2
ลองเชิงด้วยการคุยกันทางโทรศัพท์
การพูดคุยเรื่องแผนการเจรจาซื้อที่ดินตลาดน้ำคลองพนาลีผ่านไปด้วยความอึดอัดซึ่งได้ข้อสรุปว่าสรันศักดิ์มอบหมายงานนี้ให้ปัณกรณ์เพียงคนเดียว ส่วนปราวินชวดไปอีกตามเคย ผู้บริหารหนุ่มทั้งสองเดินออกจากห้องท่านประธานพร้อมกัน
“ไอ้ปัณ! มึงคิดจะกินรวบคนเดียวเลยหรือไงวะ?”
ใช้คำว่า ‘กินรวบ’ ทำเหมือนกูเป็นนายทุนผูกขาดไปได้
ปัณกรณ์หันกลับมามองพี่ชายตัวเองที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา บรรยากาศรอบตัวของสองพี่น้องไม่ต่างจากสงครามอารมณ์ขนาดย่อม
“ที่ผ่านมาพ่อให้มึงทำกี่โพรเจกต์แล้วล่ะ เคยทำสำเร็จไหม?” สายตาดูแคลนพี่ชายและไร้ซึ่งความเคารพทำให้ปราวินเกือบง้างหมัดใส่ปัณกรณ์
“กูก็พยายามอยู่นี่ไง มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้จบบริหารธุรกิจ ประสบการณ์สายนี้กูก็มีไม่มากพอ”
“กูว่ามึงกลับไปทำงานเป็นนักวิจัยสายวิทยาศาสตร์ตามเดิมเถอะ ทุกวันนี้ต้องทำงานที่ตัวเองไม่ถนัดแถมความรู้ไม่ถึง โคตรเป็นภาระคนอื่นเลย” ปัณกรณ์ส่ายหน้าด้วยความระอาเมื่อรู้ว่าพี่ชายของเขาดื้อรั้นไม่จบไม่สิ้น
“ไอ้ปัณ มึงก็รู้ว่ากูทำเพื่ออะไร”
“ดรัลพร? ถ้ามึงคิดว่าการเอาชนะใจผู้หญิงคนเดียวด้วยการขึ้นเป็นประธานบริษัทพร้อมกับผลงานห่วยแตกก็เชิญตามสบาย แต่ก่อนอื่นช่วยบริหารงานให้ดีเท่าเศษเสี้ยวของผลงานกูบ้าง” ปัณกรณ์ยิ้มยกมุมปากสูงหนึ่งข้าง ก่อนจะหันหลังเดินไปพร้อมกับนายเอกเลขาคนสนิท
“ไอ้น้องชั่ว มึงมันคนไม่มีหัวใจ!” เสียงตะโกนด่าไล่หลังไม่ได้ทำให้คนที่ทะเยอทะยานสะเทือนใจสักนิด เพียงแต่แลด้วยหางตาก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเช็กหุ้น
ไม่มีหัวใจก็ถูกต้องแล้วเพราะธุรกิจคือการแข่งขันไม่มีคำว่าครอบครัว!
พนักงานสาว ๆ ที่นั่งทำงานเห็นว่าเจ้านายทั้งสองมีปากเสียงกันอีกแล้วก็รีบลุกขึ้นมาสุมหัวนินทากันยกใหญ่
“พวกเธอ ท่านรองประธานปัณกรณ์ทำตัวร้ายกาจใส่พี่ชายเขาอีกแล้ว แต่ทำไมฉันช๊อบชอบ เพี้ยง! ถ้าชาตินี้ไม่ถูกหวยก็ขอได้ถวายตัวเป็นเมียคุณปัณเถอะ”
“ฉันชอบด้วยคน ไม่ใช่คุณปราวินไม่ดีนะ แต่คุณปัณกรณ์หล่อ ฉลาด กร้าวใจแถมยังดุเหมือนพระเอกมาดแบดบอยในละคร แบบนี้สเป็กเลย”
“โอ๊ย! ตื่นจ้าสาว วาสนาพนักงานตัวเล็กตัวน้อยอย่างเราทำได้แค่แหงนหน้ามองเท่านั้น นู่น พวกดาราไฮโซสวย ๆ ต่อคิวยาวเป็นหางว่าว”
“อย่ามาดับฝันกันได้ป่ะ ขอให้ฉันได้มีความหวังสัก 1 เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี”
ในขณะที่บรรดาพนักงานกำลังซุบซิบนินทาเรื่องความหล่อของเจ้านายตัวเอง ผู้จัดการวัยสี่สิบเดินเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“เลิกเม้าท์กันได้แล้วย่ะ ทำงานเดี๋ยวนี้ มัวแต่เปรียบเทียบความหล่อกันอยู่ได้ ไร้สาระ” น้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้สาว ๆ รีบเดินไปนั่งโต๊ะประจำของตนเอง แต่ดูเหมือนคำพูดจะขัดกับการกระทำ เพราะมือถือของผู้จัดการแผนกตั้งรูปคุณปัณกรณ์เป็น wallpaper
รองประธานหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัว ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนังสีดำ เขาหลับตาเอนกายกระดิกนิ้วมืออยู่พักใหญ่ พยายามขบคิดว่าจะทำอย่างไรให้ให้เจ้าของตลาดน้ำคลองพนาลีขายที่ดินให้เขา
ชาวบ้านที่มีอุดมการณ์มาก่อนเงินทอง เป็นโจทย์ยากที่ทำให้หนักใจไม่ใช่น้อยจะว่าไปมีแต่ลูกน้องของคุณพ่อติดต่อไปซื้อที่ดิน แต่ครั้งนี้เขาขอลองหยั่งเชิงดูเองบ้าง
ปัณกรณ์ : สวัสดีครับ ใช่เบอร์โทรคุณมาลีเจ้าของตลาดน้ำไหมครับ
เจ้าของตลาด : [ใช่ค่ะ แต่คุณมาลีไม่อยู่ ถ้ามีธุระอะไรฝากฉันไว้ได้ค่ะ ฉันเป็นลูกสาว]
ลูกสาวเจ้าของตลาดน้ำงั้นหรอ?
ปัณกรณ์ : ลูกน้องที่บริษัทผมเคยติดต่อซื้อตลาดน้ำคลองพนาลีกับที่ดินไปหลายเดือนก่อน ไม่ทราบว่าถ้าผมเสนอราคาเพิ่มเป็นสามเท่าพอจะคุยกันได้ไหมครับ?
เจ้าของตลาด : [จะสามเท่า ห้าเท่าหรือร้อยเท่าก็ไม่ขายค่ะ ว่าแต่สนใจซื้อขนมร้านฉันไหมคะ มีอินทนิล ลูกชุบ บุหลันดั้นเมฆ อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ ซื้อสามเท่าไม่ขายนะคะ ขายแต่สามกล่องร้อยค่ะ รับไหมคะ?]
ปัณกรณ์ : ….
ยัยลูกสาวเจ้าของตลาดน้ำ จงใจกวนประสาทกันนี่หว่า
หากฝืนคุยต่อไปอาจจะเผลอหลุดปากด่าออกไปได้ เขาต้องใช้วิธีที่แยบยลมากกว่านี้
ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกลูกสาวเจ้าของตลาดน้ำยียวนกวนประสาท “งานที่สั่งได้เรื่องไหม?” ปัณกรณ์เอ่ยถามถึงเรื่องที่ใช้ให้ 'เอก' เลขาวัยกลางคนไปสืบสาวเรื่องราวครอบครัวของเจ้าของตลาดน้ำคลองพนาลีที่ผ่านมาพนักงานในบริษัทลองเจรจาหลายครั้งไม่สำเร็จ อาจจะต้องหาจุดอ่อนดูว่าจะสามารถใช้วิธีไหนโน้มน้าวใจได้บ้าง“ได้เรื่องครับ” เอกตอบพร้อมกับวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ ปัณกรณ์หยิบมันขึ้นมาเลื่อนดูข้อมูลซึ่งเอกก็กล่าวบรรยายไปด้วย“เจ้าของตลาดน้ำชื่อว่ามาลีเป็นภรรยาของนายบุญชัยมีฐานะดีในระดับหนึ่ง ไม่มีหนี้สินหรือการผ่อนผันข้าวของเครื่องใช้ใด ๆ พวกเขามีลูกสาวหนึ่งคนชื่อว่าณิชาอายุยี่สิบปีกำลังเรียนมหาวิทยาลัยเปิดในกรุงเทพมหานคร ที่ดินเจ้าของตลาดน้ำจดทะเบียนในชื่อของคุณณิชา ส่วนที่ดินรอบนอกจะเป็นชื่อของคุณมาลีทั้งหมดครับ” รองประธานหนุ่มเลื่อนมองรูปถ่ายไปเรื่อยๆ อยากจะรู้เหมือนกันว่าลูกสาวเจ้าของตลาดน้ำที่กวนประสาทเขาเมื่อสักครู่จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรหืม?ดวงตาคมกริบดุดันเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปถ่ายหญิงสาวตัวเล็ก ผิวขาวหน้าตาน่ารัก มีรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้
ณิชาได้รับออเดอร์จากป้านุ่นหนึ่งในชาวบ้านที่อาศัยอยู่ท้ายคลองให้นำขนมชั้นยี่สิบกล่องไปส่งให้เพราะมีงานทำบุญบ้านพอดี เจ๊มาลีรู้ข่าวจึงขอร่วมบุญด้วย ระหว่างที่ณิชาเดินถือถาดขนมชั้นไปตามทางก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันโครม!เธอชนเข้ากับชายหนุ่มรูปร่างสูงคนหนึ่งจนขนมชั้นร่วงตกพื้น “ขอโทษนะครับ พอดีผมไม่ทันมอง” เสียงของเขาดังขึ้น และรีบเข้ามาช่วยเธอเก็บกล่องขนมที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาวางเรียงรายบนถาด ณิชาเองก็ก้มลงเก็บเช่นกัน สายตาสองคู่สบกันโดยบังเอิญ เธอกับเขานิ่งไปชั่วขณะเหมือนเวลาหยุดเดิน ชายหนุ่มรู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและความน่ารักของหญิงสาวตรงหน้าลูกสาวเจ้าของตลาดน้ำสวยกว่าในรูปเยอะ ผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อย ดูไร้เดียงสา ให้นั่งมองทั้งวันคงไม่เบื่อ ต้องขอถอนคำพูดที่บอกว่าหน้าตาธรรมดาขึ้นมาทันที ส่วนเธอเองก็แอบมองเขาเช่นกัน นาน ๆ ทีจะมีคนหล่อมาเดินเที่ยวตลาดน้ำสักคน ถ้าสาวน้อยสาวใหญ่ได้เห็นคงหลงกันให้วุ่น ทั้งสองสายสายตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบดึงสติกลับมาเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างว้าวุ่นใจไม่น้อย“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไม่ได้ตั้งใจ” ณิชาพูดเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที
ณิชาพาปัณกรณ์เดินย้อนกลับทางเดิมพลางชี้นกชี้ไม้แนะนำร้านค้ารอบ ๆ ตลาดน้ำให้ดูว่ามีอะไรขายบ้างซึ่งรองประธานหนุ่มก็ฟังไปเพลิน ๆ มีบางช่วงอดปรามาสในใจไม่ได้ว่าก็แค่ของพื้นบ้านธรรมดา คุณภาพกับมาตรฐานมันจะไปดีสู้สินค้าราคาสูงที่ขายในห้างได้อย่างไร อันที่จริงณิชาตั้งใจว่าจะพาเขาไปร้านขายสินค้าแฮนด์เมด แต่ปัณกรณ์ต้องรีบกลับพอดี เธอจึงต้องเดินมาส่งเขาที่ลานจอดรถแทน“พอดีว่าช่วงบ่ายพี่ต้องช่วยพ่อทำงานน่ะ” เขากดริโมตปลดล็อกประตูรถยนต์ ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่เดินมาส่ง “พี่กลัวว่าครั้งหน้ามาแล้วไม่เจอณิ พี่ขอเบอร์ไว้คุยกับณิได้ไหม” ปัณกรณ์ลุ้นคำตอบจากปากหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกัน เขากลัวว่าจะรุกแรงเกินไปจึงอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้คนที่ยืนถือน้ำใบเตยฟัง “คือว่าพี่กำลังเรียนปริญญาโท ต้องการข้อมูลไว้ทำธีสิสเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่เขาแต่งขึ้นทั้งเพ ขอแค่เธอเชื่อในสิ่งที่เขาพูดก็พอ“ได้ค่ะ ระหว่างนี้ถ้าพี่ปัณมีข้อสงสัยหรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ก็ส่งข้อความมาถามณิได้เลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างตอบรับด้วยความจริงใจ ทั้งแววตาทั้งท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติ ใส่ซื่อ ไม่ปรุงแ
รองประธานหนุ่มกำลังนั่งดูดซิการ์พร้อมกับอ่านข้อความอยู่บริเวณริมสระว่ายน้ำ เขายิ้มยกมุมปากสูงเพราะแผนการที่วางไว้กำลังดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ลูกสาวเจ้าของตลาดน้ำหลอกง่ายกว่าที่คิด เหยื่อติดเบ็ดง่ายขนาดนี้ KanaForestLuxury Project คงเป็นรูปเป็นร่างได้ในไม่ช้า ตำแหน่งประธานบริษัทจะต้องตกเป็นของเขาคนเดียวทว่าการพักผ่อนหย่อนใจกำลังจะจบลงในไม่ช้า เมื่อปราวินพี่ชายคนโตเดินตรงเข้ามาหาน้องชายด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์“มึงไปทำอะไรที่ตลาดน้ำ?” น้ำเสียงของปราวินที่เอ่ยถามปัณกรณ์ดูเหมือนจะจงใจหาเรื่องมากกว่าการถามไถ่ทั่วไป“ก็ไปเที่ยวไง” เขาตอบห้วนๆ “คนอย่างมึงอ่ะนะไปเที่ยวตลาดน้ำ กูไม่เชื่อหรอก มึงคิดจะทำอะไรกันแน่?”“เจรจาเรื่องการซื้อขายที่ดิน” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรต้องปิดบังเพราะงานนี้สรันศักดิ์เป็นคนมอบหมายให้เขาทำแต่เพียงผู้เดียว“มึงก็เลยเข้าหาน้องผู้หญิงคนนั้นน่ะหรอ”“แล้วมีปัญหาอะไรวะ?” ปัณกรณ์เริ่มไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษที่กำลังถูกตำรวจสอบสวนอย่างไรชอบกล ไม่รู้ว่าไอ้พี่ชายคนนี้จะยุ่งวุ่นวายกับเขาทำไมนักหนา“กูก็ไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่สิ่งที่มึงกำลังทำคือ
3 อาทิตย์ผ่านไป ปัณกรณ์ส่งข้อความคุยกับณิชาอยู่เรื่อย ๆ จนทั้งคู่เริ่มสนิทกันผ่านช่องทางออนไลน์ ความผูกพันผ่านทางตัวอักษรทำให้ณิชาใจจดใจจ่อรอคอยที่จะได้เจอพี่ปัณอีกครั้งเช้าวันนี้ถึงกำหนดการที่เจ๊มาลีต้องเดินทางไปดูแลยายที่ต่างจังหวัด หล่อนฝากลูกสาวกับสามีดูแลตลาดน้ำให้ดีซึ่งสองพ่อลูกก็ตกปากรับคำเป็นเป็นมั่นเป็นเหมาะ ซึ่งณิชาจะดูแลในส่วนร้านขายขนมที่อยู่หน้าบ้านกับความเรียบร้อยของตลาดน้ำ ส่วนบุญชัยผู้เป็นพ่อก็จะขลุกอยู่ที่สวนหลังบ้านดังเดิม“พ่อจ๋า พ่อจำพี่ปัณนักศึกษาปริญญาโทคนที่ณิเล่าให้ฟังได้ไหมจ๊ะ พี่เขาต้องการทำธีสิสเลยมาหาข้อมูลที่ตลาดน้ำของเรา”“จำได้สิลูก” บุญชัยตอบลูกสาวเงยหน้าในขณะที่ตนเองกำลังคัดมะพร้าวส่งให้ลูกน้องไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ“วันนี้พี่เขาจะมาให้ณิสอนทำอาหารกับเครื่องดื่มที่บ้านของเรา พ่อจะว่าอะไรไหมจ๊ะ?”“โอ๊ย! ณิสอนเองจะไหวหรอ ไปให้คนอื่นสอนดีกว่ามั้ง ถ้าเกิดทำออกมาแล้วกินไม่ได้ขึ้นมาจะพานขายขี้หน้าเขาเอานา” บุญชัยแกล้งพูดหยอกล้อลูกสาว เขารู้อยู่แล้วว่าฝีมือการทำอาหารกับขนมของณิชาอร่อยได้เจ๊มาลีมาล้วน ๆ“พ่ออ่ะ ใจร้ายจัง” ณิชาทำหน้าน้อยใจพ่อบุญชัย เขาเห็
ปัณกรณ์พรูลมหายใจเบา ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์เขาหยิบจับอุปกรณ์การทำน้ำใบเตยตามที่ณิชาบอกซึ่งขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากเท่าไร แค่ช่วยล้างใบเตย จากนั้นนำไปต้มในน้ำร้อนก็จบขั้นตอนแต่แกงเขียวหวานมังคุดกุ้งสดใช้เวลานานหน่อย ไหนจะแกะกุ้ง แกะเปลือกมังคุด ตำพริกแกงอีกเล่นเอาเขาเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดจะทำอะไรยุ่งยากแบบนี้ ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็พอ ณิชาเห็นท่าทางเงอะงะของผู้ช่วยหนุ่มเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดซึมตามผิวหนังก็อดอมยิ้มไม่ได้ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่เคยเข้าครัวเธอเดินไปหยิบน้ำลอยดอกมะลิกับผ้าขนหนูที่แช่ดอกไม้สดมาให้ปัณกรณ์คลายร้อน ทว่ารองประธานหนุ่มเห็นดอกไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำก็นิ่งงันไปชั่วขณะ เขาไม่เคยดื่มน้ำจากขัน และไม่มั่นใจว่าสะอาดหรือไม่ แต่เจ้าของบ้านดันยืนกดดันอยู่ตรงหน้า ทำอะไรไม่ได้อีกตามเคยนอกจากจำใจรับมันมาดื่มก็ถือว่าพอใช้ได้...แค่น้ำเปล่าธรรมดาแต่ทำไมหอมดอกมะลิจับใจ ส่วนผ้าขนหนูก็มีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนเช่นกัน ว่าจะแค่จิบเล็กน้อย รู้ตัวอีกทีก็ดื่มจนหมดขันแม่ครัวคนสวยกับผู้ช่วยคนเก่งช่วยกันลงมือทำเครื่องดื่มกับอาหารคาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ปัณกรณ์คว้าต้นคอขาวเนียนของหญิงสาวมาอยู่ในระยะประชิดทำให้ณิชาตกใจทำตัวไม่ถูก เขาเพ่งมองใบหน้าสวยหวานได้รูปพลันให้ชวนเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปกับความงดงามที่ธรรมชาติมอบให้โดยไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆความเมามายที่เกิดขึ้นทำให้เขายกฝ่ามือขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนสวยและเผยรอยยิ้มอย่างพอใจยามที่ได้สบสายตากับเธอเจ้าตัวไม่รอช้าโน้มใบหน้าหล่อลงมาบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม ณิชาพยายามผละตัวออกห่างจากเขา แต่ก็ไม่อาจต้านรสจูบดุดันซึ่งเขามอบให้อย่างกะทันหันได้ ลิ้นสากสัมผัสภายในโพรงปากเล็กเข้าไปเกี่ยวพันกันอย่างร้อนแรงความซาบซ่านหวือหวาก่อตัวขึ้นทีละน้อย ปัณกรณ์อุ้มร่างเล็กขึ้นมาแนบอกและพาเธอขึ้นห้องนอน เพียงแค่สบสายตาเขาก็รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังประหม่าอย่างเห็นได้ชัดจึงจูบปลอบประโลมอีกครั้ง คราวนี้เธอตอบกลับอย่างพึงพอใจ เขาถอดเสื้อเธอออกเหลือเพียงบราลูกไม้ซึ่งดันเนินอกขาวอวบซ่อนรูป พลันก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวนวลเนียนพร้อมกับประทับจูบลงบนผิวกายนุ่มเบา ๆ สัมผัสจากริมฝีปากของเขาทำให้ณิชาแอ่นตัวขึ้นพร้อมกับส่งเสียงครางที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้“อื้อ”ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ปัณกรณ์เป็นคนแร
เช้าวันถัดมาหลังจากปัณกรณ์ตื่นนอน เขาไม่เห็นณิชานอนอยู่ข้างกาย ร่างสูงลุกขึ้นสวมเสื้อตัวเดิมที่วางพับอยู่บนโต๊ะเขาเดินไปหน้ากระจกติดกระดุมให้เรียบร้อย ทันทีที่ก้าวเท้าลงบันไดก็ได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ปัณกรณ์แอบมองจากด้านหลังเห็นณิชากำลังตั้งใจทำอาหาร ทำไมกูต้องสงสารเขาด้วยวะ กูเป็นอะไรของกูกันแน่?เขาเคยคิดเล่น ๆ ถ้าวันหนึ่งแผนการของเขาสำเร็จ หญิงสาวที่น่ารักสดใสคนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่คิดไปก็เท่านั้น เขามาที่นี่เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่ได้มาทำการกุศลหรือเห็นใจใคร ดังนั้นต้องจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ ข้าวต้มสองถ้วยจากฝีมือลูกสาวเจ้าของตลาดวางลงบนโต๊ะอาหาร ปัณกรณ์มัวแต่กดมือถือเช็กตลาดหุ้นจึงไม่ทันสังเกต “อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ” น้ำเสียงนุ่มละมุนทำให้ปัณกรณ์รีบเก็บมือถือทันที ปกติ breakfast ของเขานั้นเรียบง่าย มีแค่กาแฟแก้วเดียวกับขนมปังก็เพียงพอแล้ว แต่ในเมื่อเธออุตส่าห์ตื่นเช้ามาทำอาหารให้ก็ต้องกินไปตามน้ำ เพียงแค่ได้ชิมคำแรกก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘แค่ข้าวต้มธรรมดา แต่ทำไมอร่อยจังวะ’ แน่นอนว่าคนอย่างเขาคงไม่รู้ว่าแม่ครัวคนนี้ไม่ได้ทำอาหารลวก ๆ แต่ตั้งใจทำสุดฝีมือ ร
ซวยจริง ๆ ถ้ารู้ว่าดรัลพรอยู่ด้วยคงไม่เข้ามาตั้งแต่แรก “ปัณกรณ์! แกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นเลย พาหนูดรัลพรไปคุยที่ล็อบบี้เดี๋ยวนี้” ว่าไว้ตามที่คาดคะเนไม่มีผิด สรันศักดิ์ไม่ปล่อยให้ลูกชายคนเล็กที่เทนัดลูกสาวเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รอดไปง่าย ๆ แน่ บริเวณด้านในล็อบบี้รับแขกปัณกรณ์ยืนล้วงกระเป๋ามองทะลุออกไปด้านนอกหน้าต่างพร้อมที่จะฟังเธอบ่นเต็มที่ “คุณปัณทำแบบนี้กับรัลได้ยังไงคะ ไปกับยัยเด็กผู้หญิงบ้านนอกไม่พอ ยังเทนัดรัลให้ไปกับพี่ชายคุณอีก” “ผมติดธุระ” ปัณกรณ์ตอบสั้น ๆ เพียงไม่กี่คำนอกจากจะไม่ไยดีความรู้สึกเธอแล้ว เขาดูไม่รู้สึกรู้สาหรือสึกนึกผิดกับการกระทำในครั้งนี้ทำให้ดรัลพรไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ติดธุระหรือหลบหน้ารัลกันแน่ เวลานัดกันทีไรก็อ้างโน่นนี่เทรัลตลอด ครั้งนี้คุณควรมีความละอายใจบ้าง ขอโทษรัลสิคะ” เธอกำมือแน่น สุดจะทนกับพฤติกรรมของปัณกรณ์เต็มที ช่วงนี้สาว ๆ ที่อยู่ในแวววงไฮโซชั้นสูงต่างทำคะแนนเข้าหาปัณกรณ์กันไม่หยุด เธอเกรงว่าถ้าเขาเกิดหวั่นไหวกับผู้หญิงพวกนั้นขึ้นมา “ไม่ขอโทษ…” เขาตอบอย่างเย็นชา “คุณปัณ! รัลไม่ยอมนะคะ” “ไม่ยอม? แล้วจะเอายังไง” ปัณกรณ์มองดรัลพรด้ว
ณิชากลับมาถึงบ้าน เจอพ่อบุญชัยกำลังยกตะกร้าสานไม้ไผ่เข้าไปวางไว้ในครัวซึ่งมีมะละกอสุกอยู่ประมาณห้าผล “ตอนเช้าพ่อเห็นลูกนั่งรถออกไปพร้อมไอ้หนุ่มคนนั้น เมื่อคืนเขานอนที่บ้านเราหรือเปล่า” บุญชัยเอ่ยปากถามพลางหยิบขันขึ้นมาตักน้ำดื่มให้ชื่นใจ เธอยิ้มเจื่อน ๆ กำลังคิดว่าจะตอบอย่างไรดีณิชากลืนน้ำลายอึกใหญ่จำใจโกหก “เมื่อคืนฝนตกหนักมากจ้ะพ่อ ณิเลยให้พี่เขานอนที่บ้านไอ้กล้า พอตอนเช้าพี่เขาก็เลยมาทานข้าวต้มที่ณิทำให้ จากนั้นเราสองคนก็ไปทานกาแฟที่คาเฟ่ชุมชนกันจ้ะ” เธอคงต้องไปเตี๊ยมกับกล้าไอ้ยกใหญ่ ที่สำคัญต้องให้เงินปิดปากหลายสตางค์ เพราะไอ้เด็กคนนี้มันกะล่อนปลิ้นปล้อนยิ่งชอบโพนทะนาไปทั่ว เกิดวันดีคืนดีพ่อไปถามไอ้กล้าแล้วพูดไม่ตรงกันล่ะซวยแน่ “จริงหรอลูก?” บุญชัยทำหน้าเหมือนไม่เชื่อลูกสาวแต่ในเมื่อณิชาพยักหน้าหงึก ๆ เขาก็ไม่ถามรบเร้าต่อ บางอย่างก็ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัว หากถามจี้มากไปจะพานให้อึดอัดกันเสียเปล่า ๆ อันที่จริงลูกสาวของเขาก็อายุยี่สิบแล้วไม่ใช่เด็กเล็กเสียหน่อย “ถ้าวันหลังนายปัณอะไรนั่นมาอีก พามาแนะนำให้พ่อรู้จักบ้างสิ” “ได้จ้ะพ่อ เอ่อ พ่อจ๊ะ มะละกอที่พ่อเอามาให้มันไม่พอทำ
“ทำธุรกิจส่วนตัวครับ รับเหมาก่อสร้าง” ปัณกรณ์สร้างประวัติส่วนตัวปลอม ๆ ขึ้นมาภายในสามวินาที ทุกอย่างคือเรื่องโกหก เขาคิดว่าเธอคงสงสัยว่าบ้านเขาทำบริษัทก่อสร้างจริงไหม เขาหยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปถ่ายซึ่งกำลังยืนข้างป้ายบริษัทก่อสร้างให้ณิชาดู โดยบริษัทแห่งนี้เป็นของเพื่อนเขาซึ่งปัณกรณ์ไปร่วมแสดงความยินดีเฉย ๆ หากดูผิวเผินเขาก็เหมือนลูกชายเจ้าของบริษัทจริง ๆ ณิชารู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ใช่พวกนักธุรกิจหรือนายทุนที่มาติดต่อขอซื้อที่ดินตลาดน้ำ ครั้งแรกที่เจอกัน เธอยอมรับว่ารู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย เขาอาจจะแฝงตัวเข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์เรื่องที่ดิน แต่ในเมื่อยืนยันเช่นนี้เธอก็พลอยโล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ“ถ้าพี่เป็นพวกนายทุนจริง ณิคงใจสลายแย่ เพราะครอบครัวของณิก็บอกแล้วว่าอยากอนุรักษ์ที่นี่ หากตลาดน้ำกับที่ดินแห่งนี้ไปอยู่ในมือคนอื่น ชาวบ้านที่อาศัยมาดั้งเดิมจะไปอยู่ที่ไหน ทำมาหากินอะไร น่าสงสารพวกเขานะคะ” ปัณกรณ์จิบกาแฟพลางเบนสายตาไปทางอื่นเพราะหากคิดตามที่ณิชาพูดก็รู้สึกหวั่นไหวค่อนไปทางเห็นใจชาวบ้านไม่ใช่น้อย แต่การทำงานธุรกิจจะไขว้เขวไม่ได้ ทุกอย่างมีตั้งอยู่และดับไป ถ้าถึงวันที่เขาได้คร
เช้าวันถัดมาหลังจากปัณกรณ์ตื่นนอน เขาไม่เห็นณิชานอนอยู่ข้างกาย ร่างสูงลุกขึ้นสวมเสื้อตัวเดิมที่วางพับอยู่บนโต๊ะเขาเดินไปหน้ากระจกติดกระดุมให้เรียบร้อย ทันทีที่ก้าวเท้าลงบันไดก็ได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ปัณกรณ์แอบมองจากด้านหลังเห็นณิชากำลังตั้งใจทำอาหาร ทำไมกูต้องสงสารเขาด้วยวะ กูเป็นอะไรของกูกันแน่?เขาเคยคิดเล่น ๆ ถ้าวันหนึ่งแผนการของเขาสำเร็จ หญิงสาวที่น่ารักสดใสคนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่คิดไปก็เท่านั้น เขามาที่นี่เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่ได้มาทำการกุศลหรือเห็นใจใคร ดังนั้นต้องจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ ข้าวต้มสองถ้วยจากฝีมือลูกสาวเจ้าของตลาดวางลงบนโต๊ะอาหาร ปัณกรณ์มัวแต่กดมือถือเช็กตลาดหุ้นจึงไม่ทันสังเกต “อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ” น้ำเสียงนุ่มละมุนทำให้ปัณกรณ์รีบเก็บมือถือทันที ปกติ breakfast ของเขานั้นเรียบง่าย มีแค่กาแฟแก้วเดียวกับขนมปังก็เพียงพอแล้ว แต่ในเมื่อเธออุตส่าห์ตื่นเช้ามาทำอาหารให้ก็ต้องกินไปตามน้ำ เพียงแค่ได้ชิมคำแรกก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘แค่ข้าวต้มธรรมดา แต่ทำไมอร่อยจังวะ’ แน่นอนว่าคนอย่างเขาคงไม่รู้ว่าแม่ครัวคนนี้ไม่ได้ทำอาหารลวก ๆ แต่ตั้งใจทำสุดฝีมือ ร
ปัณกรณ์คว้าต้นคอขาวเนียนของหญิงสาวมาอยู่ในระยะประชิดทำให้ณิชาตกใจทำตัวไม่ถูก เขาเพ่งมองใบหน้าสวยหวานได้รูปพลันให้ชวนเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปกับความงดงามที่ธรรมชาติมอบให้โดยไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆความเมามายที่เกิดขึ้นทำให้เขายกฝ่ามือขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนสวยและเผยรอยยิ้มอย่างพอใจยามที่ได้สบสายตากับเธอเจ้าตัวไม่รอช้าโน้มใบหน้าหล่อลงมาบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม ณิชาพยายามผละตัวออกห่างจากเขา แต่ก็ไม่อาจต้านรสจูบดุดันซึ่งเขามอบให้อย่างกะทันหันได้ ลิ้นสากสัมผัสภายในโพรงปากเล็กเข้าไปเกี่ยวพันกันอย่างร้อนแรงความซาบซ่านหวือหวาก่อตัวขึ้นทีละน้อย ปัณกรณ์อุ้มร่างเล็กขึ้นมาแนบอกและพาเธอขึ้นห้องนอน เพียงแค่สบสายตาเขาก็รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังประหม่าอย่างเห็นได้ชัดจึงจูบปลอบประโลมอีกครั้ง คราวนี้เธอตอบกลับอย่างพึงพอใจ เขาถอดเสื้อเธอออกเหลือเพียงบราลูกไม้ซึ่งดันเนินอกขาวอวบซ่อนรูป พลันก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวนวลเนียนพร้อมกับประทับจูบลงบนผิวกายนุ่มเบา ๆ สัมผัสจากริมฝีปากของเขาทำให้ณิชาแอ่นตัวขึ้นพร้อมกับส่งเสียงครางที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้“อื้อ”ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ปัณกรณ์เป็นคนแร
ปัณกรณ์พรูลมหายใจเบา ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์เขาหยิบจับอุปกรณ์การทำน้ำใบเตยตามที่ณิชาบอกซึ่งขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากเท่าไร แค่ช่วยล้างใบเตย จากนั้นนำไปต้มในน้ำร้อนก็จบขั้นตอนแต่แกงเขียวหวานมังคุดกุ้งสดใช้เวลานานหน่อย ไหนจะแกะกุ้ง แกะเปลือกมังคุด ตำพริกแกงอีกเล่นเอาเขาเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดจะทำอะไรยุ่งยากแบบนี้ ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็พอ ณิชาเห็นท่าทางเงอะงะของผู้ช่วยหนุ่มเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดซึมตามผิวหนังก็อดอมยิ้มไม่ได้ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่เคยเข้าครัวเธอเดินไปหยิบน้ำลอยดอกมะลิกับผ้าขนหนูที่แช่ดอกไม้สดมาให้ปัณกรณ์คลายร้อน ทว่ารองประธานหนุ่มเห็นดอกไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำก็นิ่งงันไปชั่วขณะ เขาไม่เคยดื่มน้ำจากขัน และไม่มั่นใจว่าสะอาดหรือไม่ แต่เจ้าของบ้านดันยืนกดดันอยู่ตรงหน้า ทำอะไรไม่ได้อีกตามเคยนอกจากจำใจรับมันมาดื่มก็ถือว่าพอใช้ได้...แค่น้ำเปล่าธรรมดาแต่ทำไมหอมดอกมะลิจับใจ ส่วนผ้าขนหนูก็มีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนเช่นกัน ว่าจะแค่จิบเล็กน้อย รู้ตัวอีกทีก็ดื่มจนหมดขันแม่ครัวคนสวยกับผู้ช่วยคนเก่งช่วยกันลงมือทำเครื่องดื่มกับอาหารคาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
3 อาทิตย์ผ่านไป ปัณกรณ์ส่งข้อความคุยกับณิชาอยู่เรื่อย ๆ จนทั้งคู่เริ่มสนิทกันผ่านช่องทางออนไลน์ ความผูกพันผ่านทางตัวอักษรทำให้ณิชาใจจดใจจ่อรอคอยที่จะได้เจอพี่ปัณอีกครั้งเช้าวันนี้ถึงกำหนดการที่เจ๊มาลีต้องเดินทางไปดูแลยายที่ต่างจังหวัด หล่อนฝากลูกสาวกับสามีดูแลตลาดน้ำให้ดีซึ่งสองพ่อลูกก็ตกปากรับคำเป็นเป็นมั่นเป็นเหมาะ ซึ่งณิชาจะดูแลในส่วนร้านขายขนมที่อยู่หน้าบ้านกับความเรียบร้อยของตลาดน้ำ ส่วนบุญชัยผู้เป็นพ่อก็จะขลุกอยู่ที่สวนหลังบ้านดังเดิม“พ่อจ๋า พ่อจำพี่ปัณนักศึกษาปริญญาโทคนที่ณิเล่าให้ฟังได้ไหมจ๊ะ พี่เขาต้องการทำธีสิสเลยมาหาข้อมูลที่ตลาดน้ำของเรา”“จำได้สิลูก” บุญชัยตอบลูกสาวเงยหน้าในขณะที่ตนเองกำลังคัดมะพร้าวส่งให้ลูกน้องไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ“วันนี้พี่เขาจะมาให้ณิสอนทำอาหารกับเครื่องดื่มที่บ้านของเรา พ่อจะว่าอะไรไหมจ๊ะ?”“โอ๊ย! ณิสอนเองจะไหวหรอ ไปให้คนอื่นสอนดีกว่ามั้ง ถ้าเกิดทำออกมาแล้วกินไม่ได้ขึ้นมาจะพานขายขี้หน้าเขาเอานา” บุญชัยแกล้งพูดหยอกล้อลูกสาว เขารู้อยู่แล้วว่าฝีมือการทำอาหารกับขนมของณิชาอร่อยได้เจ๊มาลีมาล้วน ๆ“พ่ออ่ะ ใจร้ายจัง” ณิชาทำหน้าน้อยใจพ่อบุญชัย เขาเห็
รองประธานหนุ่มกำลังนั่งดูดซิการ์พร้อมกับอ่านข้อความอยู่บริเวณริมสระว่ายน้ำ เขายิ้มยกมุมปากสูงเพราะแผนการที่วางไว้กำลังดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ลูกสาวเจ้าของตลาดน้ำหลอกง่ายกว่าที่คิด เหยื่อติดเบ็ดง่ายขนาดนี้ KanaForestLuxury Project คงเป็นรูปเป็นร่างได้ในไม่ช้า ตำแหน่งประธานบริษัทจะต้องตกเป็นของเขาคนเดียวทว่าการพักผ่อนหย่อนใจกำลังจะจบลงในไม่ช้า เมื่อปราวินพี่ชายคนโตเดินตรงเข้ามาหาน้องชายด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์“มึงไปทำอะไรที่ตลาดน้ำ?” น้ำเสียงของปราวินที่เอ่ยถามปัณกรณ์ดูเหมือนจะจงใจหาเรื่องมากกว่าการถามไถ่ทั่วไป“ก็ไปเที่ยวไง” เขาตอบห้วนๆ “คนอย่างมึงอ่ะนะไปเที่ยวตลาดน้ำ กูไม่เชื่อหรอก มึงคิดจะทำอะไรกันแน่?”“เจรจาเรื่องการซื้อขายที่ดิน” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรต้องปิดบังเพราะงานนี้สรันศักดิ์เป็นคนมอบหมายให้เขาทำแต่เพียงผู้เดียว“มึงก็เลยเข้าหาน้องผู้หญิงคนนั้นน่ะหรอ”“แล้วมีปัญหาอะไรวะ?” ปัณกรณ์เริ่มไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษที่กำลังถูกตำรวจสอบสวนอย่างไรชอบกล ไม่รู้ว่าไอ้พี่ชายคนนี้จะยุ่งวุ่นวายกับเขาทำไมนักหนา“กูก็ไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่สิ่งที่มึงกำลังทำคือ
ณิชาพาปัณกรณ์เดินย้อนกลับทางเดิมพลางชี้นกชี้ไม้แนะนำร้านค้ารอบ ๆ ตลาดน้ำให้ดูว่ามีอะไรขายบ้างซึ่งรองประธานหนุ่มก็ฟังไปเพลิน ๆ มีบางช่วงอดปรามาสในใจไม่ได้ว่าก็แค่ของพื้นบ้านธรรมดา คุณภาพกับมาตรฐานมันจะไปดีสู้สินค้าราคาสูงที่ขายในห้างได้อย่างไร อันที่จริงณิชาตั้งใจว่าจะพาเขาไปร้านขายสินค้าแฮนด์เมด แต่ปัณกรณ์ต้องรีบกลับพอดี เธอจึงต้องเดินมาส่งเขาที่ลานจอดรถแทน“พอดีว่าช่วงบ่ายพี่ต้องช่วยพ่อทำงานน่ะ” เขากดริโมตปลดล็อกประตูรถยนต์ ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่เดินมาส่ง “พี่กลัวว่าครั้งหน้ามาแล้วไม่เจอณิ พี่ขอเบอร์ไว้คุยกับณิได้ไหม” ปัณกรณ์ลุ้นคำตอบจากปากหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกัน เขากลัวว่าจะรุกแรงเกินไปจึงอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้คนที่ยืนถือน้ำใบเตยฟัง “คือว่าพี่กำลังเรียนปริญญาโท ต้องการข้อมูลไว้ทำธีสิสเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่เขาแต่งขึ้นทั้งเพ ขอแค่เธอเชื่อในสิ่งที่เขาพูดก็พอ“ได้ค่ะ ระหว่างนี้ถ้าพี่ปัณมีข้อสงสัยหรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ก็ส่งข้อความมาถามณิได้เลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างตอบรับด้วยความจริงใจ ทั้งแววตาทั้งท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติ ใส่ซื่อ ไม่ปรุงแ