“คุณน้า... ผมชอบน้องปริมจริง ๆ นะครับ” “เอาเป็นว่าน้ารับรู้ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ ชอบใครก็ต้องขวนขวาย ไปเสนอหน้าจีบเอาเองนะ”“คุณน้า!”“อะไรอีกเนี่ย? ไปได้แล้วนายนนท์ อย่ามาเซ้าซี้น่ะ”ร่างบางใสเดรสสีขาวเข้ารูป คลุมทับด้วยเสื้อสูทหยุดก้าวลงหน้าโต๊ะอลัน เลขานุการหนุ่มรู้หน้าที่ตัวเองว่าต้องปฏิบัติหน้าที่ แม้สาว ๆ อีกสองคนในห้องจะเสียดายอยู่สักแค่ไหน เมื่อถึงเวลาอาหารจานโปรดทางสายตาต้องกลับก่อนเวลา“คุณอลัน โทรหาแบร์นาร์ดให้ฉันด้วย บอกให้ไปรับลูกปริมไปเจอที่ห้องเสื้อคุณลิลลี่ ฉันอยากใส่ชุดสีเดียวกับลูกสาวไปงานแต่งหนูพุทรา” นิตยามาถึงก็สั่ง อลันเหยียดแผ่นหลังพิงเก้าอี้โซฟาของเขา ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง เพื่อต่อสายหาเลขานุการหนุ่มชาวฝรั่งเศส ขณะที่ยังได้ยินเสียงกวนใจ“ผมไปด้วยนะครับ คุณน้า... ให้ผมไปช่วยดูน้องนะ”“โทรไปคุยกันเองนะ น้าไม่เกี่ยว”“งั้น... ผมไปห้องเสื้อก็ได้ ผมคิดถึงน้องปริม ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายวัน”ผมคิดถึงน้องปริม! ขนาดตัวเขาเองยังไม่กล้าพูดคำนั้นเลย ดวงตาคู่คมสีฟ้าครามเข้มจัดจับจ้องไปที่มารหัวใจซึ่งยังคงไม่รู้เนื้อรู้ตัวกับรังสีอำมหิต“Allô, c’est moi... Ren
“ทางนี้เลยค่ะ คุณป้อม สบายดีนะคะ วันนี้เดรสของลิลลี่เริ่ด! อลังการงานฮอลลีวู้ด” เสียงใหญ่ ๆ ที่พยายามดัดให้เล็กว่าพลางชำเลืองมองหนุ่มหล่อข้างหลังทั้งสองคนให้ต้องหลบไปอย่างทันควัน ด้วยความที่หน้าของหล่อนนั้นปานจะกลืนกินพวกเขาเข้าไปทั้งตัว ดีไซเนอร์คนดังก้าวนำทางสาวใหญ่ ผ่านพื้นหินอ่อนที่ตกแต่งร้านอย่างสวยงาม ภายในร้านเต็มไปด้วยเสื้อผ้า ชั้นวางราคาแพงทุกชิ้นทุกอย่าง มองผ่านกระจกใสออกไปรู้สึกถึงความร่มรื่นด้วยสวน น้ำพุ และต้นไม้ใหญ่ แม้ว่ามันจะเป็นร้านติดถนนย่านใจกลางกรุง “คราวที่แล้วก็สวยนะ แบบที่มีชายพริ้ว ๆ คุณหญิงคุณนายชมมา ฉันบอกไปว่าเป็นงานของร้านคุณลิลลี่” “อุ๊ย! จริงหรือคะ? คุณป้อม ลิลลี่ดีใจจังเลยค่ะ แต่!” เสียงดังสนั่นขั้นตวาดจนคุณนายมองขวับตามปลายนิ้วที่แต่งแต้มสีแดงสดชี้ไปทางชั้นวางเสื้อผ้า วงหน้าสดสวยด้วยเครื่องสำอางหนาเชิดขึ้นเยี่ยงนางพญา สะบัดมองกลับมาพลันหรี่ตาเล็กลงบอก “รับรองว่ารอบนี้เริ่ด! ยิ่งกว่างานก่อน เดินเข้างานแต่ง หนุ่มน้อยใหญ่เก้งกวางกะเทยสะพรึงตะลึง เหลียวมองคอหลุด ทั้งคุณลูกคุณแม่เกิดค่ะเกิด”
บ้าเอ๊ย! คิดแล้วมันน่าโมโห เมื่อวานก็พี่ธาม วันนี้นายอานนท์ อลันยังหัวเสียอยู่จนได้รับเสื้อสูทราคาแพงซึ่งเสื้อผ้าของเขาเองก็มีเต็มตู้! ไม่รู้จะมาลองมันอีกทำไม จากพนักงานสาวที่ส่งสายตาหวานหยดย้อยให้ร่างสูงตรงเข้าไปเปลี่ยนมันในห้องลองเสื้อ เป็นผ้าม่านฉากกั้นทึบสีดำสองสามห้อง มีกระจกบานใหญ่รอบทิศทางอยู่ข้างใน เขาใส่เสื้อตัวเดิมคือเชิ้ตขาว หยิบสูทและเนกไทที่แขวนไว้มาสวม ผูกมันหลายตลบก่อนชะงักฉับพลันกับที่เสื้ออีกตัวยื่นมา“ชุดค่ะ… ลองชุดนี้สิ” บอกเท่านั้น ข้อมือเล็กที่เขาจำได้สนิทใจของเธอถูกคว้าหมับเพื่อดึงเข้าหา พลันปิดม่านลงฉับไว ร่างบางในชุดสวยสีหวานแนบแผ่นหลังไว้กับผนังเย็นเฉียบ เชยหน้ามองสีหน้าฉุนเฉียวด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่าง“งอนอะไรอีก?” “เปล่า...”“บอกมา อย่ายึกยัก ผมอารมณ์ไม่ดี” ในความหมายว่า ‘อารมณ์ไม่ดี’ ชัดเจนทั้งสีหน้าและแววตากร้าว แม้กระทั่งแรงในมือของเขายังเกือบจะยั้งไว้ไม่อยู่อลันเป็นคนทำงานดีแต่ในหน้าที่เท่านั้น เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ไม่รู้ต่อกี่ครั้งตอนอยู่กับหญิงตรงหน้า“...”“นี่... อย่างอแงเป็นเด็กได้ไหม ผมอึดอัดนะ โกรธที่ไม่โทรไปใช่ไหม? ผมทำงานยุ่ง ๆ ก
“ได้เลย เอาเป็นว่าจะพาว่าที่ลูกเขยคุณนายมาทุกคน แต่ว่าปริมไม่รีบมีผัว อีกนานนะแม่ ไว้ค่อยว่ากัน”“หวังว่าแกจะไม่เป็นอย่างแม่...” จู่ ๆ หล่อนก็พูดขึ้นมา เลขาฯ หนุ่มชาวฝรั่งเศสถึงจะเป็นคนเคร่งขรึมกลับน้อยใจขึ้นมาจนลูกสาวต้องพูด“อ้อ... ที่แม่คั่ว เอ๊ย! ควงเลขาฯ น่ะเหรอ? แม่หาผัวดีอย่างพ่อแบร์ไม่ได้แล้วเหอะ เชื่อปริม... ไว้ปริมจะไปเข้าสมาคมสายฝอด้วยนะ” ปากของนัชชาโพล่งออกไป คนแม่ถลึงตาปูดโปนอย่างสุดกลั้นอารมณ์เกรี้ยวโกรธมีหนึ่งคนที่ดีใจกับการกระทำแสนน่ารักช่างเอาใจ ดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยความหวังขึ้นมา และยิ่งกว่าเมื่อเธอคว้ามือของเขาเอาไว้สอดประสานทุกง่ามนิ้วมืออย่างสนิทสนม ให้คนทั้งบ้านมองกันเป็นตาเดียว“ไปค่ะ... คุณอลัน ปริมเปลี่ยนใจละ ไม่ต้องไปส่งใครหรอก ที่นี่คนขับรถเยอะแยะ” สิ้นคำนั้นคงเร็วพอกันกับที่พากันวิ่งออกจากบ้าน แม้แต่นายอานนท์เองก็ไม่ขยับเขยื้อนด้วยความเสียใจ มีเพียงเสียงลั่นแสนแสบแก้วหูตามหลังมากรี๊ด!-------------------------------ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณแม่คุณลูกมีนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด อลันเคยได้ยินเสียงกรี๊ดนั่นมาก่อนในบ้านของปรเมษฐ์ จนเขาต้องชะโงกหน้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้เขายังไม่สบอารมณ์กับแสงไฟสลัวสีนวลอ่อนสะท้อนเฟอร์นิเจอร์และกำแพงสีเหลืองส้มในห้องสลับไป มันทำให้บรรยากาศโรแมนติกเข้าไปใหญ่ขณะที่คนตัวเล็กเดินหายเข้าห้องน้ำไป บ่นเขาว่าจะเอาอะไรใส่ บิกินี่ก็ไม่มี เธอทำตัวเป็นกันเองอยู่ตลอดจนดูไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงเจนจัดการอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้ชายหรือไม่ได้รู้สึกอะไรสักอย่าง ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวนัชชา...พอคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำกว้างขวางโออ่า ตกแต่งอย่างทันสมัยใกล้ชิดธรรมชาติ แผ่นหลังเปลือยเปล่า เสื้อและกระโปรงที่ถูกถอดออกแต่ละชิ้นอยู่ในสายตาคู่คมเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาก่อนที่เธอจะพาร่างเปลือยเปล่าลงนอนแช่น้ำในอ่างจากุซซี่ น้ำเต็มอ่างมีดอกไม้สีขาว กลีบกุหลาบสีแดงลอยวนไปมาให้หยิบมาสูดกลิ่นหอมของมัน“คุณอลันรสนิยมดีเหมือนกันนะเนี่ย เอาอกเอาใจเก่ง ทำยังกับจะมาฮันนีมูน” เธอชมไปเขินไปคนเดียว เหมือนลืมไปว่าห้องน้ำและห้องทั้งห้องนี้เชื่อมต่อถึงกันด้วยกระจก! ความคิดสมัยเป็นเด็กตัวน้อยผุดเข้ามาในหัว ตอนที่เคยวิ่งเล่นไปทั่วบ้าน เจอฉากสยิวของพ่อบ้านแม่บ้าน บางครั้งก็แม่กับเลขาฯ เข้าโดยบังเอิญ ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กซุกซน เธอจะแอบซุ่มดูอย่
อุณหภูมิร้อนวาบมากับเรือนกายแกร่ง แนบชิดสนิทแน่นกับเรือนกายเปล่าเปลือย กลิ่นหอมของสบู่และความนุ่มเนียนทำเอาปวดร้าวแก่นกายที่กำลังถูไถอยู่บนหน้าท้องแบนราบ หญิงสาวเองก็รู้ว่าเขาต้องการเธอมากแค่ไหน หลังพาเธอสมอารมณ์หมายเขากลับต้องไปปลดปล่อยตัวเอง วันนี้เธอคงปล่อยให้เขาได้ตักตวงความสุขบ้าง แม้ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรชายหนุ่มประคองกอดคนตัวเล็กที่หยัดกายขึ้นนั่งคร่อม ฟองสีขาวกระจายตัวมากขึ้นตามแรงดึงดูดกันและกัน เกิดเสียงน้ำลายในปากที่กระทบกระทั่ง เสียงครางในลำคอปากของเธอและเขาเหมือนแม่เล็กขั้วบวกลบ ดูดดื่มไปมาผลัดแลกลิ้นไล่หากันเป็นพัลวัน ด้วยแรงพิศวาสมากล้น ไม่มีใครยอมใคร แต่ด้วยความเป็นชายแล้วอลันช่ำชองกว่าเด็กสาวฝึกหัดจูบมือร้อนป่ายปัด บีบเนื้อกายสาวจนแดงช้ำ ความตื่นตัวเต็มที่มาตั้งแต่เมื่อคืน อาจทำให้เขากลายเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวโดยสมบูรณ์แบบ กว่าจะยอมปล่อยปากนุ่มหวานก็เจียนขาดใจ เขากดจุมพิตบนหน้าผากเนียน“หวังว่าคุณจะไม่เกลียดผมไปเสียก่อน ผมไม่อยากทำคุณเจ็บเลย… ปริม”นั่นคือถ้อยคำแสนห่วงใย แสนหวานที่สุดสำหรับนัชชา ดวงตาฉ่ำปรือราวถูกจุดประกายแห่งความปรารถนา คงจะเหมือนน้ำม
แม้ต้องอดทนข่มความทรมานจากอาการปวดร้าวตามธรรมชาติสรีระร่างกายที่ไม่ได้ปลดปล่อย นอกเสียจากว่าธรรมชาติรังแกภาพความสวยงามเบื้องหน้าสายตาพาเขาตะลึงงันไปครู่ น้ำลายในปากเกิดไหลออกมา เขาลากปลายลิ้นร้อนผ่านกลางกลีบกุหลาบสีชมพูหวานที่ไม่เคยผ่านชายใด มันหวานอร่อยจนเขาต้องชอนไชไปทั่ว กระหวัดยอดเกสรขึ้นลง สลับดูดกลืนมันอย่างหิวกระหาย“อลัน...! อ๊า... อื้อ...” เธอได้แต่ส่งเสียงน่าอายกับความรู้สึกซ่านสยิวประหลาด มากกว่าเมื่อวานหลายเท่า ช่องท้องปั่นป่วนเกร็งจัด มือขยุ้มเส้นผมหนาด้วยอารมณ์แสนรัญจวน ราวร่างจะเหลวละลายไปในอ่างน้ำ ขณะที่อีกคนคงไม่ปล่อยเธอขึ้นสวรรค์ล่วงหน้าไปคนเดียวในค่ำคืนนี้ ร่างหนาผละออกมองดวงหน้าแดงก่ำ อลันคิดว่าผู้หญิงของเขาควรรู้“ผมถือว่าคุณเลือกผม ก็ต้องรับผิดชอบนะ ที่รัก” เอ่ยพลันฝ่ามือร้อนจับต้นขาเนียนแหวกออกกว้างกว่าเดิม ท่อนแขนเป็นล่ำสันยันข้อพับขาวเนียนจนแผ่นหลังถูกอัดติดกับผนังกระจก มือดึงฝักบัวพาน้ำสะอาดชำระล้างมันเสียก่อนเตรียมสู้ศึกรักที่พร้อมมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วหญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเหยียดตรง สบแววตาคมปลาบมาดหมายบอกความต้องการอย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีทางปล่อย!
เรือนกายกำยำรุ่มร้อนกดแก่นกายไปในส่วนลึกสุดสามครั้ง แนบชิดสนิทแน่นไร้ช่องวางระหว่างกัน ปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาอย่างไม่เหลือค้างไว้กับตัว ฟุบหน้าลงข้างดวงหน้าแดงก่ำ โยนลมหายใจหอบระทวยลงครู่หนึ่งพอดวงตาคู่หวานฉ่ำปรือสบมองมาอย่างอ้อนวอนจะเอาอะไรสักอย่าง เขาจูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ “ปริมของผม… อึ้บมันขนาดนี้… ไปซื้อยากันก่อนดีกว่า”“ยังจะเอาอีกเหรอ? คุณอลัน เจ็บจะตาย” เธอถามให้เขาทำเบะปาก ถึงชอบพอประสบการณ์แปลกใหม่อยู่สักเท่าไรชายหนุ่มยอมปล่อยมือเรียว เพื่อหยัดกายขึ้นนั่งชันเข่า ช้อนต้นขาขาวเนียน แล้วก้มหน้ามองผลงาน ยามขยับตัวออกจากช่องทางที่บีบอัดแรงเต็มที่ ก็สูดลมเข้าปาก น้ำหนืดชุ่มนองไหลย้อนออกมาทางเดิมพร้อมเลือด…“เจ็บมากเลยเหรอ...?” เขาโน้มตัวลงกอดเธอเอาไว้อีกครั้ง ความรู้สึกห่วง หวงแหนก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่เคยเป็นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนถือเรื่องพวกนี้ตามวัฒนธรรมของชาวต่างชาติขณะที่สองแขนเรียวเลื่อนขึ้นโอบรอบคอของเขาเอาไว้ ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอด้วยความรู้สึกอันท่วมท้น“เจ็บ... แต่ไม่เป็นไร... ฉันรักคุณอลันนะ”ถ้อยคำสั้น ๆ พาให้เขาพริ้มตาปิดลงสูดกลิ่นหอมจากเส้นผมเป็นลอน
อลันไม่ได้กลับไปทำงานกับเจ้านายเก่าอย่างปรเมษฐ์ เมื่อคุณนายนิตยาไม่ยอม หล่อนรั้งเขาไว้ด้วยคำว่าจะไม่ยกลูกสาวให้คำเดียว เขาจึงต้องลาออกเป็นการถาวรแต่ส่งน้องชายคือเจมส์ไปฝึกงานเลขาฯ แทนชีวิตแต่งงานเรียบง่ายที่มีความสุขในทุก ๆ วัน จะมีทะเลาะกันบ้างเพราะความเอาแต่ใจประสาเด็กสาว หรือเรื่องความขี้หึงของอลันมาถึงจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย ผ่านด่านตรวจคนเข้ามาเมืองมาอย่างง่ายดาย คนเป็นสามีก็ทำหน้าที่ผู้นำครอบครัว เรียกรถแท็กซี่ บอกทางที่จะไปด้วยภาษาท้องถิ่น ช่วยคนขับรถเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไว้ข้างหลัง“พี่พูดได้กี่ภาษาอ่ะ? ทำไมปริมไม่เคยถามพี่เลยนะ” เสียงหวานบ่นถามทั้งตัวเองและคนที่ปิดประตูนั่งตามในที่นั่งข้างหลัง“ภาษาไทย... โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษครับที่รัก...”ความสนิทสนมกันเกินไป มีบางอย่างที่ไม่รู้... หญิงสาวชะงักนิ่งไปหลังนับนิ้วจนครบว่าไม่ผิดแน่“ตั้งห้า... ภาษา แล้วปริมเคยว่า...” เธอหน้าตาตะลึงมองเขาที่แค่ยิ้มกับคำดูถูกคราแรกพบหน้ากัน แน่ว่าอลันจำมันได้แม่น!‘เลขาฯ แม่ฉัน คุณแบร์นาร์ด หนุ่มฝรั่งเศสพูดได้ตั้งสี่ภาษา...’“ตอนสักอายุสิบห้า พ่อแม่พี่ไม่ค่อยว่าง พี่กลับมาอยู่บราซิลกับ
“ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องร้อง...”สองหนุ่มสาวกอดกันตัวกลม สองหนุ่มบอร์ดี้การ์ดมองหน้ากันก็ตรงไปสะสางเรื่องให้เรียบร้อย เจ้าของห้องที่ใบหน้าลำคอเต็มไปด้วยรอยข่วนไม่ได้หนีหรือมีท่าทีหวาดกลัวอานนท์เป็นคนส่งการ์ดกุญแจห้องให้เธอเดินออกไปเฉย ๆ และแค่มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดชายอื่นด้วยแววตาเศร้าหมองจนเธอจากไป-------------------------------เรื่องวุ่นวายทั้งหมดถึงหูคุณนายที่มารออยู่ข้างล่างเพนเฮ้าส์ของนายอานนท์พร้อมกับแบร์นาร์ดนิตยาเพิ่งรู้ว่าลูกสาวมีปัญหากับปิ่นแก้ว ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องใหญ่โตจนเกิดการทำร้ายร่างกาย คุณแม่ที่กำลังเกรี้ยวโกรธจึงส่งทนาย โทรบอกพวกพ้องให้จัดการกับคนผิดอย่างถึงที่สุดนัชชาไม่ใช่เด็กที่จะร้องไห้เพราะความกลัว แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาเช่นนั้นวันนี้เธอแค่ทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ ตั้งแต่อ้อนกอดผู้ชายตัวโต ให้เขาต้องอุ้มขึ้นรถในที่นั่งข้างหลัง ในสายตาของหลายคนรวมถึงพ่อแม่คงไม่ขัดหรือห้ามปราม เพราะคงจะห้ามกันไม่ได้กับการที่คุณหนูของบ้าน โตเป็นสาว ได้ตกหลุมผู้ชายสักคนหัวปักหัวปำเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำแล่นฉลิวในความเงียบ มีโอกาสได้นั่งกันตามลำพังข้า
ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าตัวต้นเหตุยังวนเวียนอยู่แถวนี้ หลังจากที่เขาขับรถมาสมทบกับเจมส์ ยังมีบอร์ดี้การ์ดนอกเครื่องแบบอีกสองคน ตามคำสั่งของคุณนายว่าให้เฝ้าลูกสาวไว้ “พวกสวะน่ะพอได้ ตำรวจต้องการตัวอยู่แล้ว ซัดทอดความผิดไปว่าเก็บกันเอง ขัดผลประโยชน์ แต่คุณนักธุรกิจคนดังคนนั้น ใจเย็น ๆ หน่อย” “อย่างมากก็กลับไปอยู่บราซิล...” พูดจบก็เหน็บอาวุธไว้ด้านหลัง ก่อนลงจากรถยนต์อย่างไม่รอช้า แน่นอนว่าเขาจะใช้มันในยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ถุงมือถักทอด้วยเส้นใยโพลีเอสเทอร์บางละเอียด ใช้กับงานที่ป้องกันคราบเหงื่อและรอยนิ้วมือจะทำให้เขาไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ถูกสวมทีละข้าง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉย ลอบมองซ้ายขวามือกระตุกหมวกแก้ปให้ปกใบหน้าลงมาเล็กน้อย เปลวไฟในดวงตาคู่คมสีฟ้าครามลุกโชน จับจ้องอยู่กับรถยนต์สีดำอีกสองคันถัดไป คนขับนั้นเป็นพี่น้องห่าง ๆ หน้าตา ความสูง และรูปร่างเป็นล่ำสันใกล้เคียงกันกับเขา สองคนข้างหลังที่เพิ่งจะขึ้นรถไปต่างหากคือเป้าหมาย... ------------------------------- สิ่งที่นัชชาไม่ต้องการมากที่สุด คือความเจ
“พี่ให้โอกาสน้องขอโทษน้องสาวพี่แล้วนะคะน้องปริม แต่น้องยังทำปากดี ช่วยไม่ได้”แทนที่นัชชาจะกลัว กลับแค่นหัวเราะ “ฮึ! แกคิดดีแล้วเหรอ? ที่มายุ่งฉันน่ะ”“ไม่ได้ยุ่ง แค่มาเป็นกามเทพ... กับเป็นเพื่อนเจ้าสาว พี่คงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า” เสียงหัวเราะดัง ยกมือขึ้นป้องปากด้วยท่าทางเสแสร้ง ความคับแค้นใจสะท้อนขึ้นในแววตากร้าวของนัชชา หยัดกายลุกขึ้นนั่งในท่าเตรียมพร้อมปะทะ!“ฉันว่าแกควรไปพบจิตแพทย์นะนังปิ่น ไม่ก็หัดเข้าวัดเข้าวาซะบ้าง ผู้ชายเขาไม่เอาทำพาลไปทั่ว รับรองได้ว่าแม่ฉันเอาเรื่องแกแน่ ๆ” เสียงขู่ฟ่อหลุดรอดจากไรฟัน หญิงสาวอีกคนก็ขยับก้าวช้า ๆ มาหยุดลงข้างเตียงอย่างท้าทาย“แม่น้องไม่เอาเรื่องพี่หรอก... ดีเสียอีก... พี่มาช่วยให้เรื่องมัน Happy ending พี่ไม่ได้มาฆ่าใคร ไม่ได้ทำร้ายอะไรเราเลยนะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของปิ่นแก้วแม้กระการแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องของคนกันเองตามปากว่าเป็นความสะใจล้วน ๆ ในเมื่อหล่อนอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แลัวนังเด็กปากดี! ยังไปเอาเรื่องปานทิพย์ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยความคิดแค้นของปิ่นแก้วไม่น้อยไปกว่านัชชา ดวงตาคู่สวยคมฟาด
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในเชิ้ตสีดำสนิทนั่งตัวเกร็ง มือกุมพวงมาลัยแน่น เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิปรกติในรถให้ความรู้สึกเย็นยะเยียบ เขาจึงต้องกดปลายเท้าเหยียบลงอีก เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น“ขับช้า ๆ หน่อยสิคุณอลัน จะรีบไปไหนกัน บ้านฉันก็อยู่แค่นี้” ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบห้าละจากแท็บเล็ตในมือ สารถีประจำตัวก็ลดความเร็วลงเล็กน้อย โดยที่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญหลายวันมานี้เขาเหนื่อยหน่ายกับการพูดเรื่องเดิม ๆ คือมาขอลูกสาว เมื่อคุณนายนิตยาทำเป็นไม่สนใจยังให้เหตุผลว่าลูกสาวของหล่อนเด็กเกินจะมีครอบครัว“ลูกปริม... มีเงินใช้หรือเปล่า?”“ปริมหาเงินใช้เอง แต่ถ้าวันไหนไม่มีหรือไม่พอ ผมไม่เคยปล่อยให้เมียลำบาก ผมโอนไวครับ”เมีย ย้ำชัดหนักแน่น คนข้างหลังปิดตาลงเพื่อสะกดกลั้นความโกรธ ก่อนจะเหน็บแนมด้วยถ้อยคำร้ายกาจ“ทรัพย์สมบัติพ่อ ทำไมไม่เอาไปลงทุน จะรอแต่งงานกับผู้หญิงไทยเอากรีนการ์ดค่อยกว้านซื้อที่ดินหรือว่ายังไง?”“ผมจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? ผมไม่ได้อยากได้สัญชาติไทย เลิกให้คนไปสืบเรื่องของผมนะครับคุณนาย ที่ดินที่ผมไปดูมาคือเรือนหอของผมกับปริม ผมจะให้เธอเลือกเองว่าอยากได้บ้านแบบไหน”“แบร์นาร์ดบอกฉัน
ความสัมพันธ์อันดีของเขาจบลงที่การปล่อยมือจากสาวร้อนแรงอย่างปิ่นแก้ว ไม่ว่าเป็นใครก็คงจะต้องเสียดายอยู่ อานนท์คิดว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า“รอบนี้แกรับเสื้อมาจากจีนกี่กระสอบอ่ะ? ฉันต้องหุ้นกับแกเท่าไร” พูดไปพร้อม ๆ กับที่จดขยุกขยิกลงในโทรศัพท์ขนาดพอดีมือ สีหน้าจริงจังของนัชชาคงเฉพาะเวลาเรียน และธุรกิจเล็ก ๆ ของเธอกับเพื่อนสาวปรายลดาเป็นคนริเริ่มร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นในคราวแรก สุดท้ายก็ทำคนเดียวไม่ไหว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ท้องโตมากจนเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวไปมา คราวเด็กน้อยในท้องถีบแขนถีบขา อีกไม่ถึงสองเดือนคลอดลูกแล้วคงจะได้ยุ่งวุ่นวายมากกว่านี้“ชุดนอนแขนสั้น กางเกงผ้าฝ้าย แจ็คเก็ตยีน อย่างละสามกระสอบ พวกงานลิขสิทธิ์เก็บไว้ก่อน ล่อซื้อเยอะไม่อยากเสี่ยง ทั้งหมดเท่าไรแกคิดเลย”กองเสื้อผ้าตรงหน้ามีที่ขายไม่ออก ตัวไหนขายดีปรายลดาก็จะสั่งมาอีกเป็นล็อต ๆในห้องพักแบ่งแยกเป็นสัดส่วน ห้องสตูดิโอของคอนโดมิเนียมกลายเป็นที่เก็บเสื้อผ้านับพันตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่างคนมีความเห็นตรงกันว่าไม่ควรไปเสียเงินเช่าห้องเก็บเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ด้วยค่าเช่าหลักครึ่งแสนต่อเดือนในเมื่อห้องนี้ก็ไม
“งานหมั้นเหรอ... น้ายกเลิกไปเพราะอะไรรู้ไหม?” ถามพลางยกมือป้องปากหัวเราะเป็นเรื่องตลกขบขัน ก่อนที่จะพิงแผ่นหลังบนเก้าอี้มีพนักของผู้บริหาร ใบหน้าสดสวยฉาบประกายเย็นยะเยือก“น้าไม่อยากให้ลูกสาวติดโรค เพราะไปคลุกคลีกับพวกมักมากในกาม เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย”“ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ... มีกินเล็กกินน้อยบ้าง ก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่ผมจริงจังกับน้องปริม ถ้าผมหมั้นกับน้อง ผมจะไม่มีใครอีกทั้งนั้น” คนที่มีสีหน้าเข้มเครียดมาเพื่อแก้ความเข้าใจผิด อานนท์ไปพูดกับผู้ใหญ่ให้กลับมาคุยกับนิตยาอีกครั้ง ทว่าหล่อนก็ทำเป็นเมินเฉยจนเขาต้องเข้ามายืนทนโท่อยู่ตรงนี้“ลูกสาวน้าคบอยู่กับทายาทซีเพิร์ลจ้ะ น้าต้องขอโทษด้วย เราคงไม่อยากให้พ่อมีปัญหาเนอะ” เป็นข้ออ้างของคนฉลาดกว่า ชายหนุ่มในชุดสูทหล่อเหลาที่ยืนอยู่ในฝั่งตรงข้ามกันจึงเลิกคิ้วขึ้น“อะไรนะครับ? คุณน้า ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องหุ้นของพ่อ... คุณน้าอย่าลืมสิครับ ผมเป็นนักธุรกิจ ทำงานหาเงินใช้เอง”“ไม่ได้ลืม แค่เตือนด้วยความหวังดี ในฐานะคนทำงานมานานกว่า เรื่องผลประโยชน์ครอบครัวมันควรจะต้องมาก่อนตั้งตัวได้อย่างน้านะ นนท์” สีหน้าของนักธุรกิจสาวรุ่นแม่เต็มเปี่ยมไปด้ว
ร่างกำยำส่งแรงกระแทกแต่ละครั้งหนักหน่วงจนศีรษะกระทบเข้ากับหมอนที่รองรับอยู่บนหัวเตียง ประกายเร่าร้อนดิบเถื่อนฉายออกมาทางแววตา“อ๊า... อื้ม... อลัน เอาแรง ๆ อีก...” คนบ่นสั่งสูดลมเข้าปากอย่างซ่านสยิว ราวกับว่าร่างกายปรับเปลี่ยนขนาดไปเองตามธรรมชาติสรรค์สร้าง ร่องทางรักขยายตัวอย่างเหมาะสม ปลดปล่อยและดูดดึงมันกลับเข้าสู่กลางกาย ร่างบางบิดเร่าแอ่นเอวรับทุกอย่างที่เป็นเขา ส่งเสียงครางหวานในสีหน้ายุ่งเหยิง ไม่ต่างจากว่าเธอได้กลายเป็นทาสบำเรอกามของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ“อลัน...! ปริมจะเสร็จ... อ๊า... อีกนิด... เร็ว ๆ!” เธอส่งเสียงหวีดร้องก่อนยกมือขึ้นปิดป้องปากไว้ ด้วยความเกรงใจห้องข้าง ๆ จังหวะเร่งเร้าของบุรุษผู้พกพาความร้อนแรงมาชนิดจัดเต็ม ไม่มีพักหรือหยุดสักนาที สวรรค์ของเธออาจอยู่ใกล้กว่าขณะที่อีกคนไม่ได้ทำตามคำขอ หยุดพื้นพรมอันสวยงามเบื้องหน้าให้ชะงักนิ่งบางครั้งอลันก็ชอบที่จะแกล้งเธออย่างนั้น เขามักพาเธอไปแค่ครึ่งทางก่อนค่อยบรรเลงบทเรียนสวาทต่อ ให้มันเป็นไปอย่างช้า ๆ อย่างดุเดือดเลือดร้อน...มือหนาตะปบเข้าท้ายทอยน้อย จับพลิกให้นอนคว่ำหน้าโดยไม่ปล่อยให้ส่วนสอดสวมกันหลุดออก แม้ว่ามันจะลื่
ร่างสูงโน้มตัวลงประกบลงบนเรียวปากอิ่มงาม ขณะที่เธอตอบรับจุมพิตหวานฉ่ำ เลื่อนมือขึ้นล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา แม้ว่าเขาจะยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมืออาชีพที่พลอดรักกันได้ทุกเช้าเย็นปากอุ่นนุ่มเผยอเชื้อเชิญให้เธอเป็นฝ่ายสอดแทรกลิ้นน้อยเข้าหาความหวาน จากนั้นปลายลิ้นหนาก็กระหวัดเกี่ยวอย่างช่ำชองงานงานที่นัชชาทำได้ดีที่สุดและได้รับคำชมเชยจากครูผู้สอนเสมอคือจูบ... หากว่าเป็นเรื่องอย่างอื่นแล้วคนฉลาดหัวไว ผ่านการดูอะไรต่อมิอะไรมามาก เทียบไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของคู่ขาในอดีตของอลัน ทว่าเขากลับเสพย์ติดเรือนร่างนิ่มนวลนี้มากที่สุด เสพย์ติดทุกอย่างที่เป็นเธอผ่านริมฝีปากนุ่มละมุนคราวขยับอย่างเป็นผู้นำให้อีกคนเผยอรั้งปากตาม ชายหนุ่มคอยแต่จะแย่งสูดลมหายใจของเธอไว้ให้เป็นของเขา มือลูบไล้หน้าท้องแบนราบเข้าไปในสาบเสื้อ แต่เพียงหยุดไว้เท่านั้นหลายนานกับการผลัดแลกรสจูบแสนหวานแทนคำบอกรัก ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาแทนที่กันและกันได้ ก็จะต้องเป็นเขาเท่านั้น ก่อนที่ชายผู้แสนดีจะมอบอิสรภาพให้ เขาผ่อนลมหายใจหอบสั่นอันเต็มไปด้วยความปรารถนา“ไป... ขึ้นห้องนอนกันดีกว่า”นัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามหลุบมองร่างเป