เขาหยุดชั่วขณะก่อนที่จะเหลือบมองทั้งสองคนที่ยังคงงุนงง “แล้วอย่าให้พวกเขาก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้อีก”พ่อและลูกสาวของตระกูลห่าว ตัวสั่นสะท้านทันทีคำพูดของอี้ จิ่นลี บอกสองคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าถ้าพวกเขาจากไปโดยไม่พบแหวนนั่นจะหมายถึงการตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลอี้เมื่อเห็นว่า อี้ จิ่นหลี จากไป ห่าว ฉี่หรงและห่าว อี้เหมิง มองหน้ากันด้วยความตกใจแม้ว่าสระว่ายน้ำข้างหน้าจะไม่ลึกและไม่ใหญ่ แต่ก็ยังมีขนาดประมาณ 100 ตารางเมตร ที่แย่กว่านั้นคือก้นสระเต็มไปด้วยโคลนดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาวงแหวนเล็ก ๆ วงนั้นห่าว อี้เหมิง เเทบจะร้องไห้ “พ่อ หนูจะทำอย่างไรดี? หนูต้องลงไปหาแหวนจริง ๆ เหรอคะ? ในวันที่อากาศหนาวมากขนาดนี้ หนูจะไปหาแหวนคนเดียวได้อย่างไร?”"ไม่ว่าแกจะก่อปัญหาอะไรก็ตาม แกต้องแก้ปัญหาด้วยตัวแกเอง ถ้าตระกูลอี้ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลห่าวจริง ๆ แกไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลห่าวในอนาคต!" ห่าว ฉี่หรงกล่าวด้วยใบหน้าที่หมดหวังเนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลห่าว แม้ว่าจะเป็นลูกสาวของเขาเขาก็ไม่สามารถทนต่อการต่อต้านใด ๆ ได้ห่าว อี้เหมิง เงียบ แน
เธอหวีผมหน้าม้าเบา ๆ จากนั้นเริ่มเล็มผมหน้าทีละนิด เธอมีสมาธิมากและความสนใจทั้งหมดของเธอก็จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ เธอไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาสีเข้มที่สวยงามและเต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่จ้องมองเธอจากใต้ผมม้านั้นอี้ จิ่นหลี มองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นและดวงตาสีอัลมอนด์คู่นี้ของเธอ จมูกเล็ก ๆ ริมฝีปากสีชมพูและใบหน้าที่บอบบางดูเหมือนจะทำให้คนอื่นไม่สามารถละสายตาได้ ภายใต้แสงไฟร่างกายของเธอดูเหมือนจะเปล่งออร่าที่อบอุ่นออกมา"เสร็จแล้ว" หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานเสียงของเธอก็ดังขึ้นในหูของเขา"เสร็จแล้วเหรอ?" เขาถามราวกับว่าเวลาที่ใช้กับเธอผ่านไปเร็วมาก“อื้มมม” เธอยิ้ม และถอยหลังสองก้าวมองเขาอย่างละเอียกละออสักพัก "ฝีมือของฉันไม่ได้แย่เกินไปนะเนี่ย อันที่จริงมันค่อนข้างดีและเราประหยัดได้ตั้ง 10 หยวน"เธอยิ้มขณะที่เธอพูด จากนั้นเธอหยิบผ้าขนหนูออกและปัดผมเส้นเล็กที่ติดอยู่ตามใบหน้าลำคอและเสื้อผ้าของเขาออก“เอาล่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว” หลิง อี้หราน กล่าวอี้ จิ่นหลี หยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำแคบ ๆ น้ำอุ่นพุ่งไปทั่วร่างกายของเข
เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรถของ ห่าว เหมยยวี่ ถึงพุ่งเข้าหาเธอสิ่งที่ทำให้เธอสับสนมากขึ้นคือทำไมคำพูดของพยานเหล่านั้นจึงมุ่งเป้าไปที่เธอเธอไม่สามารถอธิบายได้เป็นร้อยคำ พยานและหลักฐานทั้งหมดในเวลานั้นได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นผู้กระทำความผิดท้ายที่สุด ห่าว เหมยยวี่ กำลังจะแต่งงานกับ อี้ จิ่นหลี เธอเคยอยู่ในช่วงเวลาอันสำคัญของชีวิตและไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะอยากฆ่าตัวตายด้วยการขับรถชน“แล้วพี่อยากจะอุทธรณ์คดีไหม?” อี้ จิ่นหลี ถามหลิง อี้หราน หัวเราะให้กับตัวเธอเอง "ฉันรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย การพลิกคดีไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ตอนนี้ฉันออกมาแล้ว เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ฉันจะเป่าผมนายให้แห้งเอง"ขณะที่เธอพูดเธอก็เก็บเอกสารจากนั้นใช้ไดร์เป่าผมช่วยเป่าให้ผมเขาแห้งแววตาของ อี้ จิ่นหลี ค่อย ๆ ลึกขึ้น…วันต่อมา เกา ฉงหมิง เห็นว่าผมของเจ้านายของเขา... ดูเหมือนจะถูกตัดแต่งมา แต่เขาจำไม่ได้ว่านายน้อยได้นัดกับช่างทำผมด้วย“มีอะไรเหรอ?” บางทีอาจเป็นเพราะเขาจ้องมอง อี้ จิ่นหลี เป็นเวลานาน อี้ จิ่นหลี ก็เลยถามขึ้น“นายน้อยครับ ดูเหมือนว่านายน้อยจะไม่ได้ตัดผมมานานเเล้วนะครับ นายน้อย
"ในความคิดของตระกูห่าว ฉันเป็นคนทำให้พี่สาวของเธอตาย" หลิง อี้หราน กล่าวหลังจากนั้นไม่นาน ก่อนที่ห่าว อี้เหมิง จะสั่งให้ดึงเล็บของเธอในคุก เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนเราจะเลวทรามได้ขนาดนี้!"ในความคิดของฉันเมื่อเทียบกับการตายของพี่สาวเธอ ห่าว อี้เหมิงคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเธอเป็นคนที่จากไปแทน" การแสดงออกที่โกรธเกรี้ยวของ ชิน เหลียนอี ยังไม่จางหายไป “ตอนที่เธอถูกตัดสินในตอนนั้นมันไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่ ห่าว อี้เหมิง และเซียว จื่อฉี จะรวมตัวกันเร็วขนาดนั้น ฉันไม่เชื่อว่า ห่าว อี้เหมิง ไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ กับ เซียว จื่อฉี ในอดีต""นี่แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่าง เซียว จื่อฉี กับฉันในอดีตด้วยเหตุนี้การที่สามารถมองเห็นคนได้อย่างทะลุปรุโปร่งนั้นก็ไม่แย่เช่นกัน" หลิง อี้หราน กล่าวด้วยรอยยิ้ม"นั่นเป็นความจริง มันไม่คุ้มค่าที่จะรักผู้ชายอย่าง เซียว จื่อฉี เลย" ชิน เหลียนอี กล่าวหลังจากหยุดไปชั่วขณะ เธอดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง “อย่างไรก็ตามเธออยู่ด้วยกันกับน้องชายคนใหม่ของเธอก็เป็นอย่างไรบ้างล่ะ? ตั้งใจจะอยู่กับเขาแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า?”"อืม" เธอพูดพร้อมกับพยักหน้า "ถ้าจินเต็มใจท
ห่าว อี้เหมิง ขอโทษด้วยสีหน้าจริงใจและยังโค้งคำนับอย่างเต็มที่ เธอดูเหมือนว่าใกล้จะขาดใจและได้รับความเห็นใจเป็นอย่างมากหลังจากหยุดพักชั่วขณะเธอก็พูดต่อ "ดิฉันจะไปที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อคนงานสุขาภิบาลที่ช่วยฉันหาแหวน ดิฉันจะบริจาครายได้ทั้งหมดของฉันจากการทำงานในปีนี้และใช้มันพื่อจัดตั้งแผงอาหารเช้า คนงานสุขาภิบาลสามารถรับอาหารเช้าฟรีทุกวันพร้อมบัตรผ่านงาน"เมื่อวิดีโอของงานแถลงข่าวถูกอัพโหลดบนอินเทอร์เน็ตหลายคนรู้สึกว่าวิกฤตของ ห่าว อี้เหมิง ได้รับการจัดการอย่างดี แม้แต่แฟน ๆ ก็ยังคงโพสต์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อช่วย ห่าว อี้เหมิง สร้างความประทับใจที่ดีเป็นผลให้หลายคนรู้สึกว่านี่เป็นเพียงการเข้าใจผิดความรู้สึกขอบคุณของ ห่าว อี้เหมิง ที่มีต่อศูนย์บริการสุขาภิบาลนั้นน่าประทับใจมากและดึงดูดผู้สื่อข่าวจำนวนมากผู้อำนวยการศูนย์บริการสุขาภิบาลจัดให้คนงานสุขาภิบาลที่มองหาแหวนในวันนั้นจับมือกับ ห่าว อี้เหมิง ทีละคนและเขาก็รับของขวัญขอบคุณของ ห่าว อี้เหมิงพี่ซูรับของขวัญและมีความสุขมาก ของขวัญชิ้นนี้นอกเหนือจากซองแดง 500 หยวนแล้วยังมาพร้อมกับเสื้อแจ็คเก
แม้ว่า หลิง อี้หราน จะหน้าตาเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนเธอจะต้องเผชิญกับพายุมามากมาย เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าแฟชั่นระดับไฮเอนด์อีกต่อไป แต่เป็นเครื่องแบบเรืองแสงเซียว จื่อฉี อยู่ในความงุนงง ฉากที่เธอคลานไปหาเขาในคุกขอร้องให้เขาเชื่อเธอ ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้งในตอนนั้นสายตาของเธอดูกระตือรือร้นมีความหวังและอ้อนวอน... อย่างไรก็ตามเธอดูสงบในตอนนี้ห่าว อี้เหมิง มองไปที่การตอบสนองของแฟนหนุ่มจากหางตาของเธอ และยิ้มอย่างเป็นมิตรขณะที่เธอยื่นกล่องของขวัญให้ หลิง อี้หราน และพูดว่า "นี่สำหรับคุณ ดิฉันขอโทษที่ทำให้คุณหาแหวนของดิฉันเมื่อวันก่อน" พฤติกรรมของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความชั่วร้ายที่เธอเคยเป็นมาก่อน!หลิง อี้หราน หยิบกล่องของขวัญมาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำและหันไปจากไป“ฉันมีเสื้อผ้าเพียงพอแล้ว” หลิง อี้หราน ตอบ"นี่มีเงินห้าร้อยหยวนนะ... ""ฉันไม่ต้องการ" หลิง อี้หราน กล่าว เธอมองไปที่นาฬิกาและเห็นว่าเวลาพักเที่ยงกำลังจะสิ้นสุดลง หลังจากเก็บเครื่องมือแล้วเธอก็มุ่งหน้าไปยังส่วนของทางหลวงที่เธอได้รับมอบหมายให้ไปกวาดหลิง อี้หราน ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเธอเห็นว่าผู้สื่อข
หลิง อี้หราน เม้มริมฝีปากของเธอ และพบว่า เซียว จื่อฉี ไร้สาระ เธอเริ่มเดินห่างจากเขาเซียว จื่อฉี โกรธเมื่อเขารู้สึกว่า หลิง อี้หราน ไม่เพียงแต่ปฏิเสธความปรารถนาดีของเขา แต่เธอยังดูหมิ่นเขา เขากล่าวว่า "หลิง อี้หราน คุณหมายความว่าอย่างไร? ผมยอมเสี่ยงโดยเสนอตัวเพื่อช่วยคุณ!"“แล้วใครเคยขอให้คุณเสี่ยงเหรอ?” หลิง อี้หราน ถามอย่างเรียบเฉย เธอพูดต่อว่า "ยิ่งไปกว่านั้นคุณไม่กลัวว่าคุณห่าวจะได้ยินเรื่องนี้เหรอ?"ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงพูดว่า "คุณกำลังปิดบังอะไรจากฉันอยู่เหรอ?"เซียว จื่อฉี แข็งทื่อ เขาปล่อยมือที่จับแขนของ หลิง อี้หราน ทันทีและหันไปมอง ห่าว อี้เหมิงที่กำลังเดินมาหาเขาจากนั้นก็พูดว่า "โอ้ ไม่มีอะไรหรอก"เมื่อ ห่าว อี้เหมิง ได้ยินคำตอบของเซียว จื่อฉี เธอก็เดินตรงไปหาเขาเอามือโอบแขนเขาแล้วพูดว่า "จื่อฉี ทำไมคุณถึงคุยกับคนแบบนี้คุณไม่กลัวว่า อี้ จิ่นหลี จะรู้เรื่องนี้หรือ? คุณรู้ดีว่าพี่สาวของฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ อี้ จิ่นหลี เต็มใจจะแต่งงานด้วย แม้ว่าพี่สาวของฉันจะตายไปสามปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนอื่นเลย..."แม้ว่า ห่าว อี้เหมิง จะไม่ได้พูดจนจบประโยค แต่ทุกคนก็ร
"ฝ่ายบริหารได้ส่งคำสั่งว่าเราไม่อนุมัติการเขียนใด ๆ เกี่ยวกับ หลิง อี้หราน" บรรณาธิการตอบหลี่ ชินเจิง ถามด้วยความประหลาดใจ "ตระกูลเซียวอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เหรอครับ?" มันไม่สมเหตุสมผลกับเขาเลย เมื่อเขาเขียนเกี่ยวกับ ห่าว อี้เหมิง ก่อนหน้านี้บรรณาธิการได้อนุมัติข่าวของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เขียนอะไรเกี่ยวกับ หลิง อี้หราน!“ไม่ใช่ตระกูลเซียว มันเพียงพอเเล้ว อย่าถามคำถามอีกไม่ว่าในกรณีใดหากข่าวนี้เผยแพร่ออกไปไม่เพียงแต่คุณจะตกงานในฐานะนักข่าว แต่ผมก็จะถูกไล่ออกเช่นกัน” บรรณาธิการกล่าวหลี่ ชินเจิง เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ สิ่งที่บรรณาธิการพูด... ดูเหมือนจะเกินจริงเอามาก ๆ"หลิง อี้หราน... เป็นแค่คนงานสุขาภิบาลใครจะไปอยากปกป้องเธอกัน?""คุณยังเด็กเกินไป ในโลกนี้มีหลายสิ่งที่เหนือจินตนาการของคุณ" บรรณาธิการตอบพร้อมกับถอนหายใจ เขายังงงงวยว่าทำไมนายน้อยอี้จึงออกมาปกป้องหลิง อี้หราน—ในขณะที่ยี่ จินลี่ เฝ้าดู หลิง อี้หราน วางเครื่องใช้เขาก็กล่าวว่า "ผมได้ยินมาว่าผู้หญิงที่บอกให้พี่หาแหวนของเธอได้ไปที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลเพื่อขอโทษ""ใช่" หลิง อี้หราน ตอบ "แต่ฉัน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค