แม้ว่า หลิง อี้หราน จะหน้าตาเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนเธอจะต้องเผชิญกับพายุมามากมาย เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าแฟชั่นระดับไฮเอนด์อีกต่อไป แต่เป็นเครื่องแบบเรืองแสงเซียว จื่อฉี อยู่ในความงุนงง ฉากที่เธอคลานไปหาเขาในคุกขอร้องให้เขาเชื่อเธอ ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้งในตอนนั้นสายตาของเธอดูกระตือรือร้นมีความหวังและอ้อนวอน... อย่างไรก็ตามเธอดูสงบในตอนนี้ห่าว อี้เหมิง มองไปที่การตอบสนองของแฟนหนุ่มจากหางตาของเธอ และยิ้มอย่างเป็นมิตรขณะที่เธอยื่นกล่องของขวัญให้ หลิง อี้หราน และพูดว่า "นี่สำหรับคุณ ดิฉันขอโทษที่ทำให้คุณหาแหวนของดิฉันเมื่อวันก่อน" พฤติกรรมของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความชั่วร้ายที่เธอเคยเป็นมาก่อน!หลิง อี้หราน หยิบกล่องของขวัญมาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำและหันไปจากไป“ฉันมีเสื้อผ้าเพียงพอแล้ว” หลิง อี้หราน ตอบ"นี่มีเงินห้าร้อยหยวนนะ... ""ฉันไม่ต้องการ" หลิง อี้หราน กล่าว เธอมองไปที่นาฬิกาและเห็นว่าเวลาพักเที่ยงกำลังจะสิ้นสุดลง หลังจากเก็บเครื่องมือแล้วเธอก็มุ่งหน้าไปยังส่วนของทางหลวงที่เธอได้รับมอบหมายให้ไปกวาดหลิง อี้หราน ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเธอเห็นว่าผู้สื่อข
หลิง อี้หราน เม้มริมฝีปากของเธอ และพบว่า เซียว จื่อฉี ไร้สาระ เธอเริ่มเดินห่างจากเขาเซียว จื่อฉี โกรธเมื่อเขารู้สึกว่า หลิง อี้หราน ไม่เพียงแต่ปฏิเสธความปรารถนาดีของเขา แต่เธอยังดูหมิ่นเขา เขากล่าวว่า "หลิง อี้หราน คุณหมายความว่าอย่างไร? ผมยอมเสี่ยงโดยเสนอตัวเพื่อช่วยคุณ!"“แล้วใครเคยขอให้คุณเสี่ยงเหรอ?” หลิง อี้หราน ถามอย่างเรียบเฉย เธอพูดต่อว่า "ยิ่งไปกว่านั้นคุณไม่กลัวว่าคุณห่าวจะได้ยินเรื่องนี้เหรอ?"ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงพูดว่า "คุณกำลังปิดบังอะไรจากฉันอยู่เหรอ?"เซียว จื่อฉี แข็งทื่อ เขาปล่อยมือที่จับแขนของ หลิง อี้หราน ทันทีและหันไปมอง ห่าว อี้เหมิงที่กำลังเดินมาหาเขาจากนั้นก็พูดว่า "โอ้ ไม่มีอะไรหรอก"เมื่อ ห่าว อี้เหมิง ได้ยินคำตอบของเซียว จื่อฉี เธอก็เดินตรงไปหาเขาเอามือโอบแขนเขาแล้วพูดว่า "จื่อฉี ทำไมคุณถึงคุยกับคนแบบนี้คุณไม่กลัวว่า อี้ จิ่นหลี จะรู้เรื่องนี้หรือ? คุณรู้ดีว่าพี่สาวของฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ อี้ จิ่นหลี เต็มใจจะแต่งงานด้วย แม้ว่าพี่สาวของฉันจะตายไปสามปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนอื่นเลย..."แม้ว่า ห่าว อี้เหมิง จะไม่ได้พูดจนจบประโยค แต่ทุกคนก็ร
"ฝ่ายบริหารได้ส่งคำสั่งว่าเราไม่อนุมัติการเขียนใด ๆ เกี่ยวกับ หลิง อี้หราน" บรรณาธิการตอบหลี่ ชินเจิง ถามด้วยความประหลาดใจ "ตระกูลเซียวอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เหรอครับ?" มันไม่สมเหตุสมผลกับเขาเลย เมื่อเขาเขียนเกี่ยวกับ ห่าว อี้เหมิง ก่อนหน้านี้บรรณาธิการได้อนุมัติข่าวของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เขียนอะไรเกี่ยวกับ หลิง อี้หราน!“ไม่ใช่ตระกูลเซียว มันเพียงพอเเล้ว อย่าถามคำถามอีกไม่ว่าในกรณีใดหากข่าวนี้เผยแพร่ออกไปไม่เพียงแต่คุณจะตกงานในฐานะนักข่าว แต่ผมก็จะถูกไล่ออกเช่นกัน” บรรณาธิการกล่าวหลี่ ชินเจิง เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ สิ่งที่บรรณาธิการพูด... ดูเหมือนจะเกินจริงเอามาก ๆ"หลิง อี้หราน... เป็นแค่คนงานสุขาภิบาลใครจะไปอยากปกป้องเธอกัน?""คุณยังเด็กเกินไป ในโลกนี้มีหลายสิ่งที่เหนือจินตนาการของคุณ" บรรณาธิการตอบพร้อมกับถอนหายใจ เขายังงงงวยว่าทำไมนายน้อยอี้จึงออกมาปกป้องหลิง อี้หราน—ในขณะที่ยี่ จินลี่ เฝ้าดู หลิง อี้หราน วางเครื่องใช้เขาก็กล่าวว่า "ผมได้ยินมาว่าผู้หญิงที่บอกให้พี่หาแหวนของเธอได้ไปที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลเพื่อขอโทษ""ใช่" หลิง อี้หราน ตอบ "แต่ฉัน
ดวงตาคู่หลังหน้าม้านี้ของเขายังชัดเจนผิดปกติราวกับว่ามันเป็นเพียงคำถามธรรมดา ๆ สำหรับเขา‘เอ่อ... จิน ดูเหมือนไร้เดียงสามากเขาคงไม่ได้หมายความว่าอะไรในคำถาม’หลิง อี้หราน คิดกับตัวเองจากนั้นเธอก็กระแอมในลำคอและพูดว่า "ฉันชอบน้องชายของฉันได้ แต่ไม่ใช่ความรัก มันเป็นสองความรู้สึกที่แตกต่างกัน ฉันคิดว่าการรักใครสักคนนั้นคงอยู่ตลอดไปและไม่สามารถถูกแทนที่ได้ ฉัน... คิดว่าคนรักสามารถอยู่และตายไปด้วยกันได้ "ดวงตาสีเข้มของเขาหรี่ลงทันที ‘อยู่และตายไปด้วยกัน แปลกมากเมื่อฉันได้ยินคำตอบของเธอความคิดแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า... มันฟังดูดีที่ได้อยู่และตายไปพร้อมกับเธอ’นั่นหมายความว่าฉันตกหลุมรักเธออย่างนั้นเหรอ?"เป็นไปได้ยังไง?" เขาหัวเราะในขณะที่ความคิดตรงกันข้ามในหัวของเขา‘ฉันต้องยอมรับว่าฉันมีความรู้สึกต่อเธอ ฉันผูกพันกับเธอมาก และฉันก็ห่วงใยเธอ ดูเหมือนว่าฉันเริ่มหมกมุ่นกับความรู้สึกที่ได้อยู่ข้าง ๆ เธอโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ ฉันคงไม่เล่นเกมนี้นานหรอก’แต่ตกหลุมรัก... ฉันทำแบบนั้นไม่ได้‘ฉันสัญญากับตัวเองนานแล้วว่าจะไม่ตกหลุมรักผู้หญิงคนไหน!’“และจินก็จะไม่มีวันทำให้ฉันเสียใจใช่ไหม?” น้ำ
ทันใดนั้น ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ก็เดินผ่าน และมองไปที่ หลิง อี้หรานอย่างดูถูกและพูดว่า "พี่ซู ทำไมถึงคุยกับเธอล่ะ? เธอติดคุก! เธอฆ่าคนตาย!”"เชี่ยนเชี่ยน เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันทั้งหมด ทำไมเธอต้องพูดแบบนั้นนอกจากนี้ อี้หรานก็เข้าคุกเพราะเธอขับรถไม่ระมัดระวัง…”พี่ซูพูดแทบจะยังไม่จบ ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ขัดจังหวะเธอ "แต่คนที่เธอฆ่าคือ ห่าว เหมยยวี่ พี่ซูรู้ไหมว่า ห่าว เหมยยวี่ คือใคร? เธอคือพี่สาวของ ห่าว อี้เหมิง ยังไงล่ะ! ฉันสงสัยว่าทำไม ห่าว อี้เหมิง ถึงต้องการให้เพื่อนร่วมงานของเราหลายคนมองหาแหวนที่ไม่มีอยู่จริงมันเป็นเพราะ เธอกำลังกำหนดเป้าหมายไปที่ หลิง อี้หราน และเราทุกคนก็ถูกลากเข้าไปในนั้น"“แต่เธอได้ขอโทษและชดเชยเราแล้วเหรอ?” พี่สาวเสี่ยวถามสีหน้าของ ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ไม่พอใจและเห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจที่พี่ซูปกป้อง หลิง อี้หราน เธอเป็นคนที่ปล่อยข่าวการจำคุกของหลิง อี้หรานเธอบังเอิญเจอ หลิง อี้หราน พูดกับ เซียว จื่อฉี และห่าว อี้เหมิง ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาในอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเซียว จื่อฉี และห่าว อี้เหมิง และได้พบว่า หลิง อี้หราน เป็นคนที่ฆ่า ห่าว เ
—หลิง อี้หรานกลับมาที่อพาร์ทเมนต์เช่าในตอนกลางคืน ขณะที่เธอกำลังทานอาหารเย็นกับอี้ จิ่นหลี ก็มีคนมาเคาะประตูหลิง อี้หรานสะดุ้ง "ปกติฉันไม่เคยมีใครมาเยี่ยม เป็นไปได้ว่านั้นคือพ่อของฉัน แม่เลี้ยง และน้องสาวอาจจะมาที่นี่?!"แต่เมื่อเธอเปิดประตูเธอ เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็น กวอ ซิ่นหลี่ ยืนอยู่ข้างนอกกวอ ซิ่นหลี่ สวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีดำและใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย เขามองไปที่หลิง อี้หราน และพูดอย่างไม่สบายใจ “ผม…” เขาแทบจะอ้าปากไม่ได้เมื่อสังเกตเห็นอี้ จิ่นหลี ที่เดินไปยืนข้างหลังหลิง อี้หราน และเขาก็หยุดกะทันหันราวกับว่าเขากำลังลังเลอี้ จิ่นหลี ศึกษาชายที่ยืนอยู่นอกบ้าน "ผมจำผู้ชายคนนี้ได้ เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของหลิง อี้หราน จากศูนย์บริการสุขาภิบาลและดูเหมือนว่าเขาจะมีความรู้สึกชอบเธอ""คุณมาที่นี่ทำไมครับ? คุณกำลังมองหาพี่สาวเหรอ?" อี้ จิ่นหลี ถาม"ผม… ผมมีธุระต้องคุยกับอี้หรานสองต่อสอง" กวอ ซินหลี่ พูดด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่หลิง อี้หราน และถาม "อี้หราน สะดวกหรือเปล่า?"อี้ จิ่นหลี ขมวดคิ้วเบา ๆ และพบว่าวิธีที่กวอ ซื่นหลี่ เรียกเธอว่า "อี้หราน" นั้น
“พี่สาว พี่ชอบผู้ชายคนนั้นเพราะเขาพูดแบบนั้นเหรอ?” เขาพึมพำและถาม ในแววตาของเขามีนัยแห่งความหึงหวงที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัวกลิ่นของเขาแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกของเธอและระยะปะชิดทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกตามสัญชาตญาณภาวะวิกฤตกำลังเกิดขึ้นภายในตัวเธอ "รู้สึกเหมือนว่าถ้าฉันตอบผิด ในวินาทีต่อมาสัตว์ดุร้ายจะตะครุบตัวฉันและงับคอฉันอย่างรุนแรง”“โอ้ คุณพระ ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?!”หลิง อี้หราน หัวเราะกับตัวเองในความคิดที่เพิ่งแล่นเข้ามาในใจของเธอ “คนข้างหน้าฉันตรงนี้คือจิน เขาไม่ใช่คนอันตราย"“ฉันไม่ชอบกวอ ซิ่นหลี่" เธอตอบ “ฉันทำได้เพียงแค่ขอโทษเขาสำหรับความรู้สึกที่มีให้กับฉัน”คำตอบของเธอทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นทันที เขาจ้องไปที่เธอและถามว่า "พี่สาว พี่ไม่ชอบผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?"“ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ะ?” เธอโต้กลับ "ตั้งแต่ฉันออกจากคุกมา ฉันไม่เคยคิดที่จะตกหลุมรักใครสักคนอีก ความรักเป็นความรู้สึกที่เป็นภาระมากเกินไป เวลาที่ฉันรักใครสักคนฉันทุ่มเทสุดหัวใจและเมื่อฉันถูกทอดทิ้ง มันช่างแสนสาหัส ฉันไม่ต้องการความรู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว”สัมผัสได้ถึงความรื่นเริงนัยตาเขา “ถ้าอย่
"แม้ในอดีต จะเป็นงานที่ยากอยู่แล้วในการหางานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง"“แต่เธอจะเสียเวลาหลายปีไปกับงานแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วจะหาสามีดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?!” สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับคนอย่างพี่ซูคือการแต่งงาน “อากวอเหมือนจะไม่สนใจเรื่องอดีตของเธอ เธอแน่ใจหรือว่าเธอไม่ต้องการพิจารณาเรื่องนี้? ผู้ชายที่ซื่อสัตย์อย่างอากวอหาได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้น่ะ""ไม่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก สำหรับฉันและเขาน่ะ" หลิง อี้หราน ตอบพี่ซูลังเลก่อนจะถามว่า "อี้หราน เธอคิดว่าอากวอเป็นคนชั้นต่ำเพราะเขาเป็นแค่คนขับรถหรือเปล่า? เพราะแฟนเก่าของเธอคือ..."“พี่ซู!” หลิง อี้หราน ขัดจังหวะเธอและพูดว่า "ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น มันแค่... ฉันผ่านอะไรมามากมาย ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตกหลุมรักได้อีก"“เฮ้อ เด็กน้อย!” พี่ซูถอนหายใจ “เธอควรรู้ว่า ถ้าเธอไม่ได้แต่งงานจริง ๆ และอยู่ได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้เธออาจจะยังไม่รู้สึกถึงมันมาก แต่เมื่อวันหนึ่งเธอแก่ตัวลงโดยไม่มีลูกอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ... มันจะเป็นความเหงาที่ไม่มีใครสามารถทนได้เลย""ลูก…"หลิง อี้หราน ขบยิ้ม "ฉันเกรงว่ามันจะเป็นการคิดโดยมองแต่แง่ดีมากเกินไปสำหรับฉัน"หลังจากทำงานมา
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค