บนเตียงของโรงพยาบาลคุณหมอตรวจเสร็จ หลินเสวี่ยเวยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อย เธอจำเป็นต้องพักฟื้นฟู่ซือเยี่ยนยืนข้างเตียงด้วยสายตาที่ลึกลับ เขาไม่สนใจคำพูดของคุณหมอหลินเสวี่ยเวยแอบมองเขาด้วยหางตา ใบหน้าด้านข้างของชายคนนั้นหล่อเหลา ภายใต้แสงจากหลอดไส้ ความหล่อเหลานั้นสะดุดตาเป็นพิเศษฟู่ซือเยี่ยนดูดีจริง ๆ มีกบุคลิกที่เย็นชาแต่มีเสน่ห์โดยกำเนิด แม้ว่าเขาจะยืนนิ่ง แต่เขาสามารถทำให้ผู้คนหลงไหลความหลงใหลในดวงตาของหลินเสวี่ยเวยนั้นไม่ปิดบัง เธอจะไม่มีวันปล่อยคนเพอร์เฟคแบบนี้ไปเมื่อนึกถึงข้อนี้ ดวงตาของนางก็เริ่มเปียกอีกครั้ง “พี่อาเยี่ยนคะ...ทำไมหนุยังรู้สึกเจ็บมาก ๆ และไม่สบายมากด้วย...”ฟู่ซือเยี่ยนขมวดคิ้วอย่างเย็นชา "หนูยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่เหรอ? งั้นพี่จะให้เหยียนโจวตรวจหนูอีกครั้ง"“ไม่ ไม่ต้องแล้วค่ะพี่ ดูเหมือนหนู่ก็ไม่ได้เจ็บมาก อีกอย่างพี่เหยียนโจวยุ่งมาก หนูจะไม่รบกวนเขาดีกว่าค่ะ”หลินเสวี่ยเวยตื่นตระหนกเล็กน้อย เธอไม่อยากให้ กู้เหยียนโจว มา เขาเป็นฉลาดเหมือนสุนัขจิ้งจอก และไม่มีอะไรพ้นจากสายตาของเขาได้“ดีแล้วแหละ หนูไม่ได้เป็นอะไร” เสียงของฟู่ซือเยี่ยนยังคงไร้อ
แต่ฟู่ซือเยี่ยนเหลือบมองอย่างเย็นชา เขาลังเลแป๊บหนึ่งและพูดว่า "ไม่ได้"สายตานั้นเย็นชาและรุนแรง ป้าหลินตกใจเธอไม่เข้าใจว่าการขอตบเพื่อแลกกับการตบนั้นไม่ใช่เรื่องมากเกินไป แต่คุณชายฟู่กลับไม่ให้เมื่อก่อนคุณชายฟู่เอ็นดูคุณหนูมากไม่ใช่เหรอ?แม้ว่าหมิงซีเป็นคนที่นอนเตียงเดียวกันกับเขา แต่เขาก็ควรยุติธรรมหน่อยบรรยากาศเริ่มเย็นลงชั่วขณะหนึ่งหลินเสวี่ยเวยโกรธจนต้องเขี่ยฝ่ามืออย่างแรง แต่เธอไม่กล้าแสดงความโกรธนั้นเธอพูดอย่างมีน้ำใจ "ช่างเถอะ ป้าหลิน ป้าอย่าให้พี่อาเยี่ยนต้องเหนื่อยใจเลย นิสัยของหมิงซี เธอคงไม่ยอมหรอก ให้เธอมาขอโทาก็พอค่ะ"คำพูดเหล่านี้ยังชี้ให้เห็นโดยปริยายว่า หมิงซีขี้เหนียว เธอไม่เหมือนกัน เธอเป็นสุภาพสตรี หมิงซีสู้ไม่ได้ทำแบบนี้ ยังสามารถเอาชนะใจพี่อาเยี่ยนได้อีกด้วยส่วนไอ้สารเลวนั่น เธอจัดการได้ทุกเมื่อเธอจะไม่ยอมเสียเปรียบเปล่า ๆ หรอกจริงอย่างที่หลินเสี่วยเวยคิด เห็นหลินเสวี่ยเวยใจกว้างขาดนี้ ฟู่หมิงซีอารมณ์ดีขึ้นเลยเขาอ้าปากและพูดว่า "เสวี่ยเวย พี่ขอโทษแทนหมิงซีครับ "อะไรนะคะ !ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยซีดลง เธอนึกว่าเธอกำลังประสาทหลอน!ทำไมเขาต้
หมิงซีลืมตาดวงตาเต็มไปด้วยสีดำ สีขาว และสีเทา นี่เป็นห้องที่แปลกตาเธอขมวดคิ้ว ขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้น เธอได้ยินเสียงเปิดประตู“หนูตื่นแล้วเหรอ?” ป๋อซือเหนียนรีบเดินเข้ามา เขาพยุงหมิงซี ลุกนั่งหมิงซีสัมผัสผากของเธอ พูดเสียงที่แหบห้าว “หนูอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”“หนูเป็นลม หมอตรวจแล้วบอกว่า หนูเหนื่อยเกิน ให้กลับบ้านพักผ่อนเยอะ ๆ พี่ไม่รู้บ้านหนูอยู่ไหน พี่เลยพาหนูกลับบ้านของพี่ครับ”หมิงซีเม้มริมฝีปากของเธอ แต่ยังต้องใช้เวลารับความจริงที่ว่าเธอตื่นมาในบ้านของชายอื่นป๋อซือเหนียนกล่าวขอโทษ: "หมิงซี พี่ขอโทษ พี่รู้พี่ไม่ควรทำแบบนี้ พี่ได้โทรหาซูเนี่ยน แต่พี่โทรไม่ติดครับ"เมื่อป๋อซือเหนียนพูดเช่นนี้ หมิงซีรู้สึกเกรงใจถ้าไม่ใช่เพราะพี่ คงไม่มีใครสนใจว่าเธอนอนบนพื้นหรอกเธอพูดเบา ๆ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ขอบคุณค่ะพี่”ป๋อซือเหนียนมองใบหน้าเล็ก ๆ ของหมิงซี และดวงตาที่แจ่มใสและอ่อนโยนของเขาไม่สามารถซ่อนความห่วงใยของเขาได้“หมิงซี ตอนที่พี่ถึง พี่เห็นสามีของหนูอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งไป เขา...”ป๋อซือเหนียนขมวดคิ้วและถามต่อ "เขาดูแลหนูไม่ดีหรือเปล่า?"หมิงซีเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้จะตอบอย่า
หลังจากลงจากสะพานยาว สภาพจราจรคล่องดี และความเร็วของรถก็เร็วขึ้นอาจเป็นเพราะป๋อซือเหนียนขับรถนิ่มเกินจนหมิงซีรู้สึกง่วงเล็กน้อยนับตั้งแต่เธอตั้งครรภ์ เธอก็ง่วงนอนเป็นพิเศษ เธอพยายามอดนอนครู่หนึ่ง แต่เธอก็ยังหลับไปหลังจากถึงเคลียร์วอเตอร์เบย์แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์สีเทาก็หยุดอย่างนิ่งป๋อซือเหนียนไม่ปลุกเธอ เขาแค่ดับรถแล้วนั่งในรถเงียบ ๆเขาปรับแอร์ให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม และหลับตาลงเพื่อมองใบหน้าด้านข้างของหญิงคนนี้หน้าตาของหมิงซีมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าตอนที่เธอยังเป็นนักศึกษา สมัยนั้นเธอยังท้วม ๆ และดูเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่เลยตอนนี้เพราะเธอผอม คางของเธอจึงแหลม ซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูเล็กลงความบริสุทธิ์นั้นผสมด้วยความแตกร้าวง่ายที่ยั่วยุคนได้เสน่ห์นี้สามารถปลุกเร้าความสงสารและการหลงไหลของผู้ชายได้อย่างง่ายดายดวงตาของป๋อซือเหนียนมืดลงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอานิ้วที่เรียวดันโครงแวนบนสันจมูก จากนั้นหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มอย่างไม่สะทกสะท้านรสชาติของน้ำนั้นไหลในช่องระหว่างริมฝีปากและลิ้นของเขาทันใดนั้นเขารู้สึกว่า น้ำแร่ธรรมชาติของวันนี้หวานกว่าวันอื่นนอกหน้า
ถุงลมนิรภัยก็ระเบิดดังปังท้ายของรถเก๋งเมอร์เซเดส-เบนซ์สีเทาถูกชนจนพัง และถูกดันไปข้างหน้าสองร้อยกว่าเมตร ชนราวบันไดก่อนหยุดถ้าระบบความปลอดภัยของรถไม่เปิดใช้งานทันเวลา รถจะพลิกคว่ำในทางกลับกัน เบนท์ลีย์สีดำ เนื่องจากได้คุมรถที่ดี ไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงใด ๆ กันชนหลุดออกไปครึ่งหนึ่งอย่างเดียว ไม่ได้เสียหายมากทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันสั้นหมิงซีตกตะลึงจนขยับตัวไม่ได้ มือและเท้าของเธอเย็นชาไปหมด และขาของเธออ่อนแรงด้วยประตูของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่เสียทรงเปิดออกป๋อซือเหนียนค่อย ๆ เดินลงรถ ฝีเท้าของเขาดูโซเซ เขาเอามือแตะหน้าผาก มีเลือดไหลออกจากหลังมือ ยังไม่รู้เขาเจ็บที่ไหนบ้างหลังจากนั้นไม่กี่วินาที หมิงซีวิ่งไปหาป๋อซือเหนียน พยุงแขนของ ป๋อซือเหนียน เธออยากพูดอะไรบางอย่างแต่เธอมือสั่น ริมฝีปากสั่นด้วย และออกเสียงไม่ได้แม้แต่พยางค์เดียวแต่ป๋อซือเหนียนกลับเห็นใบหน้าซีดเซียวของของหมิงซี ลูบหลังมือของเธอ ปลอบใจเธอ“ไม่เป็นไร หมิงซี พี่โอเคอยู่ครับ”รอยขีดที่แขนของเขาถูกเศษกระจกที่แตกจากการกระแทกอย่างรุนแรง ยังไม่ทราบว่ามีอาการบาดเจ็บใด ๆ อีกหรือเปล่าในเวลานี้ ประตูของเบ
ป๋อซือเหนี่ยนขมวดคิ้ว เขาไม่อยากกลับ เพราะเขากังวลว่า หมิงซีจะถูกชายคนนั้นทำร้ายโจวมู่ยิ้มและพูดว่า "คุณป๋อครับ แม่คุณฟู่และคุณหญิงจะทะเลาะกัน แต่สุดท้ายมักจะคืนดี คุณป๋อในฐานะคนนอก คุณอย่ายุ่งเรื่องของสามีภรรยาดีกว่าครับ ถ้าคคุณฟู่โกรธเพราะคุณจริง ๆ คุณฟู่ไม่เห็นแก่หน้าทั้งสิ้น คุณคงรับผลภายหลังไม่ไหวใช่ไหมครับ?”ดูเหมือนมีหมอกบังดวงตาหลังเลนส์ของป๋อซือเหนียน ราวกับว่าบังความเย็นชาของเจ้าของแวน เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก้าวเท้าเดินจากไปหลังจากรถสตาร์ทและจากไป ฟู่ซือเยี่ยนจึงปล่อยเธอเพื่อให้เธอหายใจได้หมิงซี ตัวสั่นไปทั้งตัว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา และเธอก็ยกมือขึ้นโดยไม่คิดฟู่ซือเยี่ยนจับข้อมือของเธอแน่น ๆ ความหนาวเย็นในดวงตาของเขาแทบจะกลืนเธอลงไปเขาเคยเตือนเธอแล้วว่า อย่าตีเขาอีกเพื่อผู้ชายคนอื่น แต่เธอก็เอามือไปแตะหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อผู้ชายคนอื่นปลายลิ้นของเขาสัมผัสฟันของหมิงซี คำพูดที่เขาพ่นออกมานั้นไม่เป็นที่พอใจอย่างยิ่ง " หมิงซี คุณหิวมากเหรอ? คุณมีเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ยังต้องออกเดทกับผู้ชาย คุณมันตำต้อยเกินไปไหม?"ทุกคำพูดเหมือนสว่านน้ำแข็งแทงหมิงซีด้
ในเวลาอันสั้น ฟู่ซือีเยี่ยนขับรถถึงสวนวิวเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อก่อนพวกเขาเคยมาที่นี่แต่อุทยานแห่งนี้จะปิดไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในเวลากลางคืน ยกเว้นในวันที่เข้าชมโดยเฉพาะรถของฟู่ซือเยี่ยนมีบัตรผ่านระดับ S จึงสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นเขาจอดรถบนเนินเขา จากนั้นอุ้มหมิงซีขึ้นไปบนฝากระโปรงหน้า แล้วเอามือทั้งสองข้างของเขาล้อมหมิงซีไว้ ถามว่า "คุณจำที่นี่ได้ไหม"ใบหน้าของหมิงซีเปลี่ยนเป็นสีแดงและขาวทันทีในวันครบรอบปีแรก เธอทำสามครั้งที่นี่เพื่อเป็นของขวัญตอบแทนเขาตอนนี้เขาพาตัวเองมาที่นี่ หมายความว่ายังไงขณะที่เธอกำลังคิดมั่วอยู่ ฟู่ซือเยี่ยนผลักเธอลงบนฝากระโปรงหน้า หลังของเธอก็ถูกกดลงกับพื้นผิวอลูมิเนียมเย็น ซึ่งแข็งและเย็นหมิงซีผลักเขาอย่างแรง แต่ฟู่ซือเยี่ยนทับเธออย่างแรงจากนั้น ริมฝีปากอันบางสัมผัสผิวของหมิงซีจากหน้าผากจนถึงปลายจมูกจนถึงคอ ทุกส่วนถูกปล้นอย่างป่าเถื่อนอย่างยิ่งหลังจากจูบกันเป็นเวลานาน ฟู่ซือเยี่ยนเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สวยงามของเขาย้อมไปด้วยความปรารถนาอันเย็นชา“ถ้าคุณต้องการมัน ผมจะทำให้คุณพอใจ ทำไมคุณต้องมองหาคนอื่น”เขาเข้
......ฟู่ซือเยี่ยนปรับชายกระโปรงให้เธอ จากนั้นอุ้มเธอไปที่ที่นั่งข้างคนขับ ให้เธอนั่งลงหมิงซีดูเหมือนตุ๊กตาผ้าที่เสียวิญญาณไป ไม่มีสีหน้าใด ๆ บนใบหน้าของเธอจนกระทั่งเขากลับมาที่ที่นั่งคนขับ หยิบทิชชู่เปียกออก ค่อย ๆ เช็ดมือ สีหน้าของหมิงซีจึงเปลี่ยนไป และเธอก็หันไปมองนอกหน้าต่างผมบนหน้าผากของเธอเปียกและติดอยู่ที่แก้มของเธอ ฟู่ซือเยี่ยนยกมือขึ้นเพื่อปัดมันออก แต่เขาเห็นหมิงซีตื่นตระหนก จนหลบเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความระมัดระวัง "คุณอย่าทำอะไร?"สีหน้าของฟู่ซือเยี่ยนแข็งครู่หนึ่ง "คุณยังโกรธอยู่หรือ?ผมให้คุณมีความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ ถือว่าผมชดเชยคุณแล้ว"แล้วเขากล่าวเสริมว่า “เคยสงสารผมบ้างไหม ผมยังเป็นผู้ป่วย การอดกลั้นไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ผมยังทนเลย”เขาอยากจะทำ แต่เธอร้องไห้หนักมาก แม้จะรู้ว่าเธอมีความสุข แต่เขาทนไม่ไหวที่เธอร้องไห้แบบนั้นเพราะเขากลัวว่าเธอจะเป็นลม“คุณ...หน้าด้าน! ฉันไม่มีอะไรกับพี่ ทำไมคุณรับโทรศัพท์แล้วให้เขาฟังเสียงของเรื่องแบบนั้น!”เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น ฟู่ซือเยี่ยนยิ้มเยาะอย่างเย็นชาอย่างเดียว“เขาโทรหาคุณตอนกลางคืน ทำไมคุณรับโทรศัพท์ไม่ได้? ถ้าฉผ
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ