“พี่สาว พี่ชอบผู้ชายคนนั้นเพราะเขาพูดแบบนั้นเหรอ?” เขาพึมพำและถาม ในแววตาของเขามีนัยแห่งความหึงหวงที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัวกลิ่นของเขาแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกของเธอและระยะปะชิดทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกตามสัญชาตญาณภาวะวิกฤตกำลังเกิดขึ้นภายในตัวเธอ "รู้สึกเหมือนว่าถ้าฉันตอบผิด ในวินาทีต่อมาสัตว์ดุร้ายจะตะครุบตัวฉันและงับคอฉันอย่างรุนแรง”“โอ้ คุณพระ ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?!”หลิง อี้หราน หัวเราะกับตัวเองในความคิดที่เพิ่งแล่นเข้ามาในใจของเธอ “คนข้างหน้าฉันตรงนี้คือจิน เขาไม่ใช่คนอันตราย"“ฉันไม่ชอบกวอ ซิ่นหลี่" เธอตอบ “ฉันทำได้เพียงแค่ขอโทษเขาสำหรับความรู้สึกที่มีให้กับฉัน”คำตอบของเธอทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นทันที เขาจ้องไปที่เธอและถามว่า "พี่สาว พี่ไม่ชอบผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?"“ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ะ?” เธอโต้กลับ "ตั้งแต่ฉันออกจากคุกมา ฉันไม่เคยคิดที่จะตกหลุมรักใครสักคนอีก ความรักเป็นความรู้สึกที่เป็นภาระมากเกินไป เวลาที่ฉันรักใครสักคนฉันทุ่มเทสุดหัวใจและเมื่อฉันถูกทอดทิ้ง มันช่างแสนสาหัส ฉันไม่ต้องการความรู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว”สัมผัสได้ถึงความรื่นเริงนัยตาเขา “ถ้าอย่
"แม้ในอดีต จะเป็นงานที่ยากอยู่แล้วในการหางานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง"“แต่เธอจะเสียเวลาหลายปีไปกับงานแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วจะหาสามีดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?!” สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับคนอย่างพี่ซูคือการแต่งงาน “อากวอเหมือนจะไม่สนใจเรื่องอดีตของเธอ เธอแน่ใจหรือว่าเธอไม่ต้องการพิจารณาเรื่องนี้? ผู้ชายที่ซื่อสัตย์อย่างอากวอหาได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้น่ะ""ไม่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก สำหรับฉันและเขาน่ะ" หลิง อี้หราน ตอบพี่ซูลังเลก่อนจะถามว่า "อี้หราน เธอคิดว่าอากวอเป็นคนชั้นต่ำเพราะเขาเป็นแค่คนขับรถหรือเปล่า? เพราะแฟนเก่าของเธอคือ..."“พี่ซู!” หลิง อี้หราน ขัดจังหวะเธอและพูดว่า "ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น มันแค่... ฉันผ่านอะไรมามากมาย ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตกหลุมรักได้อีก"“เฮ้อ เด็กน้อย!” พี่ซูถอนหายใจ “เธอควรรู้ว่า ถ้าเธอไม่ได้แต่งงานจริง ๆ และอยู่ได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้เธออาจจะยังไม่รู้สึกถึงมันมาก แต่เมื่อวันหนึ่งเธอแก่ตัวลงโดยไม่มีลูกอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ... มันจะเป็นความเหงาที่ไม่มีใครสามารถทนได้เลย""ลูก…"หลิง อี้หราน ขบยิ้ม "ฉันเกรงว่ามันจะเป็นการคิดโดยมองแต่แง่ดีมากเกินไปสำหรับฉัน"หลังจากทำงานมา
ย้อนไปในอดีต เขาเพิ่งเลิกงานและสังเกตเห็นเธอนั่งยอง ๆ อยู่ริมถนน เธอปลอบเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ครวญครางอย่างต่อเนื่อง เธอร้องเพลงและกระโดด ทำท่าทางตลก ๆ ราวกับว่าเธอไม่สนใจเลยกับสายตาแปลก ๆ ที่มองมาจากผู้คนที่ผ่านไปมาในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ เด็กสาวหยุดร้องไห้แล้วจากนั้นก็ซื้อหมั่นโถวให้เด็กหญิงตัวน้อยกินทันที เธอโทรหาตำรวจและรออยู่ที่นั่นโดยตั้งใจจะดูว่าครอบครัวของเด็กหญิงจะมาตามหาเธอหรือไม่ในที่สุดตำรวจและครอบครัวของเด็กหญิงก็มา พ่อแม่ของเด็กหญิงตัวน้อยได้ควักเงินหลายร้อยหยวนและต้องการยัดใส่ในมือของเธอเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่เธอกลับส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะไม่รับเงินแม้แต่สตางค์เดียวจากพวกเขาเมื่อพ่อแม่จากไปพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนของพวกเขา เธอมองดูภาพครอบครัวของพวกเขาจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอิบในเวลานั้น กวอ ซิ่นหลี่ รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกตีด้วยความตระหนักในฉับพลันว่าเขาต้องการผู้หญิงที่อ่อนโยนและเงียบสงบเช่นเดียวกับเธอเขาไม่รู้ว่ามันเป็นรักแรกพบ แต่เขารู้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเคยมีความรู้สึกมากขนาดนี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง“ถึงคุณจะไม่รังเกียจ แ
"ดังนั้นเธอก็หน่วงเหนี่ยวกวอ ซิ่นหลี่ ไว้ในขณะที่ไปกับผู้ชายอีกคน!" ทันใดนั้นเสียงของฟาง เชี่ยนเชี่ยน ก็ดังออกมาหลิง อี้หราน รู้สึกปวดหัวขึ้นมา โลกดูเหมือนจะไม่เคยขาดคนอย่างฟาง เชี่ยนเชี่ยน ไปบ้างเลยอี้ จิ่นหลี หันกลับมาและมองไปที่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาและราคาถูกที่อยู่ด้านหลังพวกเขาอย่างเย็นชาเมื่อเธอเห็น อี้ จิ่นหลี แววตาของฟาง เชี่ยนเชี่ยน ส่องประกายความประหลาดใจออกมา ผู้ชายคนนี้หล่อกว่านักแสดงนำชายในละครทีวีเสียอีกแม้ว่าผมหน้าม้าของอีกฝ่ายจะยาวไปหน่อย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าถ้าเขาดูแลทรงผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีเขาสามารถผลักดาราชายออกจากตำแหน่งจัดอันดับได้อย่างแน่นอนฟาง เชี่ยนเชี่ยน รู้สึกอิจฉาทันที "ทำไมหลิง อี้หรานถึงสมควรได้รับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดทั้งปวง? ไม่เพียงแค่กวอ ซิ่นหลี่ จะชอบเธอ แต่เธอยังมีผู้ชายที่หล่อเหลาติดตามเธอด้วย!"ทันใดนั้นเธอก็ยกมุมปากขึ้นและแสดงรอยยิ้มที่ชั่วร้าย "คุณเป็นเพื่อนของหลิง อี้หราน หรือเปล่า? คุณคงไม่รู้ว่าเธอเคยติดคุกมาก่อน ในอดีตเธอเคยขับรถชนใครบางคนขณะเมาแล้วขับ มันเหมือนกับการฆาตกรรม!"อย่างไรก็ตาม ด้วยความผิดหวังของเธอ ใบหน้าของชายคนนั้
ในอดีต เธอและเพื่อนร่วมงานสำนักงานกฎหมายมักจะมาที่นี่เพื่อทานอาหารหลังเลิกงาน สำหรับเธอในตอนนั้น การทานอาหารที่นี่ก็เหมือนกับการทานอาหารในเวลาพักทำงานแต่ตอนนี้ มันกลายเป็นอะไรที่หรูหราที่สามารถเพลิดเพลินได้เป็นครั้งคราว"นั่นก็ค่อยข้างดีเลยนะ พี่สาว พี่สั่งได้เลยทีหลัง" อี้ จิ่นหลี ขัดจังหวะความคิดของเธออย่างหมดจดหลิง อี้หราน สั่งอาหารที่ถูกกว่าทั้งหมด โดยที่แพงที่สุดคือจานกุ้ง ราคา 48 หยวน ราคารวมของอาหารทั้งหมดอยู่ที่ 178 หยวนแม้ว่ามันจะไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่มันก็เป็นอาหารที่แพงที่สุดที่หลิง อี้หราน เคยทานมาระยะหนึ่งแล้วแม้ว่าในข้อเท็จจริงนั้นอี้ จิ่นหลี ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอสั่งเพิ่มอีกเล็กน้อย “พี่ครับ ผมมีเงิน"อย่างไรก็ตาม หลิง อี้หราน ยังคงกล่าวว่า "แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าจะเป็นอาหารที่ดีแต่ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งมากเกินไป"หลังจากนั้นไม่นานพนักงานก็เสิร์ฟอาหาร และพวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารกัน อาหารที่นี่ดีกว่าอาหารง่าย ๆ ที่พวกเขามักจะทานกันเมื่อพวกเขาเริ่มกินกุ้ง อี้ จิ่นหลี ก็แกะเปลือกให้หลิง อี้หราน อย่างเป็นธรรมชาติจากนั้นใส่กุ้งที่แกะเปลือกแล้วทั้งหมดลง
หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปด้านข้าง จากนั้นเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอเงยหน้าขึ้นมองอี้ จิ่นหลีและพูดว่า "นายจ่ายค่าอาหารแล้วใช่ไหม?""อืม ผมจ่ายแล้ว""ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ" เธอพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าและเดินออกจากร้านไปพร้อมกับเขาราวกับว่าเธอกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง"เป็นอะไรรึเปล่า? พี่กำลังซ่อนจากอะไรบางอย่างอยู่เหรอ?" เขาถามเสียงฝีเท้าของเธอหยุดลง และทั่วใบหน้าของเธอดูคลุมเครือ "อดีตเพื่อนร่วมงานของฉันก็มาที่นี่เพื่อกินข้าวด้วย ฉัน... ฉันไม่อยากให้พวกเขาเห็นฉันน่ะ"เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูแคลนตัวเองว่า "มันไร้สาระ ใช่ไหมล่ะ? อันที่จริงพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าฉันผ่านอะไรมาบ้างและพวกเขาก็คงเดาได้ว่าตอนนี้ฉันต้องเป็นทุกข์แค่ไหน แต่ฉันก็ยังไม่ต้องการที่จะเจอพวกเขาอย่างจัง"เธอไม่อยากเห็นความเห็นใจในแววตาของพวกเขา เธอไม่อยากเห็นความสงสารของพวกเขาในอดีตการเป็นทนายความเป็นสิ่งที่เธออยากทุ่มเททั้งชีวิต แต่ตอนนี้แม้ว่าเพื่อนร่วมงานของเธอจะยังคงทำงานนั้นอยู่ แต่ก็ไม่ใช่อาชีพที่เธอจะสามารถหวังที่จะทำได้อีกครั้งการไม่เห็นคุณค่าในตัวเองของเธอ ณ ขณะนั้นทำให้ความเจ็บปวดแล่นผ
เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเซียว จื่อฉี กำลังจะเหยียบคันเร่งออกไป แต่จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ "รูปร่างของเขา... " รูปร่างของชายที่ถูกเรียกว่าคนสำคัญที่สุดในเมืองเฉินปรากฏขึ้นในความคิดของเขารูปร่างของชายคนนี้ดูเหมือนอี้ จิ่นหลีมาก!อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นไปไม่ได้เลยอี้ จิ่นหลี จะมายืนอยู่ข้างหลิง อี้หราน ได้อย่างไร? ตลกสิ้นดี!รถที่อยู่ข้างหลังเซียว จื่อฉี บีบแตรใส่เขา เซียว จื่อฉี จึงเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะนี้ ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิง อี้หราน มองขึ้นมาในทิศทางที่เซียว จื่อฉี อยู่เมื่อชายคนนั้นหันศีรษะและมองมา เซียว จื่อฉี รู้สึกตกใจมาก “อี้… อี้ จิ่นหลี?!”นั่นคือ อี้ จิ่นหลี จริง ๆ หรือ? แม้ว่าชุดและทรงผมของอีกฝ่ายในตอนนี้จะดูแตกต่างจากทัศนคติของเขาที่มีต่อ อี้ จิ่นหลี แต่ใบหน้านั้นก็ดูเหมือนเขาจริง ๆ!ร่างของเซียว จื่อฉี แข็งทื่อขณะที่เขาขับรถ เขารู้สึกว่าทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่เกินคาดหมายในขณะเดียวกันที่สี่แยกหลิง อี้หรานกำลังขยี้ตา ในที่สุด ดูเหมือนว่าจะไม่มีเม็ดทรายอยู่ในดวงตาของเธออีกแล้ว ดูเหมือนว่าการเป่าของจินจะได้ผลดีทีเดียวเธอมองไปที่คนข้
หลิง อี้หราน ขมวดคิ้ว “เซียว จื่อฉี กำลังถามถึง... จิน หรือเปล่า?” “คุณเซียว ทำไมคุณถึงอยากรู้เรื่องชาวบ้าน ดิฉันต้องรายงานคุณว่าฉันอยู่กับน้องชายด้วยเหรอ?"น้องชาย เธอมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?" เซียว จื่อฉี ถาม เขารู้แค่ว่าเธอมีน้องสาว“ฉันรับเขามาในฐานะน้องชายของฉัน ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้เหรอไง?” เธอถามเซียว จื่อฉี จ้องไปที่หลิง อี้หราน ราวกับว่าเขาต้องการตรวจสอบว่าเธอโกหกหรือไม่จากการแสดงออกของเธอในขณะนี้ พี่ซูซึ่งกำลังกวาดพื้นอีกฟากหนึ่งของถนนเห็นความวุ่นวายและวิ่งข้ามมา “คุณเซียวโปรดใจเย็น ๆ อย่าใช้ความรุนแรงเลยค่ะ”พี่ซูจำได้ว่า เซียว จื่อฉี เป็นคนที่มาพร้อมกับห่าว อี้เหมิง ตอนที่เธอขอโทษที่ศูนย์บริการสุขาภิบาล ตามคำบอกเล่าของคนงานที่นั่น เซียว จื่อฉี เป็นอดีตแฟนของอี้หราน"คุณเซียว ถ้าคุณไม่ปล่อยมือฉัน คุณไม่กลัวว่าจะมีคนมาถ่ายรูปคุณเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะต้องอธิบายตัวเองให้คุณห่าวฟังนะคะ" หลิง อี้หราน กล่าวสีหน้าของเซียว จื่อฉี เปลี่ยนไป ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือเธอและจากไปพี่ซูมองไปที่หลิง อี้หราน อย่างเป็นห่วงและพูดว่า "ทำไมคน ๆ นั้นถึงมาหาเธอ?"“ใครจะไปรู้ว่าเข
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค