NC สองสตรีกรีดร้อง
วันถัดมา...
นางดวงยังคงทำงานในเรือนใหญ่ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แม้ในใจจะคุกรุ่นไปด้วยความคิดหลากหลาย นางพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ราวกับไม่เคยรู้หรือเห็นสิ่งใดเกี่ยวกับคุณหญิงเอิบและบุรุษปริศนา ทว่าความลับที่นางได้เห็นในวันนั้น ยังคงถูกจดจำไว้อย่างแน่นหนา
"เมื่อถึงเวลา..." นางพึมพำกับตัวเองในยามลับตาคน รอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าบ่งบอกถึงความตั้งใจที่ซ่อนเร้น
ยามค่ำคืนที่ความสงบแปรเปลี่ยน
ในคืนนั้น เจ้าพระยาสุรเดชกลับเรือนในสภาพมึนเมา กลิ่นเหล้าฉุนโชยไปทั่วร่าง เขาเดินโซเซขึ้นเรือนเล็กก่อนจะผลักประตูเข้าไปหาคุณหญิงเอิบที่กำลังนั่งอยู่ในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"เอิบ! นังแพศยา!" เสียงของเขาดังก้องพร้อมกับการกระชากแขนของนางให้ลุกขึ้นอย่างรุนแรง
"ท่านเจ้าคุณ! ข้าทำสิ่งใดผิดอีกเล่า?" นางถามพลางพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม
NC ตอก.ปลอบใจข้าทียามเช้าตรู่เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทาบไล้บนผืนดิน คุณหญิงเอิบที่ร่างกายยังเจ็บระบมจากการกระทำอันโหดร้ายของเจ้าพระยาสุรเดช เดินมุ่งหน้าไปยังสำนักของพ่อหมอไกร ความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดทำให้นางแทบทรุดลงทุกย่างก้าว แต่หัวใจของนางยังคงผลักดันให้เดินต่อไป"แอบออกไปไหนอีกแล้ว" นางต่าย บ่าวคนใหม่ของคุณหญิงมองอย่างใคร่รู้"เหตุใดไม่ยอมให้ข้าตามไปด้วย"เมื่อมาถึงสำนักหมอผี กลิ่นหอมของสมุนไพรตลบอบอวลในอากาศ คุณหญิงเอิบเปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบา พ่อหมอไกรเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำ ดวงตาคมกริบของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในทันทีที่เห็นนาง“คุณหญิง...” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ก่อนจะก้าวเข้ามาประคองร่างนางอย่างอ่อนโยน“ท่านช่วยข้าด้วย...” นางเอ่ยเสียงสั่น ร่างกายของนางสั่นระริก น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้หลั่งรินออกมาพ่อหมอไกรมองรอยช้ำบนแขนและข้อมือของนาง ดวงตาของเขาฉายแววโกรธเกรี้ยว แต่กลับควบคุมอารมณ์ไว้ “ใครทำอันใดเจ้า เอิบ...”นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความวิงวอน "ข้า...ข้าต้องการท่าน" เสียงของนางแผ่วเบาแต่หนักแน่น"ช่วยทำให้ข้าลืมเลือนความเจ็บปวดที""ได้โปรด เอามาให้
NC ท่านหมอขอรักษาอาการคุณหญิงเอิบเดินกลับมายังเรือนด้วยขาสั่นพั่บ ๆ ความเหนื่อยล้าทำให้นางแทบทรุดลงกับพื้น ทันทีที่มาถึง นางต่าย บ่าวคนใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนแม่แย้ม รีบวิ่งเข้ามาประคองนางด้วยความตกใจ“คุณหญิงเจ้าขา ให้ข้าช่วยเจ้าค่ะ” นางต่ายเอ่ยพร้อมกับหาน้ำมาให้นางดื่มอย่างเร่งรีบร่างอ่อนแรงของคุณหญิงพิงกับเสาเรือน มือเรียวบางจับขันน้ำขึ้นดื่ม ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัว แต่สิ่งที่รบกวนนางที่สุดคือลางสังหรณ์บางอย่างที่หนักอึ้งในใจ นางรู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องร้ายหลายวันผ่านไป ข่าวลือเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยมาใต้ต้นมะเดื่อใหญ่ในป่าหลังเรือนแพร่สะพัดไปทั่ว นางดวงเป็นคนแรกที่ร้องบอกเรื่องนี้กับคุณหญิงเอิบ ทันทีที่ได้ยินข่าว นางรีบออกไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยบ่าวไพร่ติดตาม"เอาอย่างไรดีเจ้าคะคุณพี่"ที่เรือนใหญ่มีอยู่สองคนที่กำลังร้อนใจ แต่ก็ต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคุณหญิงเอิบมาถึงต้นมะเดื่อใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยบ้านเรือนใกล้เคียง กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงกระทบจมูกจนทุกคนต้องยกผ้าขึ้นปิดใบหน้า ร่างหนึ่งที่ขึ้นอืดจนบวมเป่งนอนคว่ำหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ ผิวหนังที่ดำคล้ำและเ
หญิงผู้ถูกล่าหลังจากพ่อหมอออกจากเรือน คุณหญิงเอิบก็รู้สึกสบายใจและหลับไปโดยไม่รู้เลยว่านางต่าย บ่าวรับใช้ ได้ล่วงรู้ความลับของนางเข้าแล้วยิ่งเวลาพ้นผ่าน เจ้าพระยาสุรเดชยิ่งหลงใหลในตัวนางจันทร์ หญิงสาวผู้มีความเย้ายวนและเสน่ห์ที่ทำให้เขาลุ่มหลง เขาต้องการกำจัดคุณหญิงเอิบให้พ้นทาง แม้ว่าเขาจะสามารถขอหย่าขาดกับนางได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สาแก่ใจความรักที่เขามีต่อคุณหญิงเอิบเริ่มจางหายไปเมื่อใดไม่อาจทราบได้ แต่ในยามนี้ เพียงแค่เห็นหน้านาง เขาก็รู้สึกเกลียดชังและอยากจะฆ่าให้ตาย เขาทนไม่ได้ที่นางจันทร์อันเป็นที่รักของเขาต้องถูกเปรียบเทียบกับคุณหญิงเอิบในทุกเรื่องความคิดชั่วร้ายเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเจ้าพระยาสุรเดช เขาวางแผนที่จะกำจัดคุณหญิงเอิบอย่างถาวรวันหนึ่ง เขาเรียกคุณหญิงเอิบมาพบที่ห้องหนังสือ"คุณหญิง ข้ามีเรื่องจะขอร้อง" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ" คุณหญิงเอิบถามด้วยความสงสัย"ข้าอยากให้เจ้าช่วยไปทำธุระที่เมืองสุพรรณบุรีแทนข้า ข้าได้รับจดหมายจากเพื่อนเก่าที่นั่น เขาต้องการความช่วยเหลือด่วน แต่ข้าไม่สามารถไปได้ในตอนนี้ เจ้าช่วยไปแทนข้าได้ไหม"คุณหญิงเอิบรู้สึก
NC พิศวาสกลางหนองน้ำ"ขะ ข้าไม่เป็นอันใด""ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"คุณหญิงเอิบถามหมอผีไกรเสียงสั่นพ่อหมอไกรยืนมองซากศพของโจรที่นอนแน่นิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งกระจายไปทั่วอากาศ เขาหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจพาคุณหญิงเอิบออกจากที่เกิดเหตุ "อย่าพึ่งถามอันใด เราต้องไปจากที่นี่ก่อน" สายตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง มือหนาคว้าข้อมือนางแน่น หวังพานางเดินลัดเลาะผ่านแนวไม้ไปสู่ที่ซ่อนตัวแห่งใหม่"นางต่าย บ่าวของข้าอยู่ในถ้ำ" นางรีบบอก"บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ"นางต่ายที่แอบฟังอยู่นานแล้วรีบออกมา"เราต้องไปจากที่นี่ก่อน พวกเจ้าตามข้ามา" เสียงพ่อหมอกระซิบบอกพวกนาง ก่อนจะนำทางไปยังถ้ำเล็กๆห่างออกไป ที่ซ่อนตัวอยู่ในแนวเขา"คุณหญิงไม่เป็นอันใดนะเจ้าคะ"คุณหญิงเอิบยังคงหายใจถี่ เงาแห่งความหวาดกลัวฉายอยู่ในดวงตาคู่งาม แต่นางก็เลือกจะก้าวตามเขาไปเงียบๆ ณ เวลานี้ มีเพียงพ่อหมอไกรเท่านั้นที่นางเชื่อใจได้---ย้อนกลับไปคืนก่อนที่คุณหญิงเอิบจะออกเดินทางค่ำคืนนั้น พ่อหมอไกรแอบเร้นกายไปยังเรือนของเจ้าพระยาสุรเดช เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของแม่แย้ม เขาลัดเลาะผ่านรั้วเรื
NC น้ำ(ตา)แตกทั้งคืนสองวันต่อมาเสียงม้าควบฝ่าความมืดไปตามเส้นทางลัดเลาะสู่ป่าลึกแห่งใหม่ ลมหายใจร้อนของคุณหญิงเอิบสะท้านไหวไปกับจังหวะการควบของพ่อหมอไกร นางถูกพาออกจากป่าที่หลบซ่อนเดิม เขาแอบขโมยม้าของพ่อค้าที่อยู่ในเมือง หวังพานางหนีให้พ้นจากเงื้อมมือของเจ้าพระยาสุรเดช สู่ที่ที่ไม่มีผู้ใดตามหาหมู่บ้าน **"บ้านดงเร้น"** ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขา เป็นที่พักพิงของผู้ช่ำชองไสยเวท คนพลัดถิ่น และผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากโลกภายนอก เมื่อเข้าสู่รั้วหมู่บ้าน เสียงใบไม้เสียดสี แสงตะเกียงที่ริบหรี่ นำพาความรู้สึกหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในใจของคุณหญิงเอิบพ่อหมอไกรหยุดม้าที่ลานหน้ากระท่อมหลังหนึ่ง นางถูกอุ้มลงจากหลังม้า ร่างกายแนบชิดแผงอกของเขา ไอร้อนจากกายแกร่งแผ่ซ่านมาสู่เนื้อตัวของนาง“เราจะพักที่นี่” พ่อหมอเอ่ยเสียงแหบต่ำ ก่อนจะพานางเข้าไปในกระท่อมไฟตะเกียงในห้องกระพริบไหวจากสายลม เสียงเตาไฟแตกเปรี๊ยะเป็นจังหวะ คุณหญิงเอิบนั่งลงบนเสื่อ ทว่าจิตใจนางไม่ได้สงบอย่างที่ควรเป็น นางมองร่างกำยำของพ่อหมอไกร ขณะที่เขาถอดเสื้อผ้าออกเพื่อเปลี่ยนเป็นอาภรณ์ใหม่สายตานางเลื่อนไปตามรอยสักใหม่บนแผ่นอกของเขา ลว
NC คุณหญิงหิวกล้วย...ข่าวลือเรื่องการตายของคุณหญิงเอิบแพร่สะพัดไปทั่วอยุธยา ดังก้องไปทุกตรอกซอกซอยว่า นางถูกโจรป่าปล้นฆ่าอย่างอำมหิต ไม่มีใครพบศพของนาง ทว่าเสียงร่ำลือก็เติบโตขึ้นทุกวัน ราวกับเถาวัลย์ที่แผ่ขยายไปทั่วบ้านเมือง"โธ่! แม่เอิบของพี่"เจ้าพระยาสุรเดชแสร้งทำเป็นเสียอกเสียใจ น้ำเสียงของเขาสั่นเครือขณะออกคำสั่งให้ลูกน้องออกตามหาศพของคุณหญิงเอิบ “คุณหญิงของข้า...เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสลด แต่แท้จริงแล้ว ใบหน้ากลับแฝงรอยยิ้มบางเบา แววตาของเขาไม่มีแววเศร้าหรือทุกข์ตรมเลยแม้แต่น้อย“เราจะต้องพบศพของนาง ไม่ว่านางจะอยู่ที่ใด” เขาสั่งลูกน้องเสียงเข้ม แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอกที่นางอาจตายไปแล้วจริง ๆ สิ่งที่เขาไม่ต้องการที่สุดคือการให้คุณหญิงเอิบมีชีวิตอยู่ต่อและมาเปิดโปงความลับอันโสมมของเขาย้อนกลับไปในกลางดึกคืนหนึ่ง ภายใต้เงามืดของเรือนเจ้าพระยา เสียงหัวเราะของเจ้าพระยาสุรเดชและนางจันทร์ดังก้องออกมาจากห้องโถง ทั้งสองดื่มกินจนมึนเมา เสียงขลุกขลักของเครื่องถ้วยชามปะปนไปกับเสียงสำรอกของนางจันทร์ที่ดื่มจนเกินขนาด“คืนนี้เราจะมีความสุขกัน” เจ้าพระยากระซิบข้า
NC ตอกไม่พัก.นางขย่มไม่ยั้งร่างบางของคุณหญิงเอิบยังสั่นสะท้านไม่หยุด ใบหน้าของนางแดงก่ำ ริมฝีปากเผยอหอบหายใจแรงจากแรงพิศวาสที่พ่อหมอไกรมอบให้เมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่สติของนางจะกลับมาเต็มที่ ร่างแกร่งของบุรุษเหนือร่างก็กดแน่นลงมาอีกครั้ง"เจ้าไม่ต้องการให้ข้าหยุดใช่หรือไม่?" เสียงแหบพร่าของเขาเอื้อนเอ่ย ราวกับอ่านใจของนางได้ มือหนาไล้ไปตามเอวคอด ค่อยๆ บีบเคล้นอย่างจงใจ ก่อนจะลากปลายนิ้วลากลงต่ำ สัมผัสกับความชื้นแฉะที่ยังคงหลงเหลือ"อะ"นางสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมคราม "ขะ...ข้า...อื้อ!"พ่อหมอไกรไม่ปล่อยให้นางได้พูดจบ ริมฝีปากร้อนผ่าวบดขยี้ลงมาทันที ลิ้นร้อนแทรกเข้ากวาดชิมความหวานจนแทบขาดใจ มือใหญ่จับสะโพกกลมกลึงให้นางแนบสนิทกับร่างแกร่งที่กำลังร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิง ร่างของเขาแน่นแข็ง บดขยี้ลงมาอย่างไม่ปรานี"เจ้ายังต้องการข้าอีก" เสียงกระซิบทุ้มต่ำทำให้นางตัวสั่นระริก รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ดันแนบมาจนสะโพกของนางร้อนวูบ มือของพ่อหมอไกรสอดเข้ารั้งเอวคอดของนางไว้แน่น ก่อนจะพลิกกายนางลง "อูยยย พี่ไกร" ร่างนางเบียดกับผืนดินชื้นแฉะจากหยาดเหงื่อและน้ำค้างที่เริ่มหยดลงมา"พ่อหมอ...ข้า...
NC น้ำนองคืนเดือนเสี้ยวหลายวันคืนพ้นผ่าน แต่ชีวิตที่ได้หลีกหนีจากความยุ่งยากช่างแสนสุขใจแต่คุณหญิงเอิบรู้ว่าสักวันนางต้องกลับไป....คืนเดือนเสี้ยวทอดแสงสีเงินซีดลงมายังลานทราย กระท่อมไม้เล็กที่ถูกล้อมด้วยแนวไผ่เอนไหวตามสายลม เสียงจิ้งหรีดขับขานในความเงียบ ดวงไฟจากกองฟืนใกล้มอด ทว่าความร้อนระอุภายในกระท่อมกลับเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะไกรมองเรือนร่างของคุณหญิงเอิบที่อยู่ในอ้อมแขน แววตาคมเข้มฉายประกายบางอย่างที่ทำให้นางแทบลืมหายใจ เขาก้มลงแนบปลายจมูกกับซอกคอขาวของนาง สูดกลิ่นหอมประจำกายอย่างโหยหา“พี่ไกร…” นางพึมพำเสียงเบา ขณะมือหนาลูบไล้เอวบาง สัมผัสจากเขาทำให้เนื้อนางสั่นสะท้าน“เจ้างดงามเกินไป…” เขากระซิบ ก่อนใช้ปลายลิ้นลากไล้ไปตามลาดไหล่ เปลวไฟที่เต้นไหวสะท้อนเงาของร่างทั้งสองที่เริ่มขยับเข้าหากันนางเงยหน้าขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาที่ประกบลงมา ลึกซึ้งและเนิ่นนาน รสจูบของเขาร้อนแรง ค่อยๆ ปลุกเร้านาง
NC จุกรูหูแทบตาย!!!ในเช้าวันรุ่งขึ้น ศาลหลวงได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับการปล้นเรือนของบิดาคุณหญิงเอิบ และมีคำสั่งให้ขุนศรีนำพยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วกรุงศรีอยุธยา บรรดาขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาสุรเดชเริ่มแตกตื่น พวกมันบางคนพยายามทำลายหลักฐาน บางคนหาทางหลบหนีแต่ไม่มีใครหนีพ้น....หลวงพิชัย ผู้เคยหวังจะเอาตัวรอด กลับถูกจับกุมเสียเอง"ปล่อยข้า ...ไอ้ไพร่อย่ามาแตะตัวข้า""ข้าไม่เกี่ยว ข้าถูกใส่ร้าย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!"ขุนศรียืนอยู่ในศาลหลวง ในมือของเขาคือจดหมายและคำให้การของพยาน "คดีนี้ต้องได้รับการพิจารณาโดยละเอียด ขอให้ศาลหลวงโปรดพิจารณาอย่างยุติธรรม"บรรดาขุนนางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พยักหน้า พวกเขารับเอกสารอย่างเคร่งขรึมในที่สุด แผนการของคุณหญิงเอิบก็มาถึงจุดสำคัญที่สุดในคืนหนึ่ง ก่อนวันที่ศาลจะตัดสินชะตากรรมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด คุณหญิงเอิบยืนมองพระจันทร์เต็มดวง นางยกมือขึ้นแตะแหวนหยกเบาๆ ก่อนจะพึมพำ"เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องทำ ก่อนจะจากที่นี่ไปตลอดกาล"
NC วางแผนจนน้ำเยิ้ม...สองวันต่อมาเสียงกลองยามตีบอกเวลายามสองดังก้องทั่วอยุธยา แสงจันทร์สาดส่องเป็นประกายเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ทว่าภายในเงามืดของที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา สองร่างกำลังนั่งสนทนาอย่างเคร่งเครียดพ่อหมอไกรและคุณหญิงเอิบ"พวกมันเริ่มไหวตัวแล้ว" พ่อหมอไกรพูดเสียงต่ำ พลางวางม้วนกระดาษเก่าคร่ำคร่าลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ในห้องลับ "เจ้าพระยาสุรเดชถูกจับ แต่คนที่เกี่ยวข้องยังมีอีกหลายคน หากเราต้องการลากมันลงมาให้หมด เราต้องหาหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้""ท่านคิดว่าเราควรเริ่มจากที่ใด" คุณหญิงเอิบถาม ดวงตาของนางทอประกายเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความร้อนเร่าอย่างลึกล้ำพ่อหมอไกรสบตานาง ความมืดของค่ำคืนไม่อาจปิดบังแรงปรารถนาที่สุมอยู่ในอกได้ มือของเขาเอื้อมไปแตะหลังมือของนาง ลูบไล้ปลายนิ้วเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ สอดประสาน มือของเขาเย็นเฉียบ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาทั้งร่างให้ร้อนรุ่ม"ข้าเพิ่งได้ข่าวจากแหล่งข่าวในราชสำนัก มีขุนนางบางคนที่ได้รับเงินจากเจ
บาปนั้นคืนสนอง"ที่แท้โจรชั่วนั่นคือท่าน!!"คุณหญิงเอิบปาดน้ำตา นางรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือใคร และนางก็รู้เช่นกันว่า จะไม่มีวันยอมให้ความจริงนี้ถูกฝังกลบไปพร้อมกับอดีตในคืนที่เงียบสงัดภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง คุณหญิงเอิบซ่อนกายอยู่ในเงามืดของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช หัวใจเต้นแรงระรัว นางเม้มริมฝีปากแน่น กลั้นลมหายใจให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้ใครจับได้ นางดวงที่อยู่เคียงข้างกันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูคุณหญิงเอิบด้วยเสียงสั่นเครือ“ขออภัยเถิดเจ้าค่ะคุณหญิง ข้ามิรู้มาก่อนว่าวันนี้ที่เรือนใหญ่จะมีแขก” นางดวงกล่าว สีหน้ารู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง นางเป็นเพียงทาสที่ทำงานอยู่ในไร่ในสวน ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเรือนใหญ่ จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคืนนี้เจ้าพระยาสุรเดชมีแขกมาดื่มสุราด้วยที่เรือน"ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ"เสียงหัวเราะหยาบโลนดังลอดออกมาจากโถงกลางของเรือน น้ำเสียงกระด้างและคำพูดส่อเสียดของเหล่าบุรุษที่กำลังสนุกสนานกับเหล้าและการเล่นพนัน ทำให้คุณหญิงเอิบต้องรีบตัดสินใจ นางร
NC แสงจันทร์อาบโลกีย์หลังพักผ่อนกันจนหายเหนื่อย ทั้งสองคนก็ชวนกันลงไปอาบน้ำในคลองตอนนี้มืดแล้ว เสียงแมลงร้องขับขาน สองคนคลอเคล้ากันอยู่ริมคลองเสียงน้ำในคลองลึกกระเพื่อมเบาๆ ยามต้องแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนเงาของสองร่างที่แนบชิดกัน พ่อหมอไกรประคองคุณหญิงเอิบลงสู่น้ำอย่างทะนุถนอม ปลายนิ้วแข็งแกร่งวักน้ำขึ้นลูบไล้ลำคอระหงของนางอย่างแผ่วเบา ความเย็นของสายน้ำตัดกับไออุ่นจากฝ่ามือเขา ทำให้นางสะท้านไหวเบาๆ“เย็นหรือไม่” เขากระซิบถาม ริมฝีปากแตะอยู่ใกล้ใบหูนางคุณหญิงเอิบเอนศีรษะพิงแผงอกกว้างของเขา แววตาฉ่ำเยิ้มในเงาจันทร์ “เย็นก็จริง แต่เมื่ออยู่กับเจ้า ข้ากลับรู้สึกอบอุ่น...”พ่อหมอไกรหัวเราะแผ่วเบา มือสากแตะแก้มของนาง ลูบไล้ลงมาจนถึงลาดไหล่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำ ปลายนิ้วไล่ไปตามแนวกระดูกไหปลาร้าเนียนละเอียด หัวใจของนางเต้นระรัว เมื่อสัมผัสของเขาอ่อนโยนแต่เร่าร้อนในคราเดียวกัน“เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าหลงใหลเจ้าเพียงใด...&
NC ผัวเจ้าอยู่ตรงนี้!!!บรรยากาศในกระท่อมยังคงอบอวลไปด้วยไอร้อนจากค่ำคืนที่ยาวนาน แม้ยามฟ้าสาง ลมหายใจของทั้งสองยังไม่ทันจะแผ่วลง พ่อหมอไกรไม่คิดจะปล่อยให้นางได้พัก เขากดร่างนางแนบกับฟูกอีกครา แรงอารมณ์ที่ยังหลงเหลือผลักดันให้เขาครอบครองนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป“พอ… พอแล้ว…” เสียงหวานครางกระเส่า แววตาหวานเยิ้มปรือขึ้นสบกับดวงตาคมที่ฉายแววหึงหวงไม่เสื่อมคลาย“พอหรือ?” ไกรแค่นเสียงหัวเราะต่ำ จับร่างนางพลิกให้คว่ำลงกับฟูก เสียงหอบหายใจสั่นไหวเมื่อนางรับรู้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบชิดจากเบื้องหลัง เขาไม่ปรานี ไฟหึงที่สุมอกผลักดันให้เขาย้ำเตือนให้นางรับรู้ว่าเป็นของใคร"อูยยย มันเข้าลึก....มากกกก"เสียงหวานครวญครางสอดประสานกับเสียงลมหายใจหนักหน่วง กลิ่นอายร้อนรุ่มอบอวลไปทั่วกระท่อม เสียงแผ่วสะท้อนออกไปไกลจนแม่เฒ่าที่เดินผ่านถึงกับชะงัก หันมามองกระท่อมหลังนั้นก่อนจะส่ายหน้าพลางพึมพำเบา ๆ“หนุ่มสาวสมัยนี้&h
NC พ่อหมอเอาทั้งคืนเสียงลมหายใจหนักหน่วงของไกรดังก้องอยู่ในกระท่อมเล็กที่มีเพียงตะเกียงน้ำมันให้แสงริบหรี่ กลิ่นควันธูปจาง ๆ คลุ้งอยู่ในอากาศปะปนกับกลิ่นเหงื่อและไอร้อนแห่งราคะที่คุกรุ่นจนแทบเผาไหม้ทุกสิ่งเขาจ้องมองร่างของคุณหญิงเอิบที่บัดนี้นอนระทดระทวยอยู่ใต้ร่างของเขา เสื้อผ้าแทบไม่เหลือเป็นชิ้นดี เนื้อนวลเปลือยเปล่าประจักษ์แก่สายตา ดวงตาของนางฉ่ำวาว ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยขณะที่ยังหอบหายใจแรง“เจ้ายังคิดถึงมันอยู่หรือไม่?”ไกรถามเสียงต่ำ สายตาของเขาฉายแววเดือดดาลปะปนกับแรงปรารถนา มือหนาบีบข้อมือของนางตรึงไว้กับฟูกไม้ไผ่ ร่างแกร่งบดเบียดแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง“ข้า...อึก...” นางยังไม่ทันได้ตอบ ร่างของไกรก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจหายคอ ยังคงลงทัณฑ์นางด้วยเพลิงหึงหวงที่ลุกโชน“อย่าคิดถึงมัน! จำไว้ว่าเจ้ามีข้าเพียงคนเดียว” ไกรคำราม มือใหญ่คว้าจับเอวบางให้เข้าที่ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แก่นกายยาวเสียบลึก ตำตึ
ร่ำไห้และครวญคราง!!ท้องฟ้าสีหม่น ลมเย็นพัดผ่านลานกว้างของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช กลิ่นไอดินชื้นผสมกับกลิ่นเหงื่อและเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ลานดินที่เคยเงียบสงบกลับกลายเป็นนรกของชายคนหนึ่งไอ้พรตถูกมัดติดกับเสาหลักไม้ไผ่ แขนสองข้างถูกตรึงแน่นจนเลือดแทบหยุดไหล แผ่นหลังเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยหวายที่ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื้อหนังฉีกขาดเป็นแนว เลือดไหลรินลงมาตามลำตัว หยดลงพื้นเป็นดวงสีแดงเข้มบ่าวไพร่ทั้งหลายยืนกันนิ่งสนิท หัวใจเต้นระทึก ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจดัง ขณะที่เจ้าพระยาสุรเดชยืนตระหง่านราวกับเทวทูตแห่งความตาย ดวงตาแข็งกร้าวของเขาจับจ้องไปยังบ่าวคนสนิทที่บังอาจทรยศ "เอ็งกล้าไปแจ้งความกับพวกขุนนาง ว่าข้าฆ่าเมียตัวเองหรือ?!"**ฉับ!**แส้หนังฟาดลงเต็มแรงบนแผ่นหลังของไอ้พรต เขาสะดุ้งเฮือก แต่แม้จะเจ็บปวดสักปานใดก็ยังมีความทระนง ถึงขาจะสั่นระริกแทบยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม"แล้วจริงหรือไม่เล่าขอรับ จริง ๆ...ข้ารู้ว่า...ท่าน...ฆ่านาง..."**ฉับ! ฉับ!**"ไอ้ชาติชั่ว!" เจ้าพระยาสุรเดชคำราม กำแส้ในมือแน่นขึ้นก่อนฟาดลงอีกหลายครั้ง ไอ้พรตกัดปากสะกดความเจ็บปวด ไม่มีเสียงร้องแม้สักน้อย มีเพียงเสียงหอบหายใจ
NC น้ำนองคืนเดือนเสี้ยวหลายวันคืนพ้นผ่าน แต่ชีวิตที่ได้หลีกหนีจากความยุ่งยากช่างแสนสุขใจแต่คุณหญิงเอิบรู้ว่าสักวันนางต้องกลับไป....คืนเดือนเสี้ยวทอดแสงสีเงินซีดลงมายังลานทราย กระท่อมไม้เล็กที่ถูกล้อมด้วยแนวไผ่เอนไหวตามสายลม เสียงจิ้งหรีดขับขานในความเงียบ ดวงไฟจากกองฟืนใกล้มอด ทว่าความร้อนระอุภายในกระท่อมกลับเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะไกรมองเรือนร่างของคุณหญิงเอิบที่อยู่ในอ้อมแขน แววตาคมเข้มฉายประกายบางอย่างที่ทำให้นางแทบลืมหายใจ เขาก้มลงแนบปลายจมูกกับซอกคอขาวของนาง สูดกลิ่นหอมประจำกายอย่างโหยหา“พี่ไกร…” นางพึมพำเสียงเบา ขณะมือหนาลูบไล้เอวบาง สัมผัสจากเขาทำให้เนื้อนางสั่นสะท้าน“เจ้างดงามเกินไป…” เขากระซิบ ก่อนใช้ปลายลิ้นลากไล้ไปตามลาดไหล่ เปลวไฟที่เต้นไหวสะท้อนเงาของร่างทั้งสองที่เริ่มขยับเข้าหากันนางเงยหน้าขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาที่ประกบลงมา ลึกซึ้งและเนิ่นนาน รสจูบของเขาร้อนแรง ค่อยๆ ปลุกเร้านาง
NC ตอกไม่พัก.นางขย่มไม่ยั้งร่างบางของคุณหญิงเอิบยังสั่นสะท้านไม่หยุด ใบหน้าของนางแดงก่ำ ริมฝีปากเผยอหอบหายใจแรงจากแรงพิศวาสที่พ่อหมอไกรมอบให้เมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่สติของนางจะกลับมาเต็มที่ ร่างแกร่งของบุรุษเหนือร่างก็กดแน่นลงมาอีกครั้ง"เจ้าไม่ต้องการให้ข้าหยุดใช่หรือไม่?" เสียงแหบพร่าของเขาเอื้อนเอ่ย ราวกับอ่านใจของนางได้ มือหนาไล้ไปตามเอวคอด ค่อยๆ บีบเคล้นอย่างจงใจ ก่อนจะลากปลายนิ้วลากลงต่ำ สัมผัสกับความชื้นแฉะที่ยังคงหลงเหลือ"อะ"นางสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมคราม "ขะ...ข้า...อื้อ!"พ่อหมอไกรไม่ปล่อยให้นางได้พูดจบ ริมฝีปากร้อนผ่าวบดขยี้ลงมาทันที ลิ้นร้อนแทรกเข้ากวาดชิมความหวานจนแทบขาดใจ มือใหญ่จับสะโพกกลมกลึงให้นางแนบสนิทกับร่างแกร่งที่กำลังร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิง ร่างของเขาแน่นแข็ง บดขยี้ลงมาอย่างไม่ปรานี"เจ้ายังต้องการข้าอีก" เสียงกระซิบทุ้มต่ำทำให้นางตัวสั่นระริก รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ดันแนบมาจนสะโพกของนางร้อนวูบ มือของพ่อหมอไกรสอดเข้ารั้งเอวคอดของนางไว้แน่น ก่อนจะพลิกกายนางลง "อูยยย พี่ไกร" ร่างนางเบียดกับผืนดินชื้นแฉะจากหยาดเหงื่อและน้ำค้างที่เริ่มหยดลงมา"พ่อหมอ...ข้า...