ราวกับว่าฟู่ซือเยี่ยนมีลางสังหรณ์ เขาจ้องหมิงซีอย่างโหดเหี้ยมหมิงซีกัดฟันและโพล่งออกมา"ถ้าคุณไม่ยอมหย่า ฉันจะทำแท้งลูก"หมิงซีพูดจบ รีบด่าตัวเองในใจแล้วพูดในใจว่า ลูกคะ ไม่ใช่แม่ไม่อยากเอาลูก เพียงแต่แม่ทุกข์ใจมากและอยากหย่ามาก แม่เลยต้องพูดแบบนี้ แม่ไม่ใช่ไม่เอาลูกนะ หนูอย่าโกรธแม่..ทันใดนั้น ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนเต็มไปด้วยแววที่เคร่งขรึม เขาพูดด้วยความโกรธแคว้น "คุณกล้าดียังไง!"หมิงซีพูดอย่างหนักแน่นว่า "ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณควบคุมฉันอีกต่อไป นี่คือลูกของฉันเอง และฉันสามารถเลือกเองได้"คราวนี้ เธอต้องหย่าให้ได้มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากที่ไม่เคยถูกเลือกอย่างไม่ลังเลเธอไม่อยากใจขาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าความโกรธของฟู่ซือเยี่ยนรวบรวมเป็นกองไฟ เขาก้าวเข้ามาใกล้แล้วบีบข้อมือของหมิงซี ดวงตาของเขาดุร้ายกว่าที่เคยเป็นมา " หมิงซี ผมบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ คุณอย่าหวังไปจากผม"......นอกห้องผู้ป่วยมือของหลินเสวี่ยเวยที่กำลังถือตะกร้าผลไม้สั่นด้วยความโกรธซ่งซิน คนโง่คนนั้นไม่ได้กำจัดเด็กในท้องแท้งก็ช่าง แต่ตอนนี้แม้แต่พี่อาเยี่ยนก็รู้เรื่องของเด็กแล้วเธอพยายามอย่างมากเพื่อให้พี่อาเย
เมื่อเหวินฉี่เข้าห้อง เธอก็รู้สึกถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างคนทั้งสองเธอโกรธมากจนอยากตีฟู่ซือเยี่ยน“ตอนนี้เสี่ยวซียังท้องอยู่เลย ลูกอย่าโกรธเธออีก พอดีอย่ายืนอยู่นี่อีกเลย ไปเอาผลอัลตราซาวนด์มากับคุณหมอมา”เหวินฉี่มีแผนของตัวเองอยู่ในใจ ผู้ชายมักไม่อ่อนไหวและพิถีพิถันเหมือนผู้หญิงเสมอไปเสี่ยวซีตรวจเลือด จึงรู้ตัวเองตั้งครรภ์ และต่อมาเธอก็พาหมิงซีไปอัลตราซาวนด์อีกครั้งผลอัลตราซาวนด์สีเป็นครั้งแรก ถ้าให้ซือเยี่ยนไปรับเอง เขาเห็นภาพเล็ก ๆ ของทารกด้วยตาของเขาเอง และจิตใจที่แข็งกระด้างของเขาอาจอ่อนลงก็ได้เขาก็จะรู้รักภรรยาเองฟู่ซือเยี่ยนเห็นสีหน้าของหมิงซีไม่ดี เขาเองก็ไม่อยากเถียงกับหมิงซีอีกแล้ว เขาจึงหันหลังออกไปและไปหาคุณหมอคุณหมอยื่นผลอัลตราซาวนด์สีให้เขาแล้วกำชับว่า "คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 15 สัปดาห์แล้ว แต่น้องพัฒนาช้ามาก ต้องเสริมโภชนาการนะ"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองคุรหมอ สีหน้าของเขาน่ากลัวมาก "คุณว่าตั้งครรภ์ได้กี่สัปดาห์ครับ?"คุณหมอกลัวจนเหงื่อแตก เขาตรวจอัลตราซาวนด์สีอีกครั้งและพูดตะกุกตะกัก: "สิบ...สิบห้าสัปดาห์..."ฝ่ามือของฟู่ซือเยี่ยนบีบแน่นอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้า
ในมุมมองของฟู่ซือเยี่ยน ความลังเลของหมิงซีเป็นสัญญาณของความรู้สึกผิด เขาเจ็บใจมาก ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเหงาเดี่ยวดาย "ไม่น่าแปลกใจเลย...ว่าแล้วทำไมคุณถึงบอกผมว่านี่คือลูกของคุณเอง""เปล่า......"หมิงซีอยากอธิบายโดยไม่รู้ตัว แต่ ฟู่ซือเยี่ยนคว้าไหล่ของเธออย่างบ้าคลั่งและคำราม "คุณว่ามาสิ! อธิบายให้ผมฟังหน่อยสิ!"เขาจับกระดูกไหล่ของหมิงซีแน่นมาก จนหมิงซีรู้สึกเจ็บราวกับว่ากระดูกกำลังจะแหลกแต่หมิงซีพยายามอดท้นไว้ เธอกัดริมฝีปากการกระทำของฟู่ซือเยี่ยนบอกเธอว่าระหว่างพวกเขา ไม่มีความไว้วางใจกันไม่น่าแปลกใจที่เขาขอน้าเหวินอย่าเพิ่งบอกคุณปู่ก่อน เขาคงเลือกไม่เชื่อเธอตั้งแต่เขาได้ผลอัลตราซาวนด์ในเมื่อเขาเชื่อว่าเธอมีชู้ แล้วทำไมต้องอธิบายด้วยเพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดีดวงตาของเธอชื้นเล็กน้อย เธอมองฟู่ซือเยี่ยนอย่างดื้อรั้น "ฉันไม่มีอะไรจะอธิบาย"“เหอะ ๆ ” จู่ ๆ ฟู่ซือเยี่ยนก็ยิ้มอย่างศกเศร้า “ หมิงซี คุณเกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ เกลียดจนไม่ยอมโกหกผมเลยใช่ไหม คุณรู้ไหมเมื่อผมได้ยินว่าคุณท้อง ผมดีใจแค่ไหน”เมื่อเขารู้หมิงซีท้อง เขามีความสุขมากแค่ไหน แ
ในขณะนี้หมิงซีเห็นออร่าแห่งการฆาตกรรมในดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนอย่างชัดเจนหมิงซีไม่หลบ แต่กลับยื่นคออันเรียวของเธอตั้งตรงในอากาศและเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆถ้าการรับมือความโกรธช่วยทำให้เธอเป็นอิสระ เธอก็จะทำเสียงลมพัดมา หมิงซีหลับตาลงเบา ๆแต่เมื่อมือคู่นั้นกำลังจะสัมผัสผิวหนังบอบบางของเธอ เขาก็หยุดหนึ่งวินาที จากนั้นเขากระแทกผนังด้านหลังเธอ"ตุ้ม——!!"เสียงทุ้มขนาดใหญ่ดังขึ้น รู้เลยว่า เขาใช้พลังอันน่าอัศจรรย์มากแค่ไหนเมื่อหมิงซีลืมตา เธอเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของชายคนนั้นอยู่ใกล้ ๆ มือ ข้อต่อที่หลังมือของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่เขาไม่สนใจเลือด เขาจับไหล่ของเธออย่างเมินเฉย ไม่ให้หมิงซีขยับตัว“ หมิงซี คุณโกหกผมใช่ไหม คุณพยายามทำให้ผมโกรธใช่ไหมครับ”เสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย และถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูน่ากลัวและน่าเกลียด แต่หลังของเขาก็ตึงเครียดมากหมิงซีรู้ว่าเขาต้องการได้ยินอะไร คนหยิ่งผยองและหยิ่งยโสอย่างฟู่ซือเยี่ยนจะรับไม่ได้ผู้หญิงที่นอกใจเขาเขาจะรู้สึกมันสกปรกและน่าขยะแขยงแต่ใบหน้าของหมิงซี ไม่ได้แสดงสีหน้าที่เขาต้องการหัวใจของหมิงซีเย็นชาไปตั้งแต่เมื่อฟู่ซือเยี่ยนเอียง
รถขับเข้าวิลล่าเยว่จิ่งโดยตรง ฟู่ซือเยี่ยนลงจากรถแล้วอุ้มเธอขึ้น เขาเดินผ่านห้องรักษาความปลอดภัย และสั่งอย่างเย็นชา“นับจากนี้ไป ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผม ห้ามให้คุณหญิงออกจากเยว่จิ่ง”ทันใดนั้น หมิงซีหน้าซีดเขากำลังจะขังเธอไว้วินาทีหมิงซีถูกฟู่ซือเยี่ยนโยนลงบนเตียงนุ่ม ๆ เขาก้มลงและเหยียดมือของเขาตรงไปที่เอวของเธอ“คุณอยากทำอะไร” หมิงซีมีสีหน้าที่ไม่ดี เธอโบกมือโดยไม่รู้ตัวด้วยเสียง 'เพี๊ย' ฟู่ซือเยี่ยนตกตะลึง เพราะเขาโดหมิงซีตบหน้าสองคนนี้อยู่ใกล้กัน และถึงแม้ว่าหมิงซีไม่ได้ใช้กำลังมากนัก แต่มันก็ยังเป็นการตบที่แข็งแกร่งดวงตาฟู่ซือเยี่ยนดูน่ากลัว เขางอขาของเขาเพื่อดันเข่าไปข้าง ๆ และเอื้อมมือไปจับคางของหมิงซี "ทำไม ตอนนี้คุณไม่อยากปลอมตัวแล้วเหรอ คุณลืมไปแล้วหรือว่า มีกี่ครั้ง คุณกรีดร้องและขอร้องผมบนเตียงนี้ ดูท่าทาง ผู้ชายคนนั้นเอาคุณไม่พอ เหมือนกันนะ ไม่งั้น คุณทำไมอยากเอาขนาดนี้”น้ำเสียงของเขาดูถูกอย่างยิ่ง คำพูดของเขาอัปยศอย่างยิ่ง และไม่น่าฟังอย่างยิ่งราวกับว่ามีสัตว์ร้ายอยู่ในตัวของเขา สัตว์ตัวนั้นฉีกรูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาและอ่อนโยนของชายคนนั้นออกเป็นชิ้น ๆ และค
หลังจากเขาพูดจบ เขาก็โทรสั่งการต่อหน้าหมิงซี "ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทั้งหมดของป๋อซือเหนียนในธนาคารเพื่อการลงทุน AT ในปีที่ผ่านมา ก่อนที่ได้ผล หาสองคนเฝ้าตามเขาและไม่ให้เขาออกจากเมืองเป่ยเฉิง "เมื่อหมิงซีได้ยินคำพูดนี้ เธอกลัวเล็กน้อยเพราะชู้คนนี้มันไม่มีจริง ๆ เขาค้นหาไม่พบอะไรหรอก ดังนั้น เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำให้เขาโกรธเพื่อได้บรรลุเป้าหมายในการหย่าร้างเพราะสำหรับผู้ชายที่หยิ่งยโศอย่างฟู่ซือเยี่ยน มันเป็นไปไม่ได้หรอกให้เขายอมรับเด็กที่ไม่ใช่ลูกของเขาแต่เธอไม่คาดคิดเลยว่า ทีนี้เขาเลิกทรมานเธอแล้ว แต่เริ่มทรมานผู้อื่นแทน“ฟู่ซือเยี่ยน เด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เลย อย่าไปกวนชีวิตของคนอื่นได้ไหม!”แต่ฟู่ซือเยี่ยนไม่ฟังคำอธิบายใด ๆ ของหมิงซีและจากไปโดยตรงหมิงซีตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เธอนึกไม่ออกว่า ในขณะที่ฟู่ซือเยี่ยนกำลังโกรธแค้น เขาจะทำอะไรที่บ้าคลั่งฟู่ซือเยี่ยนออกจากเยว่จิ่ง เขามุ่งไปที่บาร์เมื่อเขาไปถึงที่นั่น กู้เหยียนโจวได้เปิดไวน์ให้แล้ว เขาดื่มหมดทีละแก้ว ดื่มไปสามแก้วหลังจากวางแก้วลงแล้ว เขาก็ถามกู้เหยียนโจว "ยาล่ะ"กู้เหยียนโจวโยนกล่องออกมา ฟู่ซือเยี่ยนไม่สนใ
และเขามีความต้องการค่อนข้างสูง เขาเอาเกือบทุกวัน ยกเว้นช่วงเวลาที่หมิงซีมีประจำเดือนเขาจำรูปลักษณ์อันมีเสน่ห์ของเธอเมื่อเธอมีความรักได้อย่างชัดเจน น้ำเสียงที่ชุ่มฉ่ำของเธอ และคำพูดที่เธอฮัมเบา ๆ เพื่อขอร้องเขาไม่มีเหตุผลที่จะหักหลังเขาทันทีเมื่อเขาไปทำงานต่างประเทศอีกอย่าง กลับมาจากต่างประเทศคืนแรก เขาก็ตรวจสอบทันที เมีใครเข้าไปหรือเปล่า เขารู้ทันทีสิ่งนี้ยังเตือนเขาว่าวันนั้นเป็นช่วงปลอดภัยของหมิงซี และเขาไม่ได้ป้องกัน พวกเขาสองคนเอากันหลายครั้งดังนั้นคำพูดเหล่านั้นที่หมิงซีพูดอาจเป็นคำโกรธที่อยากทำให้เขาหงุดหงิดแต่ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น เธอไม่รักเขาจริง ๆ เหรอเพียงเพราะก่อนที่คุณยายสิ้นสุดชีวิต เขาไม่ได้กลับมาเจอหน้าคุณยายเหรอยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ในที่สุด เขาเผลอหลับในบาร์ขณะที่เขาหลับบ้าง ตื่นบ้าง เขายังพึมพำอยู่ “ หมิงซี ผมห้ามคุณไปจากผม ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณห้ามไปจากผม...”กู้เหยียนโจวถอนหายใจ เขาโจวมู่มารับฟู่ซือเยี่ยนในรถ ฟู่ซือเยี่ยนให้โจวมู่ส่งเขาไปที่โรงแรม เขากลัวว่าเวลาเขาเมา ถ้าเขากลับเยว่จิ่ง เขาอาจทำอะไรบ้าคลั่งวันถัดไปตั้งแต่ซ่งซินกลับจากห้
พาดหัวข่าวในหน้า A ของหนังสือพิมพ์เป็นพาดหัวข่าวที่น่าตกใจ【ความโกลาหลในเมืองเป่ยเฉิง ชีวิตส่วนตัวของสตรีปลอมนั้นวุ่นวายมาก! 】ข้อความประกอบไม่ยาวนัก ชื่อของเธอใช้ คนแซ่ซ่ง มาแทน อธิบายภูมิหลังของเธออย่างละเอียดตอนที่เธอไปเรียนต่างประเทศในช่วงปีแรก ๆ พฤติกรรมสุดแรดนั้นถูกคนสืบได้หมดสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ สำหรับหนังสือพิมพ์เจ้าใหญ่ พวกเขาพิมพ์คำโมเสกสองสามคำบนผมของเธอใบหน้าของเธอชัดเจนมาก รูปภาพทุกใบเป็นรูปถ่ายเต็มหน้าของเธอที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ไม่ต้องพูดถึงท่าเซ็กซี่ต่าง ๆ แต่ประเด็นสำคัญคือ ปาร์ตี้มั่วเซ็กส์ ผู้หญิงหนึ่งคนเอากับผู้ชายสามคนในเวลาเดียวกัน ลามกกว่าหนังโป๊ซ่งซินโกรธมาก เธอมีสีหน้าแย่มากจนต้องกัดฟันและพูดว่า"สำนักหนังสือพิมพ์เหี้ยอะไร กล้าเผยแพร่ความเป็นส่วนตัวของผู้คน ฉันจะฟ้องพวกเขา"ซ่งซานหัวเราะเยาะ "มึงกฟ้องไหวเหรอ ในเน็ตแรงกว่านี้อีก กูไม่เคยคิดเลยว่า มึงเล่นเก่งกว่ากว่ากู เอากับผู้ชายตั้งสามคนในนั้นมีคนผิวดำคนหนึ่งด้วย มึงเล่นไหวด้วย”คำเตือนของซ่งซานทำให้สีหน้าของซ่งซินเปลี่ยนทันทีออนไลน์เธอรีบเปิดโทรศัพท์ เธอก็เป็นหัวข้อค้นหาที่มาแรงอันดับหนึ่งร
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ