เมื่อเห็นว่าซูเจินจูก้มหน้าเงียบๆ หลินเฮงฉวนเองก็ไม่อยากกดดันนางเกินไปนักจึงได้แสร้างเปลี่ยนเรื่อง“เจ้าต้องการไปที่ใดต่อ”“ข้าต้องการไปตลาดค้าทาสเจ้าค่ะ เฟยหลันของข้าวิ่งทำงานให้ข้าจนร่างกายทรุดโทรมเสียแล้ว ข้อต้องการคนช่วยงานเพิ่ม”“ได้ ข้าจะพาเจ้าไปเอง”ตลาดค้าทาสอำเภอเหอ“คุณชายท่านนี้ต้องการท่าสแบบไหนบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” นายหน้าค้าทาสเห็นว่าเป็นหลินเฮงฉวนก็รีบออกมาต้อนรับ ด้วยรู้ว่าหากทำอะไรให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านนายอำเภอไม่พอใจ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ค้าทาสอยู่ที่นี่อีกแล้วหลินเฮงฉวนมองซูเจินจูเป็นเชิงให้นางพูดคุยกับพ่อค้าทาสด้วยตนเอง“ข้าต้องการทาสหญิงไว้รับใช้ในเรือน พาคนที่เหมาะสมออกมาให้ข้าเลือกหน่อยเถอะ”หญิงสาวหน้าตาดีเกือบสิบคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานตรงหน้าซูเจินจู พ่อค้าทาสเคยรู้มาบ้างว่าคุณชายหลินต้องรับสตรีตระกูลพ่อค้าเข้าไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียง หากเขาเดาไม่ผิดก็คงเป็นเด็กสาวตรงหน้านี้แน่ ดังนั้นเขาจึงคิดประจบเอาใจหลินเฮงฉวนด้วยการคัดเฉพาะหญิงสาวหน้าตาดีด้วยรู้ว่าสตรีเล่านี้ล้วนต้องเข้าจวนพร้อมนาง“พวกนางล้วนเป็นสตรีที่งดงามที่สุดแล้วขอรับ”ซูเจินจูมองพวกนางที่ยืนเรียงแ
“เสี่ยวเหลียน ชอบกินขนมหรือไม่” ซูเจินจูที่ละสายตาจากสวนดอกเหมยตรงหน้าหันกลับไปถามเพียงเสี่ยวเหลียน ด้วยรู้ว่าเฟยหลันไม่ชอบกินขนม“ชะ ชอบเจ้าค่ะ”“เฟยหลัน เจ้ากับเสี่ยวเหลียนไปหาโต๊ะนั่งแล้วสั่งขนมกินเถอะ”“เจ้าค่ะ คุณหนู” เฟยหลันเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งขนมและน้ำชาหลินเฮงฉวนสังเกตเสี่ยวเหลียนตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว ถึงนางจะไม่ได้แต่งตัวดีเท่าซูเจินจูแต่เสื้อผ้าของนางก็ยังเป็นผ้าต่วนชั้นดี ผัดแป้งแต้มชาด อีกทั้งซูเจินจูยังพยายามเอาใจนางต่อหน้าเขา คงตั้งใจยกเสี่ยวเหลียนให้เป็นเมียบ่าวของเขาแน่ๆ เห็นทีเขาต้องหาโอกาสคุยกับนางสักหน่อยว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น เดิมทีเขาก็ต้องการมีฮูหยินเพียงคนเดียว การที่นางได้มาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเขานับเป็นขอยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อซูหนี่ย์เห็นอิงชุ่ยเข้ามาก็ชวนคนทั้งหมดเข้าไปเดินเล่นในสวนดอกเหมย“คุณชายหลิน เจินจูเอ๋อร์มาที่นี่เป็นครั้งแรก เราเข้าไปเดินเล่นข้างในสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“คุณหนูสี่ซู หากเจ้าหายอ่อนล้าจากการนั่งรถม้าเมื่อสักครู่แล้ว เราก็เข้าไปเดินเล่นข้างในกันสักหน่อยเถอะ” หลินเฮงฉวนก็เห็นดีกับซูหนี่ย์ เพียงแต
เช้าวันต่อมา ซูเจินจู พาเฟยหลันและเสี่ยวเหลียนเข้ามาร้านผ้าซูเตี้ยนตั้งแต่เช้า วันนี้ที่ร้านจะจัดประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นทั้งสองผืน บรรยากาศคึกคัก บรรดาฮูหยินและคุณหนูจวนต่างๆมากันอย่างหนาตา คนงานในร้านวิ่งวุ่นวางเก้าอี้ยาวออกไปนอกร้านให้เหล่าผู้ติดตามได้พักผ่อนซูเจินจูเห็นว่าหลงจู๊ฝูทำงานได้ไม่มีขาดตกบงพร่องจึงกลับเข้าไปในห้องทำงานของตน เฟยหลันให้เสี่ยวเหลียนออกไปซื้อขนมกล่องร้านเสี่ยวซือกวงแทนคนงานที่วิ่งวุ่นอยู่ด้านล่างใกล้ถึงเวลาประมูล หลินเฮงฉวนก็เดินเข้ามาในร้าน หลงจู๊ฝูเห็นว่าเป็นคุณชายหลินจึงสั่งให้คนงานตั้งเก้าอี้ด้านหน้าสุดให้คุณชายหลินเป็นกรณีพิเศษ สายตาของเหล่าสตรีมองมาที่เขาอย่างมีความใน เขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์จนเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรี เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเขาการมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยนวันนี้ก็นับว่าได้กำไรแล้วการประมูลครั้งนี้ไม่ยืดเยื้อ และไม่เสียเวลา เป็นที่รู้กันว่ายามสตรีซื้อของไม่ต่างกับบุรุษออกรบ ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับแรกถูกประมูลไปในราคาหกร้อยห้าสิบตำลึงโดยฮูหยินตระกูลจี้ ตระกูลพ่อค้าเจ้าของเหลาตือฟ่านกว่างผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับที่สองถูกปร
เมื่อถึงหมู่บ้านซาน ซูเจินจูที่ยังไม่ทันได้ลงจากรถก็ได้ยินเสียงสี่เสวี่ยดังมาแต่ไกล“คุณหนู คุณหนูของบ่าวมาแล้ว”“ไอหย๋า เสียงดังมาจากไหน ตะโกนดังเพียงนี้เห็นที่ว่าบ้านข้าคงถล่มลงมาแล้ว”“คุณหนู บ่าวไม่ได้เสียงดังถึงเพียงนั้นนะเจ้าคะ ค่อยลงๆสิเจ้าคะ ทำไมกระโดดลงมาเช่นนั้น เยว่ชิงเจ้าเข้าไปเตรียมน้ำให้คุณหนู หลิวหยางจางหมิ่นมาช่วยกันยกของในรถม้า อ๊ะ แม่นางทั้งสอง”“นางคือเฟยหรงกับเฟยเมี่ยว เรื่องของพวกนางเฟยหลันจะเป็นคนจัดการ”“เจ้าค่ะ คุณหนูเข้าไปข้างในก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้างนอกแดดแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย”ผ้าสิบแปดพับและหีบเงินถูกย้ายเข้ามาวางในห้องโถงของเรือนใน คนทั้งหมดยืนตั้งแถวเป็นระเบียบอยู่หน้าซูเจินจู แต่ละคนต่อแถวเข้ามาอวยพร จนซูเจินจูที่นั่งรับคำอวยพรมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้“เอาล่ะ อย่างที่พวกเจ้ารู้ว่าเมื่อวานนี้เป็นวันเกิดของข้า ดังนั้นข้าจึงมอบของขวัญให้พวกเจ้าถือว่าเป็นการต่ออายุข้า ผ้าไหมคนละหนึ่งพับ ผ้าฝ้ายชั้นดีคนละหนึ่งพับ พวกเจ้ามาเลือกกันเถอะ”บ่าวทั้งหมดมองหน้ากันไปๆมาๆ หน้าตาประดับรอยยิ้มดีใจแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะให้ผ้าไหมกับพวกเขาจริงๆ แม้ว่าจะเห็นสี่เสวี่ยใส่ผ้าไ
ขณะเดียวกัน เฟยเมี่ยวก็เข้ามารายงานซูเจินจูที่แยกสมุนไพรอยู่ในห้องยา เฟยหลันบอกเอาไว้ก่อนออกไปซื้อม้าว่าให้คอยดูเพ่ยเพ่ยเอาไว้อย่าให้นางสร้างความเดือดร้อน นางเป็นเพียงคนที่คุณหนูบังเอิญช่วยไว้ ไม่ใช่คนของคุณหนู ดังนั้นเมื่อเห็นว่านางเหมือนจะก่อเรื่องก็เข้าไปรายงานซูเจินจูทันที“เจ้าถอยไปนะ ข้ามาอวยพรพี่สาว พี่สาวอยู่หรือไม่เจ้าคะ ข้ามาอวยพรวันเกิดท่านเจ้าค่ะ” แม่หนูน้อยยังไม่ละความพยายาม ตะโกนอยู่หน้าบ้านหวังเพียงซาลาเปาสักใบครึ่งใบไปให้น้องชายที่รอนางอยู่“ออกไป นังเด็กบ้า นังเด็กตัวเหม็น พวกเจ้าคนงานทางนั้นมาช่วยข้าจับนังเด็กนี่โยนออกไปเร็ว”คนงานมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา วางอุปกรณ์ในมือก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเพ่ยเพ่ย“หยุด!! พวกเจ้าทำอะไรกัน” เสียงของซูเจินจูทำให้คนทั้งหมดที่กระอักกระอ่วนอยู่แล้วยิ่งทำอะไรไม่ถูกเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าหน้าซูเจินจูทันทีที่เห็นนางเดินออกมา“พี่สาว ข้ามาอวยพรวันเกิดให้ท่าน ขอให้ท่านอายุมั่นขวัญยืน ขอให้ท่านร่ำรวย มีอิ่ม มีหลับไม่ขาดเจ้าค่ะ”ซูเจินจูได้ฟังคำอวยพรผิดๆถูกๆก็ยิ้มมองเด็กสาวตรงหน้า“ขอบใจแม่หนู เฟยเมี่ยว เจ้าเข้าไปเอาซาลาเปา
วันต่อมา ป้ายเรือนหอมหมื่นลี้ถูกแขวนไว้อย่างสวยงามโดไม่มีพิธีใดๆตามคำสั่งของซูเจินจู นางถือฤกษ์สะดวกและถือว่าเรือนหลังนี้ยังไม่เสร็จดี ไว้รอให้ทุกอย่างในเรือนเรียบร้อยค่อยจัดงานก็ยังไม่สายหลังจากตรวจดูความแน่นหนาและมั่งคงแล้วสี่เสวี่ยไปหาลุงหวังหัวหน้าหมู่บ้านให้ลุงหวังช่วยประกาศในหมูบ้านว่านางต้องการรับสมัครคนเย็บถุงหอมมีค่าแรงให้ใบละหนึ่งตำลึง ไม่ได้รับทุกคนในทันทีแต่นางจะให้ลองปักให้นางดูก่อน เฉพาะคนที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นถึงจะได้รับงานนี้ เมื่อผ่านแล้วก็ไม่อนุญาตให้เอางานปักกลับไปทำ ต้องทำที่เรือนหอมหมื่นลี้เท่านั้น หากใครยอมรับตามนี้ได้ พรุ่งนี้เช้าให้ไปเจอนนางที่เรือนเมื่อกลับเข้าเรือนสี่เสวี่ยก็ให้ซินเซียงและเยว่ชิงช่วยกันเอาผ้าไหมมีตำหนิพับหนึ่งออกมาตัดให้เป็นขนาดถุงหอมเตรียมไว้ให้คนที่จะมาทดสอบวันพรุ่งนี้ขณะเดียวกันซูเจินจูก็ลงมือวาดผ้าลายโบตั๋น ด้วยเพราะมีผู้ช่วยฝีมือดีอย่างเยว่ชิงจึงใช้เวลาไม่นานนักผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายดอกโบตั๋นก็ทำเสร็จ เมื่อเห็นว่างานผ้าเรียบร้อยดีก็สั่งให้เฟยหลันและจางหมิ่นเตรียมตัวเพื่อขึ้นเขาจางหมิ่นเดินมาบอกหยางหย่งเจิ้งว่าคุณหนูกำลังขึ้นเขา หากเขา
หลังจัดการไก่ทั้งหกตัวจนหมด คนทั้งสี่ก็เก็บของลงจากบนเขา วันนี้ซูเจินจูไม่อยากกลับเย็นจนเกิดไปเพราะต้องนำสมุนไพรในตระกร้าไปปลูกและเก็บให้เรียบร้อยก่อนเดินทางกลับอำเภอเหอวันพรุ่งนี้หยางหย่งเจิ้งเดินมาส่งซูเจินจูถึงหน้าเรือนหอมหมื่นลี้ก่อนจะแยกตัวกลับไปที่กระท่อมริมลำธารของเขาทันทีที่หยางหย่งเจิ้งเปิดดประตูเข้ามา ชายชุดดำในกระท่อมก็โค้งคำนับเขาทันที“เหวินอี้คารวะท่านรองแม่ทัพ”“ไม่ต้องมากพิธี เจ้ามีข่าวใหม่หรือไม่”“ข้าสืบมาได้ว่าก้านลู่ร่วมมือกับผู้ช่วยนายอำเภอของอำเภออู๋เป็นสายให้แคว้นจิ้น ตอนนี้แคว้นจิ้นละทิ้งการโจมตีฝั่งใต้แต่ยกทัพเลียบเขามายังฝั่งตะวันออกเฉียงใต้แทน คงตั้งใจตีเข้ามาทางตำบลไป่เข้าอำเภออู่เลียบกำแพงเมืองหลวงแบ่งสองทัพเข้าทั้งทางประตูทิศใต้และทศตะวันออกขอรับ”“สืบต่อว่าผู้ช่วยนายอำเภออู๋ติดต่อกับใครอีกบ้าง สืบเรื่องของนายอำเภออู๋ด้วยหากไม่ใช่พวกเดียวกันก็ใช้เขาซ้อนแผนปล่อยข่าวลวงให้ทัพศัตรู ดูท่าคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”“พวกข้าจะรีบไปสืบและส่งข่าวกลับมา ท่านรองแม่ทัพจะอยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อหรือขอรับ ข้าคิดว่าชาวบ้านที่นี่วุ่นวายกับท่านมากเกินไปนั
เช้าวันต่อมาเฟยหลันก็กลับมารายงานเรื่องที่ตนสืบได้“คุณหนู บ่าวสืบมาได้ว่าคุณหนูใหญ่เลี้ยงอันธพาลไว้ข้างนอกจำนวนมากแต่ละเดือนต้องจ่ายเงินให้พวกมันหนึ่งร้อยตำลึงเป็นค่าปิดปากไม่ให้พวกมันเอาเรื่องไปฟ้องคุณชายหลิน เมื่อวานคุณหนูใหญ่ไปของเงินฮูหยินซูแต่กลับถูกไล่ออกมา จึงเข้ามาขโมยหีบเงินของท่าน เมื่อไม่เจอหีบเงินจึงข่มขู่เสี่ยวเหลียนเห็นว่านางไม่พูดจึงใส่ร้ายว่านางขโมยผ้าไหมพับหนึ่งก่อนสั่งคนงานในบ้านให้โบยนางสิบไม้ คุณหนูใหญ่ให้อิงชุ่ยนำเครื่องประดับไปขาย ใช้เงินสามร้อยตำลึงจ้างอันธพาลสามสิบคนดักฉุดท่านวันที่ท่านต้องออกไปทำการค้าครั้งหน้า อันธพาลพวกนั้นส่วนหนึ่งเป็นคนที่เคยหาเรื่องท่านตอนไปสวนดอกเหมยเจ้าค่ะ”“สืบข่าวได้ว่องไว ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจเจ้า”“คุณหนูจะให้บ่าวจัดการนางเลยหรือไม่เจ้าคะ”ซูเจินจูเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ นางกำลังครุ่นคิด การฆ่าซูหนี่ย์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การตายไม่ใช่สิ่งที่นางปารถนาจะมอบให้แก่คนจิตใจวิปริตเช่นซูหนี่ย์ สตรีประเภทใดกันถึงชื่นชอบการทำลายสตรีผู้อื่นด้วยการให้บุรุษมากมายข่มเขงรังแก หากคนที่ถูกวางอุบายไม่ใช่นาง แต่เป็นเพียงสตรีอ่อนแอสักคน สตรีเหล่านั้นคงเลือกเส
“องค์ชายหก ท่านช่างเป็นดาวนำโชคของพวกข้านัก” ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายเซียวพูดขึ้นขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่ปูทับด้วยเบาะรองนั่งขนกระต่าย เบาะรองนี้ซูเจินจูสั่งให้ซินเซียงทำขึ้นจากขนกระต่ายสีอื่นๆเย็บติดสวมทับเบาะด้านในที่ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายยัดใส่ด้วยนุ่นที่ซื้อไปจากตำบลอีกที ที่สี่มุมผูกด้วยพู่หลากสีที่ทำขึ้นด้วยพู่ไหมจากเผ่าเจี๋ยที่ซูเจินจูได้รับมาจากนายท่านซูเมื่อครั้งออกไปทำการค้าต่างแคว้น“นั่นสิเพคะ หากไม่มีพระองค์พวกหม่อมชั้นคงต้องต่อแถวยาวหลายลี้ ตากแดดตากลมอยู่ด้านนอกเสียแล้ว” ผิงเหม่ยเหรินพูดขึ้นขณะพยักเพยิดไปท่างลี่รุ่ยเซียงสหายรักแต่ยังไม่ทันที่ลี่รุ่ยเซียงจะได้พูดอะไร องค์ชายหกก็หันกลับไปพูดคุยกับหญิงสาวอีกคนที่นิ่งเงียบมาตลอด“จิวอิง เหตุใดเจ้าจึงเงียบนัก คนงานนั่นก็บอกแล้วว่าเป็นถุงหอมหมื่นลี้ ไม่ใช่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้เสียหน่อย หรือเจ้ากลัวว่าพวกข้าติดใจผ้าไหมหอมหมื่นลี้จนลืมผ้าไหมหยกของเจ้า”“หามิได้เพคะ ขอเพียงองค์ชายหกทรงพอพระทัย หม่อมฉันจะกล้าไม่พอใจได้เช่นไร”“คุณหนูเจ้าคะ มีกลุ่มคุณหนูคุณชายดูว่าจะมาจากเมืองหลวง อ้างตัวว่าเป็นองค์ชายหก ตอนนี้บ่
เช้าวันต่อมา หลิวหยางรับหน้าที่ขับรถม้าคันใหม่พาซูเจินจู สี่เสวี่ย เฟยหลัน และเฟยอวี่เข้าพบฮูหยินนายตำบลที่จวนนายตำบลเป่ย เมื่อมาถึงหน้าจวนนายตำบลหลิวหยางลงไปแจ้งกับคนเฝ้าประตูว่าคุณหนูของตนแซ่ซูชื่อเจินจูนำผ้าไหมหอมหมื่นลี้มาขอเข้าพบฮูหยิน พร้อมให้เงินหนึ่งตำลึงแก่คนเฝ้าประตู เงินหนึ่งตำลึงเร่งฝีเท้าคนให้ไวได้ดังม้า ไม่ถึงสองเค่อคนเฝ้าประตูก็ออกมาเปิดประตูให้ให้รถม้าเข้าไปซูเจินจูสวมชุดผ้าไหมหยกสีขาวปักลายนกกระยาง ลายปักละเอียดเพียงดูผ่านๆก็ยังสามารถรู้ได้ว่าเป็นงานปักชั้นสูง ผมรวบขึ้นอย่างประณีตปักด้วยปิ่นหยกขาวเนื้อดีหนึ่งคู่ที่ดูเข้ากันได้ดีกับกำไลหยกขาวที่ข้อมือ ผิวขาวราวหยก ขนตาเป็นแพหนาสีดำ ปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อยิ่งทำให้ซูเจินจูงดงามจนคนที่ได้เห็นไม่สามารถละสายตาไปได้สี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยอวี่ ผู้ติดตามทั้งสามคนสวมชุดผ้าไหมเฉกเช่นคุณหนูจากจวนใดจวนหนึ่ง เฟยหลันที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าหายดีแล้วยิ่งดูงดงามและลึกลับเมื่อสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงิน ปักด้วยปิ่นเงินลายดอกหลันฮวาเดินคู่มากับเฟยอวี่ในชุดผ้าไหมสีเดียวกันรวมผมขึ้นอย่างเป็นระเบียบปักด้วยปิ่นเงินลายเมฆา สี่เสวี่ยที่ตามรับใช้ใกล้ชิ
ซูเจินจูฝั่งร้านผ้าซูเตี้ยนได้สั่งให้คนงานไปซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้ของร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนมาหนึ่งพับ เมื่อสำรวจดูแล้วพบว่ากลิ่นของผ้าไม่ใช่กลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้แต่เป็นกลิ่นของดอกเหมย อีกทั้งลายผ้าไม่คมชัดคงเป็นการวาดลายลงไปโดยตรง การใช้สีอ่อนเช่นนี้จะทำให้ลายผ้ามีสีซีดได้ง่าย อีกทั้งกลิ่นดอกเหมยไม่สามารถเกาะติดผ้าได้ดีเท่ากลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ เวลาผ่านไปสักพักกลิ่นก็คงจางหายไปเอง ดังนั้นผ้าไหมพวกนี้ไม่สามารถนับเป็นคู่แข่งอย่างแท้จริงได้หลงจู๊ฝูที่ออกไปสืบข่าวด้วยตนเองกลับมาพบนายท่านซูละซูเจินจูด้วยสีหน้าสบายใจ“เห็นทีว่าคุณหนูจะพูดถูกทุกอย่างเลยขอรับ ผู้ที่ซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้จากร้านเฉินอี้เตี้ยนไปกลับมาโวยวายที่ร้านเหตุเพราะเพียงนำผ้าไปซักเท่านั้น กลิ่นที่ควรมีก็ไม่มีอีกต่อไป เห็นทีว่าร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนจะเสียชื่อเสียครั้งใหญ่เป็นแน่”“เช่นนั้นข้าค่อยสบายใจหน่อย เอาล่ะ เมื่อหมดเรื่องแล้วเห็นทีว่าถึงเวลาไปเอาผ้าเสียที เจ้าล่ะ อาจู จะไปเอาผ้าหอมไหมหมื่นลี้อีกเมื่อใด”“ข้าให้เฟยหลันไปเอาผ้าแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ก็คงนำผ้ากลับมาแล้ว เห็นทีว่างานปักงานแรกคงเป็นการตีตราร้านลงบนผ้าเสียแล้วน
“คุณหนู บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เฟยหลันมองเฟยหมิงที่อยู่บนเตียงแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ลมหายใจของนางดีขึ้นมากแล้ว คุณหนูรักษานางได้จริงๆซูเจินจูรับเข็มเงินและโถบดยาไปก่อนจะสั่งให้เสี่ยวเหลียนนำเข็มเงินไปต้มในน้ำร้อนและให้เฟยหลันกรีดผ้าที่ขาของเฟยหมิงออก“กระดูกขาของนางแตก หากนางทนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับขาสักสามเดือนขาของนางก็จะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม”“นางยังจะกลับมาเดินได้อีกหรือเจ้าคะ”“ต้องนอนนิ่งๆอยู่แบบนี้ไปก่อนสามเดือน หากขยับเขยื้อนก่อนหน้านั้นก็อาจจะเดินไม่ได้”“คุณหนูเหมือนหมอเทวดาเลยเจ้าค่ะ”“เจ้าจะร้องไห้ทำไม ไอหย๋า ข้าแพ้น้ำตาของพวกเจ้านัก หยุดร้องเถอะข้าจะให้เสี่ยวเหลียนไปซื้อขนมให้เจ้ากิน”“คุณหนู บ่าวแค่ดีใจมากไปเจ้าค่ะ แต่เดิมบ่าวแค่ต้องการฝังศพนางให้ดีเสียหน่อย ใครจะรู้ว่าคุณหนูดึงวิญญาณนางกลับมาจากนรกได้”“เพ้ย เจ้านี่ ตายแล้วไม่ให้นางขึ้นสวรรค์แต่กลับให้นางไปลงนรก เอาล่ะๆ เจ้าไปบดยากองนั้นเถอะ เดี๋ยวข้าฝังเข็มเสร็จแล้วต้องพอกยาให้นาง”“ทั้งหมดเลยหรือเจ้าคะ มัน เยอะมากเลยนะเจ้าคะ”“ทั้งหมดนั่นแหละพอกทั้งขาแล้วเอาผ้ามาพันเข้ากับไม้แผ่นเสียหน่อย กระดูกจะได้ไม่เคลื่อนที่มากนัก”
หลังหลินเฮงฉวนกลับไปซูเจินจูเข้ามาที่ร้านผ้าซูเตี้ยนพร้อมกับนายท่านซู สินค้าที่นำกลับมาถูกจดไว้ในรายการอย่างลวกๆ ซูเจินจูจำเป็นต้องทำมันใหม่เพื่อให้เป็นระเบียบมากขึ้น นายท่านซูนำผ้าจากเผ่าเจี๋ย ชนเผ่าเร่ร่อนดำเดินชีวิตด้วยการเดินทางไปเรื่อยๆกลับมาไม่น้อย ผ้าจากเผ่าเจี๋ยเป็นผ้าหนังสัตว์ที่ถูกตัดเย็บด้วยวิธีการแปลกใหม่ หนังสัตว์ที่ไม่หนาฝีเข็มที่เย็บจนหนังแนบชิดติดกันจนลมไม่สามารถเข้าได้เป็นชุดคลุมอย่างดีสำหรับฤดูหนาว แต่ผ้าจากเผ่าเจี๋ยทั้งหมดเป็นเพียงของบรรณาการที่ส่งเข้าไปยังจวนขุนนางเท่านั้นทำให้ซูเจินจูรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถทำกำไรจากของดีเช่นนี้ได้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่นายท่านซูมีโอกาสดูงานประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋น ผ้าไหมสามพับทำกำไรได้มากถึงสี่พันสี่ร้อยตำลึง จริงอย่างที่หลงจู๊ฝูพูด ร้านผ้าซูเตี้ยนควรจัดงานกราบไหว้เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งได้แล้วผ้ามีตำหนิห้าสิบพับถูกขนย้ายออกมาเพื่อเตรียมไว้ให้ซูเจินจู อีกทั้งนายท่านซูยังมอบเงินให้ซูเจินจูห้าร้อยตำลึง“ข้าเพิ่งรู้ว่าฮูหยินไม่เคยให้เงินเจ้าเลยยามออกมาทำการค้า ต่อไปหากข้าไม่อยู่เจ้านำเงินของที่ร้านออกไปเป็นค่าเดินทางได้เล
ซูหนี่ย์ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ยกยิ้มเหยียดหยาม ดี ให้คนของท่านพ่อตีนางให้ตาย นังบ่าวชั่วที่ติดตามนังจิ้งจอกนั่นไม่สมควรมีชีวิตอยู่เป็นหนามตำตานาง ให้ตายเถอะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเกลียด ทำไมตอนที่พวกนางออกไปทำการค้าถึงไม่เจอโจรป่าเสียบ้างนะเฟยหลันและคนของนายท่านซูถือไม้พลองยืนอยู่กลางลานหน้าห้องโถง ขอเพียงส่งสัญญาณคนทั้งคู่ก็พร้อมแสดงฝีมือทันที แต่เฟยหลันที่อยู่บนลานหันกลับมามองซูเจินจูแล้วส่ายหน้าช้าๆ“ท่านพ่อ ให้คนของท่านเข้าไปอีกคนหนึ่งเถอะเจ้าค่ะ”นายท่านซูหนัยมามองซูเจินจูเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกผู้คุ้มกันอีกคนขึ้นไปกลางลาน เอาเถอะ อย่างไรเสียซูเจินจูก็มีผู้ติดตามคนเดียว หากนางแพ้ก็แค่หาคนคุ้มกันให้ซูเจินจูเพิ่ม หากนางชนะเขาก็จะสบายใจมากขึ้น“ลงมือ!!!”เฟยหลันตวัดไม้พลองลงไปอย่างเต็มแรง ผู้ที่เข้ามารับไม้แรกถึงกับถอยร่นลงไปหลายก้าว มือที่จับไม้พลองไว้สั่นจนแทบทำไม้พลองหลุดมือ เฟยหลันกระโดดตามเข้าไปฟาดไม้พลองลงที่ข้อมือก่อนจะตวัดไม้พลองอีกด้านไปเกี่ยวไม้พลองของผู้คุ้มกันคนที่สองลง ลูกเตะที่เตะลงไปที่ศรีษะอย่างแม่นยำทำให้ผู้คุ้มกันคนที่สองล้มลงไปนอนกับพื้นที่ที ไม้พลอยที่มือของเฟยหลันถ
เฟยหลันเดินตามซูเจินจูไปที่ศาลาเพื่อย่างไก่ป่าทั้งหกตัวต่อ อย่างไรเสียไก่หกตัวนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรนางทำใจเมินพวกมันไม่ลง น่องไก่สิบสองน่องอยู่ในจานของซูเจินจู ตัวไก่ไร้น่องสองตัวถูกส่งไปยังกระท่อมของหยางหย่งเจิ้งพร้อมบะหมี่ผักหยางหย่งเจิ้งเปิดประตูรับไก่ย่างและบะหมี่ผักที่หลิวหยางนำมาส่งให้ เมื่อเห็นว่าหลิวหยางเดินออกไปไกลแล้วจึงหันหลังกลับเข้ากระท่อมของตน“ท่านรองแม่ทัพ เหตุใดไก่ในหมู่บ้านนี้ถึงไม่มีขาหรือขอรับ”“หวู่เยวี้ยน เจ้าจะไปรู้อะไร เด็กสาวบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านนั่นชอบกินน่องไก่ ท่านรองแม่ทัพถึงได้สั่งให้เจ้าไปจับไก่ป่ามาบ่อยๆไงเล่า”“ไอหย๋า ไอ้เจ้าพวกนี้คือไก่ที่ข้าจับมาอย่างนั้นหรือ”“หยุด เจ้าจับมาคนเดียวหรืออย่างไร แล้วเหตุใดจึงมาเพียงพวกเจ้า ทำไมเหวินอี้ไม่มาด้วย” หยางหย่งเจิ้งปรามทั้งสองก่อนจะพูดเรื่อยเปื่อยไปมากกว่านี้“เรียนท่านรองแม่ทัพ เหวินอี้ตามสืบเรื่องยาพิษที่ใช้ปลิดชีวิตก้านลู่อยู่ขอรับ หากรู้ว่าเป็นพิษชนิดใดคงสืบหากบฏได้เร็วขึ้น”“เรื่องรองนายอำเภออู๋ไปถึงไหนแล้ว”“ตอนนี้ถูกจับขังคุกอยู่ที่อำเภออู๋ ปิดปากเงียบ คืนนี้จะเริ่มการทรมานขอรับ”“ดี อย่างไรก็ต้องรู้ให้
หยางหย่งเจิ้งเดินตามซูเจินจูเข้ามาถึงเรือนชั้นในไปจนถึงศาลาหน้าสวนต้นหอมหมื่นลี้ ศาลานี้เขาเคยมาสองสามครั้งแล้ว ไม่คิดว่าในหมู่บ้านห่างไกลเช่นนี้จะมีผู้ที่ออกแบบสวนและศาลาได้อย่างปราณีตสวยงาม ทางเดินหินที่เชื่อมต่อจากทางหลักไปยังศาลาไม้แดงหลังใหญ่ที่อยู่บนบ่อน้ำกว้างขวางที่ลึกจนถึงอก ปลาสวยงามงามมากมายแหวกว่ายแทรกตัวตามดอกบัวหลากหลายสายพันธุ์ ถัดไปเป็นเป็นต้นท้อขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ชิงช้าที่ถูกผูกไว้อย่างดีที่กิ่งของมันเฟยหลันรับไก่ป่าหกตัวจากหยางหย่งเจิ้งก่อนนั่งก่อไฟที่พื้นดินถัดจากศาลาที่คนทั้งสองนั่งอยู่ไปเล็กเล็กน้อย ซินเซียงนำขนมที่เพิ่งซื้อมาใส่จานยกออกมาพร้อมน้ำชาวางไว้ที่โต๊ะไม้แดงแกะสลักกลางศาลา“ซินเซียง คนอื่นไปไหนกันหมดเล่า เหตุใดไม่เข้ามา”“สี่เสวี่ยให้หลิวหยางกับจางหมิ่นขึ้นไปจับกระต่ายบนภูเขาเจ้าค่ะ เฟยอวี่ก็ขอตามไปด้วย สี่เสวี่ยกับเยว่ชิงวาดลายผ้าอยู่ที่ลานผ้า เฟยหรงเข้าไปที่เรือนเย็บปัก เฟยเมี่ยวเข้าไปตรวจเรือนในของคุณหนูเสร็จล้วจะออกไปเฝ้าประตูเจ้าค่ะ อ่อ แม่นางเพ่ยเพ่ยก็เฝ้าประตูด้านนอกอยู่เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าอยู่ช่วยเฟยหลันย่างไก่แล้วกัน หลิวหยางจ
“ท่านอา เหตุใดต้องมาซักผ้าที่นี่ด้วยล่ะเจ้าคะ ไม่สู้ไปนั่งทางนั้นรวมกับคนอื่นๆไม่กว่าหรือ” เด็กหญิงตัวน้อยที่เคยไปอวยพรวันเกิดให้ซูเจินจูที่เรือนหอมหมื่นลี้ถามหญิงสาวที่อยู่ข้างๆด้วยแววตาสงสัย“เจ้าจะไปรู้อะไร นั่งตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่ คอยบังแดด เหตุใดต้องไปนั่งรวมกันอยู่ตรงนั้น”“ตรงนั้นก็มีต้นไม้นะเจ้าคะ แล้วนี่ก็เย็นมากแล้วมีแดดที่ไหนกัน ข้าอยากไปนั่งคุยเล่นกับอาอี๋มากกว่า” เจียงชิงนั่งซักผ้าไปก็บ่นไป นางนำผ้ามาซักตั้งแต่ยามเว่ย หากท่านอาของนางช่วยซักผ้าบ้างป่านนี้นางคงตากผ้าจนเสร็จและเริ่มทำกับข้าวเย็นแล้ว สายตาของเจียงชิงจ้องมองที่ท่านอาของนางที่เอาแต่มองเข้าไปในกระท่อมหลังเล็กนั้น เห้อ อยากมองก็มองเถอะ แต่มือว่างๆทำไมไม่ช่วยนางซักผ้าพวกนี้บ้างนะ เจียงชิงซักผ้าทั้งหมดจนเสร็จ เจียงเหม่ยเหมยก็ยังคงมองกระท่อมน้อยตรงหน้าอย่างรอคอย ‘เหตุใดวันนี้ยังไม่ออกมานะ หรือว่าไม่อยู่’“ท่านอา ข้าซักผ้าเสร็จแล้ว เรากลับกันเถอะ”“เจ้ากลับไปก่อน ข้ามีธุระต้องทำ”“ท่านอา ไม่ใช่ว่าข้าอยากขัดขวางทางเดินท่าน แต่ข้าเอาผ้าทั้งหมดกลับไปคนเดียวไม่ไหว ท่านช่วยข้าแบกกลับหน่อยเถอะ”“เหอะ เจ้านี่ กินข้าวบ้านข้ายั