วันนี้ขนมหวานมีเรียนเช้าและเลิกเที่ยง หญิงสาวตั้งใจจะว่าช่วงบ่ายเธอจะเข้าห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเสียหน่อย ไม่รู้จะมีคู่มือการทำอาหารหรือบทความอะไรเกี่ยวกับอาหารไหม“ขนมจ๋า ไปซื้อกระเป๋าเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ใบบัวเอียงหน้ามาซบตรงไหล่ เงยหน้ามองเพื่อนสาวตาปริบๆ เป็นการอ้อน ขนมหวานยิ้มให้“ไม่ได้จ้ะ มีเรื่องสำคัญต้องไปทำ” คนที่นั่งอ้อนดีดตัวนั่งตรง เท้าคางมองเพื่อนสาวด้วยความอยากรู้เต็มเปี่ยมจนล้นออกมาทางสายตา“อะไรอะ มีงานเหรอ”“ไม่หรอก ไม่รู้จะได้ทำอีกไหม เมื่อวานคุณอชิรู้ ด่ายับ” ใบบัวถอนหายใจพรืด ด้วยความหนักใจแทนเพื่อน“นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าแกต้องโดนอะ ถ้าอย่างนั้นเรื่องสำคัญที่ว่าคืออะไร”“ไปเข้าห้องสมุด ว่าจะดูหนังสือหน่อย บัวฉันอยากทำขนมขาย อยากมีเงินเยอะๆ แกว่ามันจะดีไหมวะ”“ถ้าขายได้มันดีทั้งนั้นแหละ แล้วอยู่ดีๆ ทำไมถึงอยากหารายได้เสริม ท่านอธิการเขาก็ให้เงินแกใช้ทุกเดือนไม่ใช่เหรอ”“ก็แค่ไม่อยากแบมือขอเงินเขา ให้ก็ส่วนให้ หาเองได้มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ ฉันว่าจะฝากขนมขายที่ร้านกาแฟในมหาลัยแกว่าเขาจะรับไหม”“พี่สาวเราเปิดร้านกาแฟ วันๆ มีคนไปซื้อเยอะอยู่ ถ้าขนมอยากมีร้านวางขนมขาย เรา
เอาล่ะ เขาว่าขนมหวานต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ หรือไม่ก็คงล้มหัวฟาดพื้นอย่างที่เดาเอาไว้ก่อนหน้าจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้มีความคิดบ้าบอแบบนี้เกิดขึ้น ก่อนหน้ายังร้องบอกเสียงดังลั่น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเวลาเขาให้เงิน ว่าตัวเองไม่ได้ขายตัว เเล้วตอนนี้ล่ะคืออะไร ย้อนแย้งเเล้วนะขนมหวาน“ไม่ตลกนะคะ ขนมพูดจริงนะ” เอ่ยแย้งเสียงดัง ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นอชิระก็ยังคงยิ้มอย่างขบขันอยู่ดี“เธอค่าตัวแพงกว่าตัวท็อปตามร้านดังๆ อีกรู้ไหม”“ก็แล้วยังไงล่ะ ถ้าคุณอชิจะยุ่งกับขนมก็จ่ายมาค่ะ อย่างน้อยๆ ค่ากอดก็ต้องได้” อชิระเลิกคิ้วขึ้น จับมือขนมหวานมากอดเอวตัวเอง จากนั้นก็ดึงใบหน้าสวยให้เข้ามาใกล้ บังคับให้ขนมหวานเป็นฝ่ายแตะริมฝีปากลงบนเรียวปากของตนเองก่อนเขาจึงใช้ริมฝีปากขบเม้มกลีบปากสวยออกไป เป็นการเริ่มจูบบทแรกกับมูลค่าที่เธอตั้งไว้ เกี่ยวรัดรึงลิ้นเล็กไว้อย่างหยอกเย้าและเอาแต่ใจบางเป็นบางคราว ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดูดดื่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงปรารถนาจนขนมหวานเคลิบเคลิ้มไปตาม มือบางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ลูบไล้แผ่นหลังกว้างเบาๆ ร่างบางบดเบียดแนบชิดอชิระยิ้มออกมาอย่
เมื่อมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเพียงแค่บ่ายสามเท่านั้น ขนมหวานยังมีเวลาส่วนตัวอีกเกือบสองชั่วโมง หญิงสาวเข้าอินเทอร์เน็ตเปิดหาสูตรทำขนม จดรายละเอียดส่วนประกอบและวิธีทำลงในสมุดอย่างละเอียดไม่ให้ข้อความไหนตกหล่นแม้สักข้อความจากนั้นก็เปิดหาเครื่องอบขนมเพื่อเช็กดูราคาและขนาด เข้าไปอ่านในกระทู้ต่างๆ ว่าควรใช้ขนาดเท่าไหร่ดี เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อด้วยจำนวนเงินที่ต้องใช้สอยอย่างประหยัด รวมไปทั้งฝีมือที่ยังไม่รู้จะทานได้หรือเปล่านั้น ทำให้ขนมหวานต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ไม่อยากซื้อมาแล้วเปล่าประโยชน์ เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงห้าโมงเย็นจึงหยุดทุกอย่างที่ทำลง เพราะได้เวลาที่เธอต้องไปเตรียมทำอาหารรออชิระวันนี้ตั้งใจจะทำอาหารง่ายๆ และเป็นของโปรดของอชิระ นั่นก็คือทอดมันกุ้งทำเอง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ และเธอก็จะผัดผักรวมกุ้งอีกสักจานอชิระไม่ทานอาหารรสจัด และเขาชอบทานกุ้งมากที่สุดในบรรดาอาหารทะเล ยิ่งกุ้งชุบแป้งทอดนั่นคือเมนูโปรดของเขาเลยล่ะแม้เขาจะทำร้ายเธอสารพัด ทำให้เธอเจ็บปางตายยังไง แต่เธอก็เหมือนคนโง่ที่ยังคงจงรักภักดีและเอาใจใส่ดูแลเขาดีทุกอย่าง จดจำรายละเอียดของเขาได้อย่างด
ร่างสูงขยับเอวสอบเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีคำว่าอ่อนโยนหรือนุ่มนวล ทุกจังหวะการกระแทกกระทั้นเต็มไปด้วยความเร่าร้อนดุดัน ตามความต้องการของร่างกาย และดูเหมือนขนมหวานก็ตอบรับความรุนแรงของเขาได้ดีทีเดียว เพราะหญิงสาวทั้งร้องครางทั้งร่อนสะโพกรับ“อ้ะ...อื้อ...เสียว...อ้า...คุณอชิขา”“อื้อ” อชิระขานรับ บดควงสะโพกแนบแน่นช้าๆ เนื้อแนบเนื้อจนขนมหวานสะท้าน ก้มลงอ้าปากครอบครองยอดอกสีน้ำตาลเข้าปากตวัดลิ้นเลียเร็วๆ“อ้า...เสียวมากขนม ดูดแรงๆ“ ยอดอกเล็กถึงกับแข็งเป็นไต จากแรงดูดของขนมหวาน ไหนจะฟันซี่เล็กที่ขบกัดลงไปอีกล่ะ ช่างทำให้เขาเสียวยิ่งกว่าอะไร เร่งเอวสอบกระแทกเข้าใส่ไม่ยั้ง จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นหยาบโลน“หันหลังมา” ร่างบางหมุนตัวให้ชายหนุ่ม สองแขนเรียวไขว้มาด้านหลัง อชิระคว้าแขนไว้ กดแท่งเนื้อเข้าไปอีกครั้ง“อ้ะ...อื้อ...อื้อ...อ่อย...เบา...อื้อ”“เบาได้ยังไง เธอแรดขนาดนี้” เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกด้วยความเสียว เร่งเอวสอบพาแท่งเนื้อถาโถมเข้าสู่ผนังอ่อนนุ่มที่ตอดรัดตุบๆ ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเข้าไปในนั้นกี่ครั้ง แต่อชิระกลับรู้สึกว่ามันยังรัดแน่นและตอดรัดดีเยี่ยมไม่เปลี่ยน โดยเฉพาะตอนนี้ที่
“กิจการขนมเป็นยังไงบ้าง เริ่มทำหรือยัง ไม่เห็นเอามาให้เพื่อนชิมบ้างเลย” ใบบัวเอ่ยถามในขณะที่รออาจารย์เข้ามาสอนในวิชาแรกของเช้าวันนี้“ยังไม่ได้เริ่มเลยอะ เย็นนี้ว่าจะไปซื้อวัตถุดิบแล้วก็เตา แกไปไหนไหม ไปช่วยฉันเลือกหน่อย ขากลับจะไอ้อาศัยรถแกขนของไปส่งที่บ้านด้วย”“แล้วทำไมไม่บอกท่านอธิการไปเป็นเพื่อนยะ อยู่บ้านเดียวกัน”“เขาคงไปด้วยหรอก แค่นั่งรถมาด้วยเขายังไม่ให้มาเลย กลัวรถเขาจะเป็นเสนียดมั้ง”“คิดมากไปได้ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเอง แล้วจะทำขนมขายเนี่ย ท่านอธิการเขารู้หรือยัง ได้บอกเขาไหม เดี๋ยวเขามารู้ทีหลังก็อาละวาดใส่แก เหมือนมารู้ว่าแกไปทำงานเป็นพริตตี้อีก” ใบบัวยอมรับว่าเธอโมโหมาก หลังจากที่ขนมหวานมาเล่าให้ฟัง ว่าอชิระฉีกหนังสือทำขนมทิ้งอย่างไม่มีชิ้นดี เพราะโมโหที่รู้ว่าเพื่อนเธอไปทำงานเป็นพริตตี้ คนอะไรใจร้ายชะมัดและยังไร้เหตุผลอีก“ยังไม่ได้บอก ฉันไม่รู้ว่าเขาอยากฟังหรือเปล่า กลัวบอกแล้วเขาจะตอกหน้ากลับมาว่าบอกทำไมไม่ได้อยากรู้ ช่างมันเถอะ เขาคงไม่สนใจหรอกว่าฉันจะทำอะไรบ้าง ขอแค่ไม่ทำให้เขาเดือดร้อนก็พอ”“ขนมหวานจ๊ะ ขนมหวานจ๋า” เสียงเรียกหวานหูดังแทรกบทสนทนาของสองสาว จนทั้งคู่
อชิระหรี่สายตามองมายังบุคคลทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะผู้หญิงที่อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน มองมากเป็นพิเศษ ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสาม“สวัสดีครับท่านอธิการ”“สวัสดีค่ะ” เวลตันและใบบัวเอ่ยทักทายออกไปตามมารยาท อชิระพยักหน้ารับ“ครับ มาทำอะไรกันเหรอ”“ผมพาขนมหวานมาซื้อของครับ นี่ไงเต็มเลย” ใบบัวอยากจะกระโดดเข้าไปกัดคอเวลตันเสียตอนนี้ ไม่พูดอะไรออกมาก็ไม่มีใครเขาว่าเป็นใบ้หรอกมั้ง ไอ้เวรเอ๊ยอชิระมองขนมหวานที่ยังคงยืนเงียบ มองเลยไปยังของที่อยู่ข้างเวลตันพลางพยักหน้ารับเข้าใจ“พี่อชิคะ” เสียงหวานของผู้หญิงรูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมดังขึ้น พลางส่งยิ้มให้นักศึกษาทั้งสามคน เงยหน้าขึ้นมองอชิระ“ครับ หิวแล้วเหรอ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มละมุน พลางส่งยิ้มอบอุ่นให้ผู้หญิงตรงหน้าขนมหวานยืนมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มบาง ส่วนใบบัวก็หันมามองเพื่อนสาว จับมือขนมหวานไว้และบีบเบาๆ ขนมหวานจึงหันกลับไปยิ้มให้ ดั่งว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เธอสบายดี“ค่ะ มิลล์อุตส่าห์อดข้าวกลางวันเพื่อมาทานข้าวเย็นกลับพี่อชิ”“น่ารักจังเลยเรา อดทำไมครับ เดี๋ยวก็ได้ปวดท้องกันพอดี ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” ยกมือขึ้นมาลูบ
ขนมหวานเดินลงมาจากบันไดเพื่อออกไปเรียนอย่างเช่นทุกวัน แต่ที่แปลกไม่เหมือนทุกวัน คือเห็นอชิระนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นยังไม่ออกไปทำงาน ขนมหวานไม่ได้สนใจคนที่นั่งสไลด์หน้าจอโทรศัพท์แต่อย่างใด ไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไรกับเขาดี ภาพของเธอกับผู้หญิงคนนั้นก็ฉายชัดเข้ามาตอกย้ำให้เธอรู้สึกแย่รู้สึกแย่แล้วอย่างไร เธอทำอะไรได้อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขามันคือเส้นขนานที่ยังไงก็บรรจบกันไม่ได้ อยู่คนละซีกโลกที่ไม่มีวันวนกลับมาหากัน อยู่ด้วยกันวันนี้ แต่สักวันก็ต้องจากกันอยู่ดี เขาก็ต้องมีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ส่วนเธอก็คงต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมกับแผลในใจที่ต้องรักษาให้หาย“นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ไม่เห็น” คนถูกกระตุ้นอารมณ์ผ่อนลมหายใจออกมา ขาที่กำลังจะก้าวพ้นประตูบ้านชะงักไปส่วนคนที่ถูกเมินก็ลุกเดินเข้ามาหาอย่างหงุดหงิด ไอ้เราก็นั่งรอตั้งนาน แทนที่เห็นจะทักทาย แต่นี่อะไรกลับเดินหนีไม่สนใจ มันใช้ได้ที่ไหนกัน“ฉันถาม”“เห็นค่ะ” ยิ่งได้ยินคำตอบก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นจากเดิม“เห็นแต่เดินหนี”“แล้วต้องให้ขนมทำอะไรล่ะ คลานเข่าเข้าไปกราบหรือไง”“ยอกย้อนทำไม ฉันพูดดีๆ ด้วยนะขนม” ขนมหวานผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่
ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ดวงโตแสงเหลืองทอง ที่วันนี้ดูเหมือนจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าวันไหนๆ ส่องแสงยูวีลงมายังเธอจนรู้สึกแสบผิว ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาเที่ยงวันแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังของความร้อนระอุแล้วไหนจะท้องเจ้ากรรมที่ร้องประท้วงความหิวอีกล่ะ ยิ่งเมื่อวานมัวแต่ยุ่งทำขนมจนไม่ได้กินอะไรนอกจากนม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้จะหิวแค่ไหนแต่เธอจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ แม้เธอจะถูกแดดเผาจนไหม้ตายหรือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดฝนตกลงมาห่าใหญ่จนหนาวตาย เธอก็จะไม่มีวันขอร้องอ้อนวอนให้เขามาช่วย ในเมื่อเขาอยากให้เธอตายเธอก็ยินยอมพร้อมจากไป และมันคงดีกว่านี้หากเธอตายไปจริงๆ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับคนใจยักษ์ใจมารแบบผู้ชายที่ชื่ออชิระ เวรกรรมที่ทำร่วมกันมาจะได้จบสิ้นกันไปเสียทีสุดท้ายเธอก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าเธอไม่น่าเกิดมาบนโลกใบนี้ เธอน่าจะตายตั้งแต่ที่ถูกพ่อกับแม่ที่แท้จริงเอามาทิ้งด้วยซ้ำ ทำไมวันนั้นพ่อแม่เธอไม่โยนเธอให้รถเหยียบหรือทิ้งเธอลงแม่น้ำให้รู้แล้วรู้รอดไปนะคิดแล้วน้ำตาที่คิดว่าคงไม่ไหลก็ไหลอาบแก้มลงมา ขนมหวานก้มหน้าลงเพื่อปล่อยให้มันหยดลงบนพื้นแต่ไม่สิ แค่น้ำตาทำไมมันถึงหลายหยดขนาดนี้ แดดที่อ
วันหยุดสุดสัปดาห์อชิระและครอบครัวพากันมาเที่ยวทะเล และเป็นการเที่ยวทะเลครั้งแรกของหนูน้อยอคิณที่ย่างเข้าสู่สองขวบ อชิระยืนล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นมองดูภรรยาและลูกชายกำลังก่อปราสาททรายในเวลาช่วงเย็น บรรยากาศไม่ร้อนและมีลมโชยเย็นสบายเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของแก้วตาดวงใจของชายหนุ่มดังแว่วมาตามสายลมให้ได้ยิน เรียกรอยยิ้มจากอชิระตามไปด้วย อดไม่ได้ที่จะไม่เก็บภาพน่ารักแบบนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปภรรยาและลูกจนพอใจจึงเดินเข้าไปสมทบ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อมีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาข้างภรรยาและลูก“ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าบอลถูกคุณกับลูกหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มให้ กลัวลูกบอลที่ตัวเองและเพื่อนเล่นนั้นจะมาถูกทั้งสองคนเข้า“ไม่ค่ะ” ขนมหวานตอบกลับตามมารยาท“นี่ลูกชายคุณเหรอครับ น่ารักจังเลยนะครับ”“ยับ น้อนคิณเป็นยูกคูมแม่ยะนม” เด็กน้อยที่กำลังเล่นทรายอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ฉายแววหล่อมาแต่ไกล มองผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับแม่ของตัวเองไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามากอดคอแม่ตัวเองไว้ ราวกับกำลังปกป้องแม่จากผู้ชายคนอื่นแทนพ่อชายหนุ่มท
ผ่านมาหนึ่งปีสำหรับชีวิตคู่ที่มีพยานรักมาหนึ่งคนของขนมหวานและอชิระ ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดเข้ามากวนใจทั้งคู่ ครอบครัวอบอุ่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นจะมีก็แต่อชิระเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขี้น้อยใจเหลือเกินในช่วงนี้และยังติดเธอแจยิ่งกว่าอะไร เธอแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้มิหนำซ้ำยังแทบไม่ให้เธอออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอ หวงเธอ หึงเธอ และที่สำคัญกลัวเธอเห็นผู้ชายที่หล่อกว่า หน้าตาดีกว่าแล้วจะทิ้งตัวเองไป ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งขนมหวานก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทุกทีและวันนี้ขนมหวานก็ขอแหกกฎเสียหน่อย ด้วยการพาลูกชายมาหาอชิระที่มหาวิทยาลัย อุ้มลูกชายออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องทำงานของอชิระ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นเธอกับลูกมาโผล่ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะดุเธอไหม จะต่อว่าเธอหรือเปล่านะ หรืออาจจะงอนเธอก็เป็นได้ที่พาลูกมาหาโดยไม่บอกไม่กล่าวขนมหวานไม่เคาะประตูห้องให้เสียเวลา เมื่อมาถึงห้องทำงานก็จัดการเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที“เซอร์ไพรส์!”อชิระที่กำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง“ขนม อคิณ มาได้ยังไงเ
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างสองร่างเกี่ยวพันกันแนบแน่นด้วยความรัญจวน ร่างบอบบางน่าทะนุถนอมบัดนี้กำลังถูกความแข็งแกร่งทำร้ายด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เรียวขายาวถูกยกพาดขึ้นบนบ่าหนาทั้งสองข้าง"อื้อ...อี้...พี่อชิขา...อื้ม..." เสียงหวานร้องครางออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน"อ้า...ว่าไงครับที่รัก" เอวสอบควงวนเชื่องช้าแนบแน่นเพื่อยืดเวลาความเสียวออกไปอีกสักหน่อย มองภรรยาสาวแสนสวยที่นอนบิดเร่าอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา มือหนาลูบไล้เรียวขาสวยแผ่วเบา มองทรวงอกคู่ใหญ่ที่ใจปรารถนาอยากบีบขยำนับวันอชิระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหลงรักขนมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังจากที่ขนมหวานคลอดลูกออกมา ร่างบางก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนเขาหวงมากขึ้นกว่าเดิมไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกเสียด้วยซ้ำ อยากเก็บเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นร่างอรชรสวยงามนี้คนเดียว"อื้อ..เร็วๆ ค่ะ ขนม อื้อ...ขนมเสียว""พี่ก็เสียวขนมจ๋า มันรัดแน่นมากพี่จะเสร็จแล้วครับ""งื้อ...เสร็จ...อื้อ...เสร็จเลยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น" ขนมหวานเร่ง กลัวลูกน้อยที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจ
“คลอดหรือยังวะ ลูกครับอย่าให้แม่ปวดนานนะ รีบๆ ออกมาได้แล้ว พ่ออยากเห็นหน้าใจจะขาดแล้วเนี่ย” อชิระบ่นออกมา พลางเดินไปเดินมา เป็นห่วงขนมหวานก็เป็นห่วง ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ที่จะได้เจอหน้าลูกชายเสียทีเขายังจำวินาทีที่ขนมหวานบอกว่าปวดท้องได้ขึ้นใจ ตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบจะอุ้มขนมหวานจับยัดใส่รถมาด้วยซ้ำ ดีที่ขนมหวานวางแผนไว้เรียบร้อยเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ในรถไว้รอ ตั้งแต่รู้กำหนดการวันคลอดไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นยังไง คงทำอะไรไม่ถูกลนลานไปหมด สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไรติดมือมาสักอย่าง“ญาติคุณขนมหวานเชิญด้านในค่ะ” เสียงที่ประกาศออกมาจากห้องคลอด เรียกสติของอชิระให้กลับเข้ามา รีบผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความเร็วอชิระในชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาขนมหวานและลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพักฟื้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำน้ำตารื้นขอบตา มองลูกชายตัวแดงจ้ำม้ำที่เห็นแค่ใบหน้าด้วยความตื่นตันและรักจนสุดหัวใจ จับมือขนมหวานมากุมไว้แน่น“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” เอ่ยถามเสียงสั่น ประคองใบหน้าของขนมหวานที่มีน้ำตาคลอไม่ต่างกัน“ไม่ค่ะ”“ลูกน่าชังมากเลย หน้าเหมือนขนมกับพี่เลย” ขนมหวาน
อชิระจับมือขนมหวานเดินออกมาจากวัด หลังจากที่ทั้งคู่มาเลี้ยงเพลพระที่วัดเป็นการทำบุญให้บิดามารดาที่จากไปในวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านทั้งสอง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างมาไม่ได้มาด้วยกันเช่นวันนี้ทั้งคู่เดินมายังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของท่านทั้งสอง ขนมหวานวางพวงมาลัยที่ซื้อมาลงด้านหน้า ตามด้วยอชิระก็วางพวงมาลัยลงข้างขนมหวานเช่นกัน"คุณพ่อคุณแม่ครับ วันนี้ผมกับน้องมาทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่นะครับ" อชิระมองรูปถ่ายของบุพการีทั้งสองท่านที่ยิ้มมาให้ ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ตาม หรือท่านอาจจะกำลังมองลงมาจากสวรรค์ก็เป็นได้"คุณพ่อคุณแม่คะ ขนมกับพี่อชิมีข่าวดีมาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ" ขนมหวานส่งยิ้มให้บุพการีในรูปไม่ต่างจากอชิระ และหันมายิ้มให้กัน มือสองข้างกระชับกันไว้แน่น"ผมกับน้อง กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะครับ แถมยังเป็นหลานผู้ชายอีกด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ว่าลูกจะหน้าตาเหมือนผมไหมครับ ถ้าเหมือนนี่คือหล่อมากๆ เลยนะ""แต่ถ้าเหมือนขนมก็คงเป็นผู้ชายที่น่ารักเหมือนกัน ขนมสัญญานะคะว่าจะเลี้ยงหลานของคุณปูคุณย่าให้ดีที่
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อชิระนอนมองภรรยาที่ดูจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ เมื่อขนมหวานอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือน นิ้วแกร่งประคองใบหน้างามของภรรยาสาวไว้เกลี่ยแก้มเนียนเล่นแผ่วเบา เลยมายังจมูกรั้นใช้นิ้วเขี่ยเล่นไปมา จนคนถูกรบกวนการนอนต้องยกมือขึ้นมาปัดมือของอชิระออกไปร้องประท้วงออกมาเบาๆ"อื้อ""ขี้เซาจังคุณแม่ ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน" คนที่ยังอยากนอนต่ออีกนิด ขยับตัวเล็กน้อยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและหลับต่อ"ขออีกห้านาทีนะคะ" พึมพำออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้นอชิระเห็นความขี้เซาของขนมหวานก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนนั้นสักสองสามฟอด สูดความหอมเข้าไปเต็มปอดจนเสียงดังฟอดและยังหอมย้ำๆ ไปทั่วหน้า จนขนมหวานต้องปรือตาขึ้นมองและผลักหน้าของอชิระออกห่าง"พี่อชิอย่าแกล้ง""พี่ปลุกขนมต่างหาก ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ" ขนมหวานยกมือขึ้นปิดปากหาวจนเมื่อยปาก ปรือตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าคนก่อกวน"คุณแม่ขี้เกียจ" บีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว"ก็คนมันง่วงนี่น่า”“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ดูซีรีส์จนดึกดื่น ช่วงนี้เราติดซีรีส์มากไปรู้หรือเป
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน วันนี้อชิระก็ได้กลับบ้านตามที่ขอร้องออกไป เพราะชายหนุ่มสงสารขนมหวานที่ต้องไปนอนที่โซฟาตัวเล็ก และยังทานอาหารไม่อร่อยถูกปาก แม้ขนมหวานจะไม่ได้แพ้ถึงขั้นอาเจียน แต่เท่าที่สังเกตก็ทานได้แค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเขาต้องขอร้องคุณหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน อย่างน้อยๆ ขนมหวานก็จะได้นอนเตียงนุ่มๆ และทานข้าวฝีมือเขาและก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมื้อแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ขนมหวานก็ทานอาหารได้มากขึ้น จนเขาที่นั่งมองก็พลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อิ่มเอมใจ ที่เห็นภรรยาทานอาหารฝีมือตัวเองจนหมด“พี่อชิไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวขนมล้างจานเอง”“ครับ” อชิระขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งที่โซฟาตามที่ขนมหวานบอกแต่โดยดี ขนมหวานจึงจัดการเก็บล้างทำความสะอาดจานชามในครัวร่างบางยืนล้างจานอยู่หน้าอ่างล้างจานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีวงแขนแกร่งเข้ามาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง บนไหล่ก็มีใบหน้าเจ้าของวงแขนวางคางเกยอยู่ มือหนาลูบหน้าท้องของขนมหวานเบาๆ“มากอดทำไมคะ ขนมบอกให้ไปนั่งไง แผลยังไม่หายดี”“หายดีแล้วครับ พี่ไม่เจ็บแล้ว” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“พี่นี่จริงๆ เลยนะ”“พ
จากที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงที่ถูกพักงานพาขนมหวานไปนั่นไปนี่ ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกระชับความสัมพันธ์ เป็นอันต้องพับโครงการเก็บใส่กระเป๋า และหอบการกระชับความสัมพันธ์มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน“ขนมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเสียงอ้อน ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองคนป่วยที่รู้สึกว่าตั้งแต่เธอยอมยกโทษให้ จะออดอ้อนออเซาะเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ และยังกลายเป็นคนมือไวใจเร็วแตะนิดแตะหน่อยหาเศษหาเลยกับเธออยู่ร่ำไปเมื่อมีโอกาส“คะ”“ทำไมไปนั่งไกลจัง มานั่งใกล้พี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึง” ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ที่นอนหันหน้ากะพริบตาอ้อนมา ขนมหวานถึงกับส่ายหน้าให้“ไกลที่ไหนคะ จากเตียงมาโซฟาห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ”“แค่ก้าวเดียว สำหรับพี่ก็ถือว่าห่างแล้วครับ มานั่งนี่นะ”“แต่ขนมปลอกแอปเปิลอยู่นะคะ เดี๋ยวขนมปลอกเสร็จค่อยไปนั่งก็ได้ค่ะ”“ใจร้าย” ว่าแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ขนมหวานเสียอย่างนั้น คนถูกงอนใส่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง้อเสียเมื่อไหร่ นั่งปลอกแอปเปิลต่อไปเรื่อยๆ จนลูกสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถึงจัดการเดินนำจานแอปเปิลไปวางที่โต๊ะและเก็บกวาดเป
คนที่แสร้งตีหน้านิ่งและส่ายหน้าปฏิเสธในตอนแรก แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวัง แววตาเศร้าสร้อยของอชิระแค่ขอกอดมันจะไปเร้าใจอะไร กับความตื่นเต้นเร้าใจจนเธอหัวใจแทบวายที่อชิระมอบให้ในการวิ่งตามโจรกระชากกระเป๋าความลังเลของเธอก่อนหน้าระหว่างความสัมพันธ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปเรื่องของเธอกับเขานั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำเช่นไรต่อไป เธอควรตัดสินใจต่อไปอย่างไรนับจากนี้ขนมหวานโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนหน้าเสีย แตะริมฝีปากลงบนเรียวปากหยักเบาๆ ขบเม้มหยอกเย้าทั้งริมฝีปากบนและล่าง จนคนถูกจูบตาเบิกกว้างตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ไม่คิดว่าขนมหวานจะจูบตัวเองแบบนี้ ส่วนขนมหวานเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้จึงผละริมฝีปากออกห่าง“ไม่อยากให้ขนมจูบเหรอ รังเกียจขนมหรือไง ไม่ชอบ...อื้อ”ยังไม่ทันที่ขนมหวานจะเอ่ยจบประโยค อชิระก็คว้าท้ายทอยเล็กโน้มใบหน้าของขนมหวานเข้ามารับจูบจากตัวเองด้วยความเร็ว แม้จะเจ็บแผลที่ต้องขยับตัวบ้าง แต่อชิระไม่สนใจ เพราะจุมพิตหวานนี่ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่า เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ห่อเหี่ยวมานานแรมเดือนรู้สึกด