ขนมหวานนอนร้องไห้จนเผลอหลับไป มารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบเที่ยง หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องพัก และก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่เจออชิระในตอนนี้เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขนมหวานรีบหันไปมองและเมื่อเห็นคนที่เข้ามา ใบหน้าของหญิงสาวก็ยิ้มทักทายออกไป เช่นเดียวกับคนที่เดินเข้ามาก็ยิ้มทักทายกลับมาให้“ว่าไงคนเก่งของพี่ พี่ดีใจนะที่เราปลอดภัยและกลับมาต่อสู้เพื่อตัวเองอีกครั้ง” เหนือฟ้าวางข้าวของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินมานั่งลงข้างเตียงของขนมหวาน ที่กำลังจะลุกขึ้นแต่เหนือฟ้ากลับห้ามไว้ซะก่อน"ไม่ต้องลุกหรอกขนม นอนพักเถอะ ทะเลาะอะไรกันเหรอ ทำไมไอ้อชิมันออกไปนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างนอก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" ไม่มีอะไรแต่เพื่อนเขาเหมือนจะหัวแตกเลยนะ แต่ก็สมน้ำหน้ามัน“ขนมรู้ไหม ว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง อชิมันรู้สึกผิดขนาดไหน มันนั่งเฝ้าขนมหน้าห้องฉุกเฉินตั้งหลายชั่วโมง มันเข้าไปหาขนมในห้องไอซียู มันนั่งเฝ้าขนมไม่ห่าง พอขนมย้ายขึ้นมาบนห้องนี้มันก็นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหน พี่บอกให้มันกลับไปอาบน้ำที่บ้านมันยังไม่ไป มันบอกว่ากลัวขนมตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอมัน งานที่มหาลัยก็ไม่ไปทำ หอบเอางานมานั่งทำท
“มีอะไรจะพูดก็มาว่า” อชิระเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เหนือฟ้าออกมาจากห้องพักของขนมหวาน และบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทั้งคู่จึงเลือกสวนหย่อมในโรงพยาบาลเป็นที่นั่งคุย เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่มีคนเข้ามาใช้บริการมากเท่าไหร่“มึงคิดยังไงกับขนม” ในเมื่อเพื่อนถามมา เหนือฟ้าก็ไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา เพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมาทั้งคู่เสียเวลามามากพอแล้ว“เรื่องไหน”“อย่ามาโง่อชิ มึงไม่ใช่คนโง่ ตอบมาว่ามึงคิดยังไงกับขนม รักหรือไม่รัก”“แล้วทำไมกูจะต้องตอบมึงด้วย”“กูนี่อยากยกเท้าถีบมึงจริงๆ ทำไมวะ แค่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองมันยากนักหรือไง พูดออกมาว่ารักหรือไม่รักมันจะตายไหม หรือว่ามึงจะรอให้ทุกอย่างมันพังอีกรอบ และครั้งนี้ถ้ามันพัง ไม่ใช่แค่ขนมนะที่พังยังมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”"เออ กูรักขนม แล้วมึงคิดว่าอยู่ดีๆ กูเดินเข้าไปบอกขนมว่ารัก ขนมจะเชื่อกูไหม จะไม่เอาแก้วเขวี้ยงใส่หัวกูเหมือนเมื่อเช้าจนหัวแตกแบบนี้เหรอ" เหนือฟ้าฟังก็ถอนหายใจพรืด ที่อชิระพูดมาก็มีส่วนถูก"มันก็สมควรโดนไหมล่ะ...กูว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่มึงทำ""กูก็ไม่ได้ว่าอะไร"“แล้วเป็นไง กำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ดีใจหรือเปล่า” อชิระมองเ
เกือบสองอาทิตย์ที่ขนมหวานออกมาจากโรงพยาบาลและกลับมาอยู่บ้านเดิมที่เธอคิดอยากจะจากไป ไม่รู้เธอโง่หรือบ้าที่ยอมกลับมาอยู่ร่วมชายคากับคนที่ทำให้เธออยากจากไปแต่เพราะคำว่าลูกคำเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจยอมเป็นคนโง่และคนบ้าที่เจ็บไม่จำถูกเขาทำร้ายสารพัด แต่กลับมาอยู่กับเขาตามคำขอร้อง ขอโอกาสอีกครั้ง หากไม่มีลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง เธอคงไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแน่ แต่การที่เธอกลับมาอยู่กับเขาก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม เขาต้องได้รับและสัมผัสกับความเจ็บปวดเหมือนที่เธอเคยได้รับ เธอยังจำวันแรกที่เธอกลับเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ได้ดี เมื่อรถจอดสนิทลงหน้าบ้าน ยังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวขาลงไปเหยียบพื้น อชิระเปิดประตูออกและโน้มตัวเข้ามาอุ้มเธอเข้าไปในบ้านพาเธอไปนั่งที่โซฟา“นั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันเอารถไปเก็บก่อน” แต่เชื่อไหมว่าเธอไม่ได้นั่งรออย่างที่เขาบอก เดินไปยังห้องนอนของตัวเอง พลันความจุกก็วิ่งมาจุกที่ลำคอจนน้ำตารื้น เธอยังจำได้ว่ามือที่ยื่นไปเปิดประตูห้องนอนถึงกับสั่น ยิ่งก้าวขาเข้าไปในห้องก็แทบกลั้นน้ำตาไม่ไหวเธอกวาดสายตามองไปรอบห้องนอนที่คงทุกอย่างเหมือนเดิม มีเพียงผ้าปูเตียงที่เป็นผื
อชิระขับรถเข้ามาจอดที่หน้าตึกเรียนของขนมหวาน ร่างสูงเดินลงมาจากรถเปิดประตูฝั่งขนมหวานพร้อมกับยื่นมือไปให้หญิงสาวจับ ทำแบบนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เธอกลับมาเรียน และก็ถูกหญิงสาวเมินทุกครั้งเช่นกัน เพราะนอกจากจะไม่จับมือแล้วยังเดินหนีไปไม่รอด้วยซ้ำ อชิระจึงรีบส่งกุญแจให้คนขับรถของมหาวิทยาลัย เร่งฝีเท้าเดินตามขนมหวานไป“ขนมอย่าเดินเร็วนักสิ เดี๋ยวสะดุดล้มนะ” ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ เพราะนอกจากจะไม่ฟังแล้วขนมหวานยังเดินเร็วขึ้นเสียด้วยซ้ำ“ขนมครับ เดินช้าหน่อย เกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไง คิดถึงลูกบ้างสิ” และนั่นก็ทำให้เท้าที่เดินฉับๆ ก่อนหน้าชะลอฝีเท้าลง ร่างบางหันกลับมามองคนที่เดินตามหลังมา จนแทบจะชนเข้ากับร่างบางที่หยุดเดินกะทันหัน“ลูกฉัน ฉันดูแลเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง และก็เลิกทำมาเป็นสนใจห่วงใยสักที น่ารำคาญ” พูดจบก็หมุนตัวเดินหนีไป“ลูกฉันเหมือนกัน และที่ทำก็เพราะเป็นห่วงทั้งนั้น” ขนมหวานสูดลมหายใจเข้าปอด สองมือกำเข้าหากันแน่น หมุนตัวกลับมาหาอชิระอีกครั้ง“ถ้ายัง ยากเห็นหน้าฉันกับลูก ก็อย่าทำตัวน่ารำคาญและทำอะไรให้ฉันหงุดหงิดใจอีก เพราะฉันไม่มีความอดทนเหมือนเมื่อก่อน” พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่สนใ
เมื่อมาถึงห้องทำงานอชิระเดินมานั่งทรุดตัวนั่งที่โซฟารับแขกในห้อง ขาแกร่งยกขึ้นมาไขว่ห้างลมหายใจถอนออกมาพรืดใหญ่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปในไลน์ที่ชื่อว่าขนมหวานแม่งการจะพิมพ์อะไรลงไปและส่งให้กับเจ้าของชื่อนี้ ทำไมมันถึงได้สั่นทุกที หัวใจก็เต้นแรงทุกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีเลยนะความรู้สึกและอาการแบบนี้นิ้วแกร่งที่พยายามบังคับไม่ให้สั่นกดลงบนแป้นพิมพ์ลงไปอย่างที่ใจคิดแหม... แต่ไม่รู้แป้นพิมพ์มันเล็กหรือเพราะมือมันสั่นจนบังคับไม่ได้ มันถึงได้พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกไปหมดจากที่จะพิมพ์ว่า...เย็นนี้ไปหาหมอกันนะ ก็เป็นว่า...เย็นนี้ไฟหากอิดันยะอชิระอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งไปให้แตกกระจายซะจริง รีบกดลบแทบไม่ทัน“โธ่โว้ย! ทำไมมันจิ้มไม่โดนวะ” พึมพำอย่างหัวเสีย จากนั้นก็ตั้งอกตั้งใจเพ่งหน้าจอโทรศัพท์อย่างแน่วแน่ คิ้วเข้มเผลอขมวดเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะได้ประโยชน์ที่สมบูรณ์ก็แทบแย่ กลั้นใจกดส่งไปหาขนมหวาน พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แล้วทำไมกูไม่พูดแล้วให้มันพิมพ์ให้วะ" กว่าจะฉลาดขึ้นมา ก็ไม่ทันการเสียแล้ว อยากจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงซะหลายๆ ที แต่คิดไปคิดมาเกิดตายขึ้นมาไม่ได้เห็นห
ชวนขนมหวานมาหาหมอฝากครรภ์ด้วยกันเสียดิบดี แต่อชิระกลับต้องขับรถตามรถแท็กซี่ที่มีขนมหวานนั่งอยู่ในนั้นมาโรงพยาบาลเพราะไม่อยากมากับเขา เมื่อหาที่จอดรถได้เรียบร้อย อชิระก็รีบพาตัวเองมายังแผนกสูตินรีเวช และก็เห็นว่าขนมหวานนั่งซักประวัติเพื่อทำการฝากครรภ์อยู่กับพยาบาล ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งลงข้างกัน“ผมเป็นสามีครับ” เอ่ยบอกออกไป เมื่อเห็นพยาบาลมองมาด้วยสายตาเป็นคำถาม ยิ่งได้ยินคำตอบแทนที่จะหายสงสัยใบหน้ากลับฉายแววฉงนมากขึ้นกว่าเดิม“เอ่อ คือว่า...เมื่อสักครู่คุณแม่แจ้งว่าไม่มีสามีไม่ใช่เหรอคะ” อชิระหันขวับมองคนข้างกาย หัวใจแป้วลงจนเกือบจะเป็นใจหาย สีหน้าเศร้าสร้อย สายตาเว้าวอนแกมเสียใจและใจเสียพ่อของลูกก็แทบจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเหรอเนี่ย“ผมนี่แหละครับ พ่อของลูก สามีของคุณแม่ รบกวนคุณพยาบาลใช่ชื่อผมลงไปได้เลยครับ อชิระ เศรษฐ์สุวิล”“เอ่อ คือว่า...”“พอดีเมื่อสักครู่ที่นั่งรถมาโรงพยาบาลผมเผลอไปขัดใจคุณแม่เข้าน่ะครับ ก็เลยงอนผม จัดการตามที่ผมบอกได้เลยครับ” ขนมหวานอดไม่ได้ที่จะหันมามองอย่างหมั่นไส้ อชิระจึงยื่นมือไปหมายจะคว้ามือบางมากุมไว้ ทว่าขนมหวานกลับขยับมือหนีมาวางประสานกันบ
ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของอชิระทั้งซ้ายและขวาสุดแรงเท่าที่มีจนรู้สึกมือชา ยืนมองใบหน้าคนถูกตบขึ้นสีแดงระเรื่อเป็นรูปนิ้วมือตัวเองพาดผ่านบนแก้มอย่างไม่เกรงกลัว ไม่กลัวว่าอชิระจะบีบคอเธอหรือลากเธอออกไปมัดไว้กับเสาไฟเหมือนที่เขาเคยทำ หรือจะผลักเธอให้ล้มหัวกระแทกโต๊ะเหมือนที่ผ่านมาอชิระมองคนที่ตบหน้าตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยนลงจากเดิมมาก ยอมรับว่าหลังจากที่ชีวิตผ่านการเกือบสูญเสียขนมหวานและลูกไป ทำให้เขาคิดอะไรได้หลายอย่าง เมื่อก่อนเขาเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกโดยเฉพาะกับขนมหวานหากเมื่อก่อนเธอตบหน้าเขา เธอก็คงถูกเขาอาละวาดใส่และทำให้เธอเจ็บไม่ต่างจากเขาเช่นกัน แต่ตอนนี้เขากลับอยากให้เธอทำร้ายเขา ระบายความเจ็บที่เธอได้รับจากการกระทำของเขากลับมาสู่เขาบ้างไม่มากก็น้อย"เกิดรักฉันขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ หลงรักฉันขึ้นมาเหรอ ที่ทำร้ายฉันเพราะกลบเกลื่อนความรู้สึกรักฉันอย่างนั้นเหรออชิระ มันฟังดูตลกไปไหม" พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ทั้งที่ความจริงมันสั่นจนเธอรู้สึกได้"ฉันไม่รู้ว่าฉันพูดไปแล้วเธอจะเชื่อไหม แต่ฉันรักเธอนะขนม" ขนมหวานฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอชิระอีกครั้งเต็มแรงเช่นเคยไปสอ
นาฬิกาเดินมาถึงเวลาเก้านาฬิกาขนมหวานถึงออกจากห้องนอน หากเมื่อคืนเธอไม่เอาแต่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่อชิระพูดมาว่าจะขอเวลา ขอโอกาสและหากเธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นมาเขาจะเดินจากไป เธอก็คงไม่ต้องตื่นสายขนาดนี้ร่างบางในชุดอยู่บ้านสบายๆ เดินลงบันไดมา พลางกวาดสายตามองหาเพื่อนร่วมชายคาที่ปกติจะต้องมานั่งรอเธอที่ห้องรับแขก แต่วันนี้ไม่รู้ไปไหน หากจะบอกว่านั่งอยู่ด้านนอกก็คงจะดูเว่อร์จนเกินไป คนอย่างอชิระนี่นะจะยอมลงทุนทำอะไรขนาดนั้นแต่เพื่อความแน่ใจขนมหวานจึงเดินออกมาที่หน้าบ้าน และสิ่งที่เห็นคืออชิระยังคงนั่งพิงเสาไฟอยู่เหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเก้านาฬิกาเข้าไปแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืนหรือเพิ่งมานั่งตอนเธอใกล้จะตื่น แต่จะนั่งเมื่อไหร่ก็ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด อยากนั่งก็นั่งไปขนมหวานยืนมองอชิระที่มองมาเช่นกัน ต่างคนก็ต่างมองกันและกันปราศจากเสียงพูดอะไรออกมาสักคำ ก่อนขนมหวานจะหมุนตัวหันหลังให้เพื่อกลับเข้าบ้าน"อย่าลืมกินข้าวกินนมนะขนม เมื่อวานพี่ซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้ให้แล้ว และพี่จะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าขนมจะพอใจ พี่จะไม่ลุกไปไหนเพื่อพิสูจน์ว่าพี่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปทั้
วันหยุดสุดสัปดาห์อชิระและครอบครัวพากันมาเที่ยวทะเล และเป็นการเที่ยวทะเลครั้งแรกของหนูน้อยอคิณที่ย่างเข้าสู่สองขวบ อชิระยืนล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นมองดูภรรยาและลูกชายกำลังก่อปราสาททรายในเวลาช่วงเย็น บรรยากาศไม่ร้อนและมีลมโชยเย็นสบายเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของแก้วตาดวงใจของชายหนุ่มดังแว่วมาตามสายลมให้ได้ยิน เรียกรอยยิ้มจากอชิระตามไปด้วย อดไม่ได้ที่จะไม่เก็บภาพน่ารักแบบนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปภรรยาและลูกจนพอใจจึงเดินเข้าไปสมทบ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อมีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาข้างภรรยาและลูก“ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าบอลถูกคุณกับลูกหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มให้ กลัวลูกบอลที่ตัวเองและเพื่อนเล่นนั้นจะมาถูกทั้งสองคนเข้า“ไม่ค่ะ” ขนมหวานตอบกลับตามมารยาท“นี่ลูกชายคุณเหรอครับ น่ารักจังเลยนะครับ”“ยับ น้อนคิณเป็นยูกคูมแม่ยะนม” เด็กน้อยที่กำลังเล่นทรายอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ฉายแววหล่อมาแต่ไกล มองผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับแม่ของตัวเองไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามากอดคอแม่ตัวเองไว้ ราวกับกำลังปกป้องแม่จากผู้ชายคนอื่นแทนพ่อชายหนุ่มท
ผ่านมาหนึ่งปีสำหรับชีวิตคู่ที่มีพยานรักมาหนึ่งคนของขนมหวานและอชิระ ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดเข้ามากวนใจทั้งคู่ ครอบครัวอบอุ่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นจะมีก็แต่อชิระเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขี้น้อยใจเหลือเกินในช่วงนี้และยังติดเธอแจยิ่งกว่าอะไร เธอแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้มิหนำซ้ำยังแทบไม่ให้เธอออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอ หวงเธอ หึงเธอ และที่สำคัญกลัวเธอเห็นผู้ชายที่หล่อกว่า หน้าตาดีกว่าแล้วจะทิ้งตัวเองไป ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งขนมหวานก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทุกทีและวันนี้ขนมหวานก็ขอแหกกฎเสียหน่อย ด้วยการพาลูกชายมาหาอชิระที่มหาวิทยาลัย อุ้มลูกชายออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องทำงานของอชิระ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นเธอกับลูกมาโผล่ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะดุเธอไหม จะต่อว่าเธอหรือเปล่านะ หรืออาจจะงอนเธอก็เป็นได้ที่พาลูกมาหาโดยไม่บอกไม่กล่าวขนมหวานไม่เคาะประตูห้องให้เสียเวลา เมื่อมาถึงห้องทำงานก็จัดการเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที“เซอร์ไพรส์!”อชิระที่กำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง“ขนม อคิณ มาได้ยังไงเ
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างสองร่างเกี่ยวพันกันแนบแน่นด้วยความรัญจวน ร่างบอบบางน่าทะนุถนอมบัดนี้กำลังถูกความแข็งแกร่งทำร้ายด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เรียวขายาวถูกยกพาดขึ้นบนบ่าหนาทั้งสองข้าง"อื้อ...อี้...พี่อชิขา...อื้ม..." เสียงหวานร้องครางออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน"อ้า...ว่าไงครับที่รัก" เอวสอบควงวนเชื่องช้าแนบแน่นเพื่อยืดเวลาความเสียวออกไปอีกสักหน่อย มองภรรยาสาวแสนสวยที่นอนบิดเร่าอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา มือหนาลูบไล้เรียวขาสวยแผ่วเบา มองทรวงอกคู่ใหญ่ที่ใจปรารถนาอยากบีบขยำนับวันอชิระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหลงรักขนมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังจากที่ขนมหวานคลอดลูกออกมา ร่างบางก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนเขาหวงมากขึ้นกว่าเดิมไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกเสียด้วยซ้ำ อยากเก็บเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นร่างอรชรสวยงามนี้คนเดียว"อื้อ..เร็วๆ ค่ะ ขนม อื้อ...ขนมเสียว""พี่ก็เสียวขนมจ๋า มันรัดแน่นมากพี่จะเสร็จแล้วครับ""งื้อ...เสร็จ...อื้อ...เสร็จเลยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น" ขนมหวานเร่ง กลัวลูกน้อยที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจ
“คลอดหรือยังวะ ลูกครับอย่าให้แม่ปวดนานนะ รีบๆ ออกมาได้แล้ว พ่ออยากเห็นหน้าใจจะขาดแล้วเนี่ย” อชิระบ่นออกมา พลางเดินไปเดินมา เป็นห่วงขนมหวานก็เป็นห่วง ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ที่จะได้เจอหน้าลูกชายเสียทีเขายังจำวินาทีที่ขนมหวานบอกว่าปวดท้องได้ขึ้นใจ ตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบจะอุ้มขนมหวานจับยัดใส่รถมาด้วยซ้ำ ดีที่ขนมหวานวางแผนไว้เรียบร้อยเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ในรถไว้รอ ตั้งแต่รู้กำหนดการวันคลอดไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นยังไง คงทำอะไรไม่ถูกลนลานไปหมด สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไรติดมือมาสักอย่าง“ญาติคุณขนมหวานเชิญด้านในค่ะ” เสียงที่ประกาศออกมาจากห้องคลอด เรียกสติของอชิระให้กลับเข้ามา รีบผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความเร็วอชิระในชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาขนมหวานและลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพักฟื้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำน้ำตารื้นขอบตา มองลูกชายตัวแดงจ้ำม้ำที่เห็นแค่ใบหน้าด้วยความตื่นตันและรักจนสุดหัวใจ จับมือขนมหวานมากุมไว้แน่น“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” เอ่ยถามเสียงสั่น ประคองใบหน้าของขนมหวานที่มีน้ำตาคลอไม่ต่างกัน“ไม่ค่ะ”“ลูกน่าชังมากเลย หน้าเหมือนขนมกับพี่เลย” ขนมหวาน
อชิระจับมือขนมหวานเดินออกมาจากวัด หลังจากที่ทั้งคู่มาเลี้ยงเพลพระที่วัดเป็นการทำบุญให้บิดามารดาที่จากไปในวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านทั้งสอง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างมาไม่ได้มาด้วยกันเช่นวันนี้ทั้งคู่เดินมายังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของท่านทั้งสอง ขนมหวานวางพวงมาลัยที่ซื้อมาลงด้านหน้า ตามด้วยอชิระก็วางพวงมาลัยลงข้างขนมหวานเช่นกัน"คุณพ่อคุณแม่ครับ วันนี้ผมกับน้องมาทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่นะครับ" อชิระมองรูปถ่ายของบุพการีทั้งสองท่านที่ยิ้มมาให้ ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ตาม หรือท่านอาจจะกำลังมองลงมาจากสวรรค์ก็เป็นได้"คุณพ่อคุณแม่คะ ขนมกับพี่อชิมีข่าวดีมาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ" ขนมหวานส่งยิ้มให้บุพการีในรูปไม่ต่างจากอชิระ และหันมายิ้มให้กัน มือสองข้างกระชับกันไว้แน่น"ผมกับน้อง กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะครับ แถมยังเป็นหลานผู้ชายอีกด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ว่าลูกจะหน้าตาเหมือนผมไหมครับ ถ้าเหมือนนี่คือหล่อมากๆ เลยนะ""แต่ถ้าเหมือนขนมก็คงเป็นผู้ชายที่น่ารักเหมือนกัน ขนมสัญญานะคะว่าจะเลี้ยงหลานของคุณปูคุณย่าให้ดีที่
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อชิระนอนมองภรรยาที่ดูจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ เมื่อขนมหวานอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือน นิ้วแกร่งประคองใบหน้างามของภรรยาสาวไว้เกลี่ยแก้มเนียนเล่นแผ่วเบา เลยมายังจมูกรั้นใช้นิ้วเขี่ยเล่นไปมา จนคนถูกรบกวนการนอนต้องยกมือขึ้นมาปัดมือของอชิระออกไปร้องประท้วงออกมาเบาๆ"อื้อ""ขี้เซาจังคุณแม่ ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน" คนที่ยังอยากนอนต่ออีกนิด ขยับตัวเล็กน้อยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและหลับต่อ"ขออีกห้านาทีนะคะ" พึมพำออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้นอชิระเห็นความขี้เซาของขนมหวานก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนนั้นสักสองสามฟอด สูดความหอมเข้าไปเต็มปอดจนเสียงดังฟอดและยังหอมย้ำๆ ไปทั่วหน้า จนขนมหวานต้องปรือตาขึ้นมองและผลักหน้าของอชิระออกห่าง"พี่อชิอย่าแกล้ง""พี่ปลุกขนมต่างหาก ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ" ขนมหวานยกมือขึ้นปิดปากหาวจนเมื่อยปาก ปรือตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าคนก่อกวน"คุณแม่ขี้เกียจ" บีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว"ก็คนมันง่วงนี่น่า”“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ดูซีรีส์จนดึกดื่น ช่วงนี้เราติดซีรีส์มากไปรู้หรือเป
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน วันนี้อชิระก็ได้กลับบ้านตามที่ขอร้องออกไป เพราะชายหนุ่มสงสารขนมหวานที่ต้องไปนอนที่โซฟาตัวเล็ก และยังทานอาหารไม่อร่อยถูกปาก แม้ขนมหวานจะไม่ได้แพ้ถึงขั้นอาเจียน แต่เท่าที่สังเกตก็ทานได้แค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเขาต้องขอร้องคุณหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน อย่างน้อยๆ ขนมหวานก็จะได้นอนเตียงนุ่มๆ และทานข้าวฝีมือเขาและก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมื้อแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ขนมหวานก็ทานอาหารได้มากขึ้น จนเขาที่นั่งมองก็พลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อิ่มเอมใจ ที่เห็นภรรยาทานอาหารฝีมือตัวเองจนหมด“พี่อชิไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวขนมล้างจานเอง”“ครับ” อชิระขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งที่โซฟาตามที่ขนมหวานบอกแต่โดยดี ขนมหวานจึงจัดการเก็บล้างทำความสะอาดจานชามในครัวร่างบางยืนล้างจานอยู่หน้าอ่างล้างจานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีวงแขนแกร่งเข้ามาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง บนไหล่ก็มีใบหน้าเจ้าของวงแขนวางคางเกยอยู่ มือหนาลูบหน้าท้องของขนมหวานเบาๆ“มากอดทำไมคะ ขนมบอกให้ไปนั่งไง แผลยังไม่หายดี”“หายดีแล้วครับ พี่ไม่เจ็บแล้ว” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“พี่นี่จริงๆ เลยนะ”“พ
จากที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงที่ถูกพักงานพาขนมหวานไปนั่นไปนี่ ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกระชับความสัมพันธ์ เป็นอันต้องพับโครงการเก็บใส่กระเป๋า และหอบการกระชับความสัมพันธ์มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน“ขนมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเสียงอ้อน ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองคนป่วยที่รู้สึกว่าตั้งแต่เธอยอมยกโทษให้ จะออดอ้อนออเซาะเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ และยังกลายเป็นคนมือไวใจเร็วแตะนิดแตะหน่อยหาเศษหาเลยกับเธออยู่ร่ำไปเมื่อมีโอกาส“คะ”“ทำไมไปนั่งไกลจัง มานั่งใกล้พี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึง” ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ที่นอนหันหน้ากะพริบตาอ้อนมา ขนมหวานถึงกับส่ายหน้าให้“ไกลที่ไหนคะ จากเตียงมาโซฟาห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ”“แค่ก้าวเดียว สำหรับพี่ก็ถือว่าห่างแล้วครับ มานั่งนี่นะ”“แต่ขนมปลอกแอปเปิลอยู่นะคะ เดี๋ยวขนมปลอกเสร็จค่อยไปนั่งก็ได้ค่ะ”“ใจร้าย” ว่าแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ขนมหวานเสียอย่างนั้น คนถูกงอนใส่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง้อเสียเมื่อไหร่ นั่งปลอกแอปเปิลต่อไปเรื่อยๆ จนลูกสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถึงจัดการเดินนำจานแอปเปิลไปวางที่โต๊ะและเก็บกวาดเป
คนที่แสร้งตีหน้านิ่งและส่ายหน้าปฏิเสธในตอนแรก แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวัง แววตาเศร้าสร้อยของอชิระแค่ขอกอดมันจะไปเร้าใจอะไร กับความตื่นเต้นเร้าใจจนเธอหัวใจแทบวายที่อชิระมอบให้ในการวิ่งตามโจรกระชากกระเป๋าความลังเลของเธอก่อนหน้าระหว่างความสัมพันธ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปเรื่องของเธอกับเขานั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำเช่นไรต่อไป เธอควรตัดสินใจต่อไปอย่างไรนับจากนี้ขนมหวานโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนหน้าเสีย แตะริมฝีปากลงบนเรียวปากหยักเบาๆ ขบเม้มหยอกเย้าทั้งริมฝีปากบนและล่าง จนคนถูกจูบตาเบิกกว้างตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ไม่คิดว่าขนมหวานจะจูบตัวเองแบบนี้ ส่วนขนมหวานเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้จึงผละริมฝีปากออกห่าง“ไม่อยากให้ขนมจูบเหรอ รังเกียจขนมหรือไง ไม่ชอบ...อื้อ”ยังไม่ทันที่ขนมหวานจะเอ่ยจบประโยค อชิระก็คว้าท้ายทอยเล็กโน้มใบหน้าของขนมหวานเข้ามารับจูบจากตัวเองด้วยความเร็ว แม้จะเจ็บแผลที่ต้องขยับตัวบ้าง แต่อชิระไม่สนใจ เพราะจุมพิตหวานนี่ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่า เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ห่อเหี่ยวมานานแรมเดือนรู้สึกด