หนึ่งอาทิตย์พอดิบพอดีที่ขนมหวานนอนหลับไป ตลอดเจ็ดวันอชิระเฝ้าหญิงสาวไม่ห่างไปไหน จะมีแค่เพียงหนึ่งวันที่เข้าไปเคลียร์งานที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่หลังจากวันนั้นชายหนุ่มก็นั่งเฝ้านอนเฝ้าหญิงสาวตลอดเวลา หอบงานมาทำที่นี่ เพราะกลัวขนมตื่นมาแล้วจะไม่เจอตัวเองมือหนาจับมือของขนมหวานมากุมไว้ หลังจากที่ตัวเองจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวซึ่งทำเป็นประจำทุกวัน แม้พยาบาลจะทำให้ แต่อชิระกลับบอกว่าไม่เป็นไร เขาอยากดูแลเธอเอง อย่างน้อยๆ ได้ทำอะไรเพื่อเธอบ้างก็ยังดี“เจ็ดวันแล้วนะขนม นอนนานไปแล้วรู้ไหม ตื่นสักทีสิ” คงเป็นคำพูดที่พูดจนชิน แต่อชิระกลับเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องเอ่ยประโยคเดิมซ้ำๆ ทุกวันแบบนี้จุมพิตลงบนหน้าผากนูนเบาๆ และกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มอีกครั้งก่อนจะผละออก นั่งมองขนมหวานและพูดคุยกับเธอดั่งเช่นทุกวันตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาอชิระนั่งคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด พูดคุยกับตัวเองซ้ำๆ จนกระจ่างแจ้งชัดเจนในความรู้สึกของตัวเอง เป็นเจ็ดวันที่แสนจะทรมาน นอนหลับไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง สมองไม่เคยว่างเฝ้าแต่ครุ่นคิดและเป็นห่วงคนตรงหน้า“ทุกคนเป็นห่วงขนมมากรู้ไหม บัวมาหาแทบทุกวัน นายเวลตันก็ม
เมื่อเหลือเพียงคนเดียวในห้อง ขนมหวานนอนลงบนเตียงอีกครั้ง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเอง ที่มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในนี้ หนึ่งชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ หนึ่งชีวิตที่เกิดขึ้นจากความรักของเธอเพียงแค่คนเดียวเธอไม่รู้ว่าตอนนี้อชิระคิดอะไรอยู่ เขาจะมองว่าเธอปล่อยตัวเองให้ท้องเพื่อจับเขาหรือไม่ แต่เธอไม่ได้ทำแบบนั้น เธอไม่รู้ว่าลูกมาได้ยังไงทั้งที่เธอก็กินยาคุม หรืออาจจะเป็นคืนที่เธอเมาคืนนั้นและเธอไม่ได้กินยาก็อาจจะเป็นไปได้แต่ไม่ว่าจะยังไง เมื่อลูกมาเกิดแล้ว เธอจะเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด ด้วยความรักของเธอคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ แม้ว่าพ่อของแกจะไม่ต้องการก็ตาม เธอไม่สนใจ ลูกคนเดียวเธอเลี้ยงได้ เธอมีปัญญาเลี้ยงได้ ต่อให้เธอต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อแลกกับให้ลูกกินอิ่มนอนหลับเธอยอมแล้วเธอจะทำอย่างไร...เธอจะให้ลูกเกิดมาอยู่กับคนที่เกลียดเธออย่างนั้นเหรอ เขาจะมองลูกเธอด้วยสายตาแบบไหน เธอจะทนได้ไหมหากสายตาคู่นั้นที่มองลูกเธอมันว่างเปล่า เฉยชา และเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเกลียดชัง เหมือนที่เขามองเธอเธอไม่อยากให้ลูกของเธอถูกเขามองแบบนั้น เธอรู้ว่าการถูกมองด้วยความเกลียดมันเจ็
อชิระกลับมานั่งที่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง เหตุการณ์เหมือนวันนั้นไม่มีผิด เพียงแต่ครั้งนี้มีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องเป็นห่วงเพิ่มขึ้นมา ยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความเครียดนี่ขนมหวานไม่อยากอยู่กับเขาขนาดนี้เลยเหรอ ถึงขนาดคิดจะพาลูกหนีเขาไปอย่างนั้นเหรอ คิดจะไม่ให้เขาเห็นหน้าลูก ไม่ให้เขาสัมผัสลูกเลยใช่ไหมเขาจะต้องทำยังไงเธอถึงจะให้โอกาสเขาแก้ตัว แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด เขายอมเธอทุกอย่าง ขอแค่เธอบอกมา แต่ขออย่างเดียวอย่าพาลูกและเธอหนีเขาไปเลยได้ไหม"อชิมันเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมอยู่ดีๆ" เหนือฟ้าที่แยกตัวออกไปได้ไม่นาน ก็รีบกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หลังจากได้รับโทรศัพท์จากอชิระว่าขนมหวานต้องเข้าห้องฉุกเฉิน"นั่นสิคะ ไหนบอกว่าขนมหวานฟื้นแล้วไง แล้วนี่ทำไมได้เข้าห้องฉุกเฉินอีกล่ะ" ใบบัวที่พอได้รับโทรศัพท์จากอชิระว่าขนมหวานฟื้นแล้วก็รีบมาเยี่ยม แต่เมื่อขึ้นไปบนห้องพักพยาบาลกลับแจ้งว่าขนมหวานอยู่ห้องฉุกเฉินอชิระลูบหน้าตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม ร่างสูงเอนหลังพิงเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นมองเพดานสีขาว นัยน์ตาแดงก่ำเหมือนกำลังกลั้นอะไรบางอย่างไว้"ขนมจะพาลูกหนีออกจากโรงพยาบาล แต่ดันมาเห็นฉันซะก่อนเลยวิ่งหนี เกือบถูกร
ขนมหวานค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ดวงตาลืมขึ้นมองเพดานห้องสีขาวอีกครั้ง หวนคิดไปถึงเรื่องราวก่อนที่เธอจะสลบไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อชิระที่นั่งอยู่เตียงเมื่อเห็นขนมหวานลืมตาก็ยิ้มออกมา"ขนม""ลูก!" เอ่ยออกมาเสียงแหบพร่า มองอชิระอย่างต้องการคำตอบ ยกมือขึ้นจับท้องตัวเองไว้"ลูกไม่เป็นอะไรขนม ลูกยังอยู่ แต่ตอนนี้หมอบอกว่าให้ขนมนอนพักเยอะๆ อย่าขยับตัวและอย่างเครียดเพราะเสี่ยงที่จะแท้ง" อชิระรีบบอกออกไปตาที่คุณหมอสั่ง ขนมหวานจึงได้แต่นอนนิ่งมองเพดานใบบัวและเวลตันรวมทั้งเหนือฟ้าจึงเดินเข้ามายืนอยู่ข้างเตียง ใบบัวจับมือเพื่อนมากุมไว้และยิ้มให้ ขนมถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมา บีบมือใบบัวกลับคืนบ้าง“ขอให้หายไวๆ นะขนม ยัยบัวเน่าบ่นถึงขนมทุกวันว่าเหงา” เวลตันเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก ใบบัวจึงเอ่ยตามออกมา“ใช่ ฉันเหงามาก นั่งเรียนคนเดียวเบื่อโคตรๆ แกรีบๆ หายนะ จะได้กลับไปเรียนด้วยกัน” ขนมหวานมองหน้าใบบัวอึกอัก สีหน้าแสดงความลำบากใจออกมา เธอไม่รู้ว่า เธอจะกลับไปเรียนได้ไหม เธอจะไปเรียนยังไง"หายไวๆ เหมือนกันนะขนม และก็อย่าเครียดอย่ากังวล ทำใจให้สบาย อย่าคิดมาก สิ่งที่ขนมต้องทำตอนนี้คือทำตัวให้ร่าเริงและกินข้าวเยอ
หลังจากใบบัวกลับไปขนมหวานก็นอนหลับไปอีกครั้ง มารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว หญิงสาวค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งพยายามทำให้เบามากที่สุด ตอนนี้เธอกลัวไปหมด กลัวลูกจะเป็นอะไร กลัวลูกทิ้งเธอไป ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะทำเช่นไร หากวันนี้ลูกไม่อยู่กับเธอ เธอคงตายตามลูกไปอย่างแน่นอน เธอสัญญาว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุดไม่ให้เขาจากเธอไหนไปได้ขนมหวานกวาดสายตามองไปรอบห้องพัก ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่เจออชิระในตอนนี้ เธอยังไม่พร้อมเจอเขา เธอยังไม่พร้อมเผชิญหน้าหรือพูดคุยอะไรกับเขาทั้งนั้น แต่ความโล่งใจก็อยู่กับขนมหวานไม่นานเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกจากคนที่เธอไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดอชิระมองคนที่นั่งมองมายังตน ตอนนี้ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นทั้งตื่นเต้น ดีใจ กลัว เป็นกังวล เครียด และอีกหลายความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นมา ไม่รู้เลยว่าตัวเองควรพูดหรือทำเช่นไรดี จะว่าเกร็งก็ใช่ กลัวเอ่ยอะไรออกไปแล้วกระทบกระเทือนความรู้สึกของขนมหวานกังวลไปต่างๆ นานาชายหนุ่มจึงเดินนำของที่ซื้อมาเข้าไปวางไว้ที่โต๊ะเสียก่อน เพื่อยืดเวลาความขี้ขลาดของตัวเองออกไปสักนิด เมื่อหมุนตัวกลับมาก็เห็นว่าขนมหวานกำลังขยับตัวจ
รุ่งเช้าของวันใหม่ ขนมหวานตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนที่นอนเฝ้าเธอทั้งคืนได้ตื่นขึ้นมาก่อนเธอเสียอีก กำลังจัดอาหารที่ไม่รู้ไปซื้อมาตอนไหนใส่จานให้เธอ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าอาหารของโรงพยาบาลไม่อร่อย กลัวเธอทานไม่ลงจึงไปซื้อมาให้เธอไม่ได้แปลกใจหรอกที่เขาทำเหมือนเป็นห่วง เอาใจใส่ดูแลเธอดีหนักหนา ในเมื่อเขาอยากทำเธอก็ปล่อยให้เขาทำไป แต่อย่าคิดว่ามาทำดีด้วยชั่วครั้งชั่วคราว จะทำให้เธอลืมสิ่งที่เขาทำกับเธอมาตลอดสองปีที่ผ่านมา อีกอย่างเมื่อคืนเธอก็นอนครุ่นคิดถึงหนทางที่จะดำเนินต่อจากนี้ไป ว่าจะตัดสินใจเดินไปในทางไหนต่อไปชีวิตเธอจะไม่น่าเบื่อแล้วนะ ชีวิตเธอจะมีสีสันขึ้นมาแล้วนะ เธอกำลังมีคนให้เธอรักจนหมดหัวใจ รักโดยไม่มีเงื่อนไข รักโดยไม่มีข้อแม้ รักตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า“ขนมฉันเตรียมอาหารเช้าให้แล้ว จะกินเลยไหม หิวหรือยัง” เสียงพูดของอชิระดึงขนมหวานให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน หันมองหน้าคนพูดเล็กน้อยโดยไม่เอ่ยอะไรตอบกลับไปอชิระจึงเดินยกอาหารที่เตรียมไว้มาวางลงบนโต๊ะให้หญิงสาว วันนี้เขาลงไปซื้อข้าวต้มและยังมีนมจืดมาให้หญิงสาวด้วย“กินเยอะๆ นะ จะได้หายไวๆ จะได้กลับบ้านกันสักที ฉันให้คนเข้าไปทำความสะอาดบ
เมื่อประตูห้องปิดลง ใบบัวก็หันไปหาเวลตันที่ยืนหน้าชื่นตาบานอยู่ข้างกัน เห็นหน้าแล้วก็นึกรำคาญลูกตา“นี่นายเวล ฉันอยากกินน้ำส้มคั้นสดๆ ที่ขายอยู่ข้างล่างอะ นายช่วยลงไปซื้อมาให้หน่อยสิ”“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน และถ้าเธออยากกินทำไมไม่ไปซื้อเอง” ใบบัวกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย ถอนหายใจดังเฮือก“ก็เพราะว่านายเป็นผู้ชายไง และอีกอย่างน้ำส้มก็มีประโยชน์วิตามินซีเยอะ ซื้อมาเผื่อขนมด้วย คลอดออกมาหลานฉันผิวพรรณจะได้สวยงาม”“เออๆ พูดมาก เดี๋ยวลงไปซื้อมาให้ ขนมอยากได้อะไรไหม”“ไม่ค่ะ”“งั้นเราไปซื้อน้ำส้มก่อนนะ”“โอ๊ย! จะไปก็ไปไม่ต้องบอก ไป” เวลตันหันมาถลึงตาใส่ พลางดีดนิ้วลงบนหน้าผากของใบบัวดังเปรี๊ยะ จากนั้นก็รีบเผ่นหนีออกจากห้องไปด้วยความเร็ว“ไอ้เวรนี่ แกนี่มัน ฮึ่ย!” ได้แต่ร้องตะโกนตามหลังไปอย่างเจ็บใจ โดยมีขนมหวานนั่งหัวเราะอยู่บนเตียง มองใบบัวยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เก็บความแค้นฝังใจที่ถูกเวลตันดีดหน้าผากเอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยคิดบัญชีทีหลัง หันมาสนใจขนมหวานต่อ“เป็นยังไงบ้าง ดูหน้าตาแกดีขึ้นนะ”“บัวฉันจะทำยังไงดี เมื่อคืนฉันนอนคิดทั้งคืน ใจนึงฉันก็อยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ อยู่พร้อม
เมื่อใบบัวออกไปภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง อชิระเดินถือข้าวของเข้ามาวางลงบนโต๊ะ และเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ขนมหวานก็นั่งมองอชิระอยู่อย่างนั้น อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาไหม และเหมือนอชิระจะรู้ว่าคนที่นั่งมองตัวเองนั้นต้องการอะไรชายหนุ่มจึงเอ่ยออกมา“ฉันขอโทษ ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป โดยเฉพาะเรื่องคืนนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอคิดสั้นนะขนม” ขนมหวานยิ้มเยาะ คว้าแก้วน้ำที่อยู่โต๊ะหัวเตียง ปาใส่คนตรงหน้ากระทบเข้ากลับศีรษะของอชิระเต็มๆ ก่อนแก้วนั้นจะร่วงลงสู่พื้นแตกกระจายพร้อมกับเลือดที่ไหลซึมออกมาข้างขมับ แต่อชิระกลับไม่ได้ขยับตัวหนีรู้สึกโกรธแต่อย่างใด ก้มหน้ายอมรับกรรมสมควรแล้ว สมควรที่เขาจะโดนซะบ้าง“ยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ ทำไมไม่เข้ามาบีบคอฉัน ไม่ตบหน้าฉันหรือทำให้ฉันหัวแตกเหมือนที่ฉันทำกับคุณ กลัวอะไรขึ้นมา ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เห็นใจเย็นแบบนี้” เอ่ยบอกคนที่ยืนนิ่งเป็นตอไม้อยู่ตรงหน้า มองเลือดสีแดงที่ไหลอาบลงมาด้วยสายตาที่เจ็บปวดเธอทำเขาเจ็บ แต่ทำไมเธอถึงเจ็บล่ะขนม“ไม่ ต่อให้เธอทำร้ายฉันมากกว่านี้ฉันก็จะไม่ทำร้ายเธออีก” ขนมหวานเค้นเสียงหัวเราะออกมา ราวกับมันคือเรื่อง
วันหยุดสุดสัปดาห์อชิระและครอบครัวพากันมาเที่ยวทะเล และเป็นการเที่ยวทะเลครั้งแรกของหนูน้อยอคิณที่ย่างเข้าสู่สองขวบ อชิระยืนล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นมองดูภรรยาและลูกชายกำลังก่อปราสาททรายในเวลาช่วงเย็น บรรยากาศไม่ร้อนและมีลมโชยเย็นสบายเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของแก้วตาดวงใจของชายหนุ่มดังแว่วมาตามสายลมให้ได้ยิน เรียกรอยยิ้มจากอชิระตามไปด้วย อดไม่ได้ที่จะไม่เก็บภาพน่ารักแบบนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปภรรยาและลูกจนพอใจจึงเดินเข้าไปสมทบ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อมีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาข้างภรรยาและลูก“ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าบอลถูกคุณกับลูกหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มให้ กลัวลูกบอลที่ตัวเองและเพื่อนเล่นนั้นจะมาถูกทั้งสองคนเข้า“ไม่ค่ะ” ขนมหวานตอบกลับตามมารยาท“นี่ลูกชายคุณเหรอครับ น่ารักจังเลยนะครับ”“ยับ น้อนคิณเป็นยูกคูมแม่ยะนม” เด็กน้อยที่กำลังเล่นทรายอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ฉายแววหล่อมาแต่ไกล มองผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับแม่ของตัวเองไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามากอดคอแม่ตัวเองไว้ ราวกับกำลังปกป้องแม่จากผู้ชายคนอื่นแทนพ่อชายหนุ่มท
ผ่านมาหนึ่งปีสำหรับชีวิตคู่ที่มีพยานรักมาหนึ่งคนของขนมหวานและอชิระ ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดเข้ามากวนใจทั้งคู่ ครอบครัวอบอุ่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นจะมีก็แต่อชิระเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขี้น้อยใจเหลือเกินในช่วงนี้และยังติดเธอแจยิ่งกว่าอะไร เธอแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้มิหนำซ้ำยังแทบไม่ให้เธอออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอ หวงเธอ หึงเธอ และที่สำคัญกลัวเธอเห็นผู้ชายที่หล่อกว่า หน้าตาดีกว่าแล้วจะทิ้งตัวเองไป ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งขนมหวานก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทุกทีและวันนี้ขนมหวานก็ขอแหกกฎเสียหน่อย ด้วยการพาลูกชายมาหาอชิระที่มหาวิทยาลัย อุ้มลูกชายออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องทำงานของอชิระ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นเธอกับลูกมาโผล่ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะดุเธอไหม จะต่อว่าเธอหรือเปล่านะ หรืออาจจะงอนเธอก็เป็นได้ที่พาลูกมาหาโดยไม่บอกไม่กล่าวขนมหวานไม่เคาะประตูห้องให้เสียเวลา เมื่อมาถึงห้องทำงานก็จัดการเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที“เซอร์ไพรส์!”อชิระที่กำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง“ขนม อคิณ มาได้ยังไงเ
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างสองร่างเกี่ยวพันกันแนบแน่นด้วยความรัญจวน ร่างบอบบางน่าทะนุถนอมบัดนี้กำลังถูกความแข็งแกร่งทำร้ายด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เรียวขายาวถูกยกพาดขึ้นบนบ่าหนาทั้งสองข้าง"อื้อ...อี้...พี่อชิขา...อื้ม..." เสียงหวานร้องครางออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน"อ้า...ว่าไงครับที่รัก" เอวสอบควงวนเชื่องช้าแนบแน่นเพื่อยืดเวลาความเสียวออกไปอีกสักหน่อย มองภรรยาสาวแสนสวยที่นอนบิดเร่าอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา มือหนาลูบไล้เรียวขาสวยแผ่วเบา มองทรวงอกคู่ใหญ่ที่ใจปรารถนาอยากบีบขยำนับวันอชิระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหลงรักขนมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังจากที่ขนมหวานคลอดลูกออกมา ร่างบางก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนเขาหวงมากขึ้นกว่าเดิมไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกเสียด้วยซ้ำ อยากเก็บเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นร่างอรชรสวยงามนี้คนเดียว"อื้อ..เร็วๆ ค่ะ ขนม อื้อ...ขนมเสียว""พี่ก็เสียวขนมจ๋า มันรัดแน่นมากพี่จะเสร็จแล้วครับ""งื้อ...เสร็จ...อื้อ...เสร็จเลยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น" ขนมหวานเร่ง กลัวลูกน้อยที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจ
“คลอดหรือยังวะ ลูกครับอย่าให้แม่ปวดนานนะ รีบๆ ออกมาได้แล้ว พ่ออยากเห็นหน้าใจจะขาดแล้วเนี่ย” อชิระบ่นออกมา พลางเดินไปเดินมา เป็นห่วงขนมหวานก็เป็นห่วง ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ที่จะได้เจอหน้าลูกชายเสียทีเขายังจำวินาทีที่ขนมหวานบอกว่าปวดท้องได้ขึ้นใจ ตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบจะอุ้มขนมหวานจับยัดใส่รถมาด้วยซ้ำ ดีที่ขนมหวานวางแผนไว้เรียบร้อยเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ในรถไว้รอ ตั้งแต่รู้กำหนดการวันคลอดไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นยังไง คงทำอะไรไม่ถูกลนลานไปหมด สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไรติดมือมาสักอย่าง“ญาติคุณขนมหวานเชิญด้านในค่ะ” เสียงที่ประกาศออกมาจากห้องคลอด เรียกสติของอชิระให้กลับเข้ามา รีบผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความเร็วอชิระในชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาขนมหวานและลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพักฟื้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำน้ำตารื้นขอบตา มองลูกชายตัวแดงจ้ำม้ำที่เห็นแค่ใบหน้าด้วยความตื่นตันและรักจนสุดหัวใจ จับมือขนมหวานมากุมไว้แน่น“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” เอ่ยถามเสียงสั่น ประคองใบหน้าของขนมหวานที่มีน้ำตาคลอไม่ต่างกัน“ไม่ค่ะ”“ลูกน่าชังมากเลย หน้าเหมือนขนมกับพี่เลย” ขนมหวาน
อชิระจับมือขนมหวานเดินออกมาจากวัด หลังจากที่ทั้งคู่มาเลี้ยงเพลพระที่วัดเป็นการทำบุญให้บิดามารดาที่จากไปในวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านทั้งสอง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างมาไม่ได้มาด้วยกันเช่นวันนี้ทั้งคู่เดินมายังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของท่านทั้งสอง ขนมหวานวางพวงมาลัยที่ซื้อมาลงด้านหน้า ตามด้วยอชิระก็วางพวงมาลัยลงข้างขนมหวานเช่นกัน"คุณพ่อคุณแม่ครับ วันนี้ผมกับน้องมาทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่นะครับ" อชิระมองรูปถ่ายของบุพการีทั้งสองท่านที่ยิ้มมาให้ ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ตาม หรือท่านอาจจะกำลังมองลงมาจากสวรรค์ก็เป็นได้"คุณพ่อคุณแม่คะ ขนมกับพี่อชิมีข่าวดีมาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ" ขนมหวานส่งยิ้มให้บุพการีในรูปไม่ต่างจากอชิระ และหันมายิ้มให้กัน มือสองข้างกระชับกันไว้แน่น"ผมกับน้อง กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะครับ แถมยังเป็นหลานผู้ชายอีกด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ว่าลูกจะหน้าตาเหมือนผมไหมครับ ถ้าเหมือนนี่คือหล่อมากๆ เลยนะ""แต่ถ้าเหมือนขนมก็คงเป็นผู้ชายที่น่ารักเหมือนกัน ขนมสัญญานะคะว่าจะเลี้ยงหลานของคุณปูคุณย่าให้ดีที่
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อชิระนอนมองภรรยาที่ดูจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ เมื่อขนมหวานอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือน นิ้วแกร่งประคองใบหน้างามของภรรยาสาวไว้เกลี่ยแก้มเนียนเล่นแผ่วเบา เลยมายังจมูกรั้นใช้นิ้วเขี่ยเล่นไปมา จนคนถูกรบกวนการนอนต้องยกมือขึ้นมาปัดมือของอชิระออกไปร้องประท้วงออกมาเบาๆ"อื้อ""ขี้เซาจังคุณแม่ ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน" คนที่ยังอยากนอนต่ออีกนิด ขยับตัวเล็กน้อยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและหลับต่อ"ขออีกห้านาทีนะคะ" พึมพำออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้นอชิระเห็นความขี้เซาของขนมหวานก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนนั้นสักสองสามฟอด สูดความหอมเข้าไปเต็มปอดจนเสียงดังฟอดและยังหอมย้ำๆ ไปทั่วหน้า จนขนมหวานต้องปรือตาขึ้นมองและผลักหน้าของอชิระออกห่าง"พี่อชิอย่าแกล้ง""พี่ปลุกขนมต่างหาก ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ" ขนมหวานยกมือขึ้นปิดปากหาวจนเมื่อยปาก ปรือตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าคนก่อกวน"คุณแม่ขี้เกียจ" บีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว"ก็คนมันง่วงนี่น่า”“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ดูซีรีส์จนดึกดื่น ช่วงนี้เราติดซีรีส์มากไปรู้หรือเป
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน วันนี้อชิระก็ได้กลับบ้านตามที่ขอร้องออกไป เพราะชายหนุ่มสงสารขนมหวานที่ต้องไปนอนที่โซฟาตัวเล็ก และยังทานอาหารไม่อร่อยถูกปาก แม้ขนมหวานจะไม่ได้แพ้ถึงขั้นอาเจียน แต่เท่าที่สังเกตก็ทานได้แค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเขาต้องขอร้องคุณหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน อย่างน้อยๆ ขนมหวานก็จะได้นอนเตียงนุ่มๆ และทานข้าวฝีมือเขาและก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมื้อแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ขนมหวานก็ทานอาหารได้มากขึ้น จนเขาที่นั่งมองก็พลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อิ่มเอมใจ ที่เห็นภรรยาทานอาหารฝีมือตัวเองจนหมด“พี่อชิไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวขนมล้างจานเอง”“ครับ” อชิระขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งที่โซฟาตามที่ขนมหวานบอกแต่โดยดี ขนมหวานจึงจัดการเก็บล้างทำความสะอาดจานชามในครัวร่างบางยืนล้างจานอยู่หน้าอ่างล้างจานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีวงแขนแกร่งเข้ามาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง บนไหล่ก็มีใบหน้าเจ้าของวงแขนวางคางเกยอยู่ มือหนาลูบหน้าท้องของขนมหวานเบาๆ“มากอดทำไมคะ ขนมบอกให้ไปนั่งไง แผลยังไม่หายดี”“หายดีแล้วครับ พี่ไม่เจ็บแล้ว” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“พี่นี่จริงๆ เลยนะ”“พ
จากที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงที่ถูกพักงานพาขนมหวานไปนั่นไปนี่ ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกระชับความสัมพันธ์ เป็นอันต้องพับโครงการเก็บใส่กระเป๋า และหอบการกระชับความสัมพันธ์มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน“ขนมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเสียงอ้อน ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองคนป่วยที่รู้สึกว่าตั้งแต่เธอยอมยกโทษให้ จะออดอ้อนออเซาะเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ และยังกลายเป็นคนมือไวใจเร็วแตะนิดแตะหน่อยหาเศษหาเลยกับเธออยู่ร่ำไปเมื่อมีโอกาส“คะ”“ทำไมไปนั่งไกลจัง มานั่งใกล้พี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึง” ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ที่นอนหันหน้ากะพริบตาอ้อนมา ขนมหวานถึงกับส่ายหน้าให้“ไกลที่ไหนคะ จากเตียงมาโซฟาห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ”“แค่ก้าวเดียว สำหรับพี่ก็ถือว่าห่างแล้วครับ มานั่งนี่นะ”“แต่ขนมปลอกแอปเปิลอยู่นะคะ เดี๋ยวขนมปลอกเสร็จค่อยไปนั่งก็ได้ค่ะ”“ใจร้าย” ว่าแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ขนมหวานเสียอย่างนั้น คนถูกงอนใส่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง้อเสียเมื่อไหร่ นั่งปลอกแอปเปิลต่อไปเรื่อยๆ จนลูกสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถึงจัดการเดินนำจานแอปเปิลไปวางที่โต๊ะและเก็บกวาดเป
คนที่แสร้งตีหน้านิ่งและส่ายหน้าปฏิเสธในตอนแรก แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวัง แววตาเศร้าสร้อยของอชิระแค่ขอกอดมันจะไปเร้าใจอะไร กับความตื่นเต้นเร้าใจจนเธอหัวใจแทบวายที่อชิระมอบให้ในการวิ่งตามโจรกระชากกระเป๋าความลังเลของเธอก่อนหน้าระหว่างความสัมพันธ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปเรื่องของเธอกับเขานั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำเช่นไรต่อไป เธอควรตัดสินใจต่อไปอย่างไรนับจากนี้ขนมหวานโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนหน้าเสีย แตะริมฝีปากลงบนเรียวปากหยักเบาๆ ขบเม้มหยอกเย้าทั้งริมฝีปากบนและล่าง จนคนถูกจูบตาเบิกกว้างตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ไม่คิดว่าขนมหวานจะจูบตัวเองแบบนี้ ส่วนขนมหวานเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้จึงผละริมฝีปากออกห่าง“ไม่อยากให้ขนมจูบเหรอ รังเกียจขนมหรือไง ไม่ชอบ...อื้อ”ยังไม่ทันที่ขนมหวานจะเอ่ยจบประโยค อชิระก็คว้าท้ายทอยเล็กโน้มใบหน้าของขนมหวานเข้ามารับจูบจากตัวเองด้วยความเร็ว แม้จะเจ็บแผลที่ต้องขยับตัวบ้าง แต่อชิระไม่สนใจ เพราะจุมพิตหวานนี่ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่า เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ห่อเหี่ยวมานานแรมเดือนรู้สึกด