เมื่อเห็นย่ากับหลานไม่ค่อยให้ความสนใจในเรื่องความเหมาะสมนี้ สีหน้าของลู่หยินหยินก็เคร่งขรึมขึ้นทันที “หานถิง คุณเป็นลูกชายคนโตของตระกูลลู่ ตอนนี้คุณแต่งงานกับภรรยาที่เรียนจบแค่มัธยมปลายและกลับมาจากชนบท คุณไม่สามารถพาเธอออกไปไหนมาไหนได้แบบนั้น ถ้าพ่อของคุณรู้ต้องโกรธมากแน่นอน และพ่อของเธอก็หาคู่ครองที่เหมาะสมให้คุณได้แต่งงานแล้ว ฝ่ายนั้นก็เป็นลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด...”ลู่หานถิงไม่รอให้ลู่หยินหยินพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วพูดขัดจังหวะลู่หยินหยินด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “พ่อของผมไม่เคยสนใจผมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องการแต่งงานของผมก็ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเช่นกัน ผมตัดสินใจเองได้ครับ” ลู่หยินหยินนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรอีก “...”“คุณป้าครับ จื่อเซียน ผมไปก่อนนะครับ” ลู่หานถิงหยิบกุญแจรถแล้วออกไปจากคฤหาสน์ทันทีลู่หยินหยินมองไปที่คุณท่านลู่อย่างรวดเร็วและพูดว่า “แม่คะ เรื่องนี้แม่ไม่จัดการสักหน่อยเหรอคะ ตระกูลลู่เป็นถึงตระกูลธุรกิจที่ร่ำรวยในนครเอมพิเรียล ทำไมหานถิงถึงแต่งงานกับภรรยาที่ไม่มีการศึกษาและไร้ยางอายแบบนั้นคะ?” คุณท่านลู่ยิ้มเจื่อนและพูดว่า “การแต่งงานครั้งนี้เป็นการอนุมัติ
ลู่หานถิงโยนก้นบุหรี่ลงในถังขยะ เขาใช้สองมือกอดเธอไว้ในอ้อมอก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแนบติดผมยาวของเธอและดมกลิ่นกายอันหอมสดชื่นของคุณนายลู่ของเขากลิ่นกายของเธอทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ความรู้สึกนี้เขารู้สึกคุ้นเคยแต่ไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนราวกับว่าเป็นความรู้สึกที่เขาค้นหามานานและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นความปรารถนาของเขาที่มืดมนมาโดยตลอด ทันใดนั้นก็มีรถยนต์สุดหรูคันหนึ่งค่อย ๆ จอดเทียบที่ถนนฝั่งตรงข้าม และหน้าต่างฝั่งคนขับก็ค่อย ๆ เลื่อนลงมา เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาและเยือกเย็นของลู่จื่อเซียน ลู่จื่อเซียนมองไปที่คู่รักชายหญิงที่โอบกอดกันอย่างเงียบ ๆ อยู่ใต้ไฟถนน และไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เหยียบคันเร่งขับออกไปลู่หานถิงกอดเธออยู่ครู่หนึ่ง “รอจนท้องหิวแล้วใช่ไหม ผมจะพาคุณไปทานอาหารทะเลมื้อค่ำนะ”“แต่จู่ ๆ ฉันก็ไม่อยากกินแล้วค่ะ...”“แล้วคุณอยากกินอะไรล่ะ?” เซี่ยซีหว่านจับมือใหญ่ของเขา แล้วพูดว่า “คุณชายลู่ คุณตามฉันมาค่ะ!” ... เซี่ยซีหว่านพาลู่หานถิงไปที่ห้องยา จากนั้นเธอก็หยิบกล่องอาหารกลางวันแบบเด็ก ๆ ออกมา “เมื่อตอนบ่ายซวงซวงห่อข้าวมาให้ฉัน ไม
เซี่ยซีหว่านถูกเขาจ้องจนหัวใจเต้นแรง ขนตาที่เรียวยาวสั่นระริก เธอยื่นมือเล็กออกมาอย่างใจกล้า คว้านิ้วชี้เรียวยาวของเขาไว้... ภาพนี้เหมือนย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่ลู่หานถิงพบเซี่ยซีหว่านครั้งแรก ตอนนั้นเซี่ยซีหว่านยังเป็นเด็กน้อยวัยแบเบาะที่ดูราวกับก้อนปุยนุ่นที่ทั้งบริสุทธิ์และนุ่มนิ่มน่ารัก หลินสุ่ยเหยาและหลิวอิงลั่วหญิงผู้เป็นตำนานทั้งสองยืนอยู่ในห้องของอาเจียวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น หลินสุ่ยเหยามีเสน่ห์น่าหลงใหลและมีไหวพริบว่องไวอย่างไร้ที่ติ เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวคำยินดีอะไรออกมาดี แววตาที่งามล้นแต่แฝงไปด้วยความเศร้าของหลิวอิงลั่วค่อย ๆ ปรากฏแววตายิ้มออกมาลู่หานถิงยืนอยู่ข้างเปล หลิวอิงลั่วค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างนุ่มนวล แล้วลูบหัวเขา “อาถิง ในอนาคตจะให้เซี่ยซีหว่านเป็นเจ้าสาวตัวน้อยของเธอเอาไหม?” เซี่ยซีหว่านในเปลลืมตากลมโตสีดำเป็นประกายมองเขาตาแป๋ว มือเล็กโบกสะบัดไปมาและดึงเอานิ้วชี้เรียวยาวของเขาไว้ เธอดึงมันจนแน่น ไม่ยอมปล่อย เซี่ยซีหว่านบุ้ยปากเล็กและคลี่ยิ้ม ในปากของเธอยังไม่ทันมีฟันน้ำนมขึ้น จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาของลู่หานถิงก็แดงระเรื่อขึ้นทันที เขาหมุนตัวกลับไปท
เซี่ยเหยียนเหยียนสวมชุดเดรสหรูหราและมาถึง ณ ห้องโถงแล้ว เธอได้พบเห็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมากมายในที่แห่งนี้ นี่นับว่าเป็นโอกาสแรกที่เธอได้เข้ามาร่วมงานแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นมาก ทันใดนั้นเองศาสตราจารย์เฉียนก็เดินเข้ามา “เหยียนเหยียน เธอมาแล้วเหรอ?” เซี่ยเหยียนเหยียนรีบเดินขึ้นไปคล้องแขนศาสตราจารย์เฉียนทันที “อาจารย์คะ วันนี้มีศาสตราจารย์มากันเยอะแยะเลย หนูเคยดูพวกเขาในการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ และเคยอ่านงานวิจัยทางการแพทย์ของพวกเขาด้วยค่ะ”ศาสตราจารย์เฉียนพูดขึ้นว่า “เหยียนเหยียน หลายปีที่ผ่านมาเธอร่ำเรียนวิชาอย่างหนักมาโดยตลอด และเพิ่งกลับมาจากเรียนต่างประเทศที่สถาบันเซิงลี่ ยังไม่มีเครือข่ายในวงการศึกษาแพทย์ ครั้งนี้ฉันพาเธอมางานเลี้ยงนี้ก็เพื่อจะแนะนําคนเหล่านี้มาทําความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น และที่สําคัญที่สุดเลยคือเธอจะต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของพวกเขา” ภายในใจของเซี่ยเหยียนเหยียนเต้นแรง ใช่แล้ว เธอกําลังจะฝากตัวเป็นศิษย์ แล้วผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทุกคนก็มีทีมแพทย์เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น พวกเขาทำงานวิจัยเกี่ยวกับการแพทย์วินิจฉัยที
เซี่ยเหยียนเหยียนตะโกนเสียงดัง ทันใดนั้นก็มีรปภ.สองคนเดินเข้ามา “คุณผู้หญิงครับ เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอครับ?” เซี่ยเหยียนเหยียนชี้ไปที่เซี่ยซีหว่าน “ผู้หญิงคนนี้ไม่มีบัตรเชิญสีทองแล้วยังคิดจะแอบเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง และยังโกหกว่าอาจารย์ใหญ่อะไรนั่นเชิญเธอมาอีก ฉันว่าเธอคิดจะก่อความวุ่นวายแน่ พวกคุณรีบไล่เธอออกไปเร็วเข้าค่ะ!” เซี่ยเหยียนเหยียนไม่อยากเห็นเซี่ยซีหว่านที่นี่ งานเลี้ยงแบบนี้เซี่ยซีหว่านไม่มีสิทธิ์มาร่วมงาน อีกอย่างเธอก็ใส่ชุดสวยขนาดนี้ ชุดเดรสสีนู้ดนี้เหมือนถูกจัดเตรียมไว้สําหรับนางเอก เธอไม่อยากให้เซี่ยซีหว่านดึงดูดสายตาใครทั้งนั้น รปภ.สองคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเซี่ยซีหว่านอย่างรวดเร็ว “คุณผู้หญิงครับ คุณจะมาก่อความวุ่นวายที่นี่ไม่ได้นะครับ กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้ครับ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องเชิญคุณออกไปเอง!”เมื่อเห็นเซี่ยซีหว่านถูกหักหน้า เซี่ยเหยียนเหยียนก็รู้สึกชื่นมื่นสบายอกสบายใจ เธอพูดอย่างลำพองว่า “หว่านหว่าน รีบไปซะสิ!” ทันทีที่พูดจบ เสียงอันทรงพลังก็ดังขึ้น “พวกคุณมาเอะอะโวยวายอะไรกัน?” เซี่ยเหยียนเหยียนหันกลับไปมอง อาจารย์ใหญ่ลู่หยินหยินมาแล้ว! ด้
เมื่อได้ยินลู่จื่อเซียนเอ่ยชื่อ “เซี่ยซีหว่าน” ลู่หยินหยินจึงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “จื่อเซียน หลานรู้จักเซี่ยซีหว่านด้วยเหรอ? ใช่แล้ว สาวน้อยอัจฉริยะทางการแพทย์คนนี้ก็คือเซี่ยซีหว่าน ป้าอยากจะแนะนําพวกเธอได้รู้จักกันยังไงล่ะ”“คุณป้าครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ!” ลู่จื่อเซียนวางสายทันที เด็กคนนี้! ลู่หยินหยินวางโทรศัพท์ลง ภายในใจเธอก็เกิดความสงสัย หรือว่าจื่อเซียนกับซีหว่านจะเป็นคนเคยรู้จักกันมาก่อน? เมื่อครู่จื่อเซียนยังบอกว่าจะไม่มาแล้วอยู่เลย แต่พอได้ยินชื่อเซี่ยซีหว่านก็เปลี่ยนคําพูดทันที แถมยังรีบตามมาที่นี่อีก นี่ดูเหมือนจะอธิบายอะไรบางอย่างได้แล้วล่ะ…เซี่ยซีหว่านหยิบแก้วทรงสูงขึ้นมาจิบไวน์แดง จากนั้นเซี่ยเหยียนเหยียนก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าคร่ำเครียด แล้วถามคาดคั้นเสียงเบาว่า “หว่านหว่าน เธอรู้จักกับอาจารย์ใหญ่ได้ยังไง เธอมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่ใช่ไหม?”เซี่ยซีหว่านรู้ว่าเซี่ยเหยียนเหยียนรู้สึกแย่มากราวกับมีหนามทิ่มแทงเข้าที่อก เพราะอย่างไรแล้วการศึกษาและการแพทย์เป็นสิ่งที่เซี่ยเหยียนเหยียนภาคภูมิใจมากที่สุด และเป็นสิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิตเธอ หากวันใดเธอสูญเสียเครื่องป
พวกเขาต่างก็อยู่ในวัยที่กำลังผลิบานมากที่สุดของทุกช่วงวัย ชายหนุ่มและหญิงสาวยืนอยู่ด้วยกัน แม้มองจากที่ไกล ๆ เพียงแวบเดียวก็ดูงดงามราวกับภาพวาดทรายที่ถูกตราตรึงเอาไว้ ลู่หานถิงหยุดอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขาเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ จากภาพที่เห็นตรงหน้า เขาไม่คิดว่าเซี่ยซีหว่านจะมา ที่แท้งานเลี้ยงที่เธอจะไปร่วมงานก็คืองานเลี้ยงงานนี้ เมื่อเห็นภาพนี้ตรงหน้า และยังมีลู่หยินหยินที่อยู่ข้าง ๆ ลู่หานถิงก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว ที่แท้สาวน้อยอัจฉริยะคนนั้นที่ลู่หยินหยินชอบก็คือ...เซี่ยซีหว่าน! คนที่ลู่หยินหยินอยากจะแนะนําให้ลู่จื่อเซียนรู้จัก และให้ลู่จื่อเซียนมาดูตัวก็คือเซี่ยซีหว่าน! ลู่หานถิงขมวดคิ้วเป็นปมใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งที่เย็นเฉียบทันที เขาใช้มือข้างหนึ่งล้วงไปในกระเป๋ากางเกง ยกริมฝีปากบางขึ้นแล้วตะโกนเรียกว่า “คุณนายลู่!”เสียงทุ้มต่ำที่น่าหลงใหลนี้ดังก้องไปถึงหูของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว เซี่ยซีหว่านหันไปมองเป็นคนแรก ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นลู่หานถิง ลู่หานถิงเพิ่งถอดเสื้อโค้ทออก ตอนนี้บนตัวเขาเหลือแค่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีดําที่ถูกทักทออย่างดีด้วยมือ เขาตัวใหญ่สูงโปร่ง ภ
บนรถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมสุดหรู ลู่หานถิงกําลังขับรถอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรเลยมาตลอดทางเซี่ยซีหว่านรู้แล้วว่าเขาโกรธ เธอหันหน้าเล็กไปมองเขาด้วยสีหน้าเง้างอน “คุณลู่ คุณกำลังโกรธเหรอคะ?” ลู่หานถิงใช้มือใหญ่สองข้างกดตรึงลงบนพวงมาลัย แล้วพูดโดยไม่มองหน้าเธอ “คุณถามผม ทั้งที่รู้อยู่แล้วน่ะเหรอ?”“...คุณลู่ เรื่องนี้ฉันอธิบายได้นะคะ ฉันไม่รู้ว่าอาจารย์ใหญ่ของสถาบันเซิงลี่คือคุณป้าของคุณ และฉันก็ไม่รู้ว่าลู่จื่อเซียนเป็นน้องชายคุณด้วย เรื่องวันนี้เป็นแค่เหตุบังเอิญเท่านั้นค่ะ”ลู่หานถิงมองเธอแวบหนึ่ง “จื่อเซียนเป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณเหรอ?” เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลู่จื่อเซียนมาที่เมืองไห่เฉิง และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาเข้าไปทำงานที่ซูมี่และกลายเป็นเพื่อนร่วมงานกับเซี่ยซีหว่าน ถึงอย่างไรก็ตามลู่จื่อเซียนก็เป็นนักวิชาการแห่งมหานครเอมพีเรียล และยังเป็นคนที่มีฝีมือระดับปรมาจารย์ เขาจะมาที่เมืองไห่เฉิงทำไม? เซี่ยซีหว่านพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ค่ะ ตอนที่ฉันเข้าไปที่ซูมี่เขาก็อยู่ที่นั่นแล้ว”“พวกคุณสนิทกันมากเลยเหรอ?” “ไม่สนิทเลยค่ะ เมื่อครู่ฉันเพิ่งจะรู้ชื่อเขาเอง…” “ไม่มีอะไรอย่างอื่นใช่ไหม?
เซี่ยซีหว่านรู้สึกได้ว่าลู่ซือเจี๋ยรักลูกชายทั้งสองคนนี้ ดังนั้นที่เมืองไห่เฉิง เขาไม่สามารถอนุญาตให้เธออยู่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา เมื่อตอนนั้นหลินสุ่ยเหยากับหลิวอิงหลั่วสองสาวครองอันดับหนึ่งเรื่องความเก่งกล้าสามารถที่สุดของเมืองหลวง เขาต้องการตามหาหลินสุ่ยเหยา ผ่านตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางลูกชายสองคนของเขาลงและปล่อยให้เธอดำรงอยู่หมายความว่า ภายในใจของลู่ซือเจี๋ย หลิวอิงหลั่วมีความสำคัญมากกว่าลูกชายทั้งสองคนของเขานี่เป็นครั้งแรกที่ เซี่ยซีหว่านตระหนักอย่างแท้จริงว่าลู่ซือเจี๋ยรักหลิวอิงหลั่วอย่างสุดซึ้งหลิวอิงหลั่วหายตัวไปหลายปี ปีนี้ลูกชายของเธอลู่หานถิงอายุ 28 ปีแล้ว เซียซีหว่านไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างไร ความรักที่ลึกซึ้งถึงสามารถทนต่อการกัดเซาะและความแข็งแกร่งของปีที่เลยผ่านได้ จึงทำให้ชายที่ราวกับจักรพรรดิยังคงรออยู่ที่นี่ตลอด บางทีอาจเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกแต่รักอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงต้องเจ็บอีก?ตอนนั้นหลินอิงหลั่วตั้งท้องลูกคนที่สอง เธอหยิบมีดมาคว้านท้องตัวเอง อุ้มทารกออกมา ช่างน่าเวทนานัก?ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับจ
แต่ว่า เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อยเขาพยายามไม่ให้ไปหลงเสน่ห์เธอแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้หลังจากที่ได้รู้ในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่นี้ว่าเธอคือ เด็กผู้หญิงตัวน้อยเมื่อก่อนนั้น เดิมที่แม่ของเขายอมยกเจ้าสาวตัวน้อยแก่เขา เขารู้สึกว่าความยับยั้งชั่งใจและความอดกลั้นที่ผ่านมาในหลายวันมานี้ได้พังทลายลงลู่หานถิงจ้องมองเธออย่างดุดันด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เขายกริมฝีปากบางของเขาขึ้นเล็กน้อย และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ทำไมสวี่เส้าหนานถึงได้ ลู่จื่อเซียนถึงได้ แต่ทำไมฉันไม่ได้เหรอ?”“…”ใบหน้าเล็กสวยงามของเซี่ยซีหว่านเปลี่ยนเป็นสีขาวและแดงสลับกัน เธอยกมือเล็กขึ้นเพื่อตบลงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยความน่าเกลียดชังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ไม่ได้ตบเขาเพราะลู่หานถิงจับข้อมือเรียวของเธอไว้ได้ทัน เธอจึงไม่ได้ตบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาลู่หานถิงมองดูเธอด้วยแววตาเศร้าโศกและพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรนะ สิ่งที่ผมสามารถให้คุณได้คือสิ่งที่ลู่จื่อเซียนและสวี่เส้าหนานไม่สามารถให้คุณได้แน่นอน ถ้าหา
เขาจำไม่ได้แล้วแน่นอน เพราะความทรงจำเหล่านั้นเธอลบมันไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดได้อย่างชอบธรรมแถมเขายังพูดอีกว่า การที่เขานอนกับเธอคือ การนำน้ำสกปรกสาดใส่ตัวเขา เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร น้ำสกปรกเหรอ?แน่นนอน เขาเกลียดเธอ !แต่ในเมื่อเขาเกลียดเธอมาก ทำไมเขาถึงมารังควานเธอด้วย?เซี่ยซีหว่านมองใบหน้าที่เย็นชาหล่อเหลาของเขาและพูดเยาะเย้ยว่า “ฉันแค่พูดไร้สาระ พอใจหรือยังล่ะ คนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่าประธานลู่ ฉันจะทำให้คุณมีมลทินได้อย่างไรคะ !”“บริสุทธิ์เหรอ” ลู่หานถิงขมวดคิ้วรูปดาบอันองอาจผึ่งผายนั้นและกล่าวว่า “คนที่พูดว่าผมนอนกับคุณ ก็คือคุณ ตอนนี้คนที่กำลังพูดไร้สาระก็คือคุณ คิดว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งก็สามารถพูดจาเหลวไหลแบบนี้ออกมาได้งั้นเหรอ เซี่ยซีหว่าน คุณยังมียางอายอยู่อีกไหม?”“ฉันจะมีหรือไม่มียางอายเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอคะ ใช่สิประธานลู่ คุณคงจะยังไม่...เป็นหนุ่มน้อยบริสุทธิ์คนหนึ่งอยู่ใช่ไหมคะ?”ดวงตาของเซี่ยซีหว่านเปล่งประกาย ทันใดนั้นดูเหมือนว่าจะเจอกับปัญหาเข้าแล้ว เขาไม่มีความทรงจำช่วงนั้นแล้ว เขาคงจำไม่ได้ว่าเขากับเธอเคยเดือดพล่านกันบนเตียงมาก่อน งั้นเขาคงไม่คิดว่า
เซี่ยซีหว่านใช้ส้อมจิ้มสเต็กชิ้นเล็ก ๆ เพิ่งเตรียมจะใส่เข้าปาก ตอนนี้เท้าของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะถูกเตะอย่างแรง สเต็กบนส้อมก็ร่วงตกลงมาบนจานทันที“หว่านหว่าน คุณเป็นอะไรไปครับ?” ลู่จื่อเซียนถามด้วยความเป็นห่วงร่างผอมเพรียวของเซี่ยซีหว่านสั่นไหวเล็กน้อย เธอมองไปยังลู่หานถิงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอดตั้งแต่เธอเดินเข้ามา แต่เขาเพิ่งเตะเธอเขาเป็นอะไรของเขา?ลู่หานถิงหั่นสเต็กในมืออย่างสง่างามราวกับว่าคนที่เตะเมื่อกี้ไม่ใช่เขา ทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยเข้าใจแกล้งจริง ๆ !เซี่ยซีหว่านด่าเขาในใจแล้วยิ้มให้ลู่จื่อเซียนและกล่าวว่า “จื่อเซียน ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”ทั้งห้าคนก็จบมือค่ำในบรรยากาศอันแปลก ๆ แบบนี้ลง...หลังมื้อเย็น เซี่ยซีหว่านไปห้องน้ำทันทีที่เธอเดินเข้ามา มือใหญ่มือหนึ่งจากด้านในยื่นออกมา และคว้าข้อมือที่เรียวยาวของเธอแล้วดึงเธอเข้าไปเซี่ยซีหว่านชนเข้ากับหน้าอกแข็งแกร่งอย่างกระทันหัน หน้าอกนี้แข็งแกร่งราวกับกับแพง เธอชนเข้าไปราวกับกระดูกของเธอจะแตกสลาย นัยน์ตาขาวบริสุทธื์แดงก่ำด้วยความเจ็บปวดเธอเงยหน้าขึ้นและใบหน้าที่หล่อเหลาละเอียดงดงามของล
ด้านนอกประตูคือลู่จื่อเซียนจริง ๆ และยังมีเงาเพรียวบางเงาหนึ่งอยู่ข้างกายของลู่จื่อเซียนหลิวจ้าวตี้ดีใจมาก “จื่อเซียน ลูกกลับมาแล้วเหรอ คู่หมั้นของลูก…”แววตาของหลิวจ้าวตี้จับจ้องไปยังเซี่ยซีหว่าน เมื่อมองชัดเจนแล้วว่าเป็นเซี่ยซีหว่าน รูม่านตาของหลิวจ้าวตี้ก็เบิกกว้างและตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ในทันทีเป็นไปได้ยังไงกัน?ทั้งลู่ซือเจี๋ยและลู่หานถิงที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างก็ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ด้านนอกประตู คืนนี้พวกเขากำลังรอให้ลู่จื่อเซียนพาคู่หมั้นลึกลับกลับบ้านลู่ซือเจี๋ยวางหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจในมือลงแล้วยืนขึ้นพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นลู่จื่อเซียนจูงมือเล็ก ๆ ของเซี่ยซีหว่านเดินเข้ามาทันทีที่ลู่ซือเจี๋ยเห็นเซี่ยซีหว่าน เขาเคยต่อกรกับเซี่ยซีหว่านมาแล้วสองครั้ง เขารู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าเซี่ยซีหว่านจะเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา!ในขณะเดียวกันนั้นลู่หานถิงก็มองไปยังลู่จื่อเซียน จากนั้นดวงตาอันเฉี่ยวคมของเขาก็ค่อย ๆ หันไปมองใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนการมาถึงของเซี่ยซีหว่านทำให้ครอบครัวลู่ทั้งหมดตกอยู่ในบรรยากา
ลู่จื่อเซียนพูดกับเธอว่า หว่านหว่านผมชอบคุณครับเซี่ยซีหว่านนั่งลง เธอรู้ว่าลู่จื่อเซียนรู้สึกกับเธออย่างไร ได้รับความรักจากคุณชายรองตระกูลลู่ที่ทั้งสง่างาม และมีความสามารถ เธอควรจะมีความสุข และตื่นเต้นมากกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับลู่จื่อเซียน นอกจากนี้เธอแต่งงานกับลู่หานถิงแล้ว แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่เธอก็เคยเป็นพี่สะใภ้ของเขาแล้ว และตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาอีกครั้ง ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดขณะเดียวกันเซี่ยปัง และหลานเหยียนเดินเข้ามา เขาพูดว่า “หว่านหว่านการแต่งงานในครั้งนี้เป็นความต้องการของแม่ของลูก พวกเราคิดว่าคุณชายรองตระกูลลู่เป็นคนที่ดีมาก เขาจะไม่ทำให้ลูกเศร้าเสียใจเหมือนใครบางคน ตอนนี้ลูกคงจะไม่ปฏิเสธคุณชายรองตระกูลลู่เพราะคน ๆ นั้นใช่ไหม?”“ใช่แล้วหว่านหว่าน ผู้หญิงอย่างพวกเราต้องมองไปข้างหน้า ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปเสียใจกับมัน ปล่อยวางในสิ่งที่ควรจะปล่อย ถ้าลูกไม่ยอมเปิดใจ และก้าวไปข้างหน้า ลูกจะเห็นความงามของชีวิตได้อย่างไร?”เซี่ยปังและหลานเหยียนไม่ชอบลู่หานถิง ลู่หานถิงแต่งงานกับลี่เหยียนหลา
สวี่เส้าหนานรู้สึกขมขื่นภายในใจ !คุณท่านลี่ไม่ต้องการให้เซี่ยซีหว่านลงเอยกับสวี่เส้าหนานหลานชายของท่าน เธอคิดว่าสองคนนี้ไม่คู่ควรกัน ตอนนี้คุณท่านลี่กำลังยืนมองลู่จื่อเซียน คุณท่านลี่รู้จักลูกชายสองคนของตระกูลลู่ เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าลู่จื่อเซียนเป็นเหมือนกับดอกบัวที่บานในโคลนตม เขาเป็นคนที่ดีมากชีวิตส่วนตัวของลู่จื่อเซียนใสสะอาดมาก และเขายังไม่เคยมีแฟนมาก่อน คุณท่านลี่ดูออกว่าลู่จื่อเซียนชอบเซี่ยซีหว่านมาก เขาดูแล และเอาใจใส่เธอด้วยความรัก ดังนั้นคุณท่านลี่จึงมองเขาเหมือนหลานชายคนหนึ่ง ท่านเหลือบมองลู่จื่อเซียน จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเซี่ยปังและหลานเหยียนก็พอใจในตัวลู่จื่อเซียนมากเช่นเดียวกัน ในมหานครเอมพีเรียลแห่งนี้ ลู่จื่อเซียนเป็นคนที่มีความสามารถและหล่อเหลา อีกทั้งยังเหมาะสมกับเซี่ยซีหว่านแหวนหยกวงนี้เป็นแหวนที่หลินสุ่ยเหยาสวมอยู่ตลอดเวลา เซี่ยปังและหลานเหยียนจำข้าวของส่วนตัวของหญิงสาวได้อย่างรวดเร็ว ย้อนกลับไปในตอนนั้นเธอได้หมั้นหมายเซี่ยซีหว่านกับลูกชายของเพื่อนสนิท พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเด็กชายคนนั้นจะเป็นคุณชายรองตระกูลลู่ลู่จื่อเซียนเป็นนักวิชาการที่อายุน้อยท
เซี่ยปัง “...”ที่นี่...คือตระกูลเซี่ย ไม่ใช่เหรอ?เซี่ยปังมองไปยังคุณท่านลี่ที่พูดออกไปเช่นนั้น มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยคุณท่านลี่เป็นนายหญิงของตระกูลลู่มานานหลายปีแล้ว ท่านมีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกท่านดุก็มักจะกลัวจนขาอ่อนแรง และเกือบจะล้มลงไปในทันทีขณะเดียวกันร่างที่หล่อเหลา และดูชั่วร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดว่า “อย่าทำให้เขาตกใจกลัวสิครับคุณยาย ผมเองที่มาที่นี่ !”เมื่อทุกคนหันไปมอง กลายเป็นสวี่เส้าหนานคุณชายของตระกูลสวี่ เจ้าชายแห่งมหานครเอมพีเรียลที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดเขามาที่นี่จริง ๆ !คุณท่านลี่มองสวี่เส้าหนานด้วยสีหน้าไม่พอใจ ราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของท่านจริง ๆ ท่านพูดว่า “ทำไมหลานถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”“คุณยายผมมาที่นี่เพราะ…” ดวงตาทรงดอกท้อของสวี่เส้าหนานมองไปยังใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน และพูดต่อว่า “...เพราะเซี่ยซีหว่านครับ !”คุณชายที่มีชื่อเสียงเช่นเขา มีข่าวลือไปทั่วว่าเขาเปลี่ยนผู้หญิงราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เซี่ยปังและหลานเหยียนรีบดึงเซี่ยซีหว่านไปทางด้านหลังพวกเขา และพูดว่า “คุณชายสวี่ครับ หว่านหว่านของพวกเราไม่
คุณท่านลี่ยิ้ม และพูดว่า “ทำไมล่ะ ฉันมาร่วมฉลองงานวันเกิดของเซี่ยปังผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้เหรอ?”เมื่อท่านพูดจบ ภายในห้องโถงก็เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที ท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลลี่มาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดให้กับเซี่ยปัง!”คุณท่านลี่มองไปที่เซี่ยปังและหลานเหยียน จากนั้นก็พูดว่า “ท่านเซี่ย คุณนายเซี่ย ฉันมาที่นี่โดยไม่ได้รับคำเชิญ หวังว่าพวกคุณจะไม่ถือสาและไล่ฉันออกไปใช่ไหม?”เซี่ยปังและหลานเหยียนชำเลืองมองกัน พวกเขาไม่คิดว่าจู่ ๆ คุณท่านลี่จะมาร่วมงานด้วย แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะเป็นตระกูลที่มีอิทธิพล แต่ตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ร่ำรวยในมหานครเอมพีเรียลก็ไม่ได้สนใจที่จะคบค้าสมาคมกับพวกเขา นั่นเป็นเป็นเหตุผลว่าทำไมเซี่ยซีหว่านจึงไม่สามารถเข้าสู่แวดวงคนดังในมหานครเอมพีเรียลได้ตระกูลเซี่ยและสี่ยักษ์ใหญ่แห่งมหานครเอมพีเรียลไม่เคยติดต่อไปมาหาสู่ หรือมีปัญหาอะไรกันมาก่อน แต่จู่ ๆ วันนี้คุณท่านลี่กลับมาที่นี่อย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างก็ตกตะลึงแต่ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว เซี่ยปังก็ไม่สามารถไม่ต้อนรับท่าน เขาจึงพูดว่า “คุณท่านลี่ ยินดีต้อนรับครับ”คุณท่านลี่ยิ้ม จากนั้นก็ส่งกล่องของขวัญให้กับเ