ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วกระแทกปากลงมายังกลีบปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากด่าทอเขาอย่างลงทัณฑ์โดยที่เมวีไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวอีกทั้งเธอก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวและขยับร่างกายไม่ได้เลยได้แต่นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างใหญ่โตของชายหนุ่มที่เธอรู้แต่เพียงว่าเขาคือผู้ชายของแม่เลี้ยงและเขาก็กำลังจะข่มเหงเธอ...
ออสการ์บดจูบร้อนแรงกับริมฝีปากบางระเรื่ออย่างโกรธกรุ่นในคราแรกแต่เมื่อสัมผัสถึงความเนียนนุ่มหอมละมุนจากโพรงปากสาวความรุนแรงของอารมณ์ก็ลดลงไปทันที ชายหนุ่มพรมจูบไปตามกลีบปากบวมเจ่อเพราะแรงจุมพิตของตนเรื่อยมายังแก้มแดงจัดอยู่ในแสงสลัว ร่างงามผุดผาดที่เขาพยายามไม่ใส่ใจและคิดว่ามันไม่สามารถปลุกเร้าอารมณ์ของเขาได้นั้นนุ่มละมุนน่าสัมผัส และความคิดเช่นนั้นก็สลายไปตั้งแต่เขาเห็นเธอเปลื้องผ้าออกจากร่างกายแล้วแต่เขาก็พยายามหักห้ามใจและบอกตัวเองให้ต้านทานเสน่ห์ของเธอให้ได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล...
“ถ้าผู้ชายคนนั้นที่ป้าหมายถึงพี่บิ๊กล่ะก็ หนูเมยังไม่เคยปล่อยตัวไปกับเขานะคะและเขาก็ยังไม่มีลูกไม่มีภรรยาด้วย ใครจะมากล่าวหาหนูเมแบบนั้นได้ล่ะคะ”
“มันเป็นสิ่งที่ฟังแล้วทำให้ป้าเหลือความภาคภูมิใจในตัวคุณหนูอยู่มากเลยค่ะ” ป้าอ้อยกล่าวเหมือนประชดกรายๆ
“ป้าอ้อยน่ะ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ หนูเมขอโทษก็ได้ที่ทำตัวไม่น่ารัก ป้าอ้อยอย่าโกรธหนูเมนะคะ หากป้าอ้อยไม่รักหนูเมแล้วใครจะรักหนูเมล่ะคะ...” เมวีรู้ตัวว่าทำให้คนที่รักเสียใจจึงเข้ามาโอบกอดร่างอวบๆ ของป้าอ้อยไว้ เธอก็เหมือนเด็กที่ขาดความอบอุ่น ขาดมารดาที่คอยรักและเอาใจใส่ แต่ป้าอ้อยคือคนที่เธอยึดติดแทนมารดามาตลอดชีวิตและนางก็รักเธอเหมือนลูกแท้ๆ เพราะป้าอ้อยไม่มีลูกหรือสามีซึ่งป้าอ้อยคือคนที่เธอเกรงใจมากรองมาจากบิดาผู้ล่วงลับ
“ป้าอ้อยน่ะรักคุณหนูมากนะคะ และป้าก็อยากให้คุณหนูเป็นคนดี และมีความสุขอยู่ในโลกใบนี้ได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีป้าคุณหนูก็จะได้ไม่ลำบาก”
“โธ่ ป้าขาอย่าพูดแบบนี้ไม่เอาหนูเมไม่ให้พูดแบบนี้” หญิงสาวกอดนางแน่นเข้าไปอีกซบคางมนกับบ่าของป้าอ้อยอย่างออดอ้อนแสนรัก...
หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นกับป้าอ้อยเพียงสองคนแล้ว เมวีก็เดินไปยังห้องพระก่อนจะเข้าห้องของตนเอง เธอไม่ได้กลับมาบ้านกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเพราะคร่ำเคร่งที่จะเรียนให้จบโดยไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร เพราะทุกอย่างของทัศนไพศาลกรุ๊ปนั้นบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและมีคุณทัศยาที่บิดาไว้ใจนั่งแท่นผู้บริหารระหว่างที่เธอยังอายุไม่ถึงกำหนดตามพินัยกรรมของบิดาที่ระบุไว้ว่าเมื่อเธออายุยี่สิบหน้าปีบริบูรณ์เธอก็จะเป็นผู้บริหารของทัศนไพศาลกรุ๊ปทั้งหมด โดยมีเงื่อนไงอีกอย่างที่จะระบุในพินัยกรรมอีกครั้งในวันที่เธอจะอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ซึ่งก็อีกสามเดือนข้างหน้า เธอไม่เข้าใจว่าทำไม คุณพินิจ ทนายประจำตระกูลไม่ยอมบอกเธอว่าเงื่อนไขที่เหลือคืออะไร และทำไมบิดาของเธอต้องทำเช่นนั้น...
“คุณพ่อคะ หนูเมกลับมาแล้วนะคะและรอวันที่ทุกอย่างจะเป็นของหนูเมโดยสมบูรณ์ แต่สิ่งที่หนูเมอยากถามคุณพ่ออีกอย่างค่ะ ทำไมคุณพ่อจึงรักและไว้ใจคุณยาขนาดวางทุกอย่างไว้ในมือของเธอ แล้วคุณพ่อรู้มั้ยคะว่าตอนนี้คุณยากำลังหักหลังคุณพ่ออยู่...”
หญิงสาวพูดเบาๆ กับรูปของบิดาซึ่งอยู่ในห้องพระ ซึ่งมีโกศกระดูกและรูปถ่ายของบิดาที่ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีพร้อมด้วยพานใส่พวงมาลัยมะลิหอมกรุ่น ซึ่งก็คงจะเป็นคุณทัศยาหรือไม่ก็ป้าอ้อยนำมาบูชาพระ
รูปซึ่งอยู่ในกรอบลวดลายงดงามใหญ่เท่าตัวจริงของ คุณเมธี ทัศนไพศาล นั้นยังคงอยู่ในชุดสูททำงานเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าในวัยห้าสิบห้าที่ท่านเสียชีวิตเมื่อเจ็ดปีก่อนนั้นยิ้มละไม ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนในแบบของท่านยังตรึงอยู่ในใจของเธอตลอดเวลาและรอยยิ้มของท่านเหมือนจะส่งผ่านความรักความห่วงใยมาให้เธอเสมอทุกครั้งที่มองรูปของท่าน หญิงสาวนั่งลงกับเบาะรองนั่งหน้ารูปของบิดาแล้วกราบท่านด้วยความรักที่ยังคงมีอยู่เต็มหัวใจ...
“คุณพ่อใจร้ายที่ทิ้งหนูเมไปแล้วปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นครอบครองของของเรา... แต่ไม่เป็นไรค่ะ หนูเมจะปกป้องทุกสิ่งที่เป็นของเราจะไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำลายหรือแย่งชิงไป...”
เมวีกราบบิดาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้นออกไปจากห้องพระแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ยังไม่ปลอดโปร่ง หากเธอไม่ได้คิดไปเองหรือหูแว่วไป เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ยินเสียงบิดาบอกให้เธอใจเย็นๆ และขอให้เธอเชื่อมั่นว่าคุณยาของท่านนั้นเป็นคนดีและรักเธอไม่ต่างจากท่านแม้แต่น้อย... แต่เมวีไม่อยากจะรับรู้ถึงความรักของคุณทัศยาในตอนนี้...
เมื่อออกจากห้องพระเมวีก็กลับเข้าห้องของตัวเองซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างให้องนั้นถูกเก็บรักษาและดูแลอย่างดีเหมือนตอนที่เธออยู่ก่อนไปเรียนต่อที่อังกฤษเมื่อสี่ปีก่อน หญิงสาวเดินไปเปิดไฟที่หัวเตียงสีหวานอย่างไม่เร่งรีบเสียงสลัวในห้องไม่เป็นอุปสรรคของเธอแต่อย่างใด ร่างบางถอดเสื้อผ้าของตนออกจากแล้วเดินตัวตัวเปล่าเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย น้ำใสเย็นฉ่ำไหลรินรดร่างบางที่อวบอิ่มในส่วนที่ถูกที่ควรนั้นงดงามเย้ายวนใจ หญิงสาวฮัมเพลงเบาๆ เมื่อความรู้สึกฉุนเฉียวเมื่อตอนหัวค่ำนั้นลดลง
หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาพันกายและเช็ดเรือนผมยาวสยายถึงกลางหลังที่เปียกชื้นเบาๆ ก่อนจะก้าวออกมาจากห้องน้ำ เดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งตัวใหญ่ที่มีเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังตั้งเรียงรายให้หยิบใช้สอย เมวีปลดผ้าเช็ดตัวออกแล้วหยิบครีมบำรุงผิวกลิ่นหอมละมุนมาลูบไล้เรือนกายของตนเรื่อยๆ แต่แล้วเธอก็ต้องร้องกรี๊ดสุดเสียงเมื่อมองเงาของตนเองในกระจกก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว...
“กรี๊ดดด... อุ๊บอื๊อๆ” เมวีกรีดร้องไม่เท่าไหร่ก็ต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อร่างแกร่งของชายที่อยู่ในเงามืดเคลื่อนกายเข้ามาปิดปากเธอไว้แล้วเกี่ยวเอวบางไว้แนบกับร่างกายของเขา...
“หุบปากเดี๋ยวนี้หากไม่อยากถูกหักคอ... หึหึ กลัวเป็นเหมือนกันเหรอคุณหนูเมวี...” เสียงห้าวของออสการ์ดังชิดใบหูบาง ดวงตาคมเข้มมองสบตาเธอในกระจกแล้วกราดตามองร่างงดงามของเธออย่างอย่างเหยียดหยันแตกต่างจากสายตาของผู้ชายคนอื่นๆ ที่มักมองเธออย่างชื่นชมหลงใหล
“ผู้หญิงอย่างเธอมันก็แค่นี้ล่ะ เอาร่างกายของตัวเองไปหลอกล่อผู้ชายให้หลงใหล แต่ก็มีแต่ผู้ชายหน้าโง่เท่านั้นที่เป็นอย่างนั้น เพราะผู้หญิงอย่างเธอมันก็สวยแค่รูป แต่นิสัยเสีย...” เขาพูดเสียงเข้มจัดขณะสบตาเธอในกระจกเงา
เมวีมองสบตาเขาในกระจกอย่างกราดเกรี้ยวและพยายามดิ้นรนออกจากวงแขนแข็งแรงแต่ยิ่งดิ้นร่างกายเธอก็ยิ่งแนบชิดกับเขา อกอวบใหญ่ไหวกระเพื่อมตามแรงขยับกาย ความใกล้ชิดที่ทำให้เมวีหวิวหวามจนหญิงสาวรู้สึกกลัวจึงรวบรวมแรงทั้งหมดดิ้นเต็มแรงอีกครั้งและครั้งก็ทำให้ทั้งเขาและเธอเสียหลังล้มลงไปกับพื้นโดยร่างสูงใหญ่โตของออสการ์ทับร่างบางซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น
“ไอ้บ้า ลุกออกไปจากตัวฉันนะ หายใจไม่ออก...” เมวีพยายามยันกายลุกขึ้นแต่ดูเหมือนเขาก็ยิ่งทิ้งน้ำหนักลงมา
ตอนที่4.“จะรีบลุกไปไหนล่ะไหนๆ เราก็นอนแนบชิดกันอยู่แบบนี้หาอะไรสนุกๆ ทำไม่ดีกว่าเหรอ...”“ไม่นะ ไอ้บ้า ลุกเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คนจิตใจสกปรก”“อื้ม.. ปากดีซะด้วย เห็นทีต้องสั่งสอนให้รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่...” ออสการ์ยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มเหี้ยมเกรียมเมื่อต้องฟาดฟันกับศัตรูมากกว่า และสำหรับเมวี เธอก็เหมือนศัตรูของเขา...“แกเป็นใครถึงจะมาสั่งสอนฉัน ก็แค่แมงดาที่เกาะผู้หญิงคราวแม่ไปวันๆ โอ๊ย... ไอ้บ้า ฉันเจ็บนะ...”เมวีหันมาต่อว่าเขาอย่างเจ็บแสบแต่ก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อเขาเอื้อมมือหนามาบีบคางมนอย่างแรงโดยไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บแค่ไหน เมวีน้ำตาแทบร่วงเมื่อเขาแสดงความโหดร้ายต่อเธออย่างที่เธอไม่เคยได้เจอจากผู้ชายคนไหนมาก่อน ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินในใจสาวแต่เธอจะไม่มีวันอ้อนวอนให้เขาเห็นใจเด็ดขาด...“ฉันเป็นใครเดี๋ยวเธอก็รู้เอง และเธอจะต้องจดจำฉันไปจนวันตายเลยทีเดียว เมวี...”“อะ อย่านะ... อื้มมม...” เสียงคัดค้านแสนเบาของเธอกลับหายเข้าไปในลำคอเมื่อเมวีพยายามลืมตามองการกระทำของเขาทั้งผลักไสไหล่หนาของเขาออกจากายตนแต่ก็ไม่อาจทำให้เขาลุกจากตัวเธอได้หนำซ้ำเขายังโอบร่างบางยังดูเล็กกระจ้อยร่อยไปเมื่อเทียบกับร่า
ตอนที่1.หญิงสาววัยย่างเข้าเบญจเพสในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ายิ้มกว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มซึ่งโบกมือให้เธออยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง หญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยโดดเด่นซึ่งใบหน้าเรียวไข่นั้นประกอบด้วยดวงตากลมโตภายใต้คิ้วได้รูปเรียวโค้งราวกับวาดด้วยจิตกรเอก จมูกโด่งมีสันสวนได้รูปรับกับริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดเครื่องหน้าทุกชิ้นของเธอสวยไม่เป็นรองใครซ้ำ ทั้งรูปร่างบอบบางระเหิดระหงอวบอัดในส่วนที่ถูกที่ควรแม้แต่หญิงสาวด้วยกันยังอดอิจฉาเธอไม่ได้ เธออยู่ในชุดเสื้อผ้าสีสันสดใสที่เปิดเผยนวลเนื้อขาวผ่องของตนอย่างมั่นใจ หญิงสาวเดินฉับๆ ด้วยท่าทางมาดมั่นดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คนซึ่งต่างก็เดินไปมาทั้งเลือกซื้อของและเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของมหานครแห่งนี้ กรุงเทพมหานคร... มหานครซึ่งรวมทุกสิ่งสรรไว้ในพื้นที่แคบๆ และแสนจะแออัด แต่ผู้คนมากมายก็ใฝ่ฝันที่จะเข้ามาทำงานอยู่กินในเมืองเมืองนี้ เมืองที่ไม่เคยหลับไหล...“พี่บิ๊กมานานรึยังคะ...” เมวี ทัศนไพศาล เอ่ยถามคู้หมั้นหนุ่มอย่างสดใสใบหน้าสวยยิ้มพรายอวดเรียวฟันขาวสะอาดราวไข่มุก“ยังไม่นานครับพี่เองก็เพิ่งมาถึง...” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้
ตอนที่2.เมวีก้าวฉับๆ เข้าไปในบ้านหลังงามใหญ่โตโอ่อ่าที่แวดล้อมด้วยสนามหญ้าเขียวขจีและต้นไม้ดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งได้งดงามลงตัวพร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนสทันสมัย หญิงสาวมองแม่บ้านวัยห้าสิบเศษซึ่งอยู่ที่นี่มานานกับสาวใช้หน้าตาเด๋อด๋าซึ่งออกมาต้อนรับเธอด้วยร่อยยิ้มตื่นเต้นดีใจผิดกับเจ้านายสาวที่ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว คุณหนูเมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนักและเธอก็พร้อมจะพาลกับทุกคน“คุณทัศยาอยู่ไหน”“เอ่อ...”ดาวเรืองสาวใช้หน้าตาบ้านๆ วัยเฉียดเลขสามกล่าวติดๆ ขัดๆ ท่าทางดูมีพิรุธจนเมวีนึกเคือง และพานคิดไปว่าทุกคนในบ้านอาจจะรู้เห็นเป็นใจกับแม่เลี้ยงของเธอกับผู้ชายคนใหม่ หรือไม่ก็ไม่กล้าบอกเธอว่าคุณทัศยาอยู่ที่ไหนเพราะกลัวว่าเธอจะเห็นภาพที่ไม่งาม แต่จะอะไรก็ตามแต่เธอกำลังโกรธ...“คุณหนูมาเหนื่อยๆ ป้าว่าคุณหนูขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีมั้ยคะ”“ไม่ หนูเมจะหาคุณยา ป้าอ้อยไม่ต้องมาเบี่ยงเบนนะคะ บอกมาว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน”“ตอนนี้คุณยาเธอไม่สบายค่ะ พักผ่อนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับ...”“กับผัวใหม่ใช่มั้ย ป้าบอกหนูเมมานะ” ไม่ทันที่ป้าอ้อยแม่บ้านผู้อารีจะพูดจบเมวีก็พูดสวนขึ้นมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผู้ที่เป็นพี่เลี้ยงคุณ