เธอรู้สึกอึดอัดจนอยากพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ เหมือนรามิลรู้ว่าเธออึดอัด เขาเลยเลื่อนมือมากุมมือของเธอเอาไว้ ไออุ่นจากฝ่ามือหนาช่วยทำให้เธอผ่อนคลาย“อันรู้ดีค่ะว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเขา ต่อให้คุณไม่พูดอันก็รู้ตัวดีค่ะ อันเข้าใจนะคะว่าพวกคุณอยากให้รามิลได้เจอผู้หญิงที่คู่ควร อันอาจจะไม่ได้เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยและมีหน้ามีตาในสังคมเหมือนพวกคุณ แต่อันก็คิดว่าตัวเองมีดีพอเหมาะสมกับรามิล”“…”“ไม่มีใครในโลกเพอร์เฟกต์ ทุกคนล้วนมีข้อบกพร่อง พวกคุณที่อยู่ในจุดที่สูกกว่าอันก็เหมือนกัน ถ้าอันมีลูก ก็คงมีความคิดเดียวกับพวกคุณ”“…”“แต่อันจะมองความสุขของลูกก่อนเป็นอันดับแรก นั่นไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเหรอคะ” เธอกล้าหาญมากที่พูดแบบนั้นกับครอบครัวรามิลเธอหันไปมองรามิล สีหน้าเขาดูอึ้งกับสิ่งที่เธอพูดออกมามาก สิ่งที่รามิลต้องการอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์ที่สุด แค่ใครบางคนที่เข้าใจเขาหากรามิลต้องการผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์ที่สุด เขาคงยอมไปดูตัวกับคนที่ครอบครัวหามาให้ สิ่งที่เขาต้องการก็แค่คนที่เข้าใจ รักในสิ่งที่เขาเป็นและยอมรับข้อเสียได้ที่สำคัญความรู้สึกต้องตรงกัน…“อันขอโทษที่ถือวิสาสะพูดแบบนั้
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” เธอพูดพลางปลดเข็มขัดนิรภัยที่คาดลำตัวอยู่ออก“ขับรถกลับดีๆนะคะ”หมับ“คะ?” เธอหันไปขานรับรามิลที่จับแขนเอาไว้ในตอนที่เธอกำลังเปิดประตูรถ“บอกแค่นั้นเองเหรอ?”“ปกติก็บอกแบบนั้นตลอด”“แสดงให้้สมบทบาทแฟนหน่อยสิ”เธอมองรามิลตาปริบๆ ในขณะเดียวกันก็พลอยงงตามไปด้วย เขาอยากให้เธอทำอะไรอีก ปกติเวลามาส่งเธอบอกแค่นั้นตลอด ไหงวันนี้ถึงดูแปลกๆ แสดงให้สมบทบาทแฟนคืออะไร สมองเริ่มประมวลผลว่าเธอต้องทำอะไรต่อรามิลถึงจะพอใจ ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงดั่งกลองรัว เมื่อรามิลยื่นใบหน้าเข้ามาหอมแก้มเธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัวฟอดด“!!!” หรือนี่คือสิ่งที่เขาบอกเธอแสดงให้สมบทบาทแฟน ปกติบอกแค่ขอบคุณที่มาส่งกับขับรถกลับดีๆ หากแต่วันนี้พิเศษขึ้นมาหน่อยถ้าไม่คิดอะไรอย่ามาทำให้หวั่นไหว ยิ่งรู้สึกไปแล้วอยู่ด้วย เจอแบบนี้เข้าไปความรู้สึกพุ่งขึ้นสูงเลยละ พอรามิลเลื่อนใบหน้ามามองเธอโดยที่ระยะห่าง ห่างกันไม่มากนัก มันใกล้จนสามารถมองเห็นตัวเองผ่านนัยต์ตาดำขลับมีเสน่ห์คู่นั้นตึกตัก ตึกตักหัวใจเต้นแรงราวกับแผ่นดินไหวหลายริกเตอร์ แถมยังรับรู้ถึงไอร้อนที่กำลังแผดเผาไปทั่วใบหน้า หอมแก้มทีเดียวทำเธอเสียอาการหนัก
“หวัดดีครับพี่รามิล” อัยย์รีบสะบัดไล่อาการอึ้งที่เห็นรามิลอยู่บ้านตัวเอง แล้วทักทายแฟนพี่สาวอย่างเป็นกันเอง“เพิ่งกลับเหรอ”“ครับผม เดี๋ยวบ่ายๆก็จะไปหาแม่อีก พอดีแวะมาเอาของน่ะครับ ว่าแต่พี่รามิลนอนนี่เหรอเมื่อคืน” “ใช่ เมื่อคืนพี่นอนที่นี่” เขาไม่ปฏิเสธ หลักฐานชัดเจนขนาดนี้โกหกคงไม่เนียน“อ๋ออ…” อัยย์ลากเสียงยาวๆด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองพี่สาวที่เพิ่งเดินออกมาจากมุมหนึ่งของบ้าน“ยิ้มอะไรอัยย์” ยิ้มแบบมีพิรุธ“เปล๊า” วาสนาจะมีพี่เขยเป็นมหาเศรษฐีอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือแล้วไอ้อัยย์ ต่อไปใครเรียกอัยย์คงไม่หันแล้ว เพราะต้องเรียก ‘คุณอัยย์’ เท่านั้น“แม่รู้รึเปล่าว่าพี่รามิลนอนที่นี่”“ไม่รู้ และแกก็ห้ามบอกแม่ด้วย”“ค่าปิดปาก”“ไม่มี”“งั้นผมไม่รับประกันนะว่า…”“เอาไปซื้อขนมกินนะ” อัยย์ตาลุกวาวเมื่อรามิลยื่นแบงค์เทามาให้สองใบ “ให้จริงเหรอพี่รามิล”“รับไปสิ”“ขอบคุณค้าบบ” อัยย์ไหว้สวยรับเงินจากรามิล “เนี่ย! พี่อันต้องดูพี่รามิลเป็นตัวอย่าง”“รีบขึ้นห้องไปเลยไป” อยากด่าเหมือนกัน แต่ก็กลัวสะเทือนถึงตัวเอง“คุณไม่ควรให้อัยย์เยอะขนาดนั้นนะ เดี๋ยวก็ติดเป็นนิสัยหรอก”“เหมือนเธอ?”เธอถลึงตาพร้อม
หลายวันต่อมายิ่งใกล้วันที่อ้อมต้องออกจากโรงพยาบาลรามิลยิ่งรู้สึกใจหาย เพราะมันทำให้ตนและอันดาเจอกันน้อยลง คุณหมอหนุ่มนั่งทำงานในอาการกระสับกระส่าย สมาธิไม่จดจ่ออยู่กับงาน เพราะในหัวเต็มไปด้วยเรื่องของแฟนสาวจอมปลอมสายตาจดจ่อกับโทรศัพท์ แผ่นหลังเอนติดพนักเก้าอี้ ขณะที่นิ้วมือหนากำลังเคาะโต๊ะทำงาน หลังจากนั้นจึงคว้าโทรศัพท์มากดเข้าแชตของอันดาเที่ยงวันแล้วแต่อีกคนยังไม่ส่งข้อความมา ก่อนหน้านี้รับปากว่าจะไปทานข้าวเที่ยงด้วย นี่จะเข้าบ่ายโมงแล้วอีกคนยังเงียบกริบหรือว่าลืม?เขาพิมพ์ข้อความแล้วลบหลายรอบ ไม่อยากเป็นคนเริ่มตามเพราะข้อความก่อนหน้านี้อันดาอ่านแต่ไม่ตอบควรส่งย้ำไปอีกรอบดีไหม…คิดไปคิดมา ส่งไปอีกรอบก็ได้วะ!ติ้ง…เขายังไม่ทันกดส่ง ข้อความจากอันดาก็เด้งขึ้นมาก่อนอันดา : วันนี้คาร์เทียร์มาหา นัดของเรายกเลิกไปก่อนนะคะ วันหลังค่อยไปกินข้าวด้วยกัน ขอโทษที่เพิ่งบอกคุณตอนนี้ ฉันเพิ่งนึกได้ว่านัดกับคุณไม่ได้สำคัญพอให้จดจำยังไงล่ะ ข้าวกลางวันมื้อนี้เป็นหมันจนได้ กินข้าวคนเดียวอีกตามเคยสินะรามิล : อืมทำได้แค่นั้น อันที่จริงอันดาจะมาตามนัดหรือผิดนัดเขาก็ไม่ควรมีความรู้สึกอะไรทั้งนั้
ไม่นึกว่าคนอย่างเขาจะงอนเป็นเหมือนกัน เธอเดินตามรามิลเข้าไปในลิฟต์ เขายืนไม่สนใจเธอเลยสักนิด ใบหน้านิ่งเรียบดูเฉยชาต่างจากทุกครั้งชัดเจนเลยอาการของคนงอน…“ซื้อขนมมาให้ค่ะ” “…” เขาปรายสายตามองถุงขนมที่อันดายื่นมาให้เพียงนิด ก่อนจะละไปในที่สุด แถมไม่รับถุงขนมจากเธอมาอีกด้วย“คนอุตส่าห์ซื้อมาให้ดันเมินใส่”“ไม่ได้บอกให้ซื้อมา”“พูดแทงใจดำจัง” คงงอนมาก ไม่เคยเห็นรามิลเป็นแบบนี้มาก่อน นับว่านี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ไม่ยักรู้ว่าคุณหมอรามิลน้อยอกน้อยใจคนอื่นเป็นด้วยเหมือนกันมุมพวกนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก เธอยิ้มคนเดียว ก่อนจะขยับเข้าไปยืนใกล้ๆเขา“งอนเหรอคะ”“ใครงอนเธอ”“คุณหมอไงคะ”“ไร้สาระ”ติ้ง…พอพูดจบลิฟต์ก็เปิดออกทันที รามิลก้าวออกไปจากลิฟต์โดยมีอันดาเดินตามออกมาติดๆ คุณหมอหนุ่มเปิดประตูห้องทำงานแล้วเดินเข้าไป ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงเก้าอี้นวมสีดำ“กินไหมคะเดี๋ยวป้อน”“ไม่กิน” ตอบเสียงแข็งซะด้วย…“ร้านนี้อร่อยมากนะ ลองสักชิ้นหน่อยไหม””ไม่” เขาตอบสั้นๆพร้อมกับหยิบงานมาทำต่ออันดานั่งเท้าคางมองรามิลฝั่งตรงข้ามไม่ละไปไหน ส่วนคุณหมอหนุ่มก็ช้อนสายตาขึ้นมอง ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาน่
ณ ห้องพักส่วนตัวของรามิล“อึก! อ๊าา”รามิลมองใบหน้าสวยหวานทรมานด้วยความกระสัน เธอโยกตัวขึ้นลงอย่างชำนาญ“อ๊า สะ…เสียวจัง” เธอมองมือลงไหล่แกร่งพร้อมกับสบตากับเขาไปด้วย สายตาคู่นั้นพร้อมกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว ทว่าในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดให้ชวนมองเธอชอบเวลาสายตาตอนนี้ของรามิล ดูเหมือนผู้ล่าดี…กระแสเสียวซ่านวิ่งปราดไปทั่วร่างกายในยามที่ท่อนเอ็นแข็งขึงเสียดสีไปมากับโพรงเนื้ออุ่นชื้น คนตัวเล็กบนตักแกร่งประกบจูบกับรามิลทัั้งคู่แลกลิ้นกันอย่างร้อนแรง มือหนาประคองสะโพกกลมกลึงพลางออกแรงขยับตามไปด้วย “อ๊ะ~ ทะ…ทำไมใหญ่จังเลยคะ”“แล้วชอบไหมล่ะใหญ่ๆแบบนี้”“ชอบมากอ๊าา”“ทำแรงๆเลยได้ไหมคะ อะ…อันดาชอบ” รู้ว่ารามิลชอบเวลาเธอแทนตัวเองว่าอันดา จึงเรียกแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่เขาชอบเวลามีเซ็กซ์ด้วยกัน“ฉันก็ชอบเวลาเธอทำตัวร่านแบบนี้” อารมณ์กระสันพลุ่งพล่านเวลาที่เธอแสดงออกถึงความหิวกระหาย เขาจับอันดาให้ยืนขึ้น ขาข้างหนึ่งเหยียบเก้าอี้ทำงาน กดแผ่นหลังบางจนโน้มตัวไปหาพนักพิงเก้าอี้ ปึก ปึก ปึก“หมอเ_็ดแรงดีจังอ๊า~” ท่านี้เสียวสะท้านไปทั่วมดลูกของเธอเลยล่ะ ยิ่งแอ่นให้มากเท่าไรเขายิ่งดัน
“เย็นนี้ฉันมีประชุม รอที่นี่เดี๋ยวไปส่งทำงาน”“ฉันไปเองยังง่ายกว่า ที่ทำงานฉันและเพนท์เฮาส์คุณคนละทางกัน คุณต้องอ้อมรถกลับไปเพนท์เฮาส์อีก เสียเวลาแถมยังเปลืองน้ำมัน”“ใครบอกว่าส่งเธอเสร็จแล้วฉันจะกลับเพนท์เฮาส์”อันดาที่นั่งบนตักแกร่งหันไปมองรามิลด้วยสีหน้างงงวย ไม่ทันอ้าปากถามในสิ่งที่สงสัย รามิลก็เอ่ยขึ้นมาก่อนแล้ว“ฉันจะรอรับเธอกลับด้วย”“รอรับฉัน?”“ใช่ รอกลับพร้อมกัน”“จะมารอกลับพร้อมกันทำไมคะ ไม่ต้องรอหรอก กว่าฉันจะเลิกงานก็เกือบตีสองแล้ว” เท่ากับว่ารามิลต้องรอเธอเลิกงานหลายชั่วโมงมาก “ส่งฉันเสร็จคุณกลับ…”“ฉันจะรอ”รามิลย้ำกับเธอเสียงเข้ม คุณหมอคนนี้เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ “ตามใจคุณ” เธอทำได้แค่นั้นแหละ ปากบอกไม่อยากให้รอ แต่ลึกๆกลับแอบดีใจที่เขาบอกว่าจะรอกลับด้วยกัน“อันดา”“คะ?”“เธอคิดยังไงกับฉัน” กึกกเธอชะงักลงไปทันทีที่รามิลเอ่ยถามแบบนั้น หันไปมองเขาโดยอัตโนมัติอีกครั้ง หัวใจที่นิ่งสงบเริ่มเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ทำไมจู่ๆถึงถามแบบนี้ เอาซะเธอไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียวหรือเขาไปรู้อะไรมา?“อันดา”“คะ?”“ฉันรอคำตอบของเธออยู่”“ทะ…ทำไมจู่ๆถึงถามแบบนั้นล่ะคะ”“อยากรู้เลยถาม”“ฉัน…ฉันจะค
“อันดาคงไม่รู้สินะว่าแกเป็นเจ้าหนี้ของป้าเธอ”เขามองหน้าพ่อทันที ไม่แปลกใจที่พ่อรู้ แต่แปลกใจตรงที่ทำไมจู่ๆพ่อถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมามากกว่า เขาพอจะเดาออก คนเหมือนกันดูกันออกอยู่แล้ว…“เรื่องที่แกส่งคนไปบุกบ้าน สร้างสถานการณ์แล้วทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปช่วย แท้จริงแล้วแกก็คือปีศาจที่บงการเรื่องทั้งหมด ถ้าอันดารู้ เธอยังจะรักแกอยู่ไหม”“พ่อจะใช้เรื่องนี้ขู่ผม?”“ไตร่ตรองดูดีๆ ก่อนจะเป็นศัตรูกับฉัน”“…”“ฉันเป็นพ่อแก ฉันรู้ทุกอย่างที่แกทำ คิดดีๆถ้าคิดจะเป็นศัตรูกับฉัน ส่วนอันดาฉันไม่แตะอยู่แล้ว” เขามีวิธีทำให้ผู้หญิงคนนั้นหายไปจากชีวิตรามิลโดยไม่ต้องลงมือให้เปลืองแรง อันดาเป็นคนดี แต่ไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับรามิล บางอย่างเธอเหมือนน้ำฟ้า น่าเสียดายที่ไม่มีวาสนาได้เกี่ยวดองกัน คนที่เหมาะสมกับลูกชาย เขาได้เลือกเอาไว้แล้ว“คำเตือนจากฉัน ถ้าแกยังยืนยันที่จะมีอันดาอยู่ในชีวิต ฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปจากชีวิตของแกเอง ตอนแรกฉันจะมาคุยกับแกเรื่องงาน เอาไว้วันหลังแล้วกัน ใกล้ถึงเวลาประชุมแล้ว”ราเชนทร์หมุนตัวเตรียมเดินออกไป แต่กลับต้องชะงักเพราะประโยคหนึ่งของลูกชาย“ภาพลักษณ์สำคัญกว่าล
หลายวันต่อมา ปึก! ปึก! ปึก! “อะ อ๊ะ~”รามิลเริ่มเคลื่อนไหวส่วนล่างไปมาอย่างด้วยจังหวะเนิบนาบ สายตาคมเข้มมองเรือนร่างขาวผุดผ่องของคนใต้ร่างด้วยความหลงใหล หน้าท้องแบนราบตอนนี้เริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อยเพราะมีอีกหนึ่งชีวิตกำลังลืมตาออกมาดูโลก“อึก! อ๊ะ อ๊ะ~” เธอเสียวสะท้านไปทั่วร่างกาย ในระหว่างที่รามิลกระแทกท่อนเอ็นแข็งขึงเข้ามาเขาโน้มตัวลงไปจูบอันดาอย่างอ่อนโยน เธอยกแขนมาคล้องคอเอาไว้หลวมๆ ขณะที่ท่อนเอ็นยังคงตอกอัดใส่โพรงถ้ำอย่างหนักหน่วง ภายในตอดรัดแท่งเอ็นจนรู้สึกเสียวสะท้านไปทั่วร่างกาย กลิ่นตัวอันดาหอมเย้ายวนจนเขาอดที่จะสูดดมเข้ามาในปอดไม่ได้“อืมม ตอดดีจังเลยนะ” เขาทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่าน สีหน้าทรมานของอันดาตอนนี้ยังกระตุ้นอารมณ์กระสันในกายให้เพิ่มมากขึ้นได้ไม่ยาก“อ๊ะ…อ๊า~” แท่งเอ็นของเขามันเคลื่อนเข้ามาลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าส่วนหัวมันแทบจะชนผนังด้านในอยู่แล้ว “อ่า…”“อึก! มัน…มันแรงเกินไป เบาๆ หน่อยได้ไหม…” กระแสเสียวซ่านวิ่งปราดไปทั่วร่างกายจนนอนบิดเร่าร่างกายไปมาด้วยความทรมาน แรงกระแทกหนักหน่วงจากเขาทำให้เธอแทบหยุดหายใจเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้องนอน คนตัวเล็กค
ก๊อก ก๊อก“ใคร” “ผมเองครับ แม็ค”“เข้ามา”‘แม็ค’ คนของราเชนทร์เปิดประตูเข้ามา หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้านาย เดินมาหยุดอยู่หน้าเจ้านายหนุ่มที่กำลังนั่งยกขาไขว่ห้างสูบบุหรี่ รามิลอัดบุหรี่เข้าเต็มปอด ก่อนจะพ่นควันสีขาวเจือเทาออกมาอย่างใจเย็นการมาของแม็คทำให้เขารู้สึกดีใจ เพราะแม็คคือลูกน้องคนสนิทของพ่อ เขาขอให้พ่อช่วยตามหาคนที่ขับรถชนป้าของอันดา คนของพ่อทำงานเร็วมาก ใช้เวลาแค่สามวันก็สามารถรู้ตัวคนทำแล้ว“รู้ตัวคนทำแล้วครับคุณรามิล”“มันเป็นใคร”“จริงๆคนที่ขับรถชนถูกสั่งมาอีกทีครับ ผมสืบสาวจนรู้ว่าคนสั่งการคือคุณควีน”“ควีน?” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับย้ำชื่อที่ได้ยินเมื่อครู่อีกครั้ง “ครับ คุณควีนคือคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เขาอึ้งและช็อกในเวลาเดียวกัน หลังจากรู้ว่าควีนคือคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของกุล คาดไม่ถึงว่าจะเป็นควีน จิตใจทำด้วยอะไรถึงโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ จ้างคนให้ขับรถชนกุล ป้าแท้ๆของอันดาแบบนี้เรียกตั้งใจฆ่าให้ตายแล้ว“ผมรวบรวมหลักฐานทั้งหมดมาให้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณรามิลและคุณอันดา ว่าจะทำยังไงต่อไปครับ”ครอบครัวควีนมีอิทธิพลและมีหน้ามีตาทางสังคมพอสมควร พ่อของควีนค
หลายวันต่อมาพายุที่โหมกระหน่ำมานานกลายเป็นความสงบสุขในเวลาต่อมา รามิลให้สัญญาว่าจะดูแลอันดาและลูกน้อยเป็นอย่างดีใช่แล้ว…ตอนนี้ทั้งคู่กำลังได้รับบทบาทใหม่แสนท้าทาย นั่นคือการเป็นคุณพ่อและคุณแม่ป้ายแดง รามิลดีใจจนร้องไห้หลังจากรู้ว่ากำลังเลื่อนขั้นเป็น ‘คุณพ่อ’ในตอนแรกอันดานึกภาพไม่ออกถ้าเกิดตัวเองมีลูกขึ้นมาจริงๆ ทว่าหลังจากผลออกมาว่ากำลังตั้งครรภ์ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ อึ้ง ต่อมาตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเคยกังวลอะไรหลายอย่าง หลังจากกลับมาเชื่อใจรามิลอีกครั้งไม่มีอะไรให้กังวลอีกต่อไป รามิลเป็นคนเข้าไปสารภาพกับแม่อันดาเรื่องนี้ด้วยตัวเองอ้อมเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธ ตรงกันข้ามดีใจด้วยซ้ำที่จะได้อุ้มหลานคนแรก ส่วนครอบครัวรามิลไม่มีปัญหาอะไร ดีใจและเตรียมของรับขวัญหลานไว้รอแล้วหลานคนแรกของตระกูลภูริธนากุล ว่าที่คุณปู่และคุณย่าเล่นใหญ่รัชดาลัยแน่นอนครืด ครืดเธอคว้าโทรศัพท์มาแล้วกดรับสายแม่ที่โทรมาหา“คะแม่”(อัน ป้ากุลโดนรถชน อาการสาหัสมาก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล)“อะ…อะไรนะ ป้ากุลโดนรถชน?” ใจเธอหล่นวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงจะโกรธกับสิ่งที่ป้ากุลทำไว้ในอดีต แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับป้
“คุณกำลังทำอะไร”“ทำงาน”“ทำงานแล้วทำไมถึงมีไวน์ด้วย”“เพิ่งสั่งมาเมื่อกี้”“คุณไปดื่มไกลๆได้ไหม” เธอบอกเขาด้วยท่าทางหงุดหงิด ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ ไม่ว่ารามิลทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจเลยสักอย่าง แถมช่วงนี้ยังรู้สึกคลื่นไส้บ่อยๆ กินเยอะผิดปกติ แถมยังอ่อนเพลียง่าย บางครั้งเธอก็เผลอนึกย้อนกลับไปในคำพูดของรามิลตอนนั้น‘แพ้ท้องเหรอ’ถึงรามิลเคยบอกว่าอยากมีลูกกับเธอ ทว่ามันก็แอบกังวลไม่ได้อยู่ดีถ้าเกิดว่าท้องขึ้นมาจริงๆ “ทำไม”“ฉันไม่ชอบ”คุณหมอหนุ่มมองไวน์ราคาแพง ก่อนจะดึงสายตากลับไปมองคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไม่ชอบที่ฉันดื่มไวน์?”“ไม่ชอบทั้งที่คุณดื่มไวน์และกลิ่นของมัน”“กลิ่นก็ไม่ได้แย่นะ ออกจะหอม”“ก็ฉันไม่ชอบ มันเหม็น ถ้าคุณอยากดื่มก็ไปดื่มที่อื่น”เขามองอันดาสลับกับไวน์ที่วางอยู่ตรงหน้า แบบนี้เริ่มไม่ใช่ละ อาการของอันดานับวันยิ่งเหมือนคนแพ้ท้อง เขาเป็นหมอทำไมจะดูไม่ออก ถึงไม่ได้จับตรวจโดยตรง แต่อาการของอันดามันฟ้องทุกอย่าง“พรุ่งนี้กลับกรุงเทพกัน”“ฉันยังไม่อยากกลับ”เขาดึงตัวเองขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหาอันดา“เธอรู้ไหมว่าอาการของเธอนับวันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เช้าวันต่อมา“อื้อ~” หญิงสาวนอนส่งเสียงดังในลำคอออกมาเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวเข้าหาไออุ่นจากคนข้างกาย ใบหน้าสวยหวานซุกลงแผงอกอุ่นคุ้ยเคย ก่อนจะเริ่มลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้รามิลนอนกอดเธอทั้งคืน…เมื่อคืนหลังไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่โซฟา รู้สึกง่วงเลยงีบไปสักพัก ทว่าไม่คิดว่าตัวเองจะหลับจริง ตื่นขึ้นมาอีกทีช่วงเที่ยงคืนเพราะหิวน้ำ ตอนนั้นรามิลกำลังนั่งทำงานอยู่มุมหนึ่งของห้อง กลับมานอนต่อก็หลับไปเลยทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเหนื่อยมาจากไหน เธอหลับตาแล้วนอนต่อในอ้อมกอดของรามิล ชอบเวลาได้นอนในอ้อมกอดอุ่นๆนี้•••คุณหมอหนุ่มตื่นจากการนอนหลับในช่วงเก้าโมงเช้า อ้อมกอดที่ว่างเปล่าทำให้รามิลลืมตาพรึ่บทันที ดีดตัวเองขึ้นมานั่งแล้วมองหาอันดา เธอไม่ได้นอนอยู่ตรงนี้แล้ว…เขาดึงผ้าห่มออกแล้วก้าวลงจากเตียง“ไปไหนอีกวะ!” เขาพูดคนเดียวอย่างกระวนกระวาย กำลังก้าวขาเดินออกไปก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงดังอ้วกอ้ากออกมาจากห้องน้ำเขาเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นอันดากำลังลุกขึ้นจากชักโครก ก่อนจะกดชักโครกแล้วหันมามองเขา เธอเดิน
เธอยืนกอดอกมองออกไปนอกทะเลตรงหน้าด้วยความคิดมากมาย ปล่อยสายลมเย็นพัดผ่าน พากลิ่นอายของน้ำทะเลลอยมาเตะจมูก เสียงเกลียวคลื่นดังระงมไปทั่วชายหาด มองคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามาชายฝั่งแล้วไหลย้อนกลับ เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกของเธอตอนนี้ ครั้นจะเดินออกไปก็ไม่กล้าพอ ทำได้แค่วนเวียนอยู่แบบนี้เพราะไม่สามารถไปไหนไม่ได้เธอมาที่นี่เพราะตั้งใจหนีหน้ารามิล อยากอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนตัวเองอีกครั้งมาได้แค่ตัว ส่วนหัวใจยังอยู่กับเขา…เธอหมุนตัวเตรียมเดินกลับเข้าไปข้างในวิลล่าของครอบครัวคิระ หากแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาพลันเห็นใครบางคนที่ยืนมองมาทางนี้รามิล…เขามาได้ยังไง?“เจอตัวแล้ว”เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกที่เห็นรามิล สองเท้าถอยกรูดออกห่างเมื่อเขาเดินเข้ามาหา ก่อนจะรีบก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หากแต่ว่า…หมับรามิลคว้าแขนเธอแล้วดึงเข้าไปหา ร่างกายแนบชิดกันจนได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขา“หนีมาทำไม”“ฉันอยากอยู่คนเดียว”“ให้จีบแล้วหนีมาดื้อๆแบบนี้ แถวบ้านเรียกขี้โกง”“ขี้โกงตรงไหน ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว”“แต่ฉันอยากอยู่กับเธอ” เขาพูดพร้อมกับกระชับกอดอันดาให้แน่นขึ้น“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”“เมียหายทั้งคนก็ต
“ยัยอันบอกว่าพี่หมอรามิลจะจีบ”“มันบอกพี่เหมือนกันว่าจะจีบอันดา”คิระมองภรรยาสาวที่ทำสีหน้าเป็นกังวล “เป็นห่วงอันดาเหรอ”“ใช่ค่ะ กลัวเพื่อนพี่คิระหลอกยัยอันอีก ไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองต้องมานั่งร้องไห้เสียใจเหมือนที่ผ่านมา”“รามิลไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อน การที่มันบอกว่าจะจีบอันดา พี่ว่ามันพูดจริง” เป็นเพื่อนกับรามิลมานาน รู้ไส้รู้พุงกันหมดทุกอย่างแล้ว คนที่ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนแบบรามิลไม่มีทางพูดลอยๆ เพราะมันไม่ทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง ถ้าบอกว่าจีบก็คือจีบ“ถ้าเพื่อนพี่คิระรักยัยอันดาจริงๆก็ดีไป กลัวแต่จะหลอกนี่สิ” ทำเพื่อนสนิทตัวเองเจ็บครั้งเดียว ไม่กล้าเชื่อคนแบบรามิลอีกเลย รักอันดาจริงก็ดี ไม่อยากให้หลอกเพื่อนสนิทตัวเองเหมือนอย่างที่ผ่านมาคิระยิ้ม“รอดู พี่ว่าครั้งนี้มันเอาจริง”“ขอให้เป็นอย่างที่พี่คิระพูด เทียร์ไปหาลูกก่อนนะ”มาเฟียหนุ่มพยักหน้าให้ภรรยาสาว นึกภาพไม่ออกเลยว่าคนที่ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนแบบรามิล จะจีบอันดายังไงให้ติดอีกครัง•••“อันดาเพิ่งลาออกไปเมื่อวานเองค่ะคุณหมอ”“ลาออก?”“ใช่ค่ะ” “ขอบคุณครับ”“ทะเลาะกันเหรอคะ?”“นิดหน่อยครับ” “สู้ๆนะคะ โบนัสเป็นกำลังใจให้” โบนัส
“สิ่งที่คุณทำกับฉัน มันทำให้ฉันไม่อยากเชื่อคำพูดของคุณอีก คาร์เทียร์เตือนฉันเรื่องคุณหลายครั้ง แต่ฉันยังพยายามที่จะรักคุณ ถ้าวันนั้นฉันทำตามที่คาร์เทียร์บอก วันนี้ฉันก็คงไม่ต้องเสียใจ” “ฉันผิดไปแล้ว…” “ฉันไม่อยากเชื่อคุณ ไม่อยากกลับไปรักคุณอีก อยากหนีคุณไปไกลๆ แต่ทำไมฉัน…ฉันถึงทำไม่ได้”รามิลดึงตัวขึ้นจากตักอันดา ดวงตาแดงก่ำมองใบหน้าสวยหวานซึ่งเต็มไปด้วยคราบน้ำตาพร้อมกับหัวใจแกร่งที่สั่นไหวเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ เขาไม่ชอบเวลาอันดาร้องไห้ แต่มันก็มาจากตัวเองทั้งหมด ที่อันดาร้องไห้ก็เพราะเขาผิดเองที่เข้าไปหลอกให้อันดารัก ถ้าได้โอกาสอีกครั้งจะทะนุถนอมความรู้สึกเธอไว้เป็นอย่างดี“ทำไมถึงทำไม่ได้”“ฮึก…” เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขา เหตุผลเพราะอะไรนะเหรอ? เพราะเธอยังรักและขาดเขาไม่ได้“เพราะเธอยังรักฉันอยู่ใช่ไหม”“ใช่ มันน่าตลกใช่ไหมที่ฉันยังรักผู้ชายที่หลอกให้ฉันรักอย่างคุณอยู่ ฉันควรถอยออกมาไม่ใช่…ไม่ใช่ยังรักคุณอยู่”แค่รู้ว่าอันดายังรักเขาอยู่ ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาแล้ว…“คุณออกไปจากชีวิตฉันได้ไหม คุณเป็นคนเดินออกไปเองได้ไหม” เพราะเธอไม่สามารถเดินออกมาจากชีวิตของรามิล
“เหอะ! รักเหรอ? พูดออกมาได้ยังไงว่ารัก ไม่อายบ้างเหรอคะ เมื่อนึกย้อนกลับไปมองการกระทำของตัวเองในอดีต”“ฉันรู้ว่าทำไม่ดีกับเธอไว้เยอะ แต่ครั้งนี้จริงจัง ไม่ได้เข้ามาหลอกเธอด้วย ฉันรักเธอจริงๆนะอันดา”เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น“เธอยังไม่ต้องเชื่อฉันตอนนี้ก็ได้ แต่จะทำให้เห็นว่าฉันรักเธอจริงๆ”เธอคิดว่าวันนั้นที่รามิลมาหาถึงหน้าบ้านจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ทว่ามันกลับไม่ใช่ เริ่มสับสนกับสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ว่าจริงหรือหลอก ไม่กล้าเชื่อเพราะที่ผ่านมาเขาโกหกเธอมาโดยตลอดถึงจะบอกกับตัวเองว่าไม่เชื่อ แต่หัวใจกลับอ่อนไหวทุกครั้งที่เห็นหน้าเขารามิลจับเรียวคางของอันดาให้หันกลับมาหา ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้คนใต้ร่าง อันดาพยายามเบือนใบหน้าหนีแต่กลับทำไม่สำเร็จ ริมฝีปากทั้งคู่บรรจบกัน แรงบดคลึงจากคนตัวโตทำหัวใจดวงน้อยสั่นไหว ริมฝีปากหยักได้รูปขบเม้มปากล่าง เริ่มสอดแทรกลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากนุ่มเพื่อหยอกล้อกับลิ้นเล็ก มือเรียวที่พยายามดันไหล่แกร่งออกอ่อนแรงลง เช่นเดียวกับร่างกายที่เริ่มอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งโดนไฟลนจูบแสนดูดดื่มถูกถอนออกอย่างอ้อยอิ่งในเวลาต่อมา“ฉันเกลียดคุณ”“ปากบอกว่าเกลียด