มันเป็นเวลาเพียงตีห้ากว่า ๆ เท่านั้น ไม่มีครอบครัวทั่วไปครอบครัวไหนที่จะทำอาหารเช้าเร็วขนาดนี้"จากนี้ไปอาหารเช้าจะพร้อมตามเวลาทำงานของพี่ พี่ต้องกินอาหารเช้าก่อนไปทำงาน" อี้ จิ่นหลี พูดและพาหลิง อี้หราน ไปที่โต๊ะก่อนจะกดไหล่ของเธอเบา ๆ เพื่อให้เธอนั่งลงหลิง อี้หราน นั่งลงอย่างเชื่อฟังและมองไปที่อาหารเช้าบนโต๊ะ มีอาหารจีนและอาหารตะวันตกให้เลือกมากมาย ในที่สุดเธอก็ดื่มนมหนึ่งแก้ว กินโจ๊กและขนมอบอาหารเช้านี้อร่อยกว่าหมั่นโถวธรรมดา ๆ สองเหรียญที่เธอมักจะซื้อในตอนเช้าอีกนอกจากนี้ ยังทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นคนจริง และอาศัยอยู่ใสคฤหาสน์ อี้ แทนที่จะเป็นห้องเช่าเล็ก ๆ ของเธอ"ผมจะให้คนขับรถของผมขับรถไปส่งพี่ที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลหลังจากนี้" อี้ จิ่นหลี กล่าว“ไม่เป็นไร ฉันจะไปรถเมย์" หลิง อี้หราน พูดอย่างรวดเร็ว“มันไม่ได้อยู่ใกล้กับศูนย์บริการสุขาภิบาลของพี่เลย ถ้าพี่ขึ้นขึ้นรถเมย์ พี่ต้องเปลี่ยนสายเส้นทางสองครั้ง พี่ไม่กลัวว่าพี่จะสายเหรอ?" เขามองเธออย่างเป็นกันเองราวกับว่าเขามั่นใจกับทุกสิ่งหลิง อี้หราน รู้สึกมึนงงหลังอาหารเช้าคนขับรถของตระกูลอี้ขับรถพาหลิง อี้หราน ไปที่ศูนย์บร
”ยังไม่มีใครสามารถระบุได้เลยว่าผ้าพันคอและถุงมือมาจากแบรนด์อะไร บางคนก็บอกว่าเป็นสินค้าแฮนด์เมดสั่งทำจากแบรนด์ใหญ่"เพื่อนร่วมงานของหลิง อี้กราน บางคนพูดถึงเรื่องนี้และเธอก็ทำได้แค่ฟังอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเธอจะรู้สึกอย่างไรหากพบว่าเธอเป็นคนที่ทำสิ่งเหล่านั้นอย่างไรก็ตาม หลังจากที่พี่ซูเห็นผ้าพันคอและถุงมือของอี้กราน เธอก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ “ถุงมือเหล่านี้ดูเหมือนที่อี้กรานทำก่อนหน้านี้เลย”ไม่ว่าอย่างไรพี่ซูก็เคยดูหลิง อี้หราน ตอนที่เธอถักถุงมือทหลิง อี้หราน ถึงกับขอความช่วยเหลือจากพี่ซูตอนที่เธอกำลังสับสนด้วยซ้ำ พี่ซูต้องจำได้อย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอพูดสิ่งนี้เธอก็ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ“พี่ซู หลิง อี้หราน อาจจะรู้วิธีการถักถุงมือ แต่มันสามารถสวมมือของอี้ จิ่นหลี ได้เหรอ?"“อี้ จิ่นหลี สวมใส่ของที่ถักด้วยมือโดยนักออกแบบชั้นสูงเท่านั้น เขาจะสวมใส่สิ่งที่ทำโดยพนักงานบริการสุขาภิบาลได้ยังไงกันเล่า?”“นี่ พี่ซูกำลังเล่าเรื่องตลกให้เราฟังล่ะ!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ พี่ซูก็หยุดพูดและรู้สึกอายเล็กน้อย เธอเพียงแต่หันไปหาหลิง อี้หราน และพึมพำภายใต้ลมหายใจข
"รู้แล้วค่ะ” หลิง ลั่วอิน พูดขณะที่เธอระงับความไม่แน่นอนของเธอ สำหรับตอนนี้วิธีเดียวที่จะรู้ความจริงก็คือถาม หลิง อี้หรานเธอต้องรู้ให้ได้ว่าความสัมพันธ์ของหลิง อี้หราน กับลี่เฉินคืออะไร!…ในคืนนั้น เมื่อหลิง อี้หราน อาบน้ำเสร็จและออกจากห้องน้ำเธอก็เห็นแสงไฟส่องผ่านช่องประตูที่เชื่อมกับห้องทั้งสองอี้ จิ่นหลี... กลับมาแล้วเหรอ?หลิง อี้หราน คิดขณะที่เธอยกมือขึ้นเคาะประตู เธออยากคุยกับเขาเกี่ยวกับปัญหาคนขับรถอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเคาะประตูมันก็ไม่ได้ปิดสนิท การเคาะของเธอทำให้ประตูเปิดออกไปและเธอก็เห็นการฉายภาพขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่ามีการประชุมทางวิดีโอเกิดขึ้นบนหน้าจอ มีชาวต่างชาติจำนวนมากอยู่บนนั้นตอนนี้ผู้คนในการประชุมทางวิดีโอต่างก็มองมาที่เธอ"มีผู้หญิงด้วย โอ้พระเจ้า ทำไมมีผู้หญิงมาที่นี่ตอนดึกแบบนี้ล่ะ?" มีคนพูดด้วยความประหลาดใจ“จิน นี่คนรักของคุณเหรอ?”“แนะนำตัวบ้างสิ?"“นี่คงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่โทรมาในการประชุมครั้งล่าสุดหรอกนะ"เสียงทุกประเภทเต็มไปทั่วห้องชั่วขณะจนในที่สุดห้องก็เงียบลง เมื่อ อี้ จิ่นหลี ตัดเสียงอย่างไรก็ตาม เธอยังคงเห็นผู้คนในการประชุมทางวิดีโอมอ
หลิง อี้หราน รู้สึกราวกับว่าเธอเป็นแพนด้าที่ฝูงชนเฝ้าดู"หืม พี่สาวอยากให้ผมไปส่งจริง ๆ ใช่ไหม?" เสียงของเขาดังขึ้นในหูของเธออีกครั้งเธอหน้าแดงมากขึ้นก่อนจะรีบพูดว่า "เปล่า" ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบกลับเข้าไปในห้องของเธอและปิดประตูที่อยู่ติดกันอี้ จิ่นหลี ยิ้มจาง ๆ เมื่อเขาหันกลับไปใบหน้าของเขาก็กลับสู่การแสดงออกตามปกติ เขาเดินไปที่เก้าอี้และนั่งลงเชื่อมต่อระบบเครื่องเสียงใหม่อีกครั้ง“ประชุมกันต่อเถอะ” อี้ จิ่นหลี พูดเบา ๆ และดูเหมือนเขาจะไม่สนใจความจริงที่ว่าทุกคนพยายามสอดรู้สอดเห็น"จิน นี่คือคนที่โทรหาคุณในระหว่างการพบกันครั้งล่าสุดของเราใช่ไหม?" มีคนถามในขณะที่เขาอดไม่ได้ที่จะสอดรู้สอดเห็นอี้ จิ่นหลี เลิกคิ้วเล็กน้อย "ทำไมคุณถึงอยากรู้?"ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ตัวสั่นและพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ว่า "งั้น... เราจะดำเนินการประชุมต่อไปครับ"แม้ว่าจะเป็นการประชุม แต่ก็มีเสียงในใจของทุกคนที่คาดเดาว่าท่านประธานของพวกเขาดูเหมือนจะอยู่ด้วยกัน… กับผู้หญิงคนหนึ่ง! ...หลิง ลั่วอิน รู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอไปตามหาหลิง อี้หราน ในห้องเช่า แต่ก็ไม่พบอะไรเลย ห้องเช่าไม่มีใครอยู่เลย ไม่มีแม้แต
ทันใดนั้น ใบหน้าของหลิง ลั่วอิน ก็แข็งทื่อทันที แต่มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะมากระฟัดกระเฟียด เธอทำได้เพียงยิ้มหยิบกระเป๋าเงินออกมาและถามหลิง อี้หราน ว่า "เท่าไหร่เหรอ?”“106 เหรียญ” หลิง อี้หรานตอบตรง ๆหลิง ลั่วอิน หยิบเงินออกมา 200 เหรียญและแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนใจกว้างขณะที่เธอพูดว่า "พี่สาวเก็บส่วนที่เหลือไว้ให้ถือว่าเป็นของขวัญนะ"หลิง อี้หราน เย้ยหยันและรับเงินไป "มันไม่ใช่ของขวัญหรอก ฉันใจดีพอที่จะเรียกเก็บเงินจากเธอเท่านี้ต่างหาก ไม่อย่างนั้น ถ้าฉันจะฟ้องเธอในข้อหาทำร้ายโดยเจตนา เธอคิดว่าเธอจะเป็นหนี้ฉันเท่าไหร่ล่ะ?"ใบหน้าของหลิง ลั่วอิน แดงมาก แต่โชคดีที่เธอถูกปกปิดด้วยหน้ากากจึงไม่มีใครเห็นเธอเธอเกือบลืมไปแล้วว่าหลิง อี้หราน นั้นเคยเป็นทนายความ!"ฉันจะไปทำร้ายพี่โดยเจตนาได้อย่างไร?" หลิง ลั่วอิน กล่าวพลางยิ้มอย่างเขินอาย “วันนั้นฉันประมาทเอง”“จำเป็นต้องทำตัวต่อหน้าฉันแบบนี้ด้วยเหรอ หลิง ลั่วอิน?" หลิง อี้หราน มองเธอด้วยความขบขัน "เธอและฉันต่างก็รู้ดีว่าเธอเป็นคนแบบไหน และเเถวนี้ก็ไม่มีใครเลย มันแค่ทำให้เธอดูเหมือนตัวตลกที่เรียกฉันว่า “พี่สาว” และบอกว่าเธอประมาท"หลิง ลั่
เขาทำให้ผู้หญิงเกิดความเข้าใจผิดที่ตามใจพวกเขาแบบนั้นหลิง ลั่วอิน ถอดแว่นกันแดดออกแล้วจ้องไปที่หลิง อี้หราน ดวงตาของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ "หลิง อี้หราน กู้ ลี่เฉิน เป็นของฉัน!"“ถ้าอย่างนั้น เธอก็ควรพูดแบบนี้ต่อหน้า กู้ ลี่เฉิน ไม่ใช่ต่อหน้าฉัน” หลิง อี้หราน พูดอย่างเย็นชา“เธอ... ” หลิง ลั่วอิน โอดครวญก่อนที่จะหันหลังและเดินจากไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากเธอไม่ได้อะไรจากหลิง อี้หราน เลย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาต่อไป แต่... เธอต้องการให้หลิง อี้หราน ชดใช้ในสิ่งที่เธอพูดในวันนี้เธอหมายถึงอะไรที่บอกว่าเธอจะสามารถเป็นแฟนของกู้ ลี่เฉิน ได้นานแค่ไหน? เธอจะเป็นแฟนคนสุดท้ายของลี่เฉิน!เธอจะไม่มอบลี่เฉินให้กับคนอื่นบนโลกใบนี้! ...ต่อมาในคืนนั้น หลิง อี้หราร ได้รับข้อความ WeChat จากผู้จัดงานเพื่อไปที่กองถ่ายจากครั้งสุดท้ายในวันหยุดของเธอในสัปดาห์นี้“ผู้กำกับบอกว่าครั้งที่แล้วมีช็อตของคุณอยู่สองสามช็อตและคุณทำได้ดีมาก ฉากสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับความพิเศษไม่ได้ถ่ายทำเลย อย่างไรก็ตามจะถ่ายทำต่อในวันมะรืนนี้ มันจะเป็นทีมพิเศษคนเดียวกับครั้งที่แล้วเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน’ คุณกวอผู้จัดงาน
ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเรื่อย ๆ และเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะหันหน้าหนีเพื่อหลบเลี่ยงนิ้วของเขา อย่างไรก็ตาม นิ้วของเขาดูเหมือนจะฝเคขื่อนตามเธอและเธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้“อย่าล้อฉันเล่นสิ อี้ จิ่นหลี” เธออ้าปากค้าง ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอไม่ได้ดูซีดเซียวเหมือนเช่นเคยภายใต้แสงไฟสลัว แต่ตาคู่นั้นได้รับการกระตุ้นมาจากความโกรธเขามองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างน่าหลงใหล มีผู้หญิงหลายคนที่มีดวงตาที่สวยงามมากกว่าเธอ แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาหลงใหลราวกับว่าการมองเข้าไปในดวงตาของเธอทำให้เขาต้องการที่จะครอบงำดวงตาของเธอและไม่ต้องการให้เธอมองไปที่ผู้ชายคนอื่นด้วยการแสดงออกเช่นเดียวกันแบบนี้ปลายนิ้วของเขาค่อย ๆ เปิดริวฝีปากของเธอและรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิในปากของเธอ “ถ้าผมไม่ได้ล้อพี่เล่นล่ะ? จะทำอย่างไรถ้าผมบอกพี่ว่าผมสามารถให้เงินพี่ได้มากเท่าที่พี่ต้องการ พี่จะทุกข์ทรมานเพื่อผมไหม?”เธอรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วของเขาในปากของเธอ พวกเขาสัมผัสความเย็นราวกับว่าพวกเขาจับอุณหภูมิของเธออยู่ตลอดเวลา“ฉันหารายได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันเท่านั้น” เธอกล่าวหัวใจของเธอยังคงเต้นแรง'สิ่งที่เขาพูดมันเป็นเรื่
”นี่ อาเขอ อย่าพูดแบบนั้นสิ!" มีคนกล่าวว่า“ฉันแค่พูดความจริง” จ้าว เขอเข่อ ตะคอก“ก็มันเรื่องจริงที่เธอเพิ่งลงจากรถ BMW นี่นา" อีกคนหนึ่งกล่าว“บางทีเธออาจจะถูกส่งมาโดยนายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลัง บางคนก็ไม่ได้มีทักษะมากมาย แต่พวกเขารู้วิธีที่จะโดดเด่นและเข้าใกล้นายใหญ่ได้” จ้าว เขอเข่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่บูดบึ้งในระหว่างการถ่ายทำครั้งก่อนเธอคิดว่า หลิง อี้หราน โชคไม่ดีและถูกรังแกจากนักแสดงนำหญิงคนที่สอง ใครจะรู้ว่าเจ้าชายจะพาหลิง อี้หราน ไปที่ห้องรับรองหลังจากนั้นครู่หนึ่งสิ่งนี้ทำให้เธออิจฉามาก เธอเคยฝันถึงโอกาสเช่นนั้น จ้าว เขอเข่อ ถึงกับเสียใจหลายครั้งหลังจากนั้นถ้าเธอรู้ดีกว่านี้ เธอคงจะทำเองตอนที่หลิง ลั่วอิน สั่งให้หลิง อี้หราน คุกเข่าและคร่ำครวญ แม้ว่าหลิง อี้หราน จะดูแย่มากในเวลานั้น แต่ก็คุ้มค่าที่จะได้รับความสนใจจากกู้ ลี่เฉินจ้าว เขอเข่อ ยังคิดว่ารถหรูตอนนี้เป็นของกู้ ลี่เฉิน และเป็นเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเองที่สั่งให้คนมาส่งหลิง อี้หรานขณะที่ จ้าว เขอเข่อ พูดสิ่งนี้ เหล่าตัวประกอบทั้งหลายก็มองไปที่หลิง อี้หราน อย่างแปลกประหลาดหลิง อี้หราน ไม่ได้กังวลที่จะพูดอ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค