ลู่หานถิงมาแล้ว วันนี้เขาสวมชุดสูทสีดําที่ทักทอด้วยมือ เสื้อผ้าราคาแพงถูกรีดจนเรียบไม่มีรอยยับแม้แต่น้อยทำให้รูปร่างของเขาดูสูงโปร่ง ผมที่ปรกอยู่ตรงหน้าผากทั้งหมดถูกเซ็ตขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่สง่างามราวกับรูปปั้นแกะสลักจากสวรรค์ของเขา บนข้อมือมีนาฬิกาเหล็กราคาแพง ทุกท่วงท่าของเขาล้วนเต็มไปด้วยความสง่างามและความปราณีตของคนที่ประสบความสําเร็จขั้นสูง ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลยขณะนี้เขากำลังก้าวขายาวเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าที่มั่นคง กางเกงขายาวที่ถูกตัดเย็บมาอย่างปราณีตกวัดแกว่งไปมาราวกับสนามแม่เหล็กที่สะกดทุกสายตา ลู่หานถิงที่ไม่ได้ปรากฎตัวมาสามเดือนนั้นอยู่สูงตระหง่านจนทำให้ผู้คนต้องแหงนมอง ภายในรัศมีที่ดูภูมิฐานและเก็บตัวแฝงไว้ด้วยแรงดึงดูดอันเย็นชาทำให้บรรดาหญิงสาวผู้โด่งดังในที่นั้นมองเขาจนหน้าแดงหูแดงไปหมดคนที่มีความสุขที่สุดก็คือลี่เหยียนหลาน เธอรอลู่หานถิงอยู่นานแล้ว ตอนนี้เขามาแล้ว เธอจึงรีบเข้าไปต้อนรับเขาด้วยใจอันสุขล้นทันที “พี่หานถิง พี่มาแล้วเหรอคะ?” ลู่หานถิงหยุดฝีเท้าลง ดวงตาอันเฉี่ยวคมของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าเรียวเล็กงดงามของลี่เหยียนหลาน แล
เมื่อครู่นี้ลี่เหยียนหลานเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังที่เขาลูบไล้ผมของเธอ นี่เป็นเพียงการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เด็กผู้ชายมักแสดงความรักต่อเด็กผู้หญิง ในวันเกิดของเธอและไหนจะบรรยากาศดี ๆ แบบนี้อีก เธอคิดว่าเขาจะกอดเธอจูบเธอหรืออะไรทํานองนั้นต่ออีกแน่ แต่ไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนเขาแค่อยากจะลูบไล้ผมยาวของเธอเท่านั้นจริง ๆลู่หานถิงดึงมือกลับมา แล้วพูดว่า “เหยียนหลาน อีกสักครู่ผมมีนัด ผมขอตัวก่อนนะครับ” อะไรนะ?เขากําลังจะไปแล้วเหรอ? “พี่หานถิง แต่พี่เพิ่งมาเองนะคะ พี่จะกลับเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?” ลี่เหยียนหลานรู้สึกไม่สบอารมณ์และรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ลู่หานถิงไม่ได้รูสึกสะทกสะท้านอะไรและไม่ได้มองเธอแม้แต่นิดเดียว เขาก้มหน้ามองเจ้าหยวนหยวนที่อยู่ตรงเท้าของเขาและพูดว่า “เจ้าหยวนหยวน ไปกันได้แล้ว” เหมียวเหมียวเหมียวเจ้าหยวนหยวนยกอุ้งเท้าทั้งสองข้างขึ้นเห็นด้วย ดีจังเลย เจ้านายรีบไปกันเถอะ ! ลี่เหยียนหลานมองไปที่ลู่หานถิง บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย แถมยังอยู่ไกลจากเขามาก เขามักจะทําตัวเฉยเมยและเย็นชาแบบนี้เสมอ คนแปลกหน้าไม่เคยได้เข้าใกล้เลย มีเพียงช่วงเวลา
ตอนนี้ดูเหมือนว่า คนที่อยู่ปลายสายจะน่าสนใจเอามาก ๆ ลู่หานถิงยกริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อยเหมือนมีอะไรบางอย่าง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับเจ้าหยวนหยวน ณ โถงทางเดิน ฉงเหวินและซ่างอู่กำลังรอนายน้อยลู่หานถิงอยู่นานแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นลู่หานถิงออกมา ทั้งสองคนก็รีบเดินตามไปอย่างนอบน้อมฉงเหวินพยามสะกิดซ่างอู่ที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นนายน้อยยิ้มเลย” ซ่างอู่พูดตอบอย่างไร้อารมณ์ว่า “หรอ” จากนั้นฉงเหวินก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “นายน้อยยิ้มแล้ว ตั้งแต่กลับมาที่มหานครเอมพีเรียล ฉันยังไม่เคยเห็นนายน้อยหัวเราะเลย !” ซ่างอู่ก็ยังคงพูดด้วยความไร้อารมณ์ว่า “หรอ”ฉงเหวินเงียบ “...” เขาไม่รู้ว่าจะพูดคุยอย่างไรแล้ว ไม่เคยมีใครพูดเรื่องซุบซิบนินทากับเขาได้เลย ฉงเหวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครู่นี้นายน้อยยิ้มเพราะลูกสาวคนเล็กของตระกูลเซี่ยที่เพิ่งเรียกตัวกลับมาเหรอ? “นายน้อยครับ ตระกูลซุนกับตระกูลเซี่ยได้กำหนดวันหมั้นหมายกันแล้ว ก่อนหน้านี้ตระกูลเซี่ยมีลูกสาวคนเล็กที่ถูกทอดทิ้งไปเมื่อตอนเด็ก ๆ และเพิ่งจะตามกลับมา ลูกสาวคนเล็กคนนี้ก็คือคู่หมั้นของซุนจินครับ” ฉงเหวินรายงานเสี
เมื่อได้ยินสามคําสุดท้าย ลู่หานถิงก็วางมือลง เขาค่อย ๆ ลืมตาอันเฉี่ยวคมขึ้นมองฉงเหวินเล็กน้อยฉงเหวินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แต่เขากลับยืดคอขึ้นแล้วพูดยิ้มอย่างประจบประแจงว่า “นายน้อยครับ คําพูดนี้ผมได้เป็นคนพูดนะครับ แต่เป็น...เป็นเลขาเหยียนพูดครับ !”เหยียนอี้จามจนลมปลิว เจ้าบ้าที่ไหนกันที่โบ้ยความผิดมาให้เขา? แต่ฉงเหวินไม่ได้พูดเหลวไหล ตั้งแต่ลู่หานถิงกลับมาที่มหานครเอมพีเรียลก็ไม่มีผู้หญิงข้างกายเขาเลยสักคน เขาปฏิเสธความใกล้ชิดของหญิงสาวเป็นอย่างมาก แต่ลี่เหยียนหลานเป็นหนึ่งในข้อยกเว้น ลู่หานถิงหันกลับมาอย่างเฉยเมย และพูดว่า “ขับรถไป” “ครับ นายน้อย”...ณ ซีหยวน ลู่หานถิงกลับมาถึงคฤหาสน์ซีหยวนแล้ว ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียว และด็อกเตอร์ชวนนักจิตวิทยาคนที่ 21 ของเขาก็รออยู่ด้วยความนอบน้อมอยู่นานแล้ว ด็อกเตอร์ชวนเป็นชายหนุ่มผิวขาวนวล เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาว เขามองลู่หานถิงด้วยสายตาและท่าทางที่สุภาพและอ่อนโยน “ประธานลู่ สวัสดีครับ เชิญนั่งเลยครับ” ลู่หานถิงนั่งอยู่บนโซฟา ขาเรียวยาวทั้งสองข้างไขว่กันอย่างสง่างาม ท่าทางของเขาดูเย่อหยิ่งและเย็นชาจากนั้นด็อกเตอร์ชวนก็
ตระกูลเซี่ยมีพี่น้อง 3 คน คุณตาเซี่ยเป็นพี่คนโต ตอนนั้นเขาตามหลินสุ่ยเหยาไปที่เมืองไห่เฉิง ส่วนคนที่อยู่มหานครเอมพีเรียลเป็นคนรองซึ่งเซี่ยปังก็คือลูกชายคนรอง และตอนนี้เขาก็เป็นหัวหน้าตระกูลเซี่ย เมื่อได้ยินว่าเซี่ยซีหว่านต้องการอยู่เงียบ ๆ เซี่ยปังก็ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง แล้วหัวเราะฮ่าฮ่าอย่างเชื่อฟัง และพูดว่า “ก็ได้หว่านหว่าน แล้วแต่หนูก็แล้วกัน ถ้าหนูบอกให้ฉันไปทางตะวันออก ฉันก็จะไม่ไปทางตะวันตกแน่นอน !”ฉากนี้ทําให้เหล่าคนรับใช้ของตระกูลเซี่ยต่างพากันตกตะลึง คุณเซี่ยปังเป็นเจ้าแห่งน่านน้ำ ไม่มีใครไม่เกรงกลัว แม้แต่ซุนจินก็ยังหวาดกลัว แต่เขากลับเชื่อฟังและทำตามคําพูดของเซี่ยซีหว่านอย่างไม่น่าเชื่อ เซี่ยปังเป็นคนที่เชื่อฟังภรรยาอย่างเคร่งครัด นอกจากจะกลัวแม่เสือร้ายในบ้านแล้ว เซี่ยซีหว่านก็คือคนที่สอง เหล่าคนรับใช้ต่างยิ่งเคารพเซี่ยซีหว่านมากขึ้น เดิมทีภาพลักษณ์ของเธอเป็นเหมือนนางฟ้า ตอนที่เซี่ยซีหว่านเพิ่งมาถึงตระกูลเซี่ยพวกเขาต่างตกตะลึงกับหญิงผู้เก่งกาจคนนี้แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์โดยรวมของตระกูลเซี่ย ผู้ชายจากตระกูลเซี่ยแต่ละคนร่างกายสูงใหญ่และกล้าหาญ ส่วนผู้หญ
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ หน้าประตูมหาวิทยาลัย T รถหรูโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมค่อย ๆ หยุดลง ลี่เหยียนหลานที่นั่งข้างคนขับมองชายที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับด้วยสีหน้าเขินอาย และพูดว่า “พี่หานถิง ฉันถึงแล้วค่ะ ขอบคุณพี่ที่มาส่งฉันที่มหาลัยนะคะ”วันนี้ลู่หานถิงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดําสไตล์แฮนด์เมดเป็นการแต่งกายฉบับเทพบุตรผู้เรียบง่ายซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาไร้ที่ติและโดดเด่นมาก มือใหญ่ที่สวมนาฬิการาคาแพงวางอยู่บนพวงมาลัยอย่างสบาย ๆ เขามองไปที่ลี่เหยียนหลานอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ตั้งใจเรียนนะ”“ค่ะ งั้นฉันไปก่อนนะคะ” ลี่เหยียนหลานเปิดประตูรถออก ตอนนี้ที่มหาวิทยาลัยเป็นเวลาเร่งด่วนในการเข้าเรียน ลี่เหยียนหลานเป็นดาวของมหาวิทยาลัย T เธอเป็นจุดสนใจของทั้งมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว เมื่อเธอก้าวลงมาจากรถ นักศึกษาหญิงหลายคนก็เข้ามารุมล้อมเธอไว้ “เหยียนหลาน เธอมาเรียนแล้วเหรอ” “เหยียนหลาน วันนี้ใครมาส่งเธอที่มหาลัยเหรอ?”โดยปกติแล้วลี่เหยียนหลานมักจะนั่งรถส่วนตัวประจำตระกูลลี่มามหาวิทยาลัย แต่วันนี้จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นรถโรลส์-รอยซ์แฟนธอมสุดหรู รถหรูระดับโลกคันนี้แพงจนน่าขนลุก ป้ายทะเบียนที่ติดอยู่หลังร
หลานเหยียนยื่นมือออกไปลูบหัวเล็ก ๆ ของเซี่ยซีหว่าน และพูดว่า “ตอนนี้ลี่เหยียนหลานเป็นดาวมหาวิทยาลัย T นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เห็นหว่านหว่านของฉัน ทันทีที่หว่านหว่านของฉันปรากฏตัวขึ้น ลี่เหยียนหลานจะต้องชิดซ้ายอย่างแน่นอน ดาวมหาวิทยาลัย T ต้องเป็นเซียซีหว่านเท่านั้นจ้ะ !” เซี่ยปังมองไปที่เซี่ยซีหว่านด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจกับตระกูลของเราที่มีหญิงสาวเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อย่างงดงาม “แน่นอน หว่านหว่านของเราสวยกว่าลี่เหยียนหลานไม่รู้ตั้งกี่เท่า”เซี่ยซีหว่านเห็นว่าจุดสำคัญของพวกเขาเริ่มเบี่ยงเบนไปอีกครั้ง เธอจึงกระแอมไอออกมาอย่างรวดเร็ว และพูดว่า “คุณพ่อเซี่ยคะ คุณแม่หลานคะ พวกเรารีบเข้ามหาวิทยาลัย T เร็ว ๆ เถอะค่ะ” “ได้สิจ้ะ ไปกันเถอะ” ทั้งสามคนลงจากรถด้วยกันและโบกมือไปทางมหาวิทยาลัย T เมื่อรปภ.ของมหาวิทยาลัย T เห็นพวกเขาเข้ามาก็ร้องตะโกนด้วยความตกใจว่า “แย่แล้ว ๆ เซี่ยปังมาแล้ว รีบปิดประตูเร็ว อย่าให้พวกเขาเข้ามา !” รปภ.รีบปิดประตูในทันทีพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทาแล้วกดโทรออกไปที่ห้องของอธิการบดีว่า “ท่านรองอธิการบดีโจวครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เซี่ยปังปีศาจร้ายม
อาจารย์อู๋ของมหาวิทยาลัย A มีนิสัยเป็นกลาง หนึ่งในปัญญาชนไม่กี่คนที่ชอบเซี่ยปัง ครั้งที่แล้วเขารู้สึกทึ่งเรื่องคดีชั่วร้ายนั้น รองอธิการบดีโจวผู้ที่คำนึงถึงชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนั้นจัดการได้ไม่ทันเวลา เซี่ยปังจึงพาผู้คนมาโวยวายกับมหาวิทยาลัย T ซึ่งอาจารย์อู๋รู้สึกสะใจเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ อาจารย์อู๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อย เพราะกระแสสังคมการเรียนของมหาวิทยาลัย A นั้นแย่ลงเรื่อย ๆ จนอยู่อันดับต่ำสุดของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์แห่งมหานครเอมพีเรียล ในตอนนั้นเขาและรองอธิการบดีโจวเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แต่ตอนนี้ทุกครั้งที่มีการประชุม เมื่อรองอธิการบดีโจวเห็นเขาก็จะทำตัวเหมือนไก่ตัวผู้ที่หยิ่งยโส มีพลังห้าวหาญ มีสง่าและชัยชนะจนอยากจะขยี้เขาให้ตายเลย ดังนั้นอาจารย์อู๋ผู้ที่มีอายุเพียงสี่สิบกว่าปีนั้นเกือบจะหัวโล้นหมดแล้ว เซี่ยปังหัวเราะอย่างมีความสุข และพูดว่า “อาจารย์อู๋ครับ ถือได้ว่าคุณมีวิสัยทัศน์ที่ดีมาก ถ้าคุณรับหว่านหว่านของผมไว้ ผมรับรองว่าในอนาคตคุณจะต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก” “คุณเซี่ยผู้ยิ่งใหญ่ ผมนับถือคุณมากและผมก็ชอบลูกผู้มีบุญบารมีของคุณคนนี้มากด้วย แต่มหาวิท
เซี่ยซีหว่านรู้สึกได้ว่าลู่ซือเจี๋ยรักลูกชายทั้งสองคนนี้ ดังนั้นที่เมืองไห่เฉิง เขาไม่สามารถอนุญาตให้เธออยู่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา เมื่อตอนนั้นหลินสุ่ยเหยากับหลิวอิงหลั่วสองสาวครองอันดับหนึ่งเรื่องความเก่งกล้าสามารถที่สุดของเมืองหลวง เขาต้องการตามหาหลินสุ่ยเหยา ผ่านตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางลูกชายสองคนของเขาลงและปล่อยให้เธอดำรงอยู่หมายความว่า ภายในใจของลู่ซือเจี๋ย หลิวอิงหลั่วมีความสำคัญมากกว่าลูกชายทั้งสองคนของเขานี่เป็นครั้งแรกที่ เซี่ยซีหว่านตระหนักอย่างแท้จริงว่าลู่ซือเจี๋ยรักหลิวอิงหลั่วอย่างสุดซึ้งหลิวอิงหลั่วหายตัวไปหลายปี ปีนี้ลูกชายของเธอลู่หานถิงอายุ 28 ปีแล้ว เซียซีหว่านไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างไร ความรักที่ลึกซึ้งถึงสามารถทนต่อการกัดเซาะและความแข็งแกร่งของปีที่เลยผ่านได้ จึงทำให้ชายที่ราวกับจักรพรรดิยังคงรออยู่ที่นี่ตลอด บางทีอาจเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกแต่รักอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงต้องเจ็บอีก?ตอนนั้นหลินอิงหลั่วตั้งท้องลูกคนที่สอง เธอหยิบมีดมาคว้านท้องตัวเอง อุ้มทารกออกมา ช่างน่าเวทนานัก?ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับจ
แต่ว่า เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อยเขาพยายามไม่ให้ไปหลงเสน่ห์เธอแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้หลังจากที่ได้รู้ในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่นี้ว่าเธอคือ เด็กผู้หญิงตัวน้อยเมื่อก่อนนั้น เดิมที่แม่ของเขายอมยกเจ้าสาวตัวน้อยแก่เขา เขารู้สึกว่าความยับยั้งชั่งใจและความอดกลั้นที่ผ่านมาในหลายวันมานี้ได้พังทลายลงลู่หานถิงจ้องมองเธออย่างดุดันด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เขายกริมฝีปากบางของเขาขึ้นเล็กน้อย และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ทำไมสวี่เส้าหนานถึงได้ ลู่จื่อเซียนถึงได้ แต่ทำไมฉันไม่ได้เหรอ?”“…”ใบหน้าเล็กสวยงามของเซี่ยซีหว่านเปลี่ยนเป็นสีขาวและแดงสลับกัน เธอยกมือเล็กขึ้นเพื่อตบลงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยความน่าเกลียดชังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ไม่ได้ตบเขาเพราะลู่หานถิงจับข้อมือเรียวของเธอไว้ได้ทัน เธอจึงไม่ได้ตบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาลู่หานถิงมองดูเธอด้วยแววตาเศร้าโศกและพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรนะ สิ่งที่ผมสามารถให้คุณได้คือสิ่งที่ลู่จื่อเซียนและสวี่เส้าหนานไม่สามารถให้คุณได้แน่นอน ถ้าหา
เขาจำไม่ได้แล้วแน่นอน เพราะความทรงจำเหล่านั้นเธอลบมันไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดได้อย่างชอบธรรมแถมเขายังพูดอีกว่า การที่เขานอนกับเธอคือ การนำน้ำสกปรกสาดใส่ตัวเขา เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร น้ำสกปรกเหรอ?แน่นนอน เขาเกลียดเธอ !แต่ในเมื่อเขาเกลียดเธอมาก ทำไมเขาถึงมารังควานเธอด้วย?เซี่ยซีหว่านมองใบหน้าที่เย็นชาหล่อเหลาของเขาและพูดเยาะเย้ยว่า “ฉันแค่พูดไร้สาระ พอใจหรือยังล่ะ คนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่าประธานลู่ ฉันจะทำให้คุณมีมลทินได้อย่างไรคะ !”“บริสุทธิ์เหรอ” ลู่หานถิงขมวดคิ้วรูปดาบอันองอาจผึ่งผายนั้นและกล่าวว่า “คนที่พูดว่าผมนอนกับคุณ ก็คือคุณ ตอนนี้คนที่กำลังพูดไร้สาระก็คือคุณ คิดว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งก็สามารถพูดจาเหลวไหลแบบนี้ออกมาได้งั้นเหรอ เซี่ยซีหว่าน คุณยังมียางอายอยู่อีกไหม?”“ฉันจะมีหรือไม่มียางอายเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอคะ ใช่สิประธานลู่ คุณคงจะยังไม่...เป็นหนุ่มน้อยบริสุทธิ์คนหนึ่งอยู่ใช่ไหมคะ?”ดวงตาของเซี่ยซีหว่านเปล่งประกาย ทันใดนั้นดูเหมือนว่าจะเจอกับปัญหาเข้าแล้ว เขาไม่มีความทรงจำช่วงนั้นแล้ว เขาคงจำไม่ได้ว่าเขากับเธอเคยเดือดพล่านกันบนเตียงมาก่อน งั้นเขาคงไม่คิดว่า
เซี่ยซีหว่านใช้ส้อมจิ้มสเต็กชิ้นเล็ก ๆ เพิ่งเตรียมจะใส่เข้าปาก ตอนนี้เท้าของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะถูกเตะอย่างแรง สเต็กบนส้อมก็ร่วงตกลงมาบนจานทันที“หว่านหว่าน คุณเป็นอะไรไปครับ?” ลู่จื่อเซียนถามด้วยความเป็นห่วงร่างผอมเพรียวของเซี่ยซีหว่านสั่นไหวเล็กน้อย เธอมองไปยังลู่หานถิงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอดตั้งแต่เธอเดินเข้ามา แต่เขาเพิ่งเตะเธอเขาเป็นอะไรของเขา?ลู่หานถิงหั่นสเต็กในมืออย่างสง่างามราวกับว่าคนที่เตะเมื่อกี้ไม่ใช่เขา ทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยเข้าใจแกล้งจริง ๆ !เซี่ยซีหว่านด่าเขาในใจแล้วยิ้มให้ลู่จื่อเซียนและกล่าวว่า “จื่อเซียน ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”ทั้งห้าคนก็จบมือค่ำในบรรยากาศอันแปลก ๆ แบบนี้ลง...หลังมื้อเย็น เซี่ยซีหว่านไปห้องน้ำทันทีที่เธอเดินเข้ามา มือใหญ่มือหนึ่งจากด้านในยื่นออกมา และคว้าข้อมือที่เรียวยาวของเธอแล้วดึงเธอเข้าไปเซี่ยซีหว่านชนเข้ากับหน้าอกแข็งแกร่งอย่างกระทันหัน หน้าอกนี้แข็งแกร่งราวกับกับแพง เธอชนเข้าไปราวกับกระดูกของเธอจะแตกสลาย นัยน์ตาขาวบริสุทธื์แดงก่ำด้วยความเจ็บปวดเธอเงยหน้าขึ้นและใบหน้าที่หล่อเหลาละเอียดงดงามของล
ด้านนอกประตูคือลู่จื่อเซียนจริง ๆ และยังมีเงาเพรียวบางเงาหนึ่งอยู่ข้างกายของลู่จื่อเซียนหลิวจ้าวตี้ดีใจมาก “จื่อเซียน ลูกกลับมาแล้วเหรอ คู่หมั้นของลูก…”แววตาของหลิวจ้าวตี้จับจ้องไปยังเซี่ยซีหว่าน เมื่อมองชัดเจนแล้วว่าเป็นเซี่ยซีหว่าน รูม่านตาของหลิวจ้าวตี้ก็เบิกกว้างและตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ในทันทีเป็นไปได้ยังไงกัน?ทั้งลู่ซือเจี๋ยและลู่หานถิงที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างก็ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ด้านนอกประตู คืนนี้พวกเขากำลังรอให้ลู่จื่อเซียนพาคู่หมั้นลึกลับกลับบ้านลู่ซือเจี๋ยวางหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจในมือลงแล้วยืนขึ้นพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นลู่จื่อเซียนจูงมือเล็ก ๆ ของเซี่ยซีหว่านเดินเข้ามาทันทีที่ลู่ซือเจี๋ยเห็นเซี่ยซีหว่าน เขาเคยต่อกรกับเซี่ยซีหว่านมาแล้วสองครั้ง เขารู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าเซี่ยซีหว่านจะเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา!ในขณะเดียวกันนั้นลู่หานถิงก็มองไปยังลู่จื่อเซียน จากนั้นดวงตาอันเฉี่ยวคมของเขาก็ค่อย ๆ หันไปมองใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนการมาถึงของเซี่ยซีหว่านทำให้ครอบครัวลู่ทั้งหมดตกอยู่ในบรรยากา
ลู่จื่อเซียนพูดกับเธอว่า หว่านหว่านผมชอบคุณครับเซี่ยซีหว่านนั่งลง เธอรู้ว่าลู่จื่อเซียนรู้สึกกับเธออย่างไร ได้รับความรักจากคุณชายรองตระกูลลู่ที่ทั้งสง่างาม และมีความสามารถ เธอควรจะมีความสุข และตื่นเต้นมากกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับลู่จื่อเซียน นอกจากนี้เธอแต่งงานกับลู่หานถิงแล้ว แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่เธอก็เคยเป็นพี่สะใภ้ของเขาแล้ว และตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาอีกครั้ง ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดขณะเดียวกันเซี่ยปัง และหลานเหยียนเดินเข้ามา เขาพูดว่า “หว่านหว่านการแต่งงานในครั้งนี้เป็นความต้องการของแม่ของลูก พวกเราคิดว่าคุณชายรองตระกูลลู่เป็นคนที่ดีมาก เขาจะไม่ทำให้ลูกเศร้าเสียใจเหมือนใครบางคน ตอนนี้ลูกคงจะไม่ปฏิเสธคุณชายรองตระกูลลู่เพราะคน ๆ นั้นใช่ไหม?”“ใช่แล้วหว่านหว่าน ผู้หญิงอย่างพวกเราต้องมองไปข้างหน้า ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปเสียใจกับมัน ปล่อยวางในสิ่งที่ควรจะปล่อย ถ้าลูกไม่ยอมเปิดใจ และก้าวไปข้างหน้า ลูกจะเห็นความงามของชีวิตได้อย่างไร?”เซี่ยปังและหลานเหยียนไม่ชอบลู่หานถิง ลู่หานถิงแต่งงานกับลี่เหยียนหลา
สวี่เส้าหนานรู้สึกขมขื่นภายในใจ !คุณท่านลี่ไม่ต้องการให้เซี่ยซีหว่านลงเอยกับสวี่เส้าหนานหลานชายของท่าน เธอคิดว่าสองคนนี้ไม่คู่ควรกัน ตอนนี้คุณท่านลี่กำลังยืนมองลู่จื่อเซียน คุณท่านลี่รู้จักลูกชายสองคนของตระกูลลู่ เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าลู่จื่อเซียนเป็นเหมือนกับดอกบัวที่บานในโคลนตม เขาเป็นคนที่ดีมากชีวิตส่วนตัวของลู่จื่อเซียนใสสะอาดมาก และเขายังไม่เคยมีแฟนมาก่อน คุณท่านลี่ดูออกว่าลู่จื่อเซียนชอบเซี่ยซีหว่านมาก เขาดูแล และเอาใจใส่เธอด้วยความรัก ดังนั้นคุณท่านลี่จึงมองเขาเหมือนหลานชายคนหนึ่ง ท่านเหลือบมองลู่จื่อเซียน จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเซี่ยปังและหลานเหยียนก็พอใจในตัวลู่จื่อเซียนมากเช่นเดียวกัน ในมหานครเอมพีเรียลแห่งนี้ ลู่จื่อเซียนเป็นคนที่มีความสามารถและหล่อเหลา อีกทั้งยังเหมาะสมกับเซี่ยซีหว่านแหวนหยกวงนี้เป็นแหวนที่หลินสุ่ยเหยาสวมอยู่ตลอดเวลา เซี่ยปังและหลานเหยียนจำข้าวของส่วนตัวของหญิงสาวได้อย่างรวดเร็ว ย้อนกลับไปในตอนนั้นเธอได้หมั้นหมายเซี่ยซีหว่านกับลูกชายของเพื่อนสนิท พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเด็กชายคนนั้นจะเป็นคุณชายรองตระกูลลู่ลู่จื่อเซียนเป็นนักวิชาการที่อายุน้อยท
เซี่ยปัง “...”ที่นี่...คือตระกูลเซี่ย ไม่ใช่เหรอ?เซี่ยปังมองไปยังคุณท่านลี่ที่พูดออกไปเช่นนั้น มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยคุณท่านลี่เป็นนายหญิงของตระกูลลู่มานานหลายปีแล้ว ท่านมีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกท่านดุก็มักจะกลัวจนขาอ่อนแรง และเกือบจะล้มลงไปในทันทีขณะเดียวกันร่างที่หล่อเหลา และดูชั่วร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดว่า “อย่าทำให้เขาตกใจกลัวสิครับคุณยาย ผมเองที่มาที่นี่ !”เมื่อทุกคนหันไปมอง กลายเป็นสวี่เส้าหนานคุณชายของตระกูลสวี่ เจ้าชายแห่งมหานครเอมพีเรียลที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดเขามาที่นี่จริง ๆ !คุณท่านลี่มองสวี่เส้าหนานด้วยสีหน้าไม่พอใจ ราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของท่านจริง ๆ ท่านพูดว่า “ทำไมหลานถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”“คุณยายผมมาที่นี่เพราะ…” ดวงตาทรงดอกท้อของสวี่เส้าหนานมองไปยังใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน และพูดต่อว่า “...เพราะเซี่ยซีหว่านครับ !”คุณชายที่มีชื่อเสียงเช่นเขา มีข่าวลือไปทั่วว่าเขาเปลี่ยนผู้หญิงราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เซี่ยปังและหลานเหยียนรีบดึงเซี่ยซีหว่านไปทางด้านหลังพวกเขา และพูดว่า “คุณชายสวี่ครับ หว่านหว่านของพวกเราไม่
คุณท่านลี่ยิ้ม และพูดว่า “ทำไมล่ะ ฉันมาร่วมฉลองงานวันเกิดของเซี่ยปังผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้เหรอ?”เมื่อท่านพูดจบ ภายในห้องโถงก็เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที ท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลลี่มาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดให้กับเซี่ยปัง!”คุณท่านลี่มองไปที่เซี่ยปังและหลานเหยียน จากนั้นก็พูดว่า “ท่านเซี่ย คุณนายเซี่ย ฉันมาที่นี่โดยไม่ได้รับคำเชิญ หวังว่าพวกคุณจะไม่ถือสาและไล่ฉันออกไปใช่ไหม?”เซี่ยปังและหลานเหยียนชำเลืองมองกัน พวกเขาไม่คิดว่าจู่ ๆ คุณท่านลี่จะมาร่วมงานด้วย แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะเป็นตระกูลที่มีอิทธิพล แต่ตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ร่ำรวยในมหานครเอมพีเรียลก็ไม่ได้สนใจที่จะคบค้าสมาคมกับพวกเขา นั่นเป็นเป็นเหตุผลว่าทำไมเซี่ยซีหว่านจึงไม่สามารถเข้าสู่แวดวงคนดังในมหานครเอมพีเรียลได้ตระกูลเซี่ยและสี่ยักษ์ใหญ่แห่งมหานครเอมพีเรียลไม่เคยติดต่อไปมาหาสู่ หรือมีปัญหาอะไรกันมาก่อน แต่จู่ ๆ วันนี้คุณท่านลี่กลับมาที่นี่อย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างก็ตกตะลึงแต่ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว เซี่ยปังก็ไม่สามารถไม่ต้อนรับท่าน เขาจึงพูดว่า “คุณท่านลี่ ยินดีต้อนรับครับ”คุณท่านลี่ยิ้ม จากนั้นก็ส่งกล่องของขวัญให้กับเ