ถุงลมนิรภัยก็ระเบิดดังปังท้ายของรถเก๋งเมอร์เซเดส-เบนซ์สีเทาถูกชนจนพัง และถูกดันไปข้างหน้าสองร้อยกว่าเมตร ชนราวบันไดก่อนหยุดถ้าระบบความปลอดภัยของรถไม่เปิดใช้งานทันเวลา รถจะพลิกคว่ำในทางกลับกัน เบนท์ลีย์สีดำ เนื่องจากได้คุมรถที่ดี ไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงใด ๆ กันชนหลุดออกไปครึ่งหนึ่งอย่างเดียว ไม่ได้เสียหายมากทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันสั้นหมิงซีตกตะลึงจนขยับตัวไม่ได้ มือและเท้าของเธอเย็นชาไปหมด และขาของเธออ่อนแรงด้วยประตูของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่เสียทรงเปิดออกป๋อซือเหนียนค่อย ๆ เดินลงรถ ฝีเท้าของเขาดูโซเซ เขาเอามือแตะหน้าผาก มีเลือดไหลออกจากหลังมือ ยังไม่รู้เขาเจ็บที่ไหนบ้างหลังจากนั้นไม่กี่วินาที หมิงซีวิ่งไปหาป๋อซือเหนียน พยุงแขนของ ป๋อซือเหนียน เธออยากพูดอะไรบางอย่างแต่เธอมือสั่น ริมฝีปากสั่นด้วย และออกเสียงไม่ได้แม้แต่พยางค์เดียวแต่ป๋อซือเหนียนกลับเห็นใบหน้าซีดเซียวของของหมิงซี ลูบหลังมือของเธอ ปลอบใจเธอ“ไม่เป็นไร หมิงซี พี่โอเคอยู่ครับ”รอยขีดที่แขนของเขาถูกเศษกระจกที่แตกจากการกระแทกอย่างรุนแรง ยังไม่ทราบว่ามีอาการบาดเจ็บใด ๆ อีกหรือเปล่าในเวลานี้ ประตูของเบ
ป๋อซือเหนี่ยนขมวดคิ้ว เขาไม่อยากกลับ เพราะเขากังวลว่า หมิงซีจะถูกชายคนนั้นทำร้ายโจวมู่ยิ้มและพูดว่า "คุณป๋อครับ แม่คุณฟู่และคุณหญิงจะทะเลาะกัน แต่สุดท้ายมักจะคืนดี คุณป๋อในฐานะคนนอก คุณอย่ายุ่งเรื่องของสามีภรรยาดีกว่าครับ ถ้าคคุณฟู่โกรธเพราะคุณจริง ๆ คุณฟู่ไม่เห็นแก่หน้าทั้งสิ้น คุณคงรับผลภายหลังไม่ไหวใช่ไหมครับ?”ดูเหมือนมีหมอกบังดวงตาหลังเลนส์ของป๋อซือเหนียน ราวกับว่าบังความเย็นชาของเจ้าของแวน เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก้าวเท้าเดินจากไปหลังจากรถสตาร์ทและจากไป ฟู่ซือเยี่ยนจึงปล่อยเธอเพื่อให้เธอหายใจได้หมิงซี ตัวสั่นไปทั้งตัว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา และเธอก็ยกมือขึ้นโดยไม่คิดฟู่ซือเยี่ยนจับข้อมือของเธอแน่น ๆ ความหนาวเย็นในดวงตาของเขาแทบจะกลืนเธอลงไปเขาเคยเตือนเธอแล้วว่า อย่าตีเขาอีกเพื่อผู้ชายคนอื่น แต่เธอก็เอามือไปแตะหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อผู้ชายคนอื่นปลายลิ้นของเขาสัมผัสฟันของหมิงซี คำพูดที่เขาพ่นออกมานั้นไม่เป็นที่พอใจอย่างยิ่ง " หมิงซี คุณหิวมากเหรอ? คุณมีเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ยังต้องออกเดทกับผู้ชาย คุณมันตำต้อยเกินไปไหม?"ทุกคำพูดเหมือนสว่านน้ำแข็งแทงหมิงซีด้
ในเวลาอันสั้น ฟู่ซือีเยี่ยนขับรถถึงสวนวิวเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อก่อนพวกเขาเคยมาที่นี่แต่อุทยานแห่งนี้จะปิดไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในเวลากลางคืน ยกเว้นในวันที่เข้าชมโดยเฉพาะรถของฟู่ซือเยี่ยนมีบัตรผ่านระดับ S จึงสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นเขาจอดรถบนเนินเขา จากนั้นอุ้มหมิงซีขึ้นไปบนฝากระโปรงหน้า แล้วเอามือทั้งสองข้างของเขาล้อมหมิงซีไว้ ถามว่า "คุณจำที่นี่ได้ไหม"ใบหน้าของหมิงซีเปลี่ยนเป็นสีแดงและขาวทันทีในวันครบรอบปีแรก เธอทำสามครั้งที่นี่เพื่อเป็นของขวัญตอบแทนเขาตอนนี้เขาพาตัวเองมาที่นี่ หมายความว่ายังไงขณะที่เธอกำลังคิดมั่วอยู่ ฟู่ซือเยี่ยนผลักเธอลงบนฝากระโปรงหน้า หลังของเธอก็ถูกกดลงกับพื้นผิวอลูมิเนียมเย็น ซึ่งแข็งและเย็นหมิงซีผลักเขาอย่างแรง แต่ฟู่ซือเยี่ยนทับเธออย่างแรงจากนั้น ริมฝีปากอันบางสัมผัสผิวของหมิงซีจากหน้าผากจนถึงปลายจมูกจนถึงคอ ทุกส่วนถูกปล้นอย่างป่าเถื่อนอย่างยิ่งหลังจากจูบกันเป็นเวลานาน ฟู่ซือเยี่ยนเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สวยงามของเขาย้อมไปด้วยความปรารถนาอันเย็นชา“ถ้าคุณต้องการมัน ผมจะทำให้คุณพอใจ ทำไมคุณต้องมองหาคนอื่น”เขาเข้
......ฟู่ซือเยี่ยนปรับชายกระโปรงให้เธอ จากนั้นอุ้มเธอไปที่ที่นั่งข้างคนขับ ให้เธอนั่งลงหมิงซีดูเหมือนตุ๊กตาผ้าที่เสียวิญญาณไป ไม่มีสีหน้าใด ๆ บนใบหน้าของเธอจนกระทั่งเขากลับมาที่ที่นั่งคนขับ หยิบทิชชู่เปียกออก ค่อย ๆ เช็ดมือ สีหน้าของหมิงซีจึงเปลี่ยนไป และเธอก็หันไปมองนอกหน้าต่างผมบนหน้าผากของเธอเปียกและติดอยู่ที่แก้มของเธอ ฟู่ซือเยี่ยนยกมือขึ้นเพื่อปัดมันออก แต่เขาเห็นหมิงซีตื่นตระหนก จนหลบเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความระมัดระวัง "คุณอย่าทำอะไร?"สีหน้าของฟู่ซือเยี่ยนแข็งครู่หนึ่ง "คุณยังโกรธอยู่หรือ?ผมให้คุณมีความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ ถือว่าผมชดเชยคุณแล้ว"แล้วเขากล่าวเสริมว่า “เคยสงสารผมบ้างไหม ผมยังเป็นผู้ป่วย การอดกลั้นไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ผมยังทนเลย”เขาอยากจะทำ แต่เธอร้องไห้หนักมาก แม้จะรู้ว่าเธอมีความสุข แต่เขาทนไม่ไหวที่เธอร้องไห้แบบนั้นเพราะเขากลัวว่าเธอจะเป็นลม“คุณ...หน้าด้าน! ฉันไม่มีอะไรกับพี่ ทำไมคุณรับโทรศัพท์แล้วให้เขาฟังเสียงของเรื่องแบบนั้น!”เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น ฟู่ซือเยี่ยนยิ้มเยาะอย่างเย็นชาอย่างเดียว“เขาโทรหาคุณตอนกลางคืน ทำไมคุณรับโทรศัพท์ไม่ได้? ถ้าฉผ
หมิงซีรู้สึกอึดอัด “ ฟู่ซือเยี่ยน คุณคิดว่าฉันเป็นใคร มันเป็นตุ๊กตาของคุณ หรือเป็นเพียงของเล่นที่คุณสามารถหยิบมาได้เมื่อคุณต้องการระบายตัณหาของคุณ?”สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย "คุณคิดอย่างนั้นเหรอ?"“ไม่งั้นละ คุณทำแบบนี้กับฉัน จะให้ฉันคิดยังไงล่ะ? ถ้าวันนี้คุณอยู่กับหลินเสวี่ยเวย คุณจะทำแบบนี้กับเธอเหรอ”“ไม่ครับ” เขาตอบโดยไม่ต้องคิดเพราะตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยอยากมีอะไรกับเสวี่ยเวยขนตาหมิงซีสั่นเล็กน้อย และความขมขื่นกระจายในลำคอของเธอ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดทำไมเธอถึงลืมอีกครั้ง?สำหรับฟู่ซือเยี่ยน เธอไม่คู่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอ่ยชื่อของหลินเสวี่ยวเวยเหตุผลที่เขาไม่แตะต้องหลินเสวี่ยเวยไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่รักเธอ แต่อาจเป็นอย่างที่หลินเสวี่ยเวยพูด เขาทะนุถนอมเธอมากเกินไปเมื่อคุณรักใครสักคนมากเกินไป คุณไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้เธอทนทุกข์เมื่อคุณยังไม่สามารถให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เธอได้เขาไม่เต็มใจที่จะให้หลินเสวี่ยเวยถูกคนตำหนิว่า หญิงชู้หมิงซียิ้มเศร้า ทันใดนั้นเธอคิดออกทุกเรื่อง“ ฟู่ซือเยี่ยน ฉันต้องทำยัง
ฟู่ซือเนี่ยนมองหมิงซีแวบหนึ่งด้วยความลึกซึ้ง อารมณ์บนใบหน้าของเขาหายไป เขาพลิกตัวไปเสียงประตู"ปัง"ดังขึ้น ประตูถูกกระแทกอย่างแรงหมิงซีนอนบนโซฟา ไม่ขยับตัว ความเจ็บปวดที่คลุมเครือกระจายในใจของเธอเวลาผ่านไปอย่างนาน เธอจึงกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา "หมิงซี ให้คุณอยู่คนเดียวอีกครั้งแล้ว"......หลังจากออกมาจากเคลียร์วอเตอร์เบย์ รถเบนท์ลีย์สีดำกกลับรถและมุ่งหน้าไปที่บาร์เมื่อกู้เหยียนโจวมาถึง มีขวดเหล้าเปล่าเจ็ดหรือแปดขวดวางอยู่บนโต๊ะแล้วใบหน้าอันหล่อเหลาของฟู่ซือเยี่ยนเสื่อมโทรม เขายกแก้วขึ้นและดื่มหมดในทีเดียว คนที่ดื่มกับเขาคือ ลู่จิ่งสิงแววตาของกู้เหยียนโจวดูเหมือนเขาเห็นคนบ้าสองคนเขาคว้าแก้วไวน์จากมือของฟู่ซือเยี่ยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ " ฟู่ซือเยี่ยน แกอยากตายเหรอไง?"ลู่จิ่งสิงดื่มหนักเหมือนกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเมา "เหล้าแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก"กู้เหยียนโจวยังไม่ทันพูด ฟู่ซือเยี่ยนก็แตะโต๊ะด้วยนิ้วเรียวยาวอีกครั้ง เพื่อส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟรินเหล้าให้เขาอีกพนักงานเสิร์ฟมองถือขวดเหล้า มองเจ้านายด้วยความลังเลกู้เหยียนโจวพูดด้วยความโกรธ "ออกไป!"พนักงานเสิ
สีหน้าของฟู่ซือเยี่ยนจริงจังเป็นพิเศษกู้เหยียนโจวเห็นฟู่ซือเยี่ยนมีสีหน้าอย่างนั้น เขาตกตะลึงและพูดต่อ"ถึงตอนนั้น ฉันคอยดูแกจะทำยังไงดี?"ฟู่ซือเยี่ยนขมวดคิ้วกู้เหยียนโจวพูดเสริม: "แกก็ทำตามอย่างที่แกคิดไป"ฟู่ซือเยี่ยนไม่พูดสักคำ แต่ลู่จิ่งสิงทนฟังไม่ได้แล้ว อ้าปากพูดตรง ๆ เลย“เขาหมายถึง หมิงซีชอบแก”“แม่งเอ๋ย!” กู้เหยียนโจวตกใจมาก“แกไม่รู้เหรอไง?”ริมฝีปากที่บางของฟู่ซือเยี่ยน โค้งเป็นรอยยิ้มประชด จากนั้นก็แข็งตัว“แกคิดมากไป คนที่เธอชอบไม่ใช่ฉัน!”เขาพูดอย่างเด็ดขาด ข้อนิ้วของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวขณะจับถ้วยเมื่ฟู่ซือเยี่ยนนึกถึงสีหน้าของหมิงซี่เมื่อเธอโต้เถียงกับเขาเพื่อป๋อซือเหนียนเมื่อคิดอีกครั้ง เมื่อสองปีที่แล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในใจของเธอตลอดทั้งหมดนี้กดทับหัวใจของฟู่ซือเยี่ยนอย่างแรงราวกับก้อนหินก้อนใหญ่ทำให้เขาหายใจไม่ออกสำหรับเขา นี่เป็นความอัปยศ!เขาอยากหักคอของเธอและคอของผู้ชายคนนั้นมากกู้เหยียนโจวรู้สึกตลก "เมื่อวานแกหมดสติ น้องหมิงซีร้องไห้อยู่หน้าห้องผ่าตัดตั้งสามชั่วโมง ตอนที่แกไม่ยังตื่นนะ เธอเฝ้าแกตลอด ไม่เคยไปไหน อดน้ำอดข้าว เธอจะไม่ชอบแกได้ยั
“ฉันไม่ใช่หมอ ไปที่นั่นก็ช่วยไม่ได้ รบกวนด้วยค่ะ แค่นี้ก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ”ตุ๊ด ตุ๊ด—อีกฝ่ายวางสายก่อนกู้เหยียนโจวตกใจจนสมองหยุดทำงานเรือยอร์ชที่กำลังจะมาหาเขา ตอนนี้บินจากเขาไป...เขา! ไม่! ยอม! เด็ด! ขาด!กู้เหยียนโจวไม่ยอมแพ้ เขาอยากพยายามคุยกับหมิงซีเพื่อเรือยอทช์ ดังนั้นเขาโทรหาหมิงซีอีกครั้ง“ยังไงคืนนี้เธอมาที่นี่ เอาเป็นว่าฉันชนะแล้ว”"ตูด ๆ ..."“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก”หลังจากกู้เหยียนโจวโทรหาหมิงซีห้าสาย เขาทำขยันโทรหาหมิงซีจนเธอปิดเครื่องทีนี้ ถึงตากู้เหยียนโจวแล้ว เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี“แกทำให้น้องหมิงซีไม่สบายใจอีกแล้วเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้…” เขาพูดเมื่อคืนหมิงซีอกสั่นขวัญหายขนาดนั้น จะบอกว่าเธอไม่ห่วงฟู่ซือเยี่ยน เขาไม่เชื่อเด็ดขาด เขายอมหักคอเองเพื่อเอาศีรษะมาเป็นเก้าอี้ให้คนอื่นนั่ง"ปัง--"เสียงที่ทุบของดังก้อง ชายคนนั้นเหวี่ยงขวดเหล้าและชุดน้ำชาทั้งโต๊ะลงบนพื้นสีหน้าของเขาน่ากลัวกว่าสีหน้าของซาตาน ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ถูกเศษกระจกบาด แต่เขาไม่สนใจเลย“เอาเหล้ามาเลย” เขาพูดกู้เหยียนโจวจะให้เขาบ้าขนาดนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เ
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ