู่ซือเยี่ยน ใบหน้าของเธอซีดเซียวทันที เธอจับมุมเสื้อผ้าของเธอแน่นแม้ว่าลูก ๆ ของเธอจะไม่เป็นที่นิยม แต่ก็ไม่ใช่ไอ้สารเลวแน่นอน!“ ฟู่ซือเยี่ยน คุณอย่าแช่งได้ไหม เอาเป็นว่าสะสมบุญ”หมิงซีอยากบอกเขาจริง ๆ ว่านี่คือลูกของคุณถึงแม่คุณไม่รักฉัน แต่ขออย่าทำร้ายลูกฉันแต่เธอไม่กล้าพูดเพราะเธอกลัวว่า ถ้าเธอบอกเขา เธอจะเสียสิทธิ์ในการดูแลลูกดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนเย็นชาทันที เขากระชับข้อนิ้วของเขาบนข้อมือของหมิงซี และพูดอย่างโหดเหี้ยม "ให้มันหายไป นั่นคือการสะสมบุญ"เขาจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้กำเนิดแน่ ๆ เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกของผู้ชายที่ชู้กับหมิงซีหลังจากพูดอย่างนั้น หมิงซีก็ถูกฟู่ซือเยี่ยนแบกไว้บนบ่า และถูกพาไปชั้นล่างแล้วโยนเข้าไปในรถฟู่ซือเยี่ยนสตาร์ทอย่างกะทันหัน จนหมิงซีต้องรับแรงแรงดันที่หลังของเธออย่างแรง และร่างกายของเธอก็ถูกแรงดันนั้นดึงไปข้างหลังเธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ " ฟู่ซือเยี่ยน คุณจะไปไหน?"คำตอบเดียวที่เธอได้รับคือสายลมที่โหยหวนเวลาผ่านไปไม่นาน รถก็มาจอดที่ทางเข้าของโรงพยาบาลเอกชนระดับไฮเอนด์ และชายคนนั้นก็ดึงเธอออกจากรถอย่างกะทันหัน
เขาจ้องมองฟู่ซือเยี่ยน ดวงตาของเขาแสดงถึงอารมณ์ของเขาว่า เขาไม่ยอมแพ้ "คุณฟู่ ผู้ชายไม่สามารถตีผู้หญิงได้ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม"หมิงซีเหงื่อจะแตก เธอรีบอธิบายทันที "เปล่าค่ะพี่ พี่เข้าใจผิดแล้วค่ะ... "หมิงซียังไม่ทันพูดจบ เธอได้ยินเสียง "ปัง" ป๋อซือเหนียนถูกฟู่ซือเยี่ยนต่อยหน้าจนป๋อซือเหนียนโซเซและถอยหลังสองก้าวป๋อซือเหนียนเช็ดเลือดที่มุมปากและต่อยกลับโดยไม่แสดงอาการอ่อนแอใด ๆ แต่ฟู่ซือเยี่ยนเอียงหัวและหลบเขาฟู่ซือเยี่ยนเคยเรียนทักษะการต่อสู้แบบมืออาชีพ แม้ว่าป๋อซือเหนียนออกกำลังกายตลอดและแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเทียบกับฟู่ซือเยี่ยน เขายังสู้ฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้ในขณะนี้ ฟู่ซือเยี่ยนโกรธแคว้นอย่างมาก เขาคว้าคอเสื้อของ ป๋อซือเหนียน แล้วต่อยป๋อซือเหนียนอย่างแรงอีกครั้ง ทำให้ป๋อซือเหนียนล้มใส่พื้นอย่างแรงทันใดนั้น เลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของป๋อซือเหนียน แต่กลิ่นโลหิตเต็มปากก็ไม่สามารถทำให้เขายอมแพ้ เขายืนขึ้นอย่างเหนียวแน่น และอยากสู้ต่อ“หยุดค่ะ” หมิงซียืนอยู่ตรงกลางของผู้ชายสองคนนั้น เธอกางแขนออกแล้วตะโกนใส่ “พวกคุณหยึดเดี๋ยวนี้”หมัดของฟู่ซือเยี่ยนที่กำลังพุ่งออกไปหยุดไว้ตรงห
ในคืนที่มืดครึ้ม ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนนั้นมืดมัว ไม่มีใครรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เขาอยากเชื่อคำพูดของหมิงซีจริง ๆ แต่คำยืนยันของแพทย์ ผลตรวจนั้นและชายที่นอนอยู่ที่นี่ทำให้คำพูดนี้ไม่น่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิงหมิงซีเห็นฟู่ซือเยี่ยนลังเลขนาดนี้ เธอรู้สึกไม่ดีอย่างมากเพราะอย่างที่เธอคิดจริง ๆ ต่อให้เธอบอกความจริง ฟู่ซือเยี่ยน ไม่เชื่อเธออยู่ดีแต่เธอยังคงต้องบอกพความจริง อย่าให้พี่รับความไม่เป็นธรรมน้ำตาค้างไว้ในขอบดวงตาของเธอ เธออธิบาย"ฉันโกรธคุณไม่เชื่อฉัน เลยพูดแบบนั้น เด็กคนนี้เป็นของคุณจริง ๆ"ป๋อซือเหนียนนอนบนพื้น เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่เจ็บปวดร้าวของเขาไว้ หมิงซีมองสีหน้าของเขา เธอสะอึกสะอึ้น"คุณให้พี่ไปหาหมอก่อนได้ไหมคะ"ทุกครั้งที่เธอหมดหวังและทำอะไรไม่ถูก พี่ช่วยเหลือเธอเสมอ และตอนนี้เขายังถูกตีอย่างสาหัสเพราะเธอความรู้สึกผิดทำให้เธอหลั่งน้ำตาฟู่ซือเยี่ยนมองหมิงซีร้องไห้ เขาไม่มีความรู้สึกใด ๆ และความเจ็บปวดในหัวของเขาเกือบจะทำให้ร่างกายของเขาระเบิดเขาคว้าคางของหมิงซี บีบเธอหันกลับมามองเขาแล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม " หมิงซี เพื่อช่วยผู้ชายคนนี้ คุณจะโกหกผมอีกครั้งเ
หรือว่าเธอต้องปฏิเสธความช่วยเหลือของพี่ป๋อ และปล่อยตัวเองตายในท่ามกลางฝนตกหนักหรือ“คุณกำลังบอกผมว่า เขารู้ว่าคุณกำลังท้องและแกล้งทำเป็นสามีของคุณ นี่เป็นความเข้าใจผิดเหรอ”ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนเต็มไปด้วยการเสียดสีหมิงซีรู้ เขาไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อเลย“ฟู่ซือเยี่ยน นี่เป็นความเข้าใจผิดกันทั้งนั้น มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพี่เลย แค่เป็นเพราะคุณไม่เชื่อฉันตรั้งแต่แรก”เธอยิ้มอย่างฝืนใจ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก"ถ้าหลินเสวี่ยเวยเป็นคนบอกคุณเรื่องพวกนี้ คุณจะเชื่อเธอโดยไม่ลังเลเลยไหม"ฟู่ซือเยี่ยนเห็นหมิงซีพูดถึงหลินเสวี่ยเวย เขาขมวดคิ้วอย่างลึกซึ้ง "ทำไมต้องพูดถึงเธอด้วย"กลางคืนนั้นมืดมาก ลมก็แรงมากเหมือนกันหมิงซียืนอยู่ท่ามกลางสายลม ร่างที่ผอมเพรียวของเธอพลิ้วไหวราวกับใบไม้ที่แห้งแล้วซึ่งสามารถปลิวไปได้ทุกเมื่อหมิงซีพึมพำเบา "ฉันแค่อยากรู้ ทำไมคุณถึงเชื่อเธอขนาดนี้ แต่ไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด สองปีแล้ว ฟู่ซือเยี่ยน สองปีเต็ม ๆ นะ นั้นยังไม่พอที่จะให้คุณรู้นิสัยของฉันเหรอ ในสายตาของคุณ ฉันมันสกปรกขนาดนี้เลยเหรอ”ฟู่ซือเยี่ยนน้ำเสียงของหมิงซี น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความ
ฟู่ซือเยี่ยนรู้สึกหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเหมือนไม่มีน้ำหนักเลย ใบหน้าของเธอซีดขาวเหมือนกระดาษสีขาว และหน้าผากของเธอปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็นที่บาง ๆฟู่ซือเยี่ยนรู้สึกตัวของเขาเกร็ง แม่แต่ฝ่ามือที่อุ้มเธอ เขาก็ไม่กล้าใช้แรง เขากังวลมากและถาม "ไม่สบายที่ไหนบ้าง"หมิงซีคว้าข้อมือของฟู่ซือเยี่ยน เธอขอร้องอย่างอ่อนแรง "ท้องของฉัน... ฉันปวดท้อง... ช่วยฉันเอาลูกคนนี้ไว้..."หมิงซีพูดจบ เธอก็หน้าซีดและเป็นลม...ม่านตาของฟู่ซือเยี่ยนหดตัวลงทันที เขาอุ้มหมิงซีขึ้นและเดินไปโรงพยาบาลอย่างไม่ลังเล“คุณฟู่”ป๋อซือเหนียนลุกขึ้นยืนแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "รบกวนดูแลเธอให้ดี"ฟู่ซือเยี่ยนหยุดฝีเท่า หันหลังกลับอย่างเย็นชา และพูดประโยคหนึ่งทิ้งไว้“ไปยุ่งกับเรื่องของตัวเองเถอะ คราวหน้าถ้าคิดถึงผู้หญิงของผมอีกละก็ มันจะไม่ใช่แค่มือข้างเดียวแล้ว”เจตนาฆ่าในเสียงนั้นแผ่กระจายออกไปหลายพันไมล์ ทำให้คนรอบข้างหวาดกลัวจากนั้นชายคนนั้นก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาลบอดี้การ์ดมองป๋อซือเหนียนที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ลงมือแรงจริง ๆแม้ว่ากระดูกข้อมือของเขาหลุด แต่ชายคนนี้ก็ยังส
หมิงซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามอีกครั้: "เปล่าอะไรคะ"ประตูถูกเคาะสองครั้ง“เตียง 304 เปลี่ยนยานะคะ”หัวหน้าพยาบาลพูดจบก็ผลักรถเข็นแพทย์เข้าไป เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์นี้ เธอตกตะลึงไปชั่ววินาทีทันใดนั้นเธอรีบเข้าไปพูดกับชายคนนั้น "เป็นอะไรคะคุณ คนไข้ยังอ่อนแออยู่ คุณไม่รู้หรือไง ทำไมคุณยังสะเทือนอารมณ์ของคนไข้อีก ดูหน้าตาของคุณก็โอเคอยู่นะ ตีผู้หญิงทำไม ถ้าคุณยังเป็นอย่างนี้อีกละก็ ฉันจะแจ้งตำรวจ”หัวหน้าพยาบาลรู้สึกกลัวเล็กน้อยหลังจากพูดจ อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้มีออร่าที่ครอบงำมากและดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาโดยตลอดแต่ยังไงก็ตีผู้หญิงไม่ได้หรอก ขนาดเธอยังป่วยอยู่ ก็ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้ ถ้าอยู่บ้าน ไม่รู้เขาต้องเผด็จการขนาดใหนหญิงสาวที่อยู่บนเตียงดูอายุพอเท่ากับลูกสาวของตัวเอง ความเมตตาของเธอก็เอาชนะความขี้ขลาดของเธอในทันที หัวหน้าพยาบาลเริ่มแข็งแกร่งอีกครั้ง "คุณไปรอข้างนอกเลยค่ะ อย่าสะเทือนอารมณ์ของคนไข้เลย"ใบหน้าของชายคนนั้นซีดลงทันที กรามของเขาตึงขึ้น และเห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมากแต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร เขาหันหลังและเดินออกไปจากนั้นรัศมีอันน่าเกรงขามก็หายไ
บรรยากาศแย่ลงอย่างชัดเจนฟู่ซือเยี่ยนไม่เคยคิดเลยว่า คนที่เชื่อฟังยังกำลังกินข้าวดี ๆ วินาทีก่อนเลย วินาทีถัดไปกลายเป็นคนที่เย็นชามาก และถามเขาจะหย่ากันเมื่อไรเขาเหลือบมองเธอแล้วเยาะเย้ย "กินอิ่มแล้ว มีแรงมาทะเลาะกันอีกเหรอ"“ฟู่ซือเยี่ยน ตอนนี้เราทะเลาะกัน มันมีความหมายไหม”มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปในอดีตหมิงซีเม้มริมฝีปากแล้วพูดต่อ "ความสัมพันธ์ของเราในปัจจุบัน เราจะทะเลาะกันและสงสัยกันอยู่ตลอดเวลา เราไปแก้ไขปัญหาอย่างสงบเพื่อที่เราจะได้พบกันและแยกทางกันดีกว่า"ฟู่ซือเยี่ยนฟังแล้วแค่หัวเราะเบา ๆ "อยู่กันดี ๆ และจากกันด้วยดีด้วยเหรอ"หมิงซีรู้สึกมีความหวังแล้ว เธอพูดคาวมในใจให้จบทีเดียว "ถ้าคุณตกลงหย่า คุณมีเงื่อนไขอะไร บอกมาเลย"ตอนนี้ลูกเป็นคนเดียวที่ปลอบใจเธอได้ เธอจะต้องไรักษาลูกคนนี้ให้ได้ ไม่ให้เขาจากไปถ้าฟู่ซือเยี่ยนมีเจตนานี้จริง ๆ เธอคงไม่มีปัญญาแย่งสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกกับฝ่ายกฎหมายของกรุ๊ปฟู่ได้หรอกดวงตาของชายคนนั้นมืดมนภายในวินาที " หมิงซี คุณอยากทิ้งผมแล้วไปหาผู้ชายที่แซ่ป๋อขนาดนี้เลยเหรอ”หมิงซีเม้มริมฝีปากของเธ
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ