ติ้ง…
xxx-x-x0000-x จำนวน 100,000 บาท… กึกก เธอมองการแจ้งเตือนเงินเข้าผ่านหน้าจอโทรศัพท์ที่เด้งขึ้นมาเมื่อครู่อย่างอึ้งๆ ก่อนจะหันไปมองรามิล ไม่บอกก็รู้ว่าเงินจำนวนนี้มาจากใคร ไม่คาดคิดว่าเขาจะโอนเงินจำนวนนี้มาจริงๆ ที่พูดไปเพียงแค่อยากทำให้เขารำคาญและเบื่อหน่ายกับความหน้าเงินของเธอ ทว่าเขากลับโอนมาจริงๆเสียนี่ เงินใครจะไม่อยากได้บ้าง แต่กรณีนี้คงโอนกลับคืน ถ้ารับมาเท่ากับคืนนี้เธอต้องไปกับเขา “เอาเลขบัญชีคุณมา ฉันจะโอนคืน” “ไม่ต้องคืน แต่ไปกับฉัน” “ฉันไม่รับงานแล้ว” “แค่ไปดื่ม” “เหอะ! แค่ไปดื่มถึงกับต้องโอนมาแสนนึงเลยเหรอคะ” “เธอเป็นคนเสนอมาเอง” “ฉันประชด” “ไปดื่มกับฉัน” “ฉันยังไม่เลิกงาน” “ฉันรอเธอได้” เธอถอนหายใจเบาๆ นอกจากช่างตื้อแล้วยังเอาแต่ใจตัวเองอีกด้วย ถ้าแค่ดื่มเธอสามารถไปนั่งดื่มกับเขาได้ กลัวมันจะไม่จบแค่นั้นน่ะสิ กลัวจบลงที่เตียงเหมือนคืนนั้น… “ตกลง แต่ฉันไม่รับเงินของคุณ” “ทำไม” ทำตัวเหมือนร้อนเงิน แต่พอมีคนยื่นเงินมาให้กลับปฏิเสธ เขาเดาผู้หญิงคนนี้ไม่ออกเลยจริงๆ “เพราะฉันเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกัน ฉันเลิกงานสี่ทุ่ม เราจะเจอกันที่ไหน” “เธอทำงานที่ไหน เดี๋ยวไปรับ” “ร้านอาหารA ใกล้ๆกับไนต์คิงส์” “โอเค” “เอาเลขบัญชีของคุณมา” “ค่อยว่ากันตอนเจอกัน” เขาเป็นฝ่ายตัดจบบทสนทนา หันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในไนต์คลับ อันดามองตามแผ่นหลังแกร่งของรามิลกระทั่งหายเข้าไปข้างใน ก้มมองจำนวนเงินที่อีกฝ่ายโอนเข้ามาแล้วได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป รามิลกลับมาหาเพื่อนที่โต๊ะ หย่อนตัวนั่งลงที่เดิมของตัวเอง “สูบบุหรี่นานจังวะ” เคียนติถาม “ไปนานๆแบบนี้มีอยู่อย่างเดียว” คิระพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ไม่เจอผู้หญิงถูกใจแล้วดีลก็มีผู้หญิงเข้ามาคุยด้วย ส่วนใหญ่เห็นแต่มีผู้หญิงเข้าหารามิล น้อยมากที่เพื่อนของตนจะเป็นฝ่ายเข้าหาผู้หญิง ถ้าไม่ถูกใจและอยากได้จริงๆ เสือตัวนี้ไม่เคยเข้าหาเหยื่อก่อน เพราะปกติเหยื่อมักวิ่งเข้ามาติดกับเสียเอง… “คนไหนวะ” เคียนติถามด้วยความอยากรู้ “ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ว่ะ เพราะคนนี้แม่งโคตรยากเลย” คิระและเคียนติมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองรามิลที่กำลังยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นดื่มพลางยกยิ้มมุมปาก “ยากกว่าทุกคนที่ผ่านมาของมึง?” “อือ แต่อะไรที่ได้มายากๆ กูโคตรอยากได้เลยว่ะ” “ใครคือผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้น” เคียนติพูด เพราะรู้จักนิสัยของเพื่อนสนิทดีว่าเป็นคนแบบไหน ผู้หญิงคนไหนหลวมตัวเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์กับรามิลหรือเผลอใจให้ พอเดาได้ทันทีว่าจุดจบของผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอย่างไร คนที่เสียใจและเจ็บปวดคือคนที่เป็นฝ่ายรู้สึก… “ทำอะไรก็นึกถึงความรู้สึกเขาด้วยละคุณหมอ” “ครับผมไลฟ์โค้ชทั้งหลาย” เคร้ง! ทั้งสามคนยื่นแก้วเครื่องดื่มมึนเมาชนกัน ก่อนจะต่างคนต่างยกขึ้นกระดกจนหมดแก้ว “กูอยู่ด้วยถึงสี่ทุ่มนะ” “มึงจะไปไหน” “มีธุระ” “กูว่านัดเด็กไว้ชัวร์” เคียนติหันไปพูดกับคิระ “คราวนี้ใครล่ะ” “ความลับ” “กูสงสารผู้หญิงคนนั้นจริงๆเลยที่มาเจอมึง” คิระพูด รามิลไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยกยิ้มเท่านั้น ชินแล้วกับคำพูดกระแนะกระแหนของเพื่อนสนิท สิ่งเดียวที่กำลังสนใจตอนนี้ก็คือ… เรื่องอันดา ••• “กลับก่อนนะคะพี่เพย์” “กลับดีๆนะอันดา” อันดาเดินออกจากร้านหลังจากบอกลากับเจ้าของร้านอาหารที่ตัวเองทำงานเสร็จ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกับอีกสิบห้านาที ก้าวออกจากร้านอาหารเพื่อเตรียมกลับบ้าน เพราะความเหน็ดเหนื่อยทำให้เผลอลืมไปเลยว่านัดกับรามิลเอาไว้ รู้ตัวว่ามีนัดต่อก็ตอนที่เดินออกจากร้านอาหารแล้วเห็นรามิลยืนพิงรถหรูรออยู่ ความหล่อบวกกับออร่าของคนรวยทำให้รามิลกลายเป็นจุดสนใจจากคนรอบข้าง ลืมสนิทเลยว่ามีนัดกับเขา “รอนานไหมคะ” “ไม่นาน ขึ้นรถสิ” เธอมองรถหรูราคาคันละสิบล้านของเขา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอได้นั่งรถราคาแพงๆแบบนี้ แถมเจ้าของรถยังเปิดประตูให้อีกด้วย “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปพูดกับเขา ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถหรู แอบเกร็งอยู่เหมือนกัน ไม่เคยนั่งรถราคาแพงขนาดนี้มาก่อน วางตัวไม่ถูกและไม่กล้าขยับตัวเยอะ กลัวทำส่วนใดส่วนหนึ่งของรถเขาเป็นรอยเข้าแล้วจะลำบาก ความจริงไม่ได้อยากมากับรามิลเท่าไรนัก แค่อยากคุยเรื่องนี้กับเขาให้จบๆ ไม่อยากให้เขาตามตื้อเธอเหมือนที่ผ่านมา “เราจะไปดื่มที่ไหนคะ” “เพนท์เฮาส์ของฉัน” หัวใจเธอกระตุกวูบกับคำตอบ คืนแรกที่เจอกันรามิลพาเธอไปดื่มที่โรงแรมหรูระดับห้าดาว ส่วนคืนนี้…พาเธอไปเพนท์เฮาส์ของตัวเองเลยหรือ เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมตกลงไปกับเขา “ทำไมต้องเพนท์เฮาส์ของคุณ” “กลัว?” “เปล่าค่ะ แค่สงสัย” “งั้นก็สงสัยต่อไป” ปกติแล้วเขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปเพนท์เฮาส์ของตัวเอง เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ เพราะอันดาไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยเจอ เธอเลยได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่น “ตอนโอนเงินแสนมาให้คุณคิดอะไรอยู่” “อยากได้…” เธอหันขวับไปมองรามิลทันที จังหวะรถหยุดไฟแดงเขาเริ่มหันหน้ามามองเธอ “อยากได้เธอ” ตรงดีเหมือนกัน… รามิลไม่พูดอ้อมค้อมแต่พูดในสิ่งที่คิดกับเธอตรงๆ ชอบนะคนพูดตรงๆ แต่บางเรื่อง…ตรงมากไปก็ไม่ดี “คืนนี้แค่ดื่มค่ะ แค่ดื่ม” เธอย้ำชัดเจน มุมปากหยักของคุณหมอหนุ่มเหยียดไปด้านข้างกับประโยคนั้นของอันดา รถหรูเริ่มออกตัวเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบ ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครปริปากพูดอะไร รามิลไม่เท่าไร อันดานี่สิที่กำลังอึดอัดกับความเงียบนี้ “อีกนานไหมคะกว่าจะถึง” เธอพูดเพื่อทำลายความเงียบที่กำลังปกคลุมอยู่ “ใกล้ถึงแล้ว ทำไม? ทนไม่ไหวแล้วเหรอ?” “เปล่าค่ะ ฉันแค่ปวดฉี่” อ้างไปอย่างนั้นแหละ เธอแค่หาเรื่องพูดเพื่อทำลายความเงียบเท่านั้น ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย เธอตะลึงกับย่านเพนท์เฮาส์ที่รามิลอาศัยอยู่ ย่านนี้คนรวยอยู่เยอะมาก ราคาเพนท์เฮาส์ไม่ต้องพูดถึงเพราะแพงหูฉี่แน่นอน ต่ำๆร้อยล้านขึ้นได้ มหาเศรษฐีชัดๆติ้ง…ประตูลิฟต์ส่วนตัวที่พามาถึงเพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดของรามิลเปิดตัวออก คุณหมอหนุ่มใส่รหัสประตูแล้วเปิดออก ผายมือให้สุภาพสตรีเข้าไปก่อน ท่าทางดูเหมือนสุภาพบุรุษหากแต่สายตาที่มองหญิงสาวเต็มไปด้วยความร้ายกาจอันดาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก้าวผ่านหน้ารามิลเข้าไปในเพนท์เฮาส์ปัง…เสียงปิดประตูเป็นสัญญาณบอกว่าลูกกวางน้อยติดกับดักเสือร้ายตัวนี้เข้าให้แล้ว รอยยิ้มมุมปากของรามิลปรากฏขึ้นขณะมองแผ่นหลังบาง“นั่งรอตรงนั้นก่อน”“ค่ะ” เธอเดินไปนั่งลงโซฟาตามที่เขาบอก สายตากวาดมองไปรอบๆเพนท์เฮาส์หรูระหว่างรอรามิลกลับมา การตกแต่งและโทนสีขาวดำบ่งบอกถึงตัวตนเจ้าของ ภายใต้เสื้อกาวน์ที่ขาวสะอาด นี่คงเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณหมอรามิลสินะ ภายนอกดูอบอุ่นหากแต่ในความเป็นจริง…มันไม่ใช่กลิ่นอายของความมีอำนาจเจือด้วยความอันตรายทำให้เธอนึกหวาดกลัว ทว่าก็พยายามข่มความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้ไม่แสดงออกมากลัวแค่ไหนก็ต้องทำใจดีสู้เสือ“คุณอยู่คนเดียวเหรอ”“ใช่”“ทำไมถึงเลือกอยู่เพนท์เฮาส์” ราคาเพนท์เฮาส์ที่เขาอาศัยอยู่แพงพอๆกับราคาบ้านหลังนึงหรืออาจจะแพงกว่าหลายเท่าเลยก็ว่าได้“ดูรวยดี”คำตอบของรามิลทำให้เธอนึกหมั่นไ
ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองรามิล ริมฝีปากสีระเรื่อฉีกยิ้มให้เจ้าของคำพูดเมื่อครู่ ก่อนจะใช้มืออีกข้างเลื่อนขึ้นมาสัมผัสใบหน้าคมคายมีเสน่ห์ “คุณหล่อนะ แต่น่าเสียดายที่…”รามิลเลื่อนขึ้นมาจับมือเล็กซึ่งกำลังสัมผัสใบหน้าของตัวเอง สายตามองอันดาที่อยู่ใกล้จนแทบจูบกันได้อีกครั้ง“น่าเสียดายที่อะไร”“ดูเลวเกินไปหน่อย”“ผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชายเลวๆหรอกเหรอ” ส่วนใหญ่เห็นผู้หญิงทิ้งผู้ชายดีๆไปหาผู้ชายเลวๆ เพราะผู้ชายเลวน่าตื่นเต้นและเร้าใจมากกว่าผู้ชายที่แสนดี“เลวเกินไปก็ไม่ดี”“ไม่ชอบผู้ชายเลว?”อันดาส่ายหน้าเป็นคำตอบ“เคยได้ยินไหมว่า ไม่ชอบอะไรจะได้สิ่งนั้น”“ไม่ใช่คุณแน่ๆ” อันดาผลักรามิลออกแล้วลุกขึ้นยืน เพียงแค่เริ่มทรงตัวยืนโลกทั้งใบก็หมุนคล้ายกับจะพาล้มให้ได้ เท้าเล็กก้าวเดินออกไปโดยมีสายตาคมเข้มคอยมองตาม“จะไปไหน”“กลับบ้าน”รามิลนั่งมองพลางยกยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้าไปมา เดินยังไม่ตรงยังดึงดันจะกลับบ้านให้ได้ คนอะไรอวดเก่งสิ้นดี…เขาวางแก้วเครื่องดื่มลงแล้วเดินไปจับหมับเข้าที่แขนอันดา ดึงเธอให้หันกลับมาหา เมาขนาดนี้ปล่อยกลับคนเดียวไม่ได้หรอก สภาพนี้ไม่ได้นอนข้างถนนก็คงโดนใครสักคนฉุดไปอย่างแน่น
“อื้ออ” อันดานอนส่งเสียงในลำคอเบาๆ เปลือกตาที่แนบสนิทเริ่มปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ความรู้สึกแรกหลังตื่นนอนก็คือ อาการหนักอึ้งตรงศีรษะคนที่เพิ่งตื่นนอนแทบไม่อยากขยับร่างกายไปไหน แค่นอนอยู่เฉยๆยังรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุน คนตัวเล็กอยู่ในอาการ ‘แฮงก์เหล้า’ นอนแช่บนเตียงคนอื่นนานสองนานกว่าจะเริ่มรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองเธอดึงตัวเองขึ้นมานั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอนหรูหรา หัวใจดวงน้อยพลันกระตุกวูบเมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนตัวเอง“อย่าบอกนะว่า…” เมื่อคืนเธอนอนอยู่เพนท์เฮาส์ของรามิล! ก้มมองชุดที่ตัวเองสวมใส่พบว่าไม่ใช่เสื้อผ้าเมื่อวาน นั่นยิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นแรงแทบหลุดออกมาจากขั้ว ไม่รู้เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง จำได้ล่าสุดคือนั่งดื่มกับรามิล หลังจากนั้น…ไม่รับรู้อะไรอีกเลย“บ้าจริง! นี่ฉันพลาดท่าให้กับเขาหรือเนี่ย” ไม่น่าตอบตกลงมาดื่มกับรามิลเลย เครื่องดื่มที่เขานำมาแรงพอสมควร ถึงทำให้เธอเมาจนไม่ได้สติแล้วจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ รู้อีกทีก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของเขาแล้วเหวี่ยงขาทั้งสองเตรียมลงจากเตียง เป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูห้องนอนถูกเปิดออกโดยรามิล“ตื่นแล้วเหรอ”“เมื
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งก่อนไปทำงานเธอแวะมาเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล พูดคุยกับท่านตามปกติ ซื้อของอร่อยๆที่แม่ชอบมาให้เหมือนทุกครั้ง ไม่เคยแสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยให้คนเป็นแม่ได้เห็นเวลาที่มาเยี่ยม“เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”“อันบอกเจ้โบนัสแล้ว”“ค่อยแวะมาหาแม่ตอนเลิกงานก็ได้”“ไม่เอา อันอยากมาหาแม่ทั้งก่อนไปทำงานและหลังเลิกงาน”“เด็กคนนี้” ‘อ้อม’ มองลูกสาวที่กำลังนั่งปอกผลไม้อยู่ ตั้งแต่ตนเข้าโรงพยาบาลอันดาก็เริ่มทำงานหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัด สงสารลูกสาวเหมือนกัน ทำงานตั้งแต่อายุสิบหกจนตอนนี้ยี่สิบสามปีแล้ว คนอื่นๆได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น ทำตามความฝันของตัวเอง แต่อันดากลับไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งเหล่านั้น“อันป้อนแอปเปิล”คนเป็นแม่อ้าปากรับแอปเปิลชิ้นพอดีคำจากลูกสาว“อีกไม่นานแม่ไม่ต้องบ่นว่าเบื่อโรงพยาบาลแล้วนะ พอผ่าตัดเสร็จ นอนพักรักษาตัวนิดหน่อยก็ได้กลับไปอยู่กับอันและอัยย์ที่บ้านเหมือนเดิมแล้ว”“แม่รอวันที่ได้จะได้กลับไปอยู่กับอันและอัยย์ไม่ไหวแล้ว”เธอเองก็รอวันนั้นไม่ไหวแล้วเหมือนกัน…“ช่วงนี้อัยย์เป็นยังไงบ้าง น้องติวหนังสือหนักเกินไปรึเปล่า” ลูกชายกำลังอยู่ในช่วงเตรียมสอบ และ
อันดาเดินออกมาจากลิฟต์หลังจากเยี่ยมคนเป็นแม่เสร็จ เดินออกมาหน้าโรงพยาบาลแล้วมองหารถรามิล ก่อนหน้านี้ลืมถามว่าเขาจะรอที่ไหน หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าพร้อมกับนามบัตรหมายจะโทรหาเคยบอกเขาว่าทิ้งนามบัตรไปแล้ว ถ้าโทรหาแล้วเขาสงสัยว่าทำไมถึงรู้จักเบอร์เธอจะไม่โป๊ะแตกเหรอเธอมองหารามิลอีกครั้ง ก่อนจะเห็นเขากำลังเดินตรงมาทางนี้ ด้วยความสูงบวกกับใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนดารา ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก ผู้คนรอบข้างต่างหันไปมองอย่างตกตะลึงในความหล่อ เสน่ห์ที่เปล่งประกายออกมาสะกดทุกสายตาไม่ให้ละไปไหนไม่แปลกใจเลยทำไมผู้หญิงถึงเข้าหาเขาเยอะ…“คุณจอดรถไว้ไหนคะ”“โซนพิเศษ” สายตาเหลือบเห็นบางอย่างที่เธอถือไว้ในมือ เป็นใช่นามบัตรของเขาที่เธอเคยบอกว่าทิ้งไปแล้ว“ไหนบอกว่าทิ้งไปแล้ว?”“ฉันเก็บกลับมา”“เก็บกลับมาทำไม”“คุณเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง เกิดคนอื่นเก็บได้แล้วเอาเบอร์ของคุณไปแอบอ้างทำสิ่งไม่ดี ฉันก็ซวยน่ะสิ” เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลยยัยอันดา สีหน้ารามิลดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไรด้วย เหตุผลหลอกเด็กชัดๆ ขนาดเด็กยังดูออกว่าโกหก“ไปกันเลยไหมคะ ฉันไม่อยากกลับบ้านดึก”“โอเค” พอหันหลัง
ไม่ได้คาดหวังให้เขามาช่วย หลังจากลงจากรถเธอก็ไม่สนใจแล้วว่ารามิลกลับไปหรือยัง นาทีนั้นสมองโฟกัสแค่เรื่องของตัวเอง พอเห็นเขาอยู่ที่นี่ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียวแต่เขาไหวเหรอ สี่ต่อหนึ่ง…ผัวะ!รามิลยกเท้าถีบชายฉกรรจ์ที่พุ่งเข้าไปหาจนกระเด็นไปอยู่หน้าประตูบ้าน หลบหมัดจากคนพวกนั้นได้อย่างว่องไว ไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามแตะตัวเองได้แม้แต่ปลายเล็บ ปล่อยหมัดใส่ใบหน้าชายฉกรรจ์จนโหนกแก้มแตกมีเลือดไหลออกมาตอนแรกคิดว่าคงไม่ไหว แต่พอเห็นภาพเมื่อครู่แล้วเธอคิดว่าเขาไหว…ลืมไปว่ารามิลเป็นเพื่อนกับมาเฟีย แค่นี้เขาจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว“ใครอะพี่อัน”“คนที่มาส่งคราวก่อน”“คนนี้เหรอ?” อัยย์มองรามิลที่กำลังจัดการชายฉกรรจ์สี่คนอย่างอึ้งๆ มากันสี่คนไม่มีความหมายอะไรเพราะรามิลเอาอยู่ สภาพแต่ละคนสะบักสะบอมและเริ่มอ่อนแรงแกร๊ก!“!!!!” เธออึ้งเมื่อเห็นรามิลชักปืนออกมาจ่อหน้าชายฉกรรจ์พวกนั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาพกปืนด้วย…“ไสหัวไป” รามิลบอกชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แววตาคมเข้มที่มองยากคาดเดาและดูน่ากลัว วัตถุอันตรายสีดำทำเอาชายฉกรรจ์ถึงกับหน้าถอดสีกันเลยทีเดียว“แล้วพวกกูจะมาใหม่!” ชายฉกรรจ
“พี่อันอยู่ไหน!” เสียงของอัยย์ดึงเธอออกจากภวังค์ เบือนใบหน้าไปจากรามิลพร้อมกับลุกขึ้นแล้วขานรับน้องชาย“อยู่นี่!”รามิลนั่งมองมือที่ใช้สัมผัสอันดาเมื่อครู่พลางกระตุกยิ้มมุมปาก ยิ่งได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ยิ่งทำให้ ‘อยากได้’ เธอมาครอบครองมากเท่านั้นปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆอันดาไม่เคยไล่ตาม ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยพยายามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ไม่ได้ดูเข้าถึงยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าเข้าถึงได้เลยทันที นั่นจึงทำให้เธอแตกต่างไปจากผู้หญิงที่เขาเคยเจอ เขาเดินกลับเข้าไปในบ้านอันดา มองสองพี่น้องซึ่งกำลังเก็บกวาดบ้านที่เละเทะจากฝีมือชายฉกรรจ์สี่คน เขาช่วยเท่าที่สามารถทำได้ ปกติไม่เคยทำอะไรแบบนี้เพราะมีแม่บ้านคอยช่วยตลอด“คุณทำอะไร”“ช่วยเก็บบ้าน”“เดี๋ยวฉันกับอัยย์ทำเอง” วันนี้เขาช่วยเธอเยอะมาก ถ้าให้ช่วยเก็บบ้านอีกคงเกรงใจแย่“จะได้เสร็จเร็วๆ”ลืมไปว่าคนอย่างรามิลเคยฟังใครที่ไหน ชอบทำตามใจตัวเองตลอด เธอปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองโดยไม่ห้ามอีกต่อไปไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นคุณชายรามิลในมุมนี้ แถมยังทำคล่องอีกต่างหาก ถ้าคาร์เทียร์เห็นภาพรามิลกำลังถูพื้น คงเอาเรื่องนี้ไปเม้าท์กับคิระ คนเป็นสามีแน่ๆ “อ
ตอนนี้เธอกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ค่าผ่าตัดของแม่ ไหนจะเรื่องบ้านหลังนี้ที่ป้าเอาไปเป็นหลักค้ำประกันเพื่อยืมเงินกับชายฉกรรจ์ที่บุกบ้านคืนนั้นทำไงดี…เธอมืดแปดด้านไปหมดแล้ว ไม่ว่าเรื่องค่าผ่าตัดแม่หรือบ้านที่กำลังจะถูกยึดก็สำคัญทั้งสอง จะหาเงินจากไหนมาแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะเงินที่ให้ป้าไปจ่ายค่าผ่าตัดบางส่วนของแม่ก็ถูกป้าเอาไปเข้าบ่อนหมดเครียดมาก เครียดจนเมื่อคืนนอนไม่หลับ แต่ก็ต้องลากสังขารตัวเองมาทำงาน เธอและอัยย์ตกลงกันว่าจะไม่เล่าให้แม่ฟัง ไม่อยากทำให้แม่ต้องเครียดไปมากกว่านี้“อัน อัน อันดา!”เฮือก!“ตายแล้ว!” หลังจากสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะเสียงเรียกของเพื่อนร่วมงาน ก็ต้องอุทานเสียงหลงเมื่อมือของเธอเผลอปัดแก้วกาแฟจนหล่นลงพื้นรีบอะไรมาเช็ดทำความสะอาดกาแฟที่เลอะพื้น เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ลูกค้าในร้านหันมามองกันอย่างพร้อมเพรียง“โอเคไหมอันดา”“โอเค” เธอเงยหน้าขึ้นไปตอบเพื่อนร่วมงานขณะกำลังนั่งเช็ดทำความสะอาดพื้นด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ดูเครียดๆนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”“เปล่า ช่วงนี้เรานอนน้อยน่ะ”“พักผ่อนเยอะๆนะ เห็นบอกว่านอนน้อยมาหลายวันแล้ว เป็นห่วง”“พยายามนอนเร็วอยู่ น่าจะต้องค่อยๆปรั
หลายวันต่อมา ปึก! ปึก! ปึก! “อะ อ๊ะ~”รามิลเริ่มเคลื่อนไหวส่วนล่างไปมาอย่างด้วยจังหวะเนิบนาบ สายตาคมเข้มมองเรือนร่างขาวผุดผ่องของคนใต้ร่างด้วยความหลงใหล หน้าท้องแบนราบตอนนี้เริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อยเพราะมีอีกหนึ่งชีวิตกำลังลืมตาออกมาดูโลก“อึก! อ๊ะ อ๊ะ~” เธอเสียวสะท้านไปทั่วร่างกาย ในระหว่างที่รามิลกระแทกท่อนเอ็นแข็งขึงเข้ามาเขาโน้มตัวลงไปจูบอันดาอย่างอ่อนโยน เธอยกแขนมาคล้องคอเอาไว้หลวมๆ ขณะที่ท่อนเอ็นยังคงตอกอัดใส่โพรงถ้ำอย่างหนักหน่วง ภายในตอดรัดแท่งเอ็นจนรู้สึกเสียวสะท้านไปทั่วร่างกาย กลิ่นตัวอันดาหอมเย้ายวนจนเขาอดที่จะสูดดมเข้ามาในปอดไม่ได้“อืมม ตอดดีจังเลยนะ” เขาทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่าน สีหน้าทรมานของอันดาตอนนี้ยังกระตุ้นอารมณ์กระสันในกายให้เพิ่มมากขึ้นได้ไม่ยาก“อ๊ะ…อ๊า~” แท่งเอ็นของเขามันเคลื่อนเข้ามาลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าส่วนหัวมันแทบจะชนผนังด้านในอยู่แล้ว “อ่า…”“อึก! มัน…มันแรงเกินไป เบาๆ หน่อยได้ไหม…” กระแสเสียวซ่านวิ่งปราดไปทั่วร่างกายจนนอนบิดเร่าร่างกายไปมาด้วยความทรมาน แรงกระแทกหนักหน่วงจากเขาทำให้เธอแทบหยุดหายใจเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้องนอน คนตัวเล็กค
ก๊อก ก๊อก“ใคร” “ผมเองครับ แม็ค”“เข้ามา”‘แม็ค’ คนของราเชนทร์เปิดประตูเข้ามา หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้านาย เดินมาหยุดอยู่หน้าเจ้านายหนุ่มที่กำลังนั่งยกขาไขว่ห้างสูบบุหรี่ รามิลอัดบุหรี่เข้าเต็มปอด ก่อนจะพ่นควันสีขาวเจือเทาออกมาอย่างใจเย็นการมาของแม็คทำให้เขารู้สึกดีใจ เพราะแม็คคือลูกน้องคนสนิทของพ่อ เขาขอให้พ่อช่วยตามหาคนที่ขับรถชนป้าของอันดา คนของพ่อทำงานเร็วมาก ใช้เวลาแค่สามวันก็สามารถรู้ตัวคนทำแล้ว“รู้ตัวคนทำแล้วครับคุณรามิล”“มันเป็นใคร”“จริงๆคนที่ขับรถชนถูกสั่งมาอีกทีครับ ผมสืบสาวจนรู้ว่าคนสั่งการคือคุณควีน”“ควีน?” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับย้ำชื่อที่ได้ยินเมื่อครู่อีกครั้ง “ครับ คุณควีนคือคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เขาอึ้งและช็อกในเวลาเดียวกัน หลังจากรู้ว่าควีนคือคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของกุล คาดไม่ถึงว่าจะเป็นควีน จิตใจทำด้วยอะไรถึงโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ จ้างคนให้ขับรถชนกุล ป้าแท้ๆของอันดาแบบนี้เรียกตั้งใจฆ่าให้ตายแล้ว“ผมรวบรวมหลักฐานทั้งหมดมาให้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณรามิลและคุณอันดา ว่าจะทำยังไงต่อไปครับ”ครอบครัวควีนมีอิทธิพลและมีหน้ามีตาทางสังคมพอสมควร พ่อของควีนค
หลายวันต่อมาพายุที่โหมกระหน่ำมานานกลายเป็นความสงบสุขในเวลาต่อมา รามิลให้สัญญาว่าจะดูแลอันดาและลูกน้อยเป็นอย่างดีใช่แล้ว…ตอนนี้ทั้งคู่กำลังได้รับบทบาทใหม่แสนท้าทาย นั่นคือการเป็นคุณพ่อและคุณแม่ป้ายแดง รามิลดีใจจนร้องไห้หลังจากรู้ว่ากำลังเลื่อนขั้นเป็น ‘คุณพ่อ’ในตอนแรกอันดานึกภาพไม่ออกถ้าเกิดตัวเองมีลูกขึ้นมาจริงๆ ทว่าหลังจากผลออกมาว่ากำลังตั้งครรภ์ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ อึ้ง ต่อมาตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเคยกังวลอะไรหลายอย่าง หลังจากกลับมาเชื่อใจรามิลอีกครั้งไม่มีอะไรให้กังวลอีกต่อไป รามิลเป็นคนเข้าไปสารภาพกับแม่อันดาเรื่องนี้ด้วยตัวเองอ้อมเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธ ตรงกันข้ามดีใจด้วยซ้ำที่จะได้อุ้มหลานคนแรก ส่วนครอบครัวรามิลไม่มีปัญหาอะไร ดีใจและเตรียมของรับขวัญหลานไว้รอแล้วหลานคนแรกของตระกูลภูริธนากุล ว่าที่คุณปู่และคุณย่าเล่นใหญ่รัชดาลัยแน่นอนครืด ครืดเธอคว้าโทรศัพท์มาแล้วกดรับสายแม่ที่โทรมาหา“คะแม่”(อัน ป้ากุลโดนรถชน อาการสาหัสมาก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล)“อะ…อะไรนะ ป้ากุลโดนรถชน?” ใจเธอหล่นวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงจะโกรธกับสิ่งที่ป้ากุลทำไว้ในอดีต แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับป้
“คุณกำลังทำอะไร”“ทำงาน”“ทำงานแล้วทำไมถึงมีไวน์ด้วย”“เพิ่งสั่งมาเมื่อกี้”“คุณไปดื่มไกลๆได้ไหม” เธอบอกเขาด้วยท่าทางหงุดหงิด ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ ไม่ว่ารามิลทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจเลยสักอย่าง แถมช่วงนี้ยังรู้สึกคลื่นไส้บ่อยๆ กินเยอะผิดปกติ แถมยังอ่อนเพลียง่าย บางครั้งเธอก็เผลอนึกย้อนกลับไปในคำพูดของรามิลตอนนั้น‘แพ้ท้องเหรอ’ถึงรามิลเคยบอกว่าอยากมีลูกกับเธอ ทว่ามันก็แอบกังวลไม่ได้อยู่ดีถ้าเกิดว่าท้องขึ้นมาจริงๆ “ทำไม”“ฉันไม่ชอบ”คุณหมอหนุ่มมองไวน์ราคาแพง ก่อนจะดึงสายตากลับไปมองคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไม่ชอบที่ฉันดื่มไวน์?”“ไม่ชอบทั้งที่คุณดื่มไวน์และกลิ่นของมัน”“กลิ่นก็ไม่ได้แย่นะ ออกจะหอม”“ก็ฉันไม่ชอบ มันเหม็น ถ้าคุณอยากดื่มก็ไปดื่มที่อื่น”เขามองอันดาสลับกับไวน์ที่วางอยู่ตรงหน้า แบบนี้เริ่มไม่ใช่ละ อาการของอันดานับวันยิ่งเหมือนคนแพ้ท้อง เขาเป็นหมอทำไมจะดูไม่ออก ถึงไม่ได้จับตรวจโดยตรง แต่อาการของอันดามันฟ้องทุกอย่าง“พรุ่งนี้กลับกรุงเทพกัน”“ฉันยังไม่อยากกลับ”เขาดึงตัวเองขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหาอันดา“เธอรู้ไหมว่าอาการของเธอนับวันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เช้าวันต่อมา“อื้อ~” หญิงสาวนอนส่งเสียงดังในลำคอออกมาเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวเข้าหาไออุ่นจากคนข้างกาย ใบหน้าสวยหวานซุกลงแผงอกอุ่นคุ้ยเคย ก่อนจะเริ่มลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้รามิลนอนกอดเธอทั้งคืน…เมื่อคืนหลังไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่โซฟา รู้สึกง่วงเลยงีบไปสักพัก ทว่าไม่คิดว่าตัวเองจะหลับจริง ตื่นขึ้นมาอีกทีช่วงเที่ยงคืนเพราะหิวน้ำ ตอนนั้นรามิลกำลังนั่งทำงานอยู่มุมหนึ่งของห้อง กลับมานอนต่อก็หลับไปเลยทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเหนื่อยมาจากไหน เธอหลับตาแล้วนอนต่อในอ้อมกอดของรามิล ชอบเวลาได้นอนในอ้อมกอดอุ่นๆนี้•••คุณหมอหนุ่มตื่นจากการนอนหลับในช่วงเก้าโมงเช้า อ้อมกอดที่ว่างเปล่าทำให้รามิลลืมตาพรึ่บทันที ดีดตัวเองขึ้นมานั่งแล้วมองหาอันดา เธอไม่ได้นอนอยู่ตรงนี้แล้ว…เขาดึงผ้าห่มออกแล้วก้าวลงจากเตียง“ไปไหนอีกวะ!” เขาพูดคนเดียวอย่างกระวนกระวาย กำลังก้าวขาเดินออกไปก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงดังอ้วกอ้ากออกมาจากห้องน้ำเขาเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นอันดากำลังลุกขึ้นจากชักโครก ก่อนจะกดชักโครกแล้วหันมามองเขา เธอเดิน
เธอยืนกอดอกมองออกไปนอกทะเลตรงหน้าด้วยความคิดมากมาย ปล่อยสายลมเย็นพัดผ่าน พากลิ่นอายของน้ำทะเลลอยมาเตะจมูก เสียงเกลียวคลื่นดังระงมไปทั่วชายหาด มองคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามาชายฝั่งแล้วไหลย้อนกลับ เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกของเธอตอนนี้ ครั้นจะเดินออกไปก็ไม่กล้าพอ ทำได้แค่วนเวียนอยู่แบบนี้เพราะไม่สามารถไปไหนไม่ได้เธอมาที่นี่เพราะตั้งใจหนีหน้ารามิล อยากอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนตัวเองอีกครั้งมาได้แค่ตัว ส่วนหัวใจยังอยู่กับเขา…เธอหมุนตัวเตรียมเดินกลับเข้าไปข้างในวิลล่าของครอบครัวคิระ หากแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาพลันเห็นใครบางคนที่ยืนมองมาทางนี้รามิล…เขามาได้ยังไง?“เจอตัวแล้ว”เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกที่เห็นรามิล สองเท้าถอยกรูดออกห่างเมื่อเขาเดินเข้ามาหา ก่อนจะรีบก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หากแต่ว่า…หมับรามิลคว้าแขนเธอแล้วดึงเข้าไปหา ร่างกายแนบชิดกันจนได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขา“หนีมาทำไม”“ฉันอยากอยู่คนเดียว”“ให้จีบแล้วหนีมาดื้อๆแบบนี้ แถวบ้านเรียกขี้โกง”“ขี้โกงตรงไหน ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว”“แต่ฉันอยากอยู่กับเธอ” เขาพูดพร้อมกับกระชับกอดอันดาให้แน่นขึ้น“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”“เมียหายทั้งคนก็ต
“ยัยอันบอกว่าพี่หมอรามิลจะจีบ”“มันบอกพี่เหมือนกันว่าจะจีบอันดา”คิระมองภรรยาสาวที่ทำสีหน้าเป็นกังวล “เป็นห่วงอันดาเหรอ”“ใช่ค่ะ กลัวเพื่อนพี่คิระหลอกยัยอันอีก ไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองต้องมานั่งร้องไห้เสียใจเหมือนที่ผ่านมา”“รามิลไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อน การที่มันบอกว่าจะจีบอันดา พี่ว่ามันพูดจริง” เป็นเพื่อนกับรามิลมานาน รู้ไส้รู้พุงกันหมดทุกอย่างแล้ว คนที่ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนแบบรามิลไม่มีทางพูดลอยๆ เพราะมันไม่ทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง ถ้าบอกว่าจีบก็คือจีบ“ถ้าเพื่อนพี่คิระรักยัยอันดาจริงๆก็ดีไป กลัวแต่จะหลอกนี่สิ” ทำเพื่อนสนิทตัวเองเจ็บครั้งเดียว ไม่กล้าเชื่อคนแบบรามิลอีกเลย รักอันดาจริงก็ดี ไม่อยากให้หลอกเพื่อนสนิทตัวเองเหมือนอย่างที่ผ่านมาคิระยิ้ม“รอดู พี่ว่าครั้งนี้มันเอาจริง”“ขอให้เป็นอย่างที่พี่คิระพูด เทียร์ไปหาลูกก่อนนะ”มาเฟียหนุ่มพยักหน้าให้ภรรยาสาว นึกภาพไม่ออกเลยว่าคนที่ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนแบบรามิล จะจีบอันดายังไงให้ติดอีกครัง•••“อันดาเพิ่งลาออกไปเมื่อวานเองค่ะคุณหมอ”“ลาออก?”“ใช่ค่ะ” “ขอบคุณครับ”“ทะเลาะกันเหรอคะ?”“นิดหน่อยครับ” “สู้ๆนะคะ โบนัสเป็นกำลังใจให้” โบนัส
“สิ่งที่คุณทำกับฉัน มันทำให้ฉันไม่อยากเชื่อคำพูดของคุณอีก คาร์เทียร์เตือนฉันเรื่องคุณหลายครั้ง แต่ฉันยังพยายามที่จะรักคุณ ถ้าวันนั้นฉันทำตามที่คาร์เทียร์บอก วันนี้ฉันก็คงไม่ต้องเสียใจ” “ฉันผิดไปแล้ว…” “ฉันไม่อยากเชื่อคุณ ไม่อยากกลับไปรักคุณอีก อยากหนีคุณไปไกลๆ แต่ทำไมฉัน…ฉันถึงทำไม่ได้”รามิลดึงตัวขึ้นจากตักอันดา ดวงตาแดงก่ำมองใบหน้าสวยหวานซึ่งเต็มไปด้วยคราบน้ำตาพร้อมกับหัวใจแกร่งที่สั่นไหวเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ เขาไม่ชอบเวลาอันดาร้องไห้ แต่มันก็มาจากตัวเองทั้งหมด ที่อันดาร้องไห้ก็เพราะเขาผิดเองที่เข้าไปหลอกให้อันดารัก ถ้าได้โอกาสอีกครั้งจะทะนุถนอมความรู้สึกเธอไว้เป็นอย่างดี“ทำไมถึงทำไม่ได้”“ฮึก…” เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขา เหตุผลเพราะอะไรนะเหรอ? เพราะเธอยังรักและขาดเขาไม่ได้“เพราะเธอยังรักฉันอยู่ใช่ไหม”“ใช่ มันน่าตลกใช่ไหมที่ฉันยังรักผู้ชายที่หลอกให้ฉันรักอย่างคุณอยู่ ฉันควรถอยออกมาไม่ใช่…ไม่ใช่ยังรักคุณอยู่”แค่รู้ว่าอันดายังรักเขาอยู่ ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาแล้ว…“คุณออกไปจากชีวิตฉันได้ไหม คุณเป็นคนเดินออกไปเองได้ไหม” เพราะเธอไม่สามารถเดินออกมาจากชีวิตของรามิล
“เหอะ! รักเหรอ? พูดออกมาได้ยังไงว่ารัก ไม่อายบ้างเหรอคะ เมื่อนึกย้อนกลับไปมองการกระทำของตัวเองในอดีต”“ฉันรู้ว่าทำไม่ดีกับเธอไว้เยอะ แต่ครั้งนี้จริงจัง ไม่ได้เข้ามาหลอกเธอด้วย ฉันรักเธอจริงๆนะอันดา”เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น“เธอยังไม่ต้องเชื่อฉันตอนนี้ก็ได้ แต่จะทำให้เห็นว่าฉันรักเธอจริงๆ”เธอคิดว่าวันนั้นที่รามิลมาหาถึงหน้าบ้านจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ทว่ามันกลับไม่ใช่ เริ่มสับสนกับสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ว่าจริงหรือหลอก ไม่กล้าเชื่อเพราะที่ผ่านมาเขาโกหกเธอมาโดยตลอดถึงจะบอกกับตัวเองว่าไม่เชื่อ แต่หัวใจกลับอ่อนไหวทุกครั้งที่เห็นหน้าเขารามิลจับเรียวคางของอันดาให้หันกลับมาหา ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้คนใต้ร่าง อันดาพยายามเบือนใบหน้าหนีแต่กลับทำไม่สำเร็จ ริมฝีปากทั้งคู่บรรจบกัน แรงบดคลึงจากคนตัวโตทำหัวใจดวงน้อยสั่นไหว ริมฝีปากหยักได้รูปขบเม้มปากล่าง เริ่มสอดแทรกลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากนุ่มเพื่อหยอกล้อกับลิ้นเล็ก มือเรียวที่พยายามดันไหล่แกร่งออกอ่อนแรงลง เช่นเดียวกับร่างกายที่เริ่มอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งโดนไฟลนจูบแสนดูดดื่มถูกถอนออกอย่างอ้อยอิ่งในเวลาต่อมา“ฉันเกลียดคุณ”“ปากบอกว่าเกลียด