ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองรามิล ริมฝีปากสีระเรื่อฉีกยิ้มให้เจ้าของคำพูดเมื่อครู่ ก่อนจะใช้มืออีกข้างเลื่อนขึ้นมาสัมผัสใบหน้าคมคายมีเสน่ห์ “คุณหล่อนะ แต่น่าเสียดายที่…”รามิลเลื่อนขึ้นมาจับมือเล็กซึ่งกำลังสัมผัสใบหน้าของตัวเอง สายตามองอันดาที่อยู่ใกล้จนแทบจูบกันได้อีกครั้ง“น่าเสียดายที่อะไร”“ดูเลวเกินไปหน่อย”“ผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชายเลวๆหรอกเหรอ” ส่วนใหญ่เห็นผู้หญิงทิ้งผู้ชายดีๆไปหาผู้ชายเลวๆ เพราะผู้ชายเลวน่าตื่นเต้นและเร้าใจมากกว่าผู้ชายที่แสนดี“เลวเกินไปก็ไม่ดี”“ไม่ชอบผู้ชายเลว?”อันดาส่ายหน้าเป็นคำตอบ“เคยได้ยินไหมว่า ไม่ชอบอะไรจะได้สิ่งนั้น”“ไม่ใช่คุณแน่ๆ” อันดาผลักรามิลออกแล้วลุกขึ้นยืน เพียงแค่เริ่มทรงตัวยืนโลกทั้งใบก็หมุนคล้ายกับจะพาล้มให้ได้ เท้าเล็กก้าวเดินออกไปโดยมีสายตาคมเข้มคอยมองตาม“จะไปไหน”“กลับบ้าน”รามิลนั่งมองพลางยกยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้าไปมา เดินยังไม่ตรงยังดึงดันจะกลับบ้านให้ได้ คนอะไรอวดเก่งสิ้นดี…เขาวางแก้วเครื่องดื่มลงแล้วเดินไปจับหมับเข้าที่แขนอันดา ดึงเธอให้หันกลับมาหา เมาขนาดนี้ปล่อยกลับคนเดียวไม่ได้หรอก สภาพนี้ไม่ได้นอนข้างถนนก็คงโดนใครสักคนฉุดไปอย่างแน่น
“อื้ออ” อันดานอนส่งเสียงในลำคอเบาๆ เปลือกตาที่แนบสนิทเริ่มปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ความรู้สึกแรกหลังตื่นนอนก็คือ อาการหนักอึ้งตรงศีรษะคนที่เพิ่งตื่นนอนแทบไม่อยากขยับร่างกายไปไหน แค่นอนอยู่เฉยๆยังรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุน คนตัวเล็กอยู่ในอาการ ‘แฮงก์เหล้า’ นอนแช่บนเตียงคนอื่นนานสองนานกว่าจะเริ่มรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองเธอดึงตัวเองขึ้นมานั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอนหรูหรา หัวใจดวงน้อยพลันกระตุกวูบเมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนตัวเอง“อย่าบอกนะว่า…” เมื่อคืนเธอนอนอยู่เพนท์เฮาส์ของรามิล! ก้มมองชุดที่ตัวเองสวมใส่พบว่าไม่ใช่เสื้อผ้าเมื่อวาน นั่นยิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นแรงแทบหลุดออกมาจากขั้ว ไม่รู้เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง จำได้ล่าสุดคือนั่งดื่มกับรามิล หลังจากนั้น…ไม่รับรู้อะไรอีกเลย“บ้าจริง! นี่ฉันพลาดท่าให้กับเขาหรือเนี่ย” ไม่น่าตอบตกลงมาดื่มกับรามิลเลย เครื่องดื่มที่เขานำมาแรงพอสมควร ถึงทำให้เธอเมาจนไม่ได้สติแล้วจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ รู้อีกทีก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของเขาแล้วเหวี่ยงขาทั้งสองเตรียมลงจากเตียง เป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูห้องนอนถูกเปิดออกโดยรามิล“ตื่นแล้วเหรอ”“เมื
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งก่อนไปทำงานเธอแวะมาเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล พูดคุยกับท่านตามปกติ ซื้อของอร่อยๆที่แม่ชอบมาให้เหมือนทุกครั้ง ไม่เคยแสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยให้คนเป็นแม่ได้เห็นเวลาที่มาเยี่ยม“เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”“อันบอกเจ้โบนัสแล้ว”“ค่อยแวะมาหาแม่ตอนเลิกงานก็ได้”“ไม่เอา อันอยากมาหาแม่ทั้งก่อนไปทำงานและหลังเลิกงาน”“เด็กคนนี้” ‘อ้อม’ มองลูกสาวที่กำลังนั่งปอกผลไม้อยู่ ตั้งแต่ตนเข้าโรงพยาบาลอันดาก็เริ่มทำงานหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัด สงสารลูกสาวเหมือนกัน ทำงานตั้งแต่อายุสิบหกจนตอนนี้ยี่สิบสามปีแล้ว คนอื่นๆได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น ทำตามความฝันของตัวเอง แต่อันดากลับไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งเหล่านั้น“อันป้อนแอปเปิล”คนเป็นแม่อ้าปากรับแอปเปิลชิ้นพอดีคำจากลูกสาว“อีกไม่นานแม่ไม่ต้องบ่นว่าเบื่อโรงพยาบาลแล้วนะ พอผ่าตัดเสร็จ นอนพักรักษาตัวนิดหน่อยก็ได้กลับไปอยู่กับอันและอัยย์ที่บ้านเหมือนเดิมแล้ว”“แม่รอวันที่ได้จะได้กลับไปอยู่กับอันและอัยย์ไม่ไหวแล้ว”เธอเองก็รอวันนั้นไม่ไหวแล้วเหมือนกัน…“ช่วงนี้อัยย์เป็นยังไงบ้าง น้องติวหนังสือหนักเกินไปรึเปล่า” ลูกชายกำลังอยู่ในช่วงเตรียมสอบ และ
อันดาเดินออกมาจากลิฟต์หลังจากเยี่ยมคนเป็นแม่เสร็จ เดินออกมาหน้าโรงพยาบาลแล้วมองหารถรามิล ก่อนหน้านี้ลืมถามว่าเขาจะรอที่ไหน หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าพร้อมกับนามบัตรหมายจะโทรหาเคยบอกเขาว่าทิ้งนามบัตรไปแล้ว ถ้าโทรหาแล้วเขาสงสัยว่าทำไมถึงรู้จักเบอร์เธอจะไม่โป๊ะแตกเหรอเธอมองหารามิลอีกครั้ง ก่อนจะเห็นเขากำลังเดินตรงมาทางนี้ ด้วยความสูงบวกกับใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนดารา ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก ผู้คนรอบข้างต่างหันไปมองอย่างตกตะลึงในความหล่อ เสน่ห์ที่เปล่งประกายออกมาสะกดทุกสายตาไม่ให้ละไปไหนไม่แปลกใจเลยทำไมผู้หญิงถึงเข้าหาเขาเยอะ…“คุณจอดรถไว้ไหนคะ”“โซนพิเศษ” สายตาเหลือบเห็นบางอย่างที่เธอถือไว้ในมือ เป็นใช่นามบัตรของเขาที่เธอเคยบอกว่าทิ้งไปแล้ว“ไหนบอกว่าทิ้งไปแล้ว?”“ฉันเก็บกลับมา”“เก็บกลับมาทำไม”“คุณเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง เกิดคนอื่นเก็บได้แล้วเอาเบอร์ของคุณไปแอบอ้างทำสิ่งไม่ดี ฉันก็ซวยน่ะสิ” เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลยยัยอันดา สีหน้ารามิลดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไรด้วย เหตุผลหลอกเด็กชัดๆ ขนาดเด็กยังดูออกว่าโกหก“ไปกันเลยไหมคะ ฉันไม่อยากกลับบ้านดึก”“โอเค” พอหันหลัง
ไม่ได้คาดหวังให้เขามาช่วย หลังจากลงจากรถเธอก็ไม่สนใจแล้วว่ารามิลกลับไปหรือยัง นาทีนั้นสมองโฟกัสแค่เรื่องของตัวเอง พอเห็นเขาอยู่ที่นี่ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียวแต่เขาไหวเหรอ สี่ต่อหนึ่ง…ผัวะ!รามิลยกเท้าถีบชายฉกรรจ์ที่พุ่งเข้าไปหาจนกระเด็นไปอยู่หน้าประตูบ้าน หลบหมัดจากคนพวกนั้นได้อย่างว่องไว ไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามแตะตัวเองได้แม้แต่ปลายเล็บ ปล่อยหมัดใส่ใบหน้าชายฉกรรจ์จนโหนกแก้มแตกมีเลือดไหลออกมาตอนแรกคิดว่าคงไม่ไหว แต่พอเห็นภาพเมื่อครู่แล้วเธอคิดว่าเขาไหว…ลืมไปว่ารามิลเป็นเพื่อนกับมาเฟีย แค่นี้เขาจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว“ใครอะพี่อัน”“คนที่มาส่งคราวก่อน”“คนนี้เหรอ?” อัยย์มองรามิลที่กำลังจัดการชายฉกรรจ์สี่คนอย่างอึ้งๆ มากันสี่คนไม่มีความหมายอะไรเพราะรามิลเอาอยู่ สภาพแต่ละคนสะบักสะบอมและเริ่มอ่อนแรงแกร๊ก!“!!!!” เธออึ้งเมื่อเห็นรามิลชักปืนออกมาจ่อหน้าชายฉกรรจ์พวกนั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาพกปืนด้วย…“ไสหัวไป” รามิลบอกชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แววตาคมเข้มที่มองยากคาดเดาและดูน่ากลัว วัตถุอันตรายสีดำทำเอาชายฉกรรจ์ถึงกับหน้าถอดสีกันเลยทีเดียว“แล้วพวกกูจะมาใหม่!” ชายฉกรรจ
“พี่อันอยู่ไหน!” เสียงของอัยย์ดึงเธอออกจากภวังค์ เบือนใบหน้าไปจากรามิลพร้อมกับลุกขึ้นแล้วขานรับน้องชาย“อยู่นี่!”รามิลนั่งมองมือที่ใช้สัมผัสอันดาเมื่อครู่พลางกระตุกยิ้มมุมปาก ยิ่งได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ยิ่งทำให้ ‘อยากได้’ เธอมาครอบครองมากเท่านั้นปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆอันดาไม่เคยไล่ตาม ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยพยายามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ไม่ได้ดูเข้าถึงยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าเข้าถึงได้เลยทันที นั่นจึงทำให้เธอแตกต่างไปจากผู้หญิงที่เขาเคยเจอ เขาเดินกลับเข้าไปในบ้านอันดา มองสองพี่น้องซึ่งกำลังเก็บกวาดบ้านที่เละเทะจากฝีมือชายฉกรรจ์สี่คน เขาช่วยเท่าที่สามารถทำได้ ปกติไม่เคยทำอะไรแบบนี้เพราะมีแม่บ้านคอยช่วยตลอด“คุณทำอะไร”“ช่วยเก็บบ้าน”“เดี๋ยวฉันกับอัยย์ทำเอง” วันนี้เขาช่วยเธอเยอะมาก ถ้าให้ช่วยเก็บบ้านอีกคงเกรงใจแย่“จะได้เสร็จเร็วๆ”ลืมไปว่าคนอย่างรามิลเคยฟังใครที่ไหน ชอบทำตามใจตัวเองตลอด เธอปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองโดยไม่ห้ามอีกต่อไปไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นคุณชายรามิลในมุมนี้ แถมยังทำคล่องอีกต่างหาก ถ้าคาร์เทียร์เห็นภาพรามิลกำลังถูพื้น คงเอาเรื่องนี้ไปเม้าท์กับคิระ คนเป็นสามีแน่ๆ “อ
ตอนนี้เธอกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ค่าผ่าตัดของแม่ ไหนจะเรื่องบ้านหลังนี้ที่ป้าเอาไปเป็นหลักค้ำประกันเพื่อยืมเงินกับชายฉกรรจ์ที่บุกบ้านคืนนั้นทำไงดี…เธอมืดแปดด้านไปหมดแล้ว ไม่ว่าเรื่องค่าผ่าตัดแม่หรือบ้านที่กำลังจะถูกยึดก็สำคัญทั้งสอง จะหาเงินจากไหนมาแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะเงินที่ให้ป้าไปจ่ายค่าผ่าตัดบางส่วนของแม่ก็ถูกป้าเอาไปเข้าบ่อนหมดเครียดมาก เครียดจนเมื่อคืนนอนไม่หลับ แต่ก็ต้องลากสังขารตัวเองมาทำงาน เธอและอัยย์ตกลงกันว่าจะไม่เล่าให้แม่ฟัง ไม่อยากทำให้แม่ต้องเครียดไปมากกว่านี้“อัน อัน อันดา!”เฮือก!“ตายแล้ว!” หลังจากสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะเสียงเรียกของเพื่อนร่วมงาน ก็ต้องอุทานเสียงหลงเมื่อมือของเธอเผลอปัดแก้วกาแฟจนหล่นลงพื้นรีบอะไรมาเช็ดทำความสะอาดกาแฟที่เลอะพื้น เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ลูกค้าในร้านหันมามองกันอย่างพร้อมเพรียง“โอเคไหมอันดา”“โอเค” เธอเงยหน้าขึ้นไปตอบเพื่อนร่วมงานขณะกำลังนั่งเช็ดทำความสะอาดพื้นด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ดูเครียดๆนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”“เปล่า ช่วงนี้เรานอนน้อยน่ะ”“พักผ่อนเยอะๆนะ เห็นบอกว่านอนน้อยมาหลายวันแล้ว เป็นห่วง”“พยายามนอนเร็วอยู่ น่าจะต้องค่อยๆปรั
ก่อนหน้านี้ยังโทรหา ผ่านไปสักพักเห็นกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนสนิทของเขา วินาทีแรกที่เห็นบอกตามตรงว่าแอบไม่พอใจอยู่เหมือนกันเป็นปกติเคียนติเห็นผู้หญิงสวยตรงสเปกแล้วจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอันดา คนที่เขาเล็งเอาไว้นานแล้วเคียนติหันไปมองรามิลแล้วขยับริมฝีปากพูด“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ?”“มึงจะไปดีลผู้หญิงคนไหนก็ได้ ยกเว้นคนนี้”มุมปากเคียนติหักโค้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินรามิลบอกแบบนั้น“หึ แต่ว่าน้องเขาเป็นคนมาดีลกูเอง”สายตารามิลมองข้ามเพื่อนสนิทไปหาอันดาที่นั่งยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นดื่มนิ่งๆ ไม่แม้จะมองมาหาตนเลยสักนิด ท่าทางนิ่งเฉยของเธอไม่สามารถทำให้เขาเดาอะไรได้เลยร้ายเหมือนกันนะอันดา…ดีลเคียนติได้ถือว่าเก่งพอสมควร แต่คงยากหน่อยเพราะเขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอไปเป็นของคนอื่น“ถ้าเป็นเด็กของมึง ทำไมถึงปล่อยให้เด็กตัวเองมานั่งดื่มคนเดียว” “ฉันไม่ใช่เด็กของเขา” เธอหันไปบอกเคียนติเสียงเรียบ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองรามิล“ฉันไม่มีเจ้าของ”นัยน์ตารามิลดำมืดลงจนดูน่ากลัว กระนั้นอันดาก็ไม่สนใจ หันกลับมาดื่มต่อให้หมดแก้ว ก่อนจะลงจากเก้าอี้สูงตรงบาร์แล้วเดินออกไปทันที“ท่าท
หลายวันต่อมา ปึก! ปึก! ปึก! “อะ อ๊ะ~”รามิลเริ่มเคลื่อนไหวส่วนล่างไปมาอย่างด้วยจังหวะเนิบนาบ สายตาคมเข้มมองเรือนร่างขาวผุดผ่องของคนใต้ร่างด้วยความหลงใหล หน้าท้องแบนราบตอนนี้เริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อยเพราะมีอีกหนึ่งชีวิตกำลังลืมตาออกมาดูโลก“อึก! อ๊ะ อ๊ะ~” เธอเสียวสะท้านไปทั่วร่างกาย ในระหว่างที่รามิลกระแทกท่อนเอ็นแข็งขึงเข้ามาเขาโน้มตัวลงไปจูบอันดาอย่างอ่อนโยน เธอยกแขนมาคล้องคอเอาไว้หลวมๆ ขณะที่ท่อนเอ็นยังคงตอกอัดใส่โพรงถ้ำอย่างหนักหน่วง ภายในตอดรัดแท่งเอ็นจนรู้สึกเสียวสะท้านไปทั่วร่างกาย กลิ่นตัวอันดาหอมเย้ายวนจนเขาอดที่จะสูดดมเข้ามาในปอดไม่ได้“อืมม ตอดดีจังเลยนะ” เขาทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่าน สีหน้าทรมานของอันดาตอนนี้ยังกระตุ้นอารมณ์กระสันในกายให้เพิ่มมากขึ้นได้ไม่ยาก“อ๊ะ…อ๊า~” แท่งเอ็นของเขามันเคลื่อนเข้ามาลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าส่วนหัวมันแทบจะชนผนังด้านในอยู่แล้ว “อ่า…”“อึก! มัน…มันแรงเกินไป เบาๆ หน่อยได้ไหม…” กระแสเสียวซ่านวิ่งปราดไปทั่วร่างกายจนนอนบิดเร่าร่างกายไปมาด้วยความทรมาน แรงกระแทกหนักหน่วงจากเขาทำให้เธอแทบหยุดหายใจเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้องนอน คนตัวเล็กค
ก๊อก ก๊อก“ใคร” “ผมเองครับ แม็ค”“เข้ามา”‘แม็ค’ คนของราเชนทร์เปิดประตูเข้ามา หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้านาย เดินมาหยุดอยู่หน้าเจ้านายหนุ่มที่กำลังนั่งยกขาไขว่ห้างสูบบุหรี่ รามิลอัดบุหรี่เข้าเต็มปอด ก่อนจะพ่นควันสีขาวเจือเทาออกมาอย่างใจเย็นการมาของแม็คทำให้เขารู้สึกดีใจ เพราะแม็คคือลูกน้องคนสนิทของพ่อ เขาขอให้พ่อช่วยตามหาคนที่ขับรถชนป้าของอันดา คนของพ่อทำงานเร็วมาก ใช้เวลาแค่สามวันก็สามารถรู้ตัวคนทำแล้ว“รู้ตัวคนทำแล้วครับคุณรามิล”“มันเป็นใคร”“จริงๆคนที่ขับรถชนถูกสั่งมาอีกทีครับ ผมสืบสาวจนรู้ว่าคนสั่งการคือคุณควีน”“ควีน?” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับย้ำชื่อที่ได้ยินเมื่อครู่อีกครั้ง “ครับ คุณควีนคือคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เขาอึ้งและช็อกในเวลาเดียวกัน หลังจากรู้ว่าควีนคือคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของกุล คาดไม่ถึงว่าจะเป็นควีน จิตใจทำด้วยอะไรถึงโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ จ้างคนให้ขับรถชนกุล ป้าแท้ๆของอันดาแบบนี้เรียกตั้งใจฆ่าให้ตายแล้ว“ผมรวบรวมหลักฐานทั้งหมดมาให้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณรามิลและคุณอันดา ว่าจะทำยังไงต่อไปครับ”ครอบครัวควีนมีอิทธิพลและมีหน้ามีตาทางสังคมพอสมควร พ่อของควีนค
หลายวันต่อมาพายุที่โหมกระหน่ำมานานกลายเป็นความสงบสุขในเวลาต่อมา รามิลให้สัญญาว่าจะดูแลอันดาและลูกน้อยเป็นอย่างดีใช่แล้ว…ตอนนี้ทั้งคู่กำลังได้รับบทบาทใหม่แสนท้าทาย นั่นคือการเป็นคุณพ่อและคุณแม่ป้ายแดง รามิลดีใจจนร้องไห้หลังจากรู้ว่ากำลังเลื่อนขั้นเป็น ‘คุณพ่อ’ในตอนแรกอันดานึกภาพไม่ออกถ้าเกิดตัวเองมีลูกขึ้นมาจริงๆ ทว่าหลังจากผลออกมาว่ากำลังตั้งครรภ์ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ อึ้ง ต่อมาตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเคยกังวลอะไรหลายอย่าง หลังจากกลับมาเชื่อใจรามิลอีกครั้งไม่มีอะไรให้กังวลอีกต่อไป รามิลเป็นคนเข้าไปสารภาพกับแม่อันดาเรื่องนี้ด้วยตัวเองอ้อมเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธ ตรงกันข้ามดีใจด้วยซ้ำที่จะได้อุ้มหลานคนแรก ส่วนครอบครัวรามิลไม่มีปัญหาอะไร ดีใจและเตรียมของรับขวัญหลานไว้รอแล้วหลานคนแรกของตระกูลภูริธนากุล ว่าที่คุณปู่และคุณย่าเล่นใหญ่รัชดาลัยแน่นอนครืด ครืดเธอคว้าโทรศัพท์มาแล้วกดรับสายแม่ที่โทรมาหา“คะแม่”(อัน ป้ากุลโดนรถชน อาการสาหัสมาก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล)“อะ…อะไรนะ ป้ากุลโดนรถชน?” ใจเธอหล่นวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงจะโกรธกับสิ่งที่ป้ากุลทำไว้ในอดีต แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับป้
“คุณกำลังทำอะไร”“ทำงาน”“ทำงานแล้วทำไมถึงมีไวน์ด้วย”“เพิ่งสั่งมาเมื่อกี้”“คุณไปดื่มไกลๆได้ไหม” เธอบอกเขาด้วยท่าทางหงุดหงิด ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ ไม่ว่ารามิลทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจเลยสักอย่าง แถมช่วงนี้ยังรู้สึกคลื่นไส้บ่อยๆ กินเยอะผิดปกติ แถมยังอ่อนเพลียง่าย บางครั้งเธอก็เผลอนึกย้อนกลับไปในคำพูดของรามิลตอนนั้น‘แพ้ท้องเหรอ’ถึงรามิลเคยบอกว่าอยากมีลูกกับเธอ ทว่ามันก็แอบกังวลไม่ได้อยู่ดีถ้าเกิดว่าท้องขึ้นมาจริงๆ “ทำไม”“ฉันไม่ชอบ”คุณหมอหนุ่มมองไวน์ราคาแพง ก่อนจะดึงสายตากลับไปมองคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไม่ชอบที่ฉันดื่มไวน์?”“ไม่ชอบทั้งที่คุณดื่มไวน์และกลิ่นของมัน”“กลิ่นก็ไม่ได้แย่นะ ออกจะหอม”“ก็ฉันไม่ชอบ มันเหม็น ถ้าคุณอยากดื่มก็ไปดื่มที่อื่น”เขามองอันดาสลับกับไวน์ที่วางอยู่ตรงหน้า แบบนี้เริ่มไม่ใช่ละ อาการของอันดานับวันยิ่งเหมือนคนแพ้ท้อง เขาเป็นหมอทำไมจะดูไม่ออก ถึงไม่ได้จับตรวจโดยตรง แต่อาการของอันดามันฟ้องทุกอย่าง“พรุ่งนี้กลับกรุงเทพกัน”“ฉันยังไม่อยากกลับ”เขาดึงตัวเองขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหาอันดา“เธอรู้ไหมว่าอาการของเธอนับวันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เช้าวันต่อมา“อื้อ~” หญิงสาวนอนส่งเสียงดังในลำคอออกมาเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวเข้าหาไออุ่นจากคนข้างกาย ใบหน้าสวยหวานซุกลงแผงอกอุ่นคุ้ยเคย ก่อนจะเริ่มลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้รามิลนอนกอดเธอทั้งคืน…เมื่อคืนหลังไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่โซฟา รู้สึกง่วงเลยงีบไปสักพัก ทว่าไม่คิดว่าตัวเองจะหลับจริง ตื่นขึ้นมาอีกทีช่วงเที่ยงคืนเพราะหิวน้ำ ตอนนั้นรามิลกำลังนั่งทำงานอยู่มุมหนึ่งของห้อง กลับมานอนต่อก็หลับไปเลยทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเหนื่อยมาจากไหน เธอหลับตาแล้วนอนต่อในอ้อมกอดของรามิล ชอบเวลาได้นอนในอ้อมกอดอุ่นๆนี้•••คุณหมอหนุ่มตื่นจากการนอนหลับในช่วงเก้าโมงเช้า อ้อมกอดที่ว่างเปล่าทำให้รามิลลืมตาพรึ่บทันที ดีดตัวเองขึ้นมานั่งแล้วมองหาอันดา เธอไม่ได้นอนอยู่ตรงนี้แล้ว…เขาดึงผ้าห่มออกแล้วก้าวลงจากเตียง“ไปไหนอีกวะ!” เขาพูดคนเดียวอย่างกระวนกระวาย กำลังก้าวขาเดินออกไปก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงดังอ้วกอ้ากออกมาจากห้องน้ำเขาเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นอันดากำลังลุกขึ้นจากชักโครก ก่อนจะกดชักโครกแล้วหันมามองเขา เธอเดิน
เธอยืนกอดอกมองออกไปนอกทะเลตรงหน้าด้วยความคิดมากมาย ปล่อยสายลมเย็นพัดผ่าน พากลิ่นอายของน้ำทะเลลอยมาเตะจมูก เสียงเกลียวคลื่นดังระงมไปทั่วชายหาด มองคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามาชายฝั่งแล้วไหลย้อนกลับ เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกของเธอตอนนี้ ครั้นจะเดินออกไปก็ไม่กล้าพอ ทำได้แค่วนเวียนอยู่แบบนี้เพราะไม่สามารถไปไหนไม่ได้เธอมาที่นี่เพราะตั้งใจหนีหน้ารามิล อยากอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนตัวเองอีกครั้งมาได้แค่ตัว ส่วนหัวใจยังอยู่กับเขา…เธอหมุนตัวเตรียมเดินกลับเข้าไปข้างในวิลล่าของครอบครัวคิระ หากแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาพลันเห็นใครบางคนที่ยืนมองมาทางนี้รามิล…เขามาได้ยังไง?“เจอตัวแล้ว”เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกที่เห็นรามิล สองเท้าถอยกรูดออกห่างเมื่อเขาเดินเข้ามาหา ก่อนจะรีบก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หากแต่ว่า…หมับรามิลคว้าแขนเธอแล้วดึงเข้าไปหา ร่างกายแนบชิดกันจนได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขา“หนีมาทำไม”“ฉันอยากอยู่คนเดียว”“ให้จีบแล้วหนีมาดื้อๆแบบนี้ แถวบ้านเรียกขี้โกง”“ขี้โกงตรงไหน ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว”“แต่ฉันอยากอยู่กับเธอ” เขาพูดพร้อมกับกระชับกอดอันดาให้แน่นขึ้น“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”“เมียหายทั้งคนก็ต
“ยัยอันบอกว่าพี่หมอรามิลจะจีบ”“มันบอกพี่เหมือนกันว่าจะจีบอันดา”คิระมองภรรยาสาวที่ทำสีหน้าเป็นกังวล “เป็นห่วงอันดาเหรอ”“ใช่ค่ะ กลัวเพื่อนพี่คิระหลอกยัยอันอีก ไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองต้องมานั่งร้องไห้เสียใจเหมือนที่ผ่านมา”“รามิลไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อน การที่มันบอกว่าจะจีบอันดา พี่ว่ามันพูดจริง” เป็นเพื่อนกับรามิลมานาน รู้ไส้รู้พุงกันหมดทุกอย่างแล้ว คนที่ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนแบบรามิลไม่มีทางพูดลอยๆ เพราะมันไม่ทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง ถ้าบอกว่าจีบก็คือจีบ“ถ้าเพื่อนพี่คิระรักยัยอันดาจริงๆก็ดีไป กลัวแต่จะหลอกนี่สิ” ทำเพื่อนสนิทตัวเองเจ็บครั้งเดียว ไม่กล้าเชื่อคนแบบรามิลอีกเลย รักอันดาจริงก็ดี ไม่อยากให้หลอกเพื่อนสนิทตัวเองเหมือนอย่างที่ผ่านมาคิระยิ้ม“รอดู พี่ว่าครั้งนี้มันเอาจริง”“ขอให้เป็นอย่างที่พี่คิระพูด เทียร์ไปหาลูกก่อนนะ”มาเฟียหนุ่มพยักหน้าให้ภรรยาสาว นึกภาพไม่ออกเลยว่าคนที่ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนแบบรามิล จะจีบอันดายังไงให้ติดอีกครัง•••“อันดาเพิ่งลาออกไปเมื่อวานเองค่ะคุณหมอ”“ลาออก?”“ใช่ค่ะ” “ขอบคุณครับ”“ทะเลาะกันเหรอคะ?”“นิดหน่อยครับ” “สู้ๆนะคะ โบนัสเป็นกำลังใจให้” โบนัส
“สิ่งที่คุณทำกับฉัน มันทำให้ฉันไม่อยากเชื่อคำพูดของคุณอีก คาร์เทียร์เตือนฉันเรื่องคุณหลายครั้ง แต่ฉันยังพยายามที่จะรักคุณ ถ้าวันนั้นฉันทำตามที่คาร์เทียร์บอก วันนี้ฉันก็คงไม่ต้องเสียใจ” “ฉันผิดไปแล้ว…” “ฉันไม่อยากเชื่อคุณ ไม่อยากกลับไปรักคุณอีก อยากหนีคุณไปไกลๆ แต่ทำไมฉัน…ฉันถึงทำไม่ได้”รามิลดึงตัวขึ้นจากตักอันดา ดวงตาแดงก่ำมองใบหน้าสวยหวานซึ่งเต็มไปด้วยคราบน้ำตาพร้อมกับหัวใจแกร่งที่สั่นไหวเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ เขาไม่ชอบเวลาอันดาร้องไห้ แต่มันก็มาจากตัวเองทั้งหมด ที่อันดาร้องไห้ก็เพราะเขาผิดเองที่เข้าไปหลอกให้อันดารัก ถ้าได้โอกาสอีกครั้งจะทะนุถนอมความรู้สึกเธอไว้เป็นอย่างดี“ทำไมถึงทำไม่ได้”“ฮึก…” เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขา เหตุผลเพราะอะไรนะเหรอ? เพราะเธอยังรักและขาดเขาไม่ได้“เพราะเธอยังรักฉันอยู่ใช่ไหม”“ใช่ มันน่าตลกใช่ไหมที่ฉันยังรักผู้ชายที่หลอกให้ฉันรักอย่างคุณอยู่ ฉันควรถอยออกมาไม่ใช่…ไม่ใช่ยังรักคุณอยู่”แค่รู้ว่าอันดายังรักเขาอยู่ ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาแล้ว…“คุณออกไปจากชีวิตฉันได้ไหม คุณเป็นคนเดินออกไปเองได้ไหม” เพราะเธอไม่สามารถเดินออกมาจากชีวิตของรามิล
“เหอะ! รักเหรอ? พูดออกมาได้ยังไงว่ารัก ไม่อายบ้างเหรอคะ เมื่อนึกย้อนกลับไปมองการกระทำของตัวเองในอดีต”“ฉันรู้ว่าทำไม่ดีกับเธอไว้เยอะ แต่ครั้งนี้จริงจัง ไม่ได้เข้ามาหลอกเธอด้วย ฉันรักเธอจริงๆนะอันดา”เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น“เธอยังไม่ต้องเชื่อฉันตอนนี้ก็ได้ แต่จะทำให้เห็นว่าฉันรักเธอจริงๆ”เธอคิดว่าวันนั้นที่รามิลมาหาถึงหน้าบ้านจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ทว่ามันกลับไม่ใช่ เริ่มสับสนกับสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ว่าจริงหรือหลอก ไม่กล้าเชื่อเพราะที่ผ่านมาเขาโกหกเธอมาโดยตลอดถึงจะบอกกับตัวเองว่าไม่เชื่อ แต่หัวใจกลับอ่อนไหวทุกครั้งที่เห็นหน้าเขารามิลจับเรียวคางของอันดาให้หันกลับมาหา ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้คนใต้ร่าง อันดาพยายามเบือนใบหน้าหนีแต่กลับทำไม่สำเร็จ ริมฝีปากทั้งคู่บรรจบกัน แรงบดคลึงจากคนตัวโตทำหัวใจดวงน้อยสั่นไหว ริมฝีปากหยักได้รูปขบเม้มปากล่าง เริ่มสอดแทรกลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากนุ่มเพื่อหยอกล้อกับลิ้นเล็ก มือเรียวที่พยายามดันไหล่แกร่งออกอ่อนแรงลง เช่นเดียวกับร่างกายที่เริ่มอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งโดนไฟลนจูบแสนดูดดื่มถูกถอนออกอย่างอ้อยอิ่งในเวลาต่อมา“ฉันเกลียดคุณ”“ปากบอกว่าเกลียด