Chapter 74
“ถ้าไม่ได้รัก แล้วตอนนั้นแกจะเก็บน้องพลอยไว้ทำไมกันหวา ในเมื่อแกสามารถทำแท้งลูกของผู้ชายที่มันข่มเหงแกได้ และแกก็คิดจะทำแล้วด้วย แต่ที่แกเก็บลูกพี่แพทไว้เพราะรัก ไม่ใช่หรือไง” คำพูดของศิรดาทำให้พัฒน์ชนะที่ยืนฟังอยู่นอกห้องตกใจ ภัทรานิษฐ์คิดจะทำแท้งแต่โชคดีที่เธอไม่ได้ทำ ไม่อย่างนั้นเขาคงบาปมากกว่านี้แน่
“ไม่ เราไม่มีทางรักผู้ชายคนนั้นอีก เลิกพูดเรื่องนี้เถอะฝนเราขอ”“หวา...เขาเป็นพ่อของน้องพลอยนะ เข้าใจบ้างสิ”“พอเถอะ พอแล้ว” ภัทรานิษฐ์ยกมือขึ้นปิดหู ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น แต่ถึงจะปิดแน่นแค่ไหนก็ยังได้ยินเสียง เสียงที่มันดังก้องอยู่ในหัวใจเธอ ว่ายังรักพัฒน์ชนะอยู่แม้จะพยายามบอกตัวเองให้เลิกรักเขาแล้วก็ตาม เพราะรักเขาถึงได้เจ็บแบบนี้ “ฝน...พอก่อนนะ อย่าใส่อารมณ์มากไปแบบนี้สิ” รัชยศเอ่ยปรามภรรยา “แกนี่มันใจแข็งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก เห็นแก่ตัว ไม่สงสารน้องพลอยบ้างหรือไง พ่อมาอยู่ใกล้แค่นี้ แต่แกกลับผลักไสให้พี่แพท ออกไปพ้นๆ คนที่พรากพ่อพรากลูก ไม่ให้เขาสอChapter 75“มาเฝ้ายี่หวา มาดูแลน้องพลอยด้วย” พูดจบก็วางของไว้บนโซฟา“ไม่จำเป็น” ภัทรานิษฐ์ตอบแบบไม่ลังเล แต่พัฒน์ชนะก็ยังนิ่ง พลอยไพลินที่ไม่รู้เรื่องรอบข้าง เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม พร้อมยื่นยีราฟให้ดู“พ่อจ๋า น้องพลอยมีพี่ยีราฟด้วยค่ะ” ความดีใจที่ได้พบพัฒน์ชนะ ทำให้พลอยไพลินเอ่ยเรียกเขาว่าพ่อจ๋า เพราะคำนี้เหมือนจะชินปากเด็กหญิงไปแล้ว คำเรียกนี้ทำให้ภัทรานิษฐ์มองหน้าลูก สลับกับมองหน้าพัฒน์ชนะ เธอตกใจตาค้าง ไม่รู้ว่าไปสอนกันให้เรียกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่“เหรอครับ น้องพลอยคนเก่งของพ่อจ๋า หายตกใจแล้วใช่ไหม” พัฒน์ชนะย่อตัวลงไปคุยกับพลอยไพลิน เอ่ยแทนตัวเองแบบไม่ขัดเขินและเต็มใจ ยิ่งทำให้ภัทรานิษฐ์โกรธเคืองเพิ่มขึ้นไปอีก“อะ...อะไรนะ คุณให้ลูกฉันเรียกคุณแบบนั้นได้ยังไง น่าเกลียด”“ก็พี่เป็นพ่อของน้องพลอย ให้ลูกเรียกว่าพ่อจ๋า ไม่เห็นแปลกทีลูกยังเรียกยี่หวาว่าแม่จ๋าได้เลย” พูดจบก็ส่งยิ้มให้ภัทรานิษฐ์ แต่เธอกลับทำหน้าบึ้งตึงใส่ตามเคย“ใครอนุญาตใ
“พ่อแม่ลูก” ภัทรานิษฐ์เอ่ยทวนสิ่งที่ได้ยิน อยากข่วนหน้าพัฒน์ชนะเหลือเกิน“มีน้องพลอยเป็นลูก” พลอยไพลินเอ่ยถามประสาเด็กพัฒน์ชนะถึงกับยิ้มกริ่ม แต่ภัทรานิษฐ์ไม่มีอารมณ์จะยิ้ม“ใช่แล้วครับ...ต่อไปนี้น้องพลอยก็จะมีแม่จ๋า พ่อจ๋า ย่าจ๋า”“เยอะจังเลย” เสียงใสๆ เอ่ยบอก ก่อนจะยิ้มจนตาหยี อารมณ์ดีจนภัทรานิษฐ์แปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่เธอสงสัยในคำพูดพัฒน์ชนะ“ย่าจ๋า...หมายถึงใคร”“แม่พี่เอง” ชายหนุ่มเฉลยให้“นี่คุณ...ให้ลูกฉันเรียกแม่คุณว่าย่าจ๋าด้วยเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ” ภัทรานิษฐ์กำหมัดแน่น ไม่กี่วันที่เธอให้พัฒน์ชนะอยู่กับพลอยไพลิน เขาสอนอะไรลูกเธอบ้าง ถึงได้เรียกคนนั้น คนนี้ดูสนิทสนมไปหมด“มากไปซะที่ไหน ย่าหลานรักกันดีออก”“หยุดให้ลูกฉันเรียกญาติๆ คุณว่าแบบนั้นซะ”“ถามลูกก่อนสิ”“คุณนี่....”“เรื่องน้องพลอย ที่บ้านยี่หวายังไม่รู้ใช้ไห
“เห็นไหมล่ะ แกยังพูดไม่ออกเลย ถ้าเขาแกล้งรักฉันเพียงเพราะฉันมีลูกกับเขา ฉันไม่ต้องการความรู้สึกแบบนั้นนะเก๋” “เออ...ฉันเข้าใจ” ลักขณาถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะไม่รู้ว่าภัทรานิษฐ์คิดแบบนี้ แต่คนที่จะทำให้เพื่อนเธอมั่นใจคงหนีไม่พ้นตัวของพัฒน์ชนะเอง ซึ่งเรื่องนี้มันคงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นช่วงนี้เร็วมาก เร็วจนเธอเองก็ยังตกใจ ลักขณาเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากให้ภัทรานิษฐ์เครียดมากไปกว่านี้ แต่สุดท้ายเพื่อนเธอก็ยอมบอกว่าพัฒน์ชนะจะมานอนเฝ้าและดูแลพลอยไพลินไปในตัว ซึ่งลักขณาก็เห็นด้วย เพราะตอนนี้คนที่เหมาะกับหน้าที่นั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากพัฒน์ชนะ เธอก็ได้แต่หวังว่าภัทรานิษฐ์จะยอมใจอ่อนในเร็ววัน ส่วนพัฒน์ชนะนั้นเธอไม่ห่วงหรอก เพราะก่อนหน้าจะโทรศัพท์มาหาภัทรานิษฐ์เธอคุยกับชายหนุ่มแล้ว เพราะเขาเป็นฝ่ายโทรศัพท์ มาหาเธอเอง คุยเรื่องภัทรานิษฐ์เป็นหลักว่าจะยังไงต่อไปดี ซึ่งเธอก็ให้เขาสู้ต่อเท่านั้น จากการพูดคุยจึงพอจะรู้ว่าพัฒน์ชนะรักภัทรานิษฐ์เข้าให้แล้ว แต่เพื่อนเธอนี่ส
พัฒน์ชนะรู้สึกตัวตื่น หลังจากงีบหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ชายหนุ่มเดินมายังเตียง มองสองแม่ลูกที่นอนกอดกันอย่างอบอุ่นเขากระชับผ้าห่มที่ร่นลงไปขึ้นไปห่มให้ทั้งสองคน ก่อนจะจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย เมื่อได้อาบน้ำจึงสดชื่นได้มาก พอกลับออกมาจากห้องน้ำก็สบตากับภัทรานิษฐ์เข้า หญิงสาวขยับตัวช้าๆ ลงจากเตียงเพราะกลัวลูกตื่น“ยี่หวา...จะไปไหน” คนที่พึ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำ ปรี่เข้าไปหาภัทรานิษฐ์ทันที แต่เธอกลับผลักมือเขาให้ออกห่าง“ห้องน้ำ”“พี่พาไป”“ไม่ต้อง โอ๊ย!” คนเจ็บเอ่ยตอบเสียงเขียว แต่พอทิ้งน้ำหนักลงพื้น เจ้าตัวก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที พัฒน์ชนะไม่สนท่าทีต่อต้านของ ภัทรานิษฐ์ ชายหนุ่มพยุงเธอไปยังห้องน้ำ มือข้างหนึ่งลากเสาน้ำเกลือ ให้ด้วย พอเข้าไปในห้องน้ำพัฒน์ชนะก็หยิบแก้วมาเปิดน้ำให้ หยิบยาสีฟันบีบลงไปบนแปรงให้เธอเสร็จสรรพ ก่อนจะออกไปยืนรอหน้าห้องน้ำภัทรานิษฐ์ยืนมองของทั้งสองอย่างสลับกับมองหน้าตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ เธอหยิบแปรงสีฟันขึ้นมอง อยากทิ้งลงถังขยะแต่ก็ทำไม่ลง เธอล้างหน้าแปรงฟั
“จ้ะ ของน้องพลอย ย่าจ๋าทำมาให้ ไม่รู้ว่าจะอร่อยเหมือนที่แม่จ๋าทำหรือเปล่านะ” คนเป็นย่านำไข่ตุ๋นมาตรงหน้าพลอยไพลิน และจัดชุดอาหารเล็กๆ ให้หลานสาว อีกชุดก็ของภัทรานิษฐ์ ส่วนพัฒน์ชนะอาหารเช้าคือกาแฟและขนมปังซึ่งเธอก็เตรียมมาให้ลูกด้วยเหมือนกัน“ไม่ต้องลำบากก็ได้ อาหารที่โรงพยาบาลก็มี” ภัทรานิษฐ์เอ่ยขึ้น เพราะรู้สึกเกรงใจ“ป้าไม่ได้ลำบากอะไรหรอก กินเถอะจ้ะ” นุชรีย์วางช้อนให้ ภัทรานิษฐ์ เธอมองไปยังพลอยไพลินที่นั่งกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่บนโซฟา โดยมีพัฒน์ชนะคอยดูอยู่ข้างๆ ภัทรานิษฐ์นั่งนิ่งเป็นนานก่อนจะกินข้าวที่นุชรีย์เอามาให้ แต่มันก็ยังรู้สึกตื้อๆ ลิ้นไม่ค่อยรับรสสักเท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ทำให้พัฒน์ชนะแยกตัวออกไปรับสายนอกห้องพักฟื้นของภัทรานิษฐ์“หนู...รักลูกชายของป้าไหม” คำถามของนุชรีย์ ทำให้ภัทรานิษฐ์วางช้อนทันที“ไม่รักค่ะ” คำตอบของคนใจแข็ง ทำให้นุชรีย์ถอนหายใจออกมาหนักๆ“แต่ลูกชายป้าเขารักหนูนะ”“เขาก็แค่แกล้งทำ”
ภายในร้านขายของชำขนาดกลาง ที่เปิดกิจการมาได้หลายปี จรรยาที่อยู่เฝ้าร้าน หยิบหนังสือพิมพ์เมื่อหลายวันก่อนของสามีมาอ่าน พอเห็นข่าวเด็กติดอยู่ในลิฟต์แก้วของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก็สงสาร เพราะภาพบนหนังสือพิมพ์ เด็กคนนั้นร้องไห้ไม่ยอมหยุด“ลูกใคร หลานใครนะ น่าสงสาร”“อะไรแม่” ทวีที่จัดของอยู่ในร้านเอ่ยถามภรรยา“ก็ข่าวในหนังสือพิมพ์นี่น่ะสิพ่อ พ่อแม่เขาคงใจสลายนะ ที่เห็นลูกติดอยู่ในลิฟต์ ถึงจะช่วยออกมาได้แล้ว แต่กว่าจะช่วยได้...เฮ่อ...” จรรยาลอบถอนหายใจออกมากับข่าวที่ได้อ่าน“เด็กเล็กๆ แบบนี้ คลาดสายตาหน่อยก็เกิดอุบัติเหตุได้แล้ว”“จ้ะ พ่อเราลงไปหายี่หวาที่กรุงเทพฯ กันไหม ฉันคิดถึงลูกมัน พักนี้ไม่ค่อยโทรศัพท์มาหาเราเลยด้วย” คนเป็นภรรยาเอ่ยถาม พอได้อ่านข่าวนี้ทำไมถึงได้คิดถึงภัทรานิษฐ์ขึ้นมาก็ไม่รู้“ไปสิ พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”“ผมไปด้วยสิแม่” เสียงของวสุว
“แต่ไม่ทำ”“ถ้าจะพูดเรื่องนี้ ออกไปให้พ้นเลยนะ” คนขี้โมโหเงยหน้าขึ้นมองพัฒน์ชนะ ก่อนจะมองเขาตาขวาง“ครับๆ” ชายหนุ่มยกมือขึ้น เหมือนยอมแพ้แล้ว ก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอ วันนี้เขาไม่ค่อยมีงานจึงคิดอยากทำกับข้าวให้ภัทรานิษฐ์และพลอยไพลินกินเพราะพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่พอเปิดตู้เย็นก็ต้องส่ายหน้า เพราะมันมีแค่ไข่กับไส้กรอกพัฒน์ชนะขับรถออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ภัทรานิษฐ์ได้ยินเสียงรถเขา แอบใจหวิวเล็กน้อยเพราะคิดว่าเขาไปแล้ว แอบย่องออกมาดูของใช้ของชายหนุ่ม พอเห็นว่าโน๊ตบุ๊คของพัฒน์ชนะยังวางอยู่ ที่เดิมก็ยิ้มออกมา แต่ก็หุบยิ้มทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆ ที่แอบดีใจ เธอกลับไปทำงานตามเดิม ยังดีที่ภัทรานิษฐ์มีลูกน้องดีงานที่ร้านจึงราบรื่น ไม่มีเรื่องให้กังวลหายไปเกือบสองชั่วโมง พัฒน์ชนะก็กลับมาพร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ มีผลไม้และอื่นๆ ด้วย ชายหนุ่มแทบจะเหมาซุปเปอร์มาเก็ตเหมือนกัน เพราะนั่นก็อยากทำให้ภัทรานิษฐ์กิน นี่ก็อยากทำให้พลอยไพลินได้กิน ทุกอย่างที่ซื้อมาไม่มีของเขาเลย มีแต่ของคนที่ชายหนุ่มอยากทำให
“ฉันไปส่งน้องพลอยเอง” เสียงตึงๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก ตอนกำลังจะออกไปส่งพลอยไพลิน“พี่ไปด้วย”“คุณไม่มีอะไรทำหรือไง ตามติดฉันกับลูกอยู่ได้ น่ารำคาญ”“มี เพราะหลังจากส่งน้องพลอย พี่จะพายี่หวาไปตัดไหมที่โรงพยาบาล จากนั้นก็จะไปส่งตามที่ยี่หวาบอก”“วุ่นวาย” ภัทรานิษฐ์ทำเป็นรำคาญเขา พลอยไพลินจูงมือแม่ไว้ ยื้อให้เดินไปยังรถของพัฒน์ชนะ ซึ่งเธอก็ยอมทำตามลูก ชายหนุ่มส่ายหน้าให้คนหัวรั้น ไม่ยอมลงให้เขาเลย แต่ถึงอย่างนั้นภัทรานิษฐ์ก็มีท่าทีอ่อนลงไป ท่าทางเหมือนรังเกียจเขามาก แต่การกระทำบางอย่างของเธอมันก็ตรงกันข้าม พอให้เขาได้ใจชื้นขึ้นมาการไปโรงเรียนในวันนี้ พลอยไพลินมีแม่และพ่อไปส่งพร้อมกันเป็นครั้งแรก พอถึงโรงเรียนเด็กหญิงตัวน้อยก็หันมาบ๊าย บายภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะแบบเสียงดังฟังชัด ทำเอาคุณครูประจำชั้นที่มายืนรอรับแอบยิ้ม เพราะพลอยไพลินกำลังบอกให้คนรอบข้างรู้ว่าวันนี้มีพ่อกับแม่มาส่งนะ“แม่จ๋า พ่อจ๋า บ๊าย บาย”“บ๊าย บายครับ” พัฒน์ชนะยืนโบกมือให้ลูก ในที่สุ
“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้