ภัทรานิษฐ์นอนกอดลูกสาวบนเตียง กำลังคิดว่าคงต้องให้ พลอยไพลินมาอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย แม้จะลำบากก็ยอมทน ไม่อยากให้อยู่กับพัฒน์ชนะแล้ว ศิรดาเดินเลี่ยงออกมานอกห้อง เพราะสามีโทรศัพท์ มาหา พอเปิดประตูออกมาก็ประสานสายตากับพัฒน์ชนะเข้า เธอคิดว่าเขากลับไปแล้วซะอีก ศิรดาไม่พูดอะไร เธอปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์กับ รัชยศและต่อด้วยลักขณา เพราะอยากปรึกษาเรื่องภัทรานิษฐ์นี่แหละ สงสัยจะรั้นหัวชนฝากว่าเดิมอีกเป็นแน่
“ยี่หวาเป็นยังไงบ้างฝน” พัฒน์ชนะถามขึ้น เมื่อเห็นว่าศิรดาวางสายแล้ว “โอเคค่ะ น้องพลอยตื่นแล้ว สองแม่ลูกกำลังนอนกอดกันอยู่” “ยี่หวาคงโกรธพี่มากขึ้นไปอีกแน่” “เรื่องมันชัวร์อยู่แล้ว อุตส่าห์ไว้ใจให้ดูแลน้องพลอย แต่พี่แพท กลับทำเสียเรื่องซะนี่” พูดจบศิรดาก็ถอนหายใจออกมา เพราะไม่รู้จะเอายังไงต่อเหมือนกัน “โทษที” “จะว่าไปมันเป็นเรื่องอุบัติเหตุนี่คะ ทำไงได้” “แต่พี่ก็ผิดเต็มประตู โทษใครไม่ได้หรอก” “เฮ้อ...” ศิรดาถอนหายChapter 73ข่าวที่พลอยไพลินติดอยู่ในลิฟต์ ศุภวุฒิเห็นจากหน้าหนังสือพิมพ์ ชายหนุ่มพยายามติดต่อภัทรานิษฐ์และก็ทำได้สำเร็จ พอรู้ว่าหญิงสาวอยู่ไหนก็รีบไปหาพร้อมของเยี่อมและปลอบขวัญพลอยไพลินด้วย พอเห็นหน้าครูใหญ่ พลอยไพลินก็เอ่ยทักเพราะอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว“คุณครูใหญ่”“ครับน้องพลอย นักเรียนของครูเป็นยังไงบ้างเอ่ย” ศุภวุฒิย่อตัวลงไปหาพลอยไพลินที่เดินยิ้มมาหาคนคุ้นเคย“สบายดีค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยบอก ตอนนี้สบายดีเพราะหายตกใจและหายกลัวแล้ว แต่เมื่อสี่ห้าชั่วโมงก่อนยังร้องไห้จ้าอยู่เลย“ดีขึ้นแล้วค่ะ พึ่งกลับมาร่าเริงช่างจ้อแบบนี้ได้ไม่นานเอง” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอกแทนลูกที่ยังคงไม่เข้าใจอารมณ์ตัวเองนักหรอก“ดีแล้วครับ เด็กๆ ก็ดีแบบนี้ ลืมเรื่องเลวร้ายได้ง่าย”“แต่คงกลัวลิฟต์ไปอีกนาน” คนเป็นแม่ส่ายหน้าให้ลูก ตอนนี้พลอยไพลินแทบจำเรื่องราวไม่ได้เลยมั้ง ว่าร้องไห้เพราะอะไร“ให้เวลาหน่อยครับ อีกหน่อยก็ดีขึ้น”“ฉันก็หวังว่า
Chapter 74“ถ้าไม่ได้รัก แล้วตอนนั้นแกจะเก็บน้องพลอยไว้ทำไมกันหวา ในเมื่อแกสามารถทำแท้งลูกของผู้ชายที่มันข่มเหงแกได้ และแกก็คิดจะทำแล้วด้วย แต่ที่แกเก็บลูกพี่แพทไว้เพราะรัก ไม่ใช่หรือไง” คำพูดของศิรดาทำให้พัฒน์ชนะที่ยืนฟังอยู่นอกห้องตกใจ ภัทรานิษฐ์คิดจะทำแท้งแต่โชคดีที่เธอไม่ได้ทำ ไม่อย่างนั้นเขาคงบาปมากกว่านี้แน่“ไม่ เราไม่มีทางรักผู้ชายคนนั้นอีก เลิกพูดเรื่องนี้เถอะฝนเราขอ”“หวา...เขาเป็นพ่อของน้องพลอยนะ เข้าใจบ้างสิ”“พอเถอะ พอแล้ว” ภัทรานิษฐ์ยกมือขึ้นปิดหู ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น แต่ถึงจะปิดแน่นแค่ไหนก็ยังได้ยินเสียง เสียงที่มันดังก้องอยู่ในหัวใจเธอ ว่ายังรักพัฒน์ชนะอยู่แม้จะพยายามบอกตัวเองให้เลิกรักเขาแล้วก็ตาม เพราะรักเขาถึงได้เจ็บแบบนี้“ฝน...พอก่อนนะ อย่าใส่อารมณ์มากไปแบบนี้สิ” รัชยศเอ่ยปรามภรรยา“แกนี่มันใจแข็งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก เห็นแก่ตัว ไม่สงสารน้องพลอยบ้างหรือไง พ่อมาอยู่ใกล้แค่นี้ แต่แกกลับผลักไสให้พี่แพท ออกไปพ้นๆ คนที่พรากพ่อพรากลูก ไม่ให้เขาสอ
Chapter 75“มาเฝ้ายี่หวา มาดูแลน้องพลอยด้วย” พูดจบก็วางของไว้บนโซฟา“ไม่จำเป็น” ภัทรานิษฐ์ตอบแบบไม่ลังเล แต่พัฒน์ชนะก็ยังนิ่ง พลอยไพลินที่ไม่รู้เรื่องรอบข้าง เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม พร้อมยื่นยีราฟให้ดู“พ่อจ๋า น้องพลอยมีพี่ยีราฟด้วยค่ะ” ความดีใจที่ได้พบพัฒน์ชนะ ทำให้พลอยไพลินเอ่ยเรียกเขาว่าพ่อจ๋า เพราะคำนี้เหมือนจะชินปากเด็กหญิงไปแล้ว คำเรียกนี้ทำให้ภัทรานิษฐ์มองหน้าลูก สลับกับมองหน้าพัฒน์ชนะ เธอตกใจตาค้าง ไม่รู้ว่าไปสอนกันให้เรียกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่“เหรอครับ น้องพลอยคนเก่งของพ่อจ๋า หายตกใจแล้วใช่ไหม” พัฒน์ชนะย่อตัวลงไปคุยกับพลอยไพลิน เอ่ยแทนตัวเองแบบไม่ขัดเขินและเต็มใจ ยิ่งทำให้ภัทรานิษฐ์โกรธเคืองเพิ่มขึ้นไปอีก“อะ...อะไรนะ คุณให้ลูกฉันเรียกคุณแบบนั้นได้ยังไง น่าเกลียด”“ก็พี่เป็นพ่อของน้องพลอย ให้ลูกเรียกว่าพ่อจ๋า ไม่เห็นแปลกทีลูกยังเรียกยี่หวาว่าแม่จ๋าได้เลย” พูดจบก็ส่งยิ้มให้ภัทรานิษฐ์ แต่เธอกลับทำหน้าบึ้งตึงใส่ตามเคย“ใครอนุญาตใ
“พ่อแม่ลูก” ภัทรานิษฐ์เอ่ยทวนสิ่งที่ได้ยิน อยากข่วนหน้าพัฒน์ชนะเหลือเกิน“มีน้องพลอยเป็นลูก” พลอยไพลินเอ่ยถามประสาเด็กพัฒน์ชนะถึงกับยิ้มกริ่ม แต่ภัทรานิษฐ์ไม่มีอารมณ์จะยิ้ม“ใช่แล้วครับ...ต่อไปนี้น้องพลอยก็จะมีแม่จ๋า พ่อจ๋า ย่าจ๋า”“เยอะจังเลย” เสียงใสๆ เอ่ยบอก ก่อนจะยิ้มจนตาหยี อารมณ์ดีจนภัทรานิษฐ์แปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่เธอสงสัยในคำพูดพัฒน์ชนะ“ย่าจ๋า...หมายถึงใคร”“แม่พี่เอง” ชายหนุ่มเฉลยให้“นี่คุณ...ให้ลูกฉันเรียกแม่คุณว่าย่าจ๋าด้วยเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ” ภัทรานิษฐ์กำหมัดแน่น ไม่กี่วันที่เธอให้พัฒน์ชนะอยู่กับพลอยไพลิน เขาสอนอะไรลูกเธอบ้าง ถึงได้เรียกคนนั้น คนนี้ดูสนิทสนมไปหมด“มากไปซะที่ไหน ย่าหลานรักกันดีออก”“หยุดให้ลูกฉันเรียกญาติๆ คุณว่าแบบนั้นซะ”“ถามลูกก่อนสิ”“คุณนี่....”“เรื่องน้องพลอย ที่บ้านยี่หวายังไม่รู้ใช้ไห
“เห็นไหมล่ะ แกยังพูดไม่ออกเลย ถ้าเขาแกล้งรักฉันเพียงเพราะฉันมีลูกกับเขา ฉันไม่ต้องการความรู้สึกแบบนั้นนะเก๋” “เออ...ฉันเข้าใจ” ลักขณาถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะไม่รู้ว่าภัทรานิษฐ์คิดแบบนี้ แต่คนที่จะทำให้เพื่อนเธอมั่นใจคงหนีไม่พ้นตัวของพัฒน์ชนะเอง ซึ่งเรื่องนี้มันคงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นช่วงนี้เร็วมาก เร็วจนเธอเองก็ยังตกใจ ลักขณาเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากให้ภัทรานิษฐ์เครียดมากไปกว่านี้ แต่สุดท้ายเพื่อนเธอก็ยอมบอกว่าพัฒน์ชนะจะมานอนเฝ้าและดูแลพลอยไพลินไปในตัว ซึ่งลักขณาก็เห็นด้วย เพราะตอนนี้คนที่เหมาะกับหน้าที่นั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากพัฒน์ชนะ เธอก็ได้แต่หวังว่าภัทรานิษฐ์จะยอมใจอ่อนในเร็ววัน ส่วนพัฒน์ชนะนั้นเธอไม่ห่วงหรอก เพราะก่อนหน้าจะโทรศัพท์มาหาภัทรานิษฐ์เธอคุยกับชายหนุ่มแล้ว เพราะเขาเป็นฝ่ายโทรศัพท์ มาหาเธอเอง คุยเรื่องภัทรานิษฐ์เป็นหลักว่าจะยังไงต่อไปดี ซึ่งเธอก็ให้เขาสู้ต่อเท่านั้น จากการพูดคุยจึงพอจะรู้ว่าพัฒน์ชนะรักภัทรานิษฐ์เข้าให้แล้ว แต่เพื่อนเธอนี่ส
พัฒน์ชนะรู้สึกตัวตื่น หลังจากงีบหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ชายหนุ่มเดินมายังเตียง มองสองแม่ลูกที่นอนกอดกันอย่างอบอุ่นเขากระชับผ้าห่มที่ร่นลงไปขึ้นไปห่มให้ทั้งสองคน ก่อนจะจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย เมื่อได้อาบน้ำจึงสดชื่นได้มาก พอกลับออกมาจากห้องน้ำก็สบตากับภัทรานิษฐ์เข้า หญิงสาวขยับตัวช้าๆ ลงจากเตียงเพราะกลัวลูกตื่น“ยี่หวา...จะไปไหน” คนที่พึ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำ ปรี่เข้าไปหาภัทรานิษฐ์ทันที แต่เธอกลับผลักมือเขาให้ออกห่าง“ห้องน้ำ”“พี่พาไป”“ไม่ต้อง โอ๊ย!” คนเจ็บเอ่ยตอบเสียงเขียว แต่พอทิ้งน้ำหนักลงพื้น เจ้าตัวก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที พัฒน์ชนะไม่สนท่าทีต่อต้านของ ภัทรานิษฐ์ ชายหนุ่มพยุงเธอไปยังห้องน้ำ มือข้างหนึ่งลากเสาน้ำเกลือ ให้ด้วย พอเข้าไปในห้องน้ำพัฒน์ชนะก็หยิบแก้วมาเปิดน้ำให้ หยิบยาสีฟันบีบลงไปบนแปรงให้เธอเสร็จสรรพ ก่อนจะออกไปยืนรอหน้าห้องน้ำภัทรานิษฐ์ยืนมองของทั้งสองอย่างสลับกับมองหน้าตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ เธอหยิบแปรงสีฟันขึ้นมอง อยากทิ้งลงถังขยะแต่ก็ทำไม่ลง เธอล้างหน้าแปรงฟั
“จ้ะ ของน้องพลอย ย่าจ๋าทำมาให้ ไม่รู้ว่าจะอร่อยเหมือนที่แม่จ๋าทำหรือเปล่านะ” คนเป็นย่านำไข่ตุ๋นมาตรงหน้าพลอยไพลิน และจัดชุดอาหารเล็กๆ ให้หลานสาว อีกชุดก็ของภัทรานิษฐ์ ส่วนพัฒน์ชนะอาหารเช้าคือกาแฟและขนมปังซึ่งเธอก็เตรียมมาให้ลูกด้วยเหมือนกัน“ไม่ต้องลำบากก็ได้ อาหารที่โรงพยาบาลก็มี” ภัทรานิษฐ์เอ่ยขึ้น เพราะรู้สึกเกรงใจ“ป้าไม่ได้ลำบากอะไรหรอก กินเถอะจ้ะ” นุชรีย์วางช้อนให้ ภัทรานิษฐ์ เธอมองไปยังพลอยไพลินที่นั่งกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่บนโซฟา โดยมีพัฒน์ชนะคอยดูอยู่ข้างๆ ภัทรานิษฐ์นั่งนิ่งเป็นนานก่อนจะกินข้าวที่นุชรีย์เอามาให้ แต่มันก็ยังรู้สึกตื้อๆ ลิ้นไม่ค่อยรับรสสักเท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ทำให้พัฒน์ชนะแยกตัวออกไปรับสายนอกห้องพักฟื้นของภัทรานิษฐ์“หนู...รักลูกชายของป้าไหม” คำถามของนุชรีย์ ทำให้ภัทรานิษฐ์วางช้อนทันที“ไม่รักค่ะ” คำตอบของคนใจแข็ง ทำให้นุชรีย์ถอนหายใจออกมาหนักๆ“แต่ลูกชายป้าเขารักหนูนะ”“เขาก็แค่แกล้งทำ”
ภายในร้านขายของชำขนาดกลาง ที่เปิดกิจการมาได้หลายปี จรรยาที่อยู่เฝ้าร้าน หยิบหนังสือพิมพ์เมื่อหลายวันก่อนของสามีมาอ่าน พอเห็นข่าวเด็กติดอยู่ในลิฟต์แก้วของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก็สงสาร เพราะภาพบนหนังสือพิมพ์ เด็กคนนั้นร้องไห้ไม่ยอมหยุด“ลูกใคร หลานใครนะ น่าสงสาร”“อะไรแม่” ทวีที่จัดของอยู่ในร้านเอ่ยถามภรรยา“ก็ข่าวในหนังสือพิมพ์นี่น่ะสิพ่อ พ่อแม่เขาคงใจสลายนะ ที่เห็นลูกติดอยู่ในลิฟต์ ถึงจะช่วยออกมาได้แล้ว แต่กว่าจะช่วยได้...เฮ่อ...” จรรยาลอบถอนหายใจออกมากับข่าวที่ได้อ่าน“เด็กเล็กๆ แบบนี้ คลาดสายตาหน่อยก็เกิดอุบัติเหตุได้แล้ว”“จ้ะ พ่อเราลงไปหายี่หวาที่กรุงเทพฯ กันไหม ฉันคิดถึงลูกมัน พักนี้ไม่ค่อยโทรศัพท์มาหาเราเลยด้วย” คนเป็นภรรยาเอ่ยถาม พอได้อ่านข่าวนี้ทำไมถึงได้คิดถึงภัทรานิษฐ์ขึ้นมาก็ไม่รู้“ไปสิ พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”“ผมไปด้วยสิแม่” เสียงของวสุว
“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้