‘เธออยากลืมฉันให้หมดจากใจและเธอจะลืมฉันเหรอ?’แม้ว่าเธอจะพูดด้วยน้ำเสียงสงบ แต่มันกลับชัดเจน!ปัง!ทันใดนั้น เขาก็ยกมือขึ้นชกเข้าที่รถอย่างแรง!“นายน้อยอี้!” คนขับพูดพึมพำ ขณะเห็นเพียงความเศร้าโศกบนใบหน้าที่หล่อเหลาของชายร่างสูงผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างหน้าเขา…หลิง อี้หรานกลับมาที่ห้องเช่าของเธอและล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรงเธอเหนื่อยมาก ราวกับว่าเธอได้ต่อสู้อย่างหนักในวันนี้แต่เธอต้องทำให้มันชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าอี้ จิ่นหลีจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกอย่างไรเสีย เขาก็เป็นคนที่มีศักดิ์ศรีในตัวเอง‘พี่สาว...’ เธอไม่คิดว่าจะได้ยินเขาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ อีกครั้งในวันนี้ มันทำให้เธอนึกถึงชีวิตที่เธอมีหลังจากพาเขากลับไปที่ห้องเช่าห้องเก่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงหนึ่งในตอนนั้นเธอคิดว่าเธอจะได้มีครอบครัวอีกครั้งแต่... เธอกลับไม่มีครอบครัวเลย“จิน ฉันแน่ใจว่าฉันจะลืมคุณได้” หลิง อี้หรานพึมพำกับตัวเอง ‘ฉันจะลืมจิน และจำไว้ว่าในโลกนี้มีเพียงอี้ จิ่นหลี!’เขาเป็นคนที่น่านับถือมากในเมืองเฉินและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอเธอนอนไม่หลับท
หลิง อี้หรานโทรหาพนักงานต้อนรับและขอให้เธอเอาดอกกุหลาบไปทิ้งพนักงานต้อนรับแบ่งกุหลาบออกเป็นช่อและแจกจ่ายให้ทุกคนในบริษัท เนื่องจากได้ดอกกุหลาบนี้มาฟรี ๆ ผู้คนมากมายจึงดีใจมากที่ได้รับมัน มีเพียงกวาน ลี่หลี่เท่านั้นที่แสดงใบหน้าบึ้งตึง ราวกับว่ามีคนติดหนี้เธอหลายล้านเหรียญ‘เป็นไปได้ไหมว่า... หลิง อี้หรานกับอี้ จิ่นหลียังไม่เลิกกัน? นั่นคือเหตุผลที่มีคนจ่ายค่าอาหารให้เธอที่ คลับดรังเค่น เดย์และมีคนส่งดอกกุหลาบให้เธอในวันนี้?’‘แต่ถ้าพวกเขายังไม่เลิกกัน ทำไมหลิง อี้หรานถึงแต่งตัวแย่ขนาดนี้? แม้แต่กระเป๋าที่เธอพกมาทำงานก็ยังเป็นรูปแบบที่ล้าสมัยเมื่อหลายปีก่อน! แล้วมันก็ยังดูเก่าอีกด้วย!’ดวงตาของกวาน ลี่หลี่ก็เป็นประกายเมื่อเธอคิดแผนบางอย่างออกไม่นานหลังจากนั้น หลิง อี้หรานก็ถูกเรียกตัวไปที่ห้องทำงานของทนายกู้“คุณมีแฟนแล้วเหรอ?” ทนายกู้ถามตรงประเด็น เพราะเขาเคยบอกในช่วงเริ่มต้นของการสัมภาษณ์งานว่าเขาไม่ต้องการผู้หญิงที่มีแฟนหรือมีครอบครัวแล้ว“ไม่ค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ“แล้วกุหลาบพวกนั้น...”“ของหยู ข่ายฮ่าว วันก่อนฉันไปขอลายเซ็นจากเขา แล้วเขากำลังยุ่งอยู่กับอะไรบางอย่างเลยปล่อย
“ได้ค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ ตามข้อมูลที่เธอรวบรวมมา รถของกวอ ซิ่นหลี่และรถของอาหลีกำลังขับตามหลังกันในขณะที่เกิดอุบัติเหตุสามารถพูดได้ว่ากวอ ซิ่นหลี่เป็นพยานคนแรกในอุบัติเหตุครั้งนี้!เธอสามารถถามกวอ ซิ่นหลี่ได้ถ้าเธอต้องการรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีความนี้“ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ไปกินอาหารด้วยกันไหม?” กวอ ซิ่นหลี่พูดขึ้นหลังจากดูเวลา“ไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ” หลิง อี้หรานปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม เธอรักษาระยะห่างของเธอไว้อย่างชัดเจนเธอไม่รู้ว่ากวอ ซิ่นหลี่ยังสนใจเธออยู่หรือไม่ แต่... เธอไม่ต้องการให้เขาเข้าใจผิด“มีเรื่องอื่นอีกที่ผมอยากจะคุยคุณ ผมแค่คิดจะชวนคุณไปกินข้าวเย็นบอกคุณเกี่ยวกับที่เกิดขึ้นระหว่างที่เรากินข้าว มันคงจะใช้เวลาไม่นาน” กวอ ซิ่นหลี่พูดหลิง อี้หรานลังเล “ถ้าอย่างนั้น… ไปกินข้าวเย็นกันเถอะค่ะ”“ครับ” กวอ ซิ่นหลี่ตอบรับด้วยรอยยิ้มเขินอายเขามีความสุขที่เธอตอบรับมาทานอาหารเย็นกับเขา...ชิน เหลียนอีมาหาหลิง อี้หรานหลังเลิกงาน แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นเพื่อนของเธอออกจากรถยนต์ของชายคนหนึ่งในละแวกห้องเช่าของหลิง อี้หรานเธอเห็นแต่เพื่อนสนิทของเธอพูดอะไรบางอย่างกั
หลิง อี้หรานโอบกอดชิน เหลียนอีด้วยความซาบซึ้ง “แน่นอน ลูกของเธอก็คือลูกของฉัน ลูกของเราจะมีแม่สองคน...”‘เหลียนอีเป็นคนเดียวที่จะไม่ทอดทิ้งฉัน เหลียนอี!’‘ฉันจะตอบแทนความใจดีของเธอได้ยังไง’‘บางทีฉันอาจจะต้องใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนเธอ!'’...ในวันต่อมา หลิง อี้หรานยุ่งอยู่กับการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ดังนั้นเธอจึงติดต่อกวอ ซิ่นหลี่บ่อยขึ้นพวกเขาทานอาหารเย็นด้วยกันสองสามครั้ง แต่หลิง อี้หรานก็ยืนกรานที่จะช่วยจ่ายค่าอาหารเสมอ“กวอ ซิ่นหลี่ต้องชอบเธอแน่ ๆ ฉันคิดว่าเขาดูดีนะ เขาดูตรงไปตรงมาดี” ชิน เหลียนอีเคยได้พบกับกวอ ซิ่นหลีและพวกเขายังคุยกันอยู่พักหนึ่งชิน เหลียนอีรู้สึกดีเกี่ยวกับกวอ ซิ่นหลี่ ‘เขาอาจจะดูธรรมดา แต่เขาก็ซื่อสัตย์ น่าเชื่อถือและขี้อายนิดหน่อย เขาหน้าแดงทุกครั้งที่เห็นอี้หราน’ผู้ชายที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาเช่นนี้หายากในทุกวันนี้“เขาเป็นคนดี แต่เขาไม่ได้เหมาะกับฉัน เขาสามารถหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้” หลิง อี้หรานพูดแม้ว่าเธอจะไปทานอาหารเย็นกับไป๋ ทิงซิน แต่ชิน เหลียนอีก็ยังคงนึกถึงเรื่องของเพื่อนสนิทของเธอกับกวอ ซิ่นหลี่ โดยสงสัยว่าเ
ชิน เหลียนอีเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับกวอ ซินหลี่ เมื่อเธอเล่าจบแล้ว เธอก็พูดในเชิงซุบซิบว่า “ฉันคิดว่ากวอ ซิ่นหลี่ต้องชอบอี้หรานแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาส่งอี้หรานที่บ้านหลังจากที่พวกเขาคุยเรื่องคดีความกันเสร็จหรอก ฉันตรวจสอบแล้ว เขาอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านเช่าของอี้หรานด้วย”ไป๋ ทิงซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘สรุปว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่นสินะ’แม้ว่าเธอจะบอกเขาว่าเธอชอบเขาและเธอต้องการคบกับเขาอย่างจริงจัง แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่เล็กน้อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมายาวนานเธอมักจะหลงใหลผู้ชายหลายคน!“ถึงเขาจะชอบอี้หรานจริง ๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเธอ ผมคิดว่าเธอคงไม่มีอารมณ์ที่จะออกเดทอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้หรอก” ไป๋ ทิงซินพูดชิน เหลียนอีรู้สึกท้อแท้ราวกับบอลลูนที่โดนเจาะ “ใช่ ฉันโทษอี้ จิ่นหลีที่ทำร้ายอี้หรานจนเจ็บปวด ฉันไม่ควรจะแนะนำให้อี้หรานไปออกเดทกับอี้ จิ่นหลีในตอนนั้นเลย”ชิน เหลียนอีอยากจะตบหน้าตัวเองเมื่อเธอจำได้ว่าเธอเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของพวกเขา!“ใจเย็น ๆ ถ้าพวกเขาถูกกำหนดให้คู่กันแล้ว และถ้ากวอ ซิ่นหลี่ชอบหลิง อี้หรานจริง ๆ บางทีเธออาจจะเปิดใจให้กวอ ซิ่นหลี่ในอีกไม
ชิน เหลียนอีเบิกตากว้างขณะที่เธอมองไปที่แก้มสีแดงระเรื่อของเขา ‘พระเจ้า... เขา... เขาหน้าแดง มันไม่จริงใช่ไหม? เขาหน้าแดงจริง ๆ เหรอ?’เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแตะแก้มของเขาเขาตัวแข็งทื่อแต่กลับปล่อยให้เธอแตะแก้ม ขณะที่เธอใช้เรียวนิ้วลูบไล้ใบหน้าของเขา “คุณ... กำลังทำอะไรอยู่?”“ว้าว! ไป๋ ทิงซิน คุณหน้าแดง...” เธอตกใจเขาตัวแข็งทื่อและหันใบหน้าหนีทันที “อย่าพูดอะไรไร้สาระ”“ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ…” จากนั้นเธอก็เห็นว่าหูของเขาแดงขึ้นมือของเธอเอื้อมไปแตะที่หูของเขาอีกครั้ง หูทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดง ราวกับไฟกำลังเผาไหม้พวกมัน“อย่าทำอย่างนั้น” เขาพยายามดึงมือเธอออก“นี่ ขอสัมผัสอีกหน่อยสิ ฉันยังสัมผัสไม่พอเลย!” เธอร้องออกมาโดยไม่รู้ถึงความคลุมเครือของคำพูดของเธอตอนนี้ไป๋ ทิงซินรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังถูกแผดเผาอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งเปลวเพลิง เขาอยากจะดึงมือเธอออก แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขากลับชอบให้เธอสัมผัสมัน‘นี่คืออาการของการตกหลุมรักใครสักคนหรือเปล่า? บางครั้งที่จิตใจและร่างกายของฉันดูแตกต่างออกไปเมื่อได้อยู่ใกล้เธอ’ชิน เหลียนอีรู้สึกทึ่งกับแก้มร้อนและหูที่เปลี
อี้ จิ่นหลีหยุดชะงักชั่วคราวและใบหน้าของเขาก็อึมครึมขึ้นเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเกา ฉงหมิงรู้สึกตื่นตระหนกและอยากจะเดินเข้าไปปิดปากของชิน เหลียนอีชื่อของหลิง อี้หรานกลายเป็นคำต้องห้ามในอี้ กรุ๊ป!‘แต่ตอนนี้ชิน เหลียนอีกลับกล้าที่จะพูดมันออกมาเสียงดัง!’ เกา ฉงหมิงกลัวว่าเจ้านายของเขาจะอารมณ์เสียบรรยากาศรอบตัวอี้ จิ่นหลีดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น และเกา ฉงหมิงที่อยู่ข้าง ๆ อี้ จิ่นหลีก็เกือบจะตัวสั่น!หลังจากที่ชิน เหลียนอีพูดเสร็จ เธอก็ควงแขนของไป๋ ทิงซินและจากไปอย่างพึงพอใจไป๋ ทิงซินมองท่าทางของแฟนสาวและหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ‘ดูท่าจะจริงนะที่ผู้หญิงและคนขี้จุกจิกนั้นเข้าใจยาก!’‘และเหลียนอีก็เป็นทั้งสองแบบ!’ไป๋ ทิงซินเหลือบมองอี้ จิ่นหลีจากหางตาอีกครั้งก่อนจะจากไป‘อี้ จิ่นหลีไม่รักหลิง อี้หรานแล้วจริง ๆ เหรอ? พวกเขาเลิกกันเพราะเขาเบื่อเธอและต้องการเลิกกับหลิง อี้หรานอย่างนั้นเหรอ?’ไป๋ ทิงซินสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเขาเคยได้เห็นท่าทางของอี้ จิ่นหลีที่มีต่อหลิง อี้หราน ในตอนนั้นอี้ จิ่นหลีชื่นชอบหลิง อี้หรานเป็นอย่างมาก‘เขาจะยอมแพ้ให้กับผู้หญิงที่เขารักง่าย ๆ อย่างนี้เล
…หลิง อี้หรานและกวอ ซิ่นหลี่กำลังรับประทานอาหารกลางวันในร้านอาหารใกล้โรงพยาบาลวันนี้เธอมาที่โรงพยาบาลเพื่อมาเยี่ยมอาหลีที่ยังอยู่ในอาการโคม่า เธอเจอเข้ากับกวอ ซิ่นหลี่อีกครั้ง กวอ ซิ่นหลี่อยู่กับเธอในขณะที่เธอรวบรวมหลักฐาน เขาถึงขนาดทำทำธุระบางอย่างให้เธอด้วยหลิง อี้หรานสามารถมองทะลุเข้าไปในเจตนารมร์ของเขาได้ ดูเหมือนว่ากวอ ซิ่นหลี่ยังชอบเธออยู่ แต่เขาไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง ดังนั้นเธอจึงนิ่งเงียบและพยายามรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้เขาคิดไปไกลเธออยู่ที่โรงพยาบาลจนเกือบบ่ายโมง หลิง อี้หรานยุ่งมากจนลืมเรื่องอาหารกลางวัน เธอยังไม่ได้กินข้าวและกวอ ซิ่นหลี่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเช่นกัน“วันนี้คุณช่วยฉันไว้มาก ให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหมคะ?” หลิง อี้หรานพูดกวอ ซิ่นหลี่ยิ้มอย่างเขินอาย “ผมเป็นผู้ชาย ผมควรเป็นฝ่ายที่ต้องเลี้ยงคุณสิ”“มันไม่เกี่ยวว่าคุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า ถ้าฉันเคยช่วยคุณไว้ ฉันก็จะไม่ปฏิเสธให้คุณเลี้ยงฉัน” เธอพูดดวงตาของกวอ วิ่นหลี่เป็นประกายในขณะที่เขาพยักหน้าร้านอาหารใกล้โรงพยาบาลเป็นร้านที่ขายอาหารทั่วไป หลิง อี้หรานจึงสั่งอาหารสองชุดสำหรับตัวเองและกวอ ซิ่นหลี่