สองครั้งแล้ว เธอเหนื่อยล้ามาก และเธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วลู่จิ่งสิงเดินเข้าหาเธอ เขาเยาะเย้ยและบีบหลังคอของเธอแล้วผลักเธอชิดผนังโดยหันหลังให้เขา“เฉินเจียว เป็นชื่อที่คุณเรียกได้เหรอ?”ซูเนี่ยนรีบกล่าวคำขอโทา“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นคุณเฉินค่ะ”ลู่จิ่งสิงขมวดคิ้ว "ที่รัก คุณควรฉลาดกว่านี้นะ จำไว้ ผมป็นคนตั้งกติกา คุณมีหน้าที่ทำตามคำสั่งแค่นั้น เข้าใจไหม?"ซูเนี่ยนพยักหน้าด้วยความยากลำบาก เพื่อแสดงให้ลู่จิ่งสิงรู้ว่า เธอเข้าใจแล้วแต่การเข้าใกล้ของลู่จิ่งสิงทำให้เธอเหงื่อแตก ทำไมเขาถึงเริ่ม... อีกครั้ง?เฉินเจียวกำลังจะมาถึง และเขายังทำแบบนี้อีก เขาอยากให้เธอตายจริง ๆเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ในใจ ร่างกายของซูเนี่ยนก็ตึงเครียดไปหมดหลู่จิงซิ่งตบเธอแล้วพูดด้วยอารมณ์ที่เสีย "อย่าเกร็งตัวสิ"ซูเนี่ยน "..."หลังจากนั้นไม่นาน กริ่งประตูก็ดังขึ้น และลู่จิ่งสิงก็รีบเสร็จ ก่อนที่ซูเนี่ยนจะรู้ตัว เขาได้ยัดเธอเข้าไปในตู้เสื้อผ้าแล้วในตู้เสื้อผ้ามืดมาก หลังจากซูเนี่ยนถูกปล้นและตกในภูเขา ซูเนี่ยนก็เป็นโรคกลัวที่แคบเวลานี้ ความกลัวแพร่กระจายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเธอทำได้เพียงกอดเข
มือของเฉินเจียวลูบตามแผ่นหลังอันกว้างและหนาของลู่จิ่งสิงการกระทำนี้ทำให้ลู่จิ่งสิงแข็งตัวอย่างไม่สบายใจแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลอันน่าสยดสยอง นอกจากใบหน้าที่หล่อเหลาใบนั้นแล้ว หลังของเขาดูไม่ได้เลยความจริง เฉินเจียวรังเกียจลอยแผลเล็กน้อยจริง ๆ แต่ใบหน้านั้นทำให้เธอรู้สึกว่า เธอพอรับรอยแผลเหล่านี้ได้ อีกอย่าง ในด้านการเอาผู้หญิงทางเพศนั้น ฝีมือของลู่จิ่งสิงดีจริง ๆ และเขาดูแลเธอดีมากด้วยมันดีถึงขนาดไหนเนอะ?เธอสงสัยว่า ถ้าให้ลู่จิ่งสิงแทงตัวเอง เขาจะไม่ลังเลเลยผู้หญิงเนอะ มักชอบสุนัขซื่อสัตย์ที่ทั้งมีหน้าตาดีและมีความสามารถเมื่อคิดแบบนี้ เธอรู้สึกตอนนั้นเธอพบสมบัติจริง ๆถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงโง่คนนั้น เธอคงไม่เต็มใจไปมองลู่จิ่งสิงในโคลนหรอก แม้แต่แวบเดียว เธอยังไม่อยากมองเลยแต่คนโง่คนนั้นมันให้มากเกินไปทุกวันนี้ตระกูลเฉินล่มจน และต้องอาศัยลู่จิ่งสิงเท่านั้น พวกเขาจึงสามารถครองตำแหน่งในเมืองเป่ยเฉิงได้เพราะฉะนั้น เธอต้องเกาะชายคนนี้ให้แน่น ๆเฉินเจียวกอดชายคนนั้นจากด้านหลัง และเอาใบหน้าของเธอไปชิดหลังของชายคนนี้ เธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่มากจากใต้ลึก ๆ ของร่างก
ดีแล้วเธอได้ไปตกแต่งเยื่อพรหมจารีใหม่ ไม่อย่างนั้นด้วยระดับความสนใจของเขา เขาต้องหึงแน่ ๆแต่เวลาผ่านไปแป๊บเดียวเอง เธอก็ไม่ทันคิดอะไรแล้ว เธอปิดตาสนิท เพลิดเพลินกับความสุขที่เขานำมา......หลังจากที่ฟ้าสว่างหมิงซีเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของฟู่ซือเยี่ยน หายไข้แล้วเธอรู้สึกโล่งใจและถอนหายใจยาว ๆ จากนั้นเธอไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำทันใดนั้นเธอได้ยินเสียง"ตูม" ดังก้องจากนอกห้องน้ำหมิงซีตกใจมากเธอรีบเปิดประตูอและเดินออกไป แต่เธอกลับเห็นฟู่ซือเยี่ยน เดินไปที่ประตู และทุบเก้าอี้ตัวหนึ่งเธอเรียกชายคนนั้น “ ฟู่ซือเยี่ยน?”ชายคนนั้นหันศีรษะมามองเธอ เมื่อเขาเห็นหมิงซี ดวงตาที่สวยงามของเขาสว่างขึ้นครู่หนึ่งเขาก้าวไปข้างหน้า หมิงซี และกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขากอดหมิงซีแรงมากจนหมิงซีรู้สึกซี่โครงของเธอเจ็บปวดเล็กน้อยเธออยากดิ้นรนโดยไม่รู้ตัว แต่เธอได้ยินฟู่ซือเยี่ยนพูดว่า: "ผมคิดว่าคุณหนีอีกแล้ว"ใบหน้าของหมิงซีดูแย่เล็กน้อย หนีอีกครั้ง หมายความว่าอะไรหมิงซีผลักเขาแล้วพูดว่า "คุณปล่อยฉันก่อนน่ะ คุณยังบาดเจ็บอยู่"แต่ฟู่ซือเยี่ยนไม่ยอมปล่อย แต่กลับกอดเ
ขณะที่หมิงซีกำลังจะเดินออกไป ฟู่ซือเยี่ยนกลับลากเธอไว้ เขาถามอย่างไม่พอใจ: "คุณจะไปไหน"หมิงซีไม่หลบเขา เธอมองเขาแล้วพูดว่า "ตอนนี้มีคนมาดูแลคุณแล้ว"ฟู่ซือเยี่ยนพูดต่อ "ผมให้เสี่วยเวยมา"หมิงซีงง จากนั้นเธอเห็นหลินเสวี่ยเวยเดินเข้ามาเธอและพูดว่า " หมิงซี ฉันมาที่นี่เพื่ออธิบายให้คุณฟังว่า เมื่อวานฉันบังเอิญล้มทับพี่อาเยี่ยน คุณอย่าเข้าใจฉันผิดนะ เราสองคนไม่มีอะไรกัน"หมิงซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่พูดอะไรหลินเสวี่ยเวยพูดต่อ"ฉันรู้ว่า ฉันทำให้พวกคุณเข้าใจกันผิดหลายเรื่อง หลายปีที่ผ่านมา พี่อาเยี่ยนปฏิบัติต่อฉันเหมือนน้องสาวของเขา คุณอย่าโกรธพี่อาเยี่ยนเพราะฉันอีกนะ"น้ำเสียงของหลินเสวี่ยเวยเต็มไปด้วยความระมัดระวังและความจริงใจ เมื่อเที่ยบก่อนนิสัยโอหังอวดดีของเมื่อก่อน คนปัจจุบันกับคนเมื่อก่อนมันเป็นคนละคนเลย"แค้ก ๆ ..."เธอยังไม่ทันพูดสองสามประโยชเลย เธอเริ่มไอแล้วฟู่ซือเยี่ยนขมวดคิ้วและถามเธอ "เป็นอะไร""เมื่อคืนหนูนอนไม่ค่อยดี เป็นหวัดนิดหนึ่ง...แค้ก ๆ ..."“กลับไปพักก่อนเลย” ฟู่ซือเยี่ยน พูดด้วยความไร้ความรู้สึกดวงตาของหลินเสวี่ยเวยฉายแววด้วยความโศกเศร้า แ
ในที่สุดเขาก็อมริมฝีปากของเธอไว้ในปาก ขยับปลายลิ้นของเขา และจูบหมิงซีจนเธอต้องหายใจแรง ๆ เขายังไม่อยากปล่อยหมิงซี ฟู่ซือเยี่ยนกดหน้าผากของเขาแนบกับเธอแล้วพูดอย่างเย้ายวนว่า "คุณอยากเอาอีกไหม?"โดยไม่รอหมิงซีตอบ ฟู่ซือเยี่ยนโน้มตัวลงมาและกัดใบหูส่วนล่างของหมิงซี เขากลิ้งปลายลิ้นของเขาไปด้านในของกระดูกอ่อนของใบหู และแหย่มันสองสามครั้ง การกระทำนี้ทำให้หมิงซี สั่นสะท้านจนทนไม่ไหวเมื่อเห็นว่าหมิงซีมีความรู้สึกว่องไวขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนยิ้มเลย เขากอดเธอแล้วพูดว่า "อย่าคิดเรื่องนี้อีก"หุ่นของหมิงซีไม่เล็ก แต่เมื่อเธอยืนตรง เธอก็ถึงแค่ลูกกระเดือกของฟู่ซือเยี่ยเท่านั้น ตอนนี้ใบหน้าของเธอหมกอยู่ในหน้าอกของฟู่ซือเยี่ยนและลมหายใจของเธอก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย็นที่น่ารื่นรมย์ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ทำให้เธอจมอีกครั้งหมิงซีรู้กระจ่างว่า ถ้าเธอถูกล่อลวงด้วยความอบอุ่นของช่วงเวลานี้ สิ่งที่รอเธออยู่อาจเป็นความพึงพอใจหรือความทุกข์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดแต่คนคนนี้เป็นคนที่เธอรักมาสิบปี และเธออยากสู้อีกครั้งเพื่อไม่เสียใจภายหลัง“ฉันกลัวจะผิดหวังอีกครั้ง”“ผมสัญญา ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”หัวใจของหมิ
หลินเสวี่ยเวยเห็นหมิงซีไม่พูดอะไร เธอเลยพูดต่อ: "อย่าคิดว่าพี่อาเยี่ยนให้ฉันอธิบายให้เธอฟัง เธอชนะฉันแล้ว คนในเมืองเป่ยเฉิงรู้กันว่า เขาตามใจฉันมานานแค่ไหน คุณเชื่อไหม ถ้าฉันเป็นอะไรในตอนนี้ พี่อาเยี่ยนจะทิ้งคุณมาหาฉันทันที”ดวงตาอันงดงามของหมิงซีหรี่เล็กน้อย และเธอพูดเบา ๆ “คุณกลัวเหรอ?”"นี่ แก!"หลินเสวี่ยเวยพูดเยอะขนาดนี้ แสดงว่าเธอกลัวไม่ใช่เหรอพี่อาเยี่ยนสนใจนังสารเลวคนนี้มากกว่าเธอแล้ว เธอจะไม่กลัวได้ยังไงล่ะ?แต่เธอคิดอะไรบางอย่างได้ เธอรู้สึกพูดเยอะไป มันก็ไม่มีประโยชน์ในที่สุดเธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เดี๋ยวคอยดูกัน”ก่อนที่หลินเสวี่ยเวยจากไป เธอจ้องมองที่ท้องของหมิงซีด้วยความโหดเหี้ยมเมื่อเธอคิดถึงนังสารเลวคนนี้สามารถนอนข้างพี่อาเยี่ยนได้ทุกเวลา นอนในในอ้อมแขนของพี่อาเยี่ยน ใต้ร่างของพี่อาเยี่ยน แม่กระทั้งนางสารเลวนี้ยังท้องลูกของพี่อาเยี่ยนด้วยเธอโกระจัดจนอยากกินเนื้อดิบ ๆ และดูดเลือดดิบ ๆ ของหมิงซีเพราะตำแหน่งนั้นควรเป็นตำแหน่างของเธอแต่แรก ๆอีกไม่นาน เธอจะต้องให้นังสารเลวนั้นรู้เลยว่ามันจะแพ้ถึงขนาดไหนหลังจากหลินเสวี่ยเวยจากไปหมิงซียืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาที
หมิงซีตบหน้าอกของเขาแล้วพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย "ถ้าอย่างนั้น ต่อไป คุณจะไม่โอกาศลิ้มรสมัน"ชายคนนั้นเอามือบังหน้าอกของเขาไว้ และเขาขมวดคิ้ว หมิงซี ตื่นตระหนกและถามทันที "มันเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?""เจ็บหัวใจ"หมิงซี:?“ผมรู้สึกขาดความสุขทางเพศเล็กหน่อย”หมิงซีอยากจะตีเขาจริง ๆเมื่อเธอกำลังทำท่าตีฟู่ซือเยี่ยน เอวอันอ่อนนุ่มสีขาวราวหิมะถูกเผยออกมาส่วนหนึ่ง ฟู่ซือเยี่ยนอดไม่ได้ที่ต้องหยิกเอวของหมิงซี“มีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อยแล้วหรือ?”หมิงซีตื่นตระหนก เธอดึงเสื้อผ้าของเธอลงหน่อย"เปล่า"เธอเพิ่งท้องสองเดือนกว่า ๆ ท้องของเธอยังไม่แสดงออก เพียงแต่ช่วงนี้หมิงซีหิวบ่อย เธอไม่ได้อาเจียนตลอด เธอเลยทานพวกของบำรุงร่างกาย เพื่อเสริมสารอาหารให้เด็กในท้องเมื่อเทียบกับเพมื่อก่อน อวบกว่าเดิมนิดหน่อยจริง ๆหมิงซีไม่ได้วางแผนจะปิดบังเรื่องท้องตลอด แต่สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนในปัจจุบันหมิงซี หมิงซียังอยากรอให้ครบสามเดือนก่อน และให้ทารกในท้องพัฒนามั่นคงก่อน ค่อยบอกฟู่ซือเยี่ยนไม่ว่าเขาอยากได้ลูกคนนี้หรือไม่ เธอก็จะเอาลูกคนนี้ไว้"ก็ดี ตอนผมสัมผัส มันให้ความรู้สึกที่ดี"ขณะที่เข
น้ำเสียงของชายคนนั้นเย็นชาและเข้มงวดหมิงซีหยุดครู่หนึ่ง รู้สึกอยากหันหลังกลับและจากไปมุมปากของหลินเสวี่ยเวยโค้งงอขึ้น แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เธอเห็นหมิงซีก้มลงและวางซุปลงบนโต๊ะชาแล้วจะเดินออกไปฟู่ซือเยี่ยนได้กลิ่นหอม เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น เขาเห็นหมิงซีกำลังค่อย ๆ เดินออกไปทันใดนั้น ดวงตาอันห่างไกลของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเรียกหมิงซี "เดี๋ยวก่อน"หมิงซีหยุดฝีเท้าฟู่ซือเยี่ยนยืนขึ้นและพูดกับหลินเสวี่ยเวย "พี่วงกลมประเด็นสำคัญให้แล้ว ที่เหลือ โจวมู่จะพาหนูไปหาผู้จัดการเฉิน แล้วเขาจะเดินเรื่องให้หนู"หลินเสวี่ยเวยยังอยากพูดอะไรต่อ แต่เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนรอไม่ไหวที่กำลังเดินไปและโอบแขนของเขาไว้รอบเอวของหมิงซี "ที่รัก คุณมาที่นี่ทำไม"มือของหลินเสวี่ยเวยที่ถือเอกสารนั้นแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งหมิงซีไม่เคยชินกับการแสดงความรักใคร่ต่อหน้าคนอื่น แต่จากมุมตาของเธอ เธอเห็นหลินเสวี่ยเวยไม่ปกปิดความโกรธของตัวเอง หมิงซีเลยเงยหน้าขึ้นมามองฟู่ซือเยี่ยนด้วยดวงตาของเธอชื้น ๆ เธอและพูดอย่างอ่อนโยน "ฉันอยากมาหาคุณ"ใบหน้าอันเล็กที่ไร้เดียงสาของหมิงซีเป็นข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติ หากหมิงซีว
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ