ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ในที่สุด หลิง อี้หราน ก็ได้มีช่วงเวลาว่างที่แสนจะหายาก ชิน เหลียนอี จึงพาเธอออกไปช้อปปิ้งด้วยกันพวกเขาสองคนไม่ได้ไปซื้อของด้วยกันมานานมากแล้ว หลิง อี้หราน รู้สึกราวกับว่าเธอย้อนกลับไปในอดีตชั่วขณะเมื่อเธอเดินเล่นไปรอบ ๆ กับ ชิน เหลียนอีก่อนเกิดอุบัติเหตุ เธอมักจะไปช็อปปิ้งกับเหลียนอี เธอเคยรู้สึกไร้กังวลและชีวิตเบื้องหน้าของเธอก็ดูสวยงาม“อ๋อ ใช่ แล้วจินล่ะ? ตอนนี้เธอรู้จักเขามากแค่ไหนแล้ว? อย่างเช่น บ้านเกิดของเขาอยู่ที่ไหน? ครอบครัวของเขาเป็นคนแบบไหน?" โดยพื้นฐานแล้ว ชิน เหลียนอี จะกังวลว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอจะถูกฉ้อโกงเป็นส่วนใหญ่“ฉันรู้แค่ว่าพ่อของเขาได้จากไปแล้ว และดูเหมือนว่าแม่ของเขาจะทิ้งเขาไป เขาไม่ได้บอกอะไรฉันอีกและฉันก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก” หลิง อี้หราน ยิ้มพรางพูดไปด้วย“เธอเป็นใบ้เหรอไง? ทำไมเธอไม่ถามรายละเอียดมากกว่านี้หน่อยล่ะ? อย่างน้อยเธอควรจะรู้ว่าเขาเคยทำอะไรมาก่อน!" ชิน เหลียนอี กล่าวหลิง อี้หราน ยิ้มจาง ๆ "ทำไมฉันต้องค้นหาว่าเขาเคยทำอะไรในอดีต? ฉันคิดว่าฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเซียว จื่อฉี - ทุกอย่างตั้งแต่ครอบครัวของเขาไปจนถึงโร
"ใครบอกว่าเราซื้อไม่ได้กัน? ฉันซื้อได้... " ชิน เหลียนอี แทบจะกัดฟันทนและซื้อชุดเสื้อผ้าเพื่อระบายความโกรธของเธอและทำให้พนักงานหยุดดูถูกพวกเขาหลิง อี้หราน รั้งเธอไว้ทันและพูดกับหัวหน้าพนักงาน "เราเข้าไปดูในร้านไม่ได้เหรอ?""คุณสองคนเข้ามาในร้านซึ่งมันห่างไกลจากรายได้ของพวกคุณมาก คุณอาจมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาและดิฉันแค่ปกป้องสิทธิ์ของลูกค้าท่านอื่น ๆ ในร้าน" หัวหน้าพนักงานทำราวกับว่าเขาเป็นคนมีเหตุผลหลิง อี้หราน ตอบทันทีว่า "แต่คุณไม่มีหลักฐานใด ๆ อันที่จริงคุณกำลังเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนกับเราโดยไม่มีเหตุผลที่ดีเลย คุณเพิ่งพูดอะไร ฉันได้บันทึกไว้แล้ว ฉันคิดว่า นี่น่าจะเป็นหลักฐานชั้นดีในการที่ฉันจะส่งมอบให้กับผู้บริหารของทางห้างสรรพสินค้านี้"“คุณ ... ” ใบหน้าของหัวหน้างานเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะบันทึกคำพูดของเขาเอาไว้"หลิง อี้หราน พอเถอะ เธอเป็นแค่คนกวาดถนน ทำไมเธอถึงมาที่นี่เพื่อดูเสื้อผ้า เธอยังคิดถึงวันที่เธอเคยได้ใส่ชุดพวกนี้อย่างนั้นเหรอ?" เซียว จื่ออี้ พูดอย่างเยาะเย้ย "ถ้าเธอต้องการเสื้อผ้าพวกนี้จริง ๆ ฉันก็สงสารเธอนะและจะซื้อชุดให้เธอเอง""
เซียว จื่อฉี ตะลึง “อี้หราน!”เมื่อเซียว จื่ออี้ เห็นพี่ชายของเธอ เธอจึงรีบเดินไปข้างหน้าทันทีและบ่นว่า "พี่ชาย พี่ไม่รู้ว่าตอนนี้ หลิง อี้หราน หน้าด้านแค่ไหน เธอขอให้ฉันซื้อชุดมูลค่า 4.8 ล้านหยวน ให้เธอ เธอไม่แม้แต่จะตระหนักว่าเธอไม่เหมาะที่จะใส่ชุดแบบนี้!""หุบปาก!" เซียว จื่อฉี ดุเธอทันทีและการแสดงออกของเขาก็น่าเกลียด น้องสาวของเขาไม่กลัวอะไรเลยเหรอ? บุคคลที่อยู่เบื้องหลังของหลิง อี้หราน ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อี้ จิ่นหลี ลืมเรื่องชุดที่มีราคา 4.8 ล้านหยวน ไปเสียเถอะ เธอมีค่าพอที่จะใส่ชุดที่มีราคา 48 ล้านหยวน“พี่ชาย พี่เป็นอะไรไป? ทำไมพี่ถึงขึ้นเสียงใส่ฉัน ฉันแค่พูดถึงหลิง อี้หราน” เซียว จื่ออี้ พูดอย่างไม่พอใจ“มีอะไรจะพูดอีกไหม?” เซียว จื่อฉี กล่าวอย่างไม่พอใจ จากนั้นเขาก็หันไปหาพนักงานที่อยู่ข้าง ๆเขาแล้วพูดว่า "แพ็คชุดนั้น"คำพูดที่กะทันหันของเขาทำให้ทุกคนในร้านตกใจ"พี่ชาย พี่กำลังทำอะไรเนี่ย? พี่จะให้ชุดนี้กับหลิง อี้หราน อย่างนั้นเหรอ?" เซียว จื่ออี้ ถามด้วยความไม่เชื่อสำหรับห่าว อี้เหมิง เธอขมวดคิ้วและดวงตาของเธอปกคลุมไปด้วยความโกรธในทางกลับกันพนักงานขายมองด้วยความปร
หลิง อี้หราน หยิบเช็คอย่างตรงไปตรงมาและออกจากร้านพร้อมกับชิน เหลียนอี ทันที“อี้หราน เธอไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ?” ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากร้าน ชิน เหลียนอี กล่าวว่า "จริง ๆ แล้ว เซียว จื่อฉี ควักเงินออกมา 4.8 ล้านหยวน และให้เธอโดยไม่ลังเลเลย ซึ่ง ห่าว อี้เหมิง ก็อยู่ด้วย! เขาไม่กลัว ห่าว อี้เหมิง เข้าใจผิดเลยหรือไง?“มันค่อนข้างแปลกสิ” หลิง อี้หราน กล่าว"เป็นไปได้ไหมที่ เซียว จื่อฉี จะยังชอบเธออยู่?" ชิน เหลียนอี เดา“ไม่ เขากลัวสิ ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวว่าฉันจะโกรธเซียว จื่ออี้ แล้วทำอันตรายต่อตระกูลเซียว” หลิง อี้หราน เปล่งเสียงและคาดเดาโดยสัญชาตญาณของเธอเมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิน เหลียนอี คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระเล็กน้อย “เขาไม่คิดมากไปหน่อยเหรอ?”"ใครจะรู้ล่ะ?" หลิง อี้หราน ยักไหล่และยกมือขึ้นเพื่อดูเช็คที่เธอถืออยู่“แล้วเธอจะทำอย่างไรกับเช็คนี่? เธอจะฉีกมันทิ้งหรือเปล่า?” เธอถาม เธอรู้จักเพื่อนของเธอเป็นอย่างดีด้วยนิสัยของเธอ เธอจะไม่มีวันใช้เงินก้อนนี้“ทำไมต้องฉีกล่ะ? ฉันจะบริจาคให้คนที่ต้องการมัน" หลิง อี้หรานตอบและใส่เช็คลงในกระเป๋าของเธออย่างระมัดระวังพวกเขาทา
"ทำไมฉันต้องขอโทษ?" เซียว จื่ออี้ กล่าวอย่างโกรธเคืองในตอนนี้ที่ผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือหาว อี้เหมิง ท้ายที่สุดเธอเป็นดารายอดนิยม แม้ว่าเธอจะสวมแว่นกันแดดและหมวกที่ปกปิดใบหน้า แต่เธอก็ยังเป็นจุดสนใจ“นั่น ห่าว อี้เหมิง นี่ นั่นคือคู่หมั้นของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เธอหรือเปล่า?”“พวกเขามาทำอะไรที่นี่?”"เกิดอะไรขึนกับบันไดเลื่อน? เมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?"เสียงของการสนทนาดังขึ้นรอบ ๆ พวกเขา ชิน เหลียนอี ช่วยประครองหลิง อี้หราน เดินลงบันไดเลื่อน เมื่อเห็นเช่นนั้น เซียว จื่อฉี ก็รีบตามพวกเขาไปดวงตาของห่าว อี้เหมิง เป็นประกายด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่า เซียว จื่อฉี จะทิ้งเธอไว้ข้างหลังและวิ่งตามหลิง อี้หราน ไป! คนรอบตัวเธอก็เริ่มซุบซิบกัน“คู่หมั้นของห่าว อี้เหมิง ไล่ตามผู้หญิงคนอื่นไป”"โอ้พระเจ้า นี่คือรักสามเส้าแห่งการนองเลือดชัด ๆ?"ใบหน้าของห่าว อี้เหมิง เต็มไปด้วยความอับอาย เธอเอามือปิดหน้าและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงกล้องในโทรศัพท์จากฝูงชน จากนั้นเธอก็ไปกับเซียว จื่ออี้ อย่างรีบร้อนขณะเดียวกันในที่สุด เซียว จื่อฉี ก็ตามทัน หลิง อี้หราน แ
"จิน" เธอพูด "ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าฉันจะออกเมื่อไหร่ ฉันจะโทรหาเขาและบอกเขาว่าไม่ต้องรอฉันและกินข้าวก่อนได้เลย"หลิง อี้หราน หาชื่อ 'จิน' ในรายชื่อผู้ติดต่อของเธอและโทรออกหลังจากนั้นไม่นานสายก็เชื่อมต่อและเสียงที่เย็นชาเล็กน้อยของอี้ จิ่นหลี ก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของสาย "พี่สาว""ฉันมีบางอย่างต้องทำ ฉันกลัวว่าวันนี้ฉันจะกลับดึกนะ นาย... นายทานอาหารเย็นก่อนได้เลยนะ" หลิง อี้หราน กล่าว“พี่หมายความว่าอย่างไรที่มีอะไรต้องทำ? 'บอกเขาว่าตอนนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว” ชิน เหลียนอี พูดแทรก“พี่อยู่โรงพยาบาลเหรอ?” ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในน้ำเสียงของอี้ จิ่นหลี"อืม ฉันล้มน่ะ และตอนนี้ฉันกำลังรอการสแกนเอ็กซ์เรย์ในโรงพยาบาล" หลิง อี้หราน ตอบ"โรงพยาบาลไหน ผมจะไปเดี๋ยวนี้" อี้ จิ่นหลี กล่าว“นายไม่ต้องมาหรอก เหลียนอีอยู่ที่นี่กับฉัน นายแค่รอฉันที่บ้านนะ” เธอพูดอย่างรีบร้อนอีกด้านหนึ่งของสายเงียบไป หลังจากนั้นไม่นานเสียงอันเย็นชาของเขาก็ดังขึ้นและทวนคำถามก่อนหน้านี้ว่า “โรงพยาบาลไหน?”หลิง อี้หราน กัดริมฝีปากและตอบว่า "โรงพยาบาล เฟิร์ส ซิตี้" เธอสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ย
เป็นเพียงเพราะคำสั่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลทำให้เขาให้ความสำคัญกับหลิง อี้หรานมากขึ้นในขณะนี้มีอีกร่างหนึ่งเดินเข้าไปในห้องให้คำปรึกษา เดินเข้ามาที่ด้านข้างของหลิง อี้หราน และพูดว่า "พี่สาว""นายมาแล้ว" หลิง อี้หราน กล่าว เขามาถึงเร็วกว่าที่เธอคาดไว้"ใช่แต่ว่ารถติดนิดหน่อยน่ะ ผมก็เลยมาช้า" อี้ จิ่นหลี ตอบ"คุณหมอคะ เป็นอย่างไรบ้าง? เพื่อนของดิฉันไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? เธอตกบันใดเลื่อนไปหลายขั้นเพราะบางคนที่อยู่ตรงบันใดเลื่อนค่ะ" ชิน เหลียนอี ซึ่งอยู่ข้าง ๆ เธอถามอย่างกังวล"อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรงเกินไป แต่มีรอยหักเล็กน้อยบริเวณข้อเท้าของเธอ มันจะหายเป็นปกติหลังจากพักหนึ่งหรือสองสัปดาห์ แต่... " ดร. จางลังเล"แต่อะไรคะ?" ชิน เหลียนอี ยังคงถามต่อไป“แต่คุณหลิง คุณได้รับบาดเจ็บบ่อยใช่ไหมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา?” หมอจางถามหลิง อี้หราน ตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร"ผมไม่ได้หมายความถึงอย่างอื่นครับ ผมแค่อยากจะบอกว่าจากผลการเอ็กซเรย์ของคุณ ผมเห็นว่าคุณได้รับบาดเจ็บมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีอาการบาดเจ็บเก่าบางส่วนที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้นอาจมีปัญหาแทร
เมื่อเธอเอ่ยชื่อ 'อี้ จิ่นหลี' ร่างกายของเขาแข็งทื่ออย่างไม่น่าเชื่อ"พี่เกลียด อี้ จิ่นหลี ไหม?" เขาพึมพำเธอถอนหายใจและพูดว่า "ทุกคนใน เมือง เฉิน รู้จักเขา ตอนที่ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ห่าว เหมยยวี่ เป็นคู่หมั้นของอี้ จิ่นหลี ดังนั้นแน่นอนฉันจะไม่ยอมออกไปง่าย ๆ มีกี่คนล่ะ ที่อยากจะเป็นที่โปรดปรานสำหรับเขา? มันเป็นหมายเลขเดียวกับคนที่ต้องการจะเหยียบฉันในตอนที่ฉันล้มลง"หลังจากหยุดไปชั่วขณะเธอพูดด้วยท่าทางเยาะเย้ยตัวเอง "บางครั้งฉันก็คิดว่าถ้าไม่ใช่ ห่าว เหมยยวี่ ที่ประสบอุบัติเหตุด้วย ฉันคงจะชนะคดีก็ได้ ฉันคงจะรอดจากการถูกจำคุกสามปีและได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดใช่ไหม? "เธอไม่ได้โกรธหรือเสียใจ แต่การล้อเลียนตัวเองเล็กน้อยที่เธอมอบให้ทำให้เขารู้สึกผิดมากบางทีครึ่งหนึ่งของความเจ็บปวดของเธออาจเป็นเพราะเขาเขานั่งยอง ๆ ตรงหน้าเธอและจ้องมองเธอผ่านผมหน้าม้าหนา "ถ้าผมรู้ว่าพี่จะต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้ ผมจะปกป้องพี่เมื่อสามปีก่อน"ประโยคนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกม แต่เป็นสิ่งที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขาย้อนกลับไปตอนนั้น ถ้าเขาไม่เคยยอมให้ใครต้องมาทำให้ตนเองเป็นที่โปร
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค