“ฉันสัญญา ฉันจะอยู่ในสายตาของคุณเสมอ” น้ำเสียงอ่อนโยนพลันดังขึ้น เสียงที่นุ่มนวลและฟังสบายของเธอค่อยบรรเทาอาการหวาดกลัวในหัวใจของเขาเขามองลงลึกลงไปในดวงตาของเธอ “จริงนะ ไม่ได้โกหกใช่ไหม?”“จริงสิ” เธอกล่าว แต่สำหรับผู้ชายที่รักเธอมากขนาดนี้จะทำอะไรให้เธอเจ็บปวดได้หรือ?เขาไม่ใช่เย่ เหวินหมิงและชีวิตของพวกเขาก็จะไม่เหมือนกับเย่ เหวินหมิงและพี่โจว“บอกผมทีว่าพี่รักผมและทนไม่ได้ถ้าไม่เห็นหน้าผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาที่สดใสของเขาเต็มไปด้วยความโหยหาและปรารถนาในตัวเธอบางครั้งดวงตาคู่นั้นก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจและหลงใหล มันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอกลายเป็นโลกทั้งใบของเขาผู้ชายคนนี้รักเธอมากแค่ไหน? ตอนแรกเธอรู้สึกลังเลกับความรักของเขา แต่ตอนนี้เธอมั่นใจแล้ว“ฉันรักคุณ” เธอแนบมือกับแก้มของเขา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงหวาดกลัว บางทีอาจเป็นเพราะประสบการณ์ของเขาที่ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจกับความรัก? เธอจะพยายามช่วยบรรเทาความกลัวของเขา “เพราะฉะนั้น ฉันทนไม่ได้ที่จะไม่เห็นคุณ”เขาถอนหายใจและรู้สึกโล่งใจในขณะเดียวกัน จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและกดริมปากของตัวเองแนบกับริมฝีปากบางเขาบร
“อย่างน้อยงานนั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถเลี้ยงตัวเองได้” หลิง อี้หรานกล่าวดวงตาของอี้ จิ่นหลีเป็นประกายเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เขาก็ยิ้มและตอบว่า “วันนี้ผมจะไปส่งพี่ที่ทำงาน” เขากล่าวพร้อมกับจุมพิตเธอที่หน้าผากแล้วดึงผ้าห่มออกก่อนจะลุกจากเตียง“อ๊ะ!” หลิง อี้หรานร้องเสียงหลงและหันหนี เธอ… เห็นแล้ว เธอเพิ่งเห็นมันเมื่อกี้นี้เอง!ท่าทางเขินอายของเธอทำให้เขายิ้ม เขารู้สึกว่ามันน่ารักมากเวลาที่ทำให้เธอเขิน“ทำไมล่ะ? ไม่ชอบเหรอ?” เขาหันกลับมา มือของเขายันอยู่บนที่นอนขณะก้มศรีษะลงเพื่อมองดูเธอ ลมหายใจร้อนรวยรินลงบนใบหน้าของเธอใบหน้าของหลิง อี้หรานเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาอยู่ใกล้เธอมากจนทำให้เธอไม่รู้ว่าควรจะมองไปทางไหน “อือ… ฉันขอโทษ”“พี่ขอโทษเรื่องอะไร?” เขาจับมือของเธอขึ้นมาและแนบมือของเธอไว้กับแผ่นอกหนา “เมื่อวานพี่สัมผัสตรงนี้และเห็นมันแล้วใช่ไหม? พี่รักผมและผมก็รักพี่ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พี่จะมองมาที่ผม เว้นแต่พี่จะคิดว่าผมไม่น่าดึงดูด”“ไม่ใช่แบบนั้น!” เธอรีบปฏิเสธทันที ใบหน้าของเธอแดงขึ้น พระเจ้า เธอกำลังพูดถึงอะไร? แต่มันก็จริง มันช่าง…ฝ่ามือของเธอสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิใน
แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่รอยแผลนั้นคงอยู่ตรงนั้นเขาสามารถลบรอยแผลเป็นด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ในปัจจุบัน แต่เขาไม่คิดที่จะลบมันราวกับว่ารอยแผลเป็นนี้เป็นสิ่งเตือนใจสำหรับเขาถ้าเป็นเพราะแม่ของเขาที่ทำให้เขาเปราะบาง แล้วเธอล่ะ? เธอก็ยังเป็นคนหนึ่งที่เปราะบางเช่นกัน เพราะการหักหลังของเซียว จื่อฉีทำให้เธอกลัวความรัก เธอเคยคิดว่าเธอจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตแต่ในตอนนี้เขาเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและทำให้เธอรู้สึกอยากรักใครสักคนอีกครั้ง“เป็นอะไรไป? ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะ?” อี้ จิ่นหลีเงยหน้าขึ้นจ้องมองดวงตารูปอัลมอนด์ของหลิง อี้หราน สายตาที่เธอมองมาที่เขาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ ความเห็นอกเห็นใจและความสงสาร รวมถึงอารมณ์อื่น ๆ ที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้หลิง อี้หรานดึงสติของตัวเองกลับมาและส่ายหัว “ไม่มีอะไร ฉันเข้าใจได้ว่าฉันรักคุณมากขนาดไหน” เธอกล่าวและเอื้อมแขนไปคล้องคอเขาไว้ “ฉันจะดีกับคุณ จิน ฉันจะดีกับคุณเสมอ”ถ้าเขารู้สึกไม่มั่นใจในความรัก เธอก็จะให้ความมั่นใจแก่เขาเองราวกับว่าคนทั้งสองคนกำลังปลอบโยนกัน เธอไม่เพียงได้รับความอบอุ่นจากเขาเท่านั้น แต่เธอยังส่งต่อความอบอุ่นนั้นให้เขาด้ว
แต่เธอก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าอี้หรานรักอี้ จิ่นหลีมากแค่ไหน เธอคิดเกี่ยวกับมันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา อี้หรานผ่านอะไรมามากมายเหมือนกับเธอและอี้หรานก็คงคำนึงถึงความกังวลที่อยู่ในจิตใจของเธอเธอได้แต่หวังว่าอี้หรานจะได้พบกับความสุข ไม่ใช่จบลงแบบเธอในช่วงบ่าย ชิน เหลียนอีส่งข้อความมาพูดคุยกับหลิง อี้หรานบนโทรศัพท์มือถือ เธอแสดงความดีใจออกนอกหน้าเมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทได้ไปดูหนังรอบปฐมทัศน์ของเกา จิ้งชาน เธอปรารถนาว่าเธอจะได้อยู่ที่นั่นเช่นกันจากนั้นเธอก็เริ่มถามเกี่ยวกับการพบปะกันระหว่างหลิง อี้หรานและเกา จิ้งชาน ที่พวกเขารูปถ่ายกันเมื่อวานนี้หลิง อี้หรานส่งรูปให้ชิน เหลียนอีบนโทรศัพท์ มันเป็นรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นและโปสเตอร์ที่เกา จิ้งชานมอบให้เธอเมื่อวานนี้ เธออยากจะถ่ายรูปและส่งให้เหลียนอีทันทีที่ได้รับมัน“ว้าว ฉันอิจฉาเธอจัง เธอได้เห็นเกา จิ้งชานใกล้ ๆ ด้วย ฉันได้ยินมาว่าเขาต้องเดินสายไปแสดงตัวอีกสองสามที่ในเมืองเฉิน ฉันสงสัยว่าฉันจะได้พบเขาบ้างไหมนะ!” ชิน เหลียนยีกล่าว“ถ้าเธออยากพบเกา จิ้งชาน ก็ลองคุยกับไป่ ทิงซินดูสิ เขาน่าจะหาวิธีให้เธอได้” หลิง อี้หรานกล่าว ไป่ ทิงซินเป็นผู้น
“เหลืออีกสองโปสเตอร์” หลิง อี้หรานกล่าว“ผมจะทำให้” เขาหยิบโทรศัพท์ในมือของเธอและถ่ายรูปโปสเตอร์ที่เหลืออีกสองใบก่อนที่จะส่งให้ชิน เหลียนอีแทนที่จะปล่อยให้เธอทำ เขากลับทำมันเสียเอง“เสร็จแล้วเหรอ?” หลิง อี้หรานรู้สึกประหลาดใจกับความเร็วในการถ่ายภาพของเขา“ใช่ แค่สองโปสเตอร์หนิ พี่คิดว่าจะต้องใช้เวลานานขนาดไหน?” อี้ จิ่นหลีถามหลิง อี้หรานมองไปที่รูปถ่ายของโปสเตอร์ที่อี้ จิ่นหลีเพิ่งส่งไปให้เพื่อนสนิทของเธอ เอ่อ รูปมันออกนอกเฟรมไปหน่อย เธอไม่รู้ว่าเหลียนอีจะโอเคกับมันไหม แต่ถ้าเธอเป็นคนถ่ายเอง เธอคงจะถ่ายใหม่อีกครั้งเธอเปิดอัลบั้มรูปบนโทรศัพท์ของเธออีกครั้งและมองดูรูปถ่ายของเธอกับเกา จิ้งชานที่อี้ จิ่นหลีถ่ายให้เมื่อวานนี้ เธอจะเลือกมาสักรูปเพื่อพิมพ์อัดกรอบเพื่อเป็นความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเธอได้ถ่ายรูปกับดาราที่เธอชื่นชอบ“ทำไมพี่ยังดูรูปพวกนี้อยู่อีก?” นายน้อยอี้รู้สึกอิจฉาอีกครั้ง“ฉันจะพิมพ์รูปออกมาใส่อัลบั้มของฉัน” หลิง อี้หรานกล่าว“เขาหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่นหลิง อี้หรานตกใจ เธอมองไปที่ใบหน้าอิจฉาของอี้ จิ่นหลี เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะร้องไห
ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับเธอมาจนเธอสามารถแนบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของเขาได้ “ในสายตาของฉัน คุณดูดีที่สุด คนดังพวกนั้นก็เป็นแค่ดารา แต่คุณคือคนที่ฉันรัก ฉันจะลุยน้ำลุยไฟทุกอย่างเพื่อคุณ แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้นเพื่อดาราพวกนั้น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องอิจฉาเลย”ถ้าเขายังไม่มั่นใจพอ เธอก็สามารถให้ความมั่นใจแก่เขาได้ ไม่ว่าเขาจะต้องการมันมากแค่ไหนก็ตาม!ลุยน้ำลุยไฟ... เขาดูตกใจราวกับว่าเขาไม่คิดว่าวลีนี้จะออกมาจากปากของเธอเขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจ ความอบอุ่นค่อย ๆ แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขานี่คืออี้หรานของเขา อี้หรานที่เขารักมากที่สุด“ผมก็จะลุยน้ำลุยไฟเพื่อพี่ ไม่ว่ายังไงก็ตาม!” คำพูดนั้นออกมาจากปากเขาอย่างแผ่วเบาแต่กลับเป็นประโยคที่หนักแน่นนี่คือคำสัญญาและจะเป็นคำสัญญาตลอดชีวิตการมีอยู่ของผู้หญิงคนนี้สำคัญสำหรับชีวิตของเขา เธอคือ... คนสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขาเสียอีก!...ในทางกลับกัน ชิน เหลียนอีมองดูภาพที่เพื่อนรักส่งมาอย่างมีความสุขหืมม… ช่างเป็นผู้ชายที่หล่ออะไรอย่างนี้! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เกา จิ้งชานจะเป็นผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเห
เขาหล่อเหลาและแสนดีกับเธอ ทำไมเธอถึงไม่หลงใหลเขาเหมือนกับดาราดังบ้าง? เขาไม่เคยเห็นภาพของเขาบนโทรศัพท์ของเธอด้วยซ้ำ“คุณกำลังดูรูปเกา จิ้งชานอยู่เหรอ?” เขาจ้องมองโทรศัพท์ของเธอและเห็นว่าเธอเพิ่งคุยกับหลิง อี้หรานเกี่ยวกับภาพถ่ายโปสเตอร์ คำพูดที่ชิน เหลียนอีใช้ในการสนทนาของพวกเขาทำให้เธอฟังดูเหมือน… พวกผู้หญิงที่หื่นกระหาย!ยิ่งเขาอ่านบทสนทนา เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้... เขาคงต้องเตือนสติเธออีกครั้งว่าเธอเป็นแฟนใคร!“ใช่” ชิน เหลียนอีตอบออกมาตามตรง “อี้หรานโชคดีมาก อี้ จิ่นหลีพาเธอไปดูหนังรอบปฐมทัศน์ของเกา จิ้งชานและเธอก็ได้พบกับเกา จิ้งชาน รวมถึงได้รับโปสเตอร์เหล่านี้เป็นการส่วนตัว”“เขาเป็นแค่นักแสดง โปสเตอร์สองสามใบมันมีอะไรดีนัก?” ไป๋ ทิงซินกล่าวคำพูดของเขาทำให้ชิน เหลียนอีไม่พอใจ เธอเลิกคิ้ว “ทำไมคุณถึงดูถูกนักแสดงนักล่ะ?”ใบหน้าของไป๋ ทิงซินเคร่งขรึมขึ้นเมื่อเขาสบตาเข้ากับดวงตาดำนิลของเธอ “อะไร คุณปกป้องเขาเหรอ?”น้ำเสียงเย็นชาของเขากำลังคุกคาม ชิน เหลียนอีตื่นตระหนกและแก้ตัวออกไปทันที ดารานั้นเป็นสิ่งที่มีค่า แต่ราคาชีวิตของเธอนั้นสูงกว่า!“ฉัน... ฉ
ชิน เหลียนอีเกือบสำลักขนมในปากของเธอ เธอกลืนขนมเข้าไปในปากและเงยหน้ามองเขา นัยน์ตาเข้มจ้องมองมาที่เธออย่างลึกซึ้งราวกับว่าเขากำลังอ่านใจเธออยู่“ก็...” เธอกัดริมฝีปากและพยายามคิดหาเหตุผล “เพราะบางครั้ง... คุณดูเฉยเมย เหมือน... เอ่อ ดอกบัว ใช่ ดอกบัวที่สามารถเชยชมได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถสัมผัสถึง เพราะงั้น... ฉัน... ฉันก็เลยไม่กล้าทำอะไรที่สนิทสนมกับคุณ”เธอรู้สึกเจ็บปวดเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ใกล้ชิดของพวกเขาในตอนนั้น ดูสิว่าเธอทำอะไรลงไป! แม้ว่าเธอจะมีความคิดตลก ๆ อยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่กล้าทำมันหรอก!‘ฮะ! ความคิดตลกอะไร?’ ชิน เหลียนอีถามตัวเอง เธอไม่ต้องการมีปัญหากับเขาอีกต่อไป“แล้วทำไมคุณไม่ทำแบบนั้นต่อล่ะ?” เขาถามเชิงขบขันเธอรู้สึกตกใจกับคำถามของเขา ถ้าเธอรู้ว่าความผิดพลาดในอดีตของเธอจะส่งผลให้เกิดเรื่องนี้ เธอคงจะไม่มีวันเมาแม้ว่าเธอจะถูกมอมเหล้าก็ตาม “ฉันเมา อย่างที่คุณรู้ ฉันดื่มไม่เก่ง ฉันเมาง่ายจะตาย และพอฉันเมา ฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉัน... ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น...”น้ำเสียงของเธอผ่อนคลายและนุ่มนวลขึ้นในขณะที่นัยน์ตาเข้มของคนตรงข้ามดูเยือกเย็น เขาทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค