เขาไม่เคยคิดว่า เธอจะได้รู้ความจริงเรื่องคดีในสถานการณ์แบบนี้ มันเกือบทำให้เธอต้องคลอดก่อนกำหนด หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาก็คงไม่มีทางให้อภัยตัวเอง เขาเดินมาที่เตียงและมองใบหน้ายามหลับใหลของเธอใต้แสงจันทร์ ดวงตาของเธอบวมช้ำเล็กน้อย และเธอก็ดูหน้าซีดนิดหน่อย ปอยผมของเธอเคลียอยู่ข้างแก้ม แม้ตอนที่หลับ มือของเธอก็วางป้องกันหน้าท้องเอาไว้แสดงให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับทารกในครรภ์มากขนาดไหน เธอนั้นเดิมพันชีวิตไว้กับทารกทั้งสามคนนี้“ฉันขอโทษนะ… ฉันขอโทษ” เสียงของเขาแตกพร่า “เป็นความผิดของฉันเอง ฉันมันเห็นแก่ประโยชน์จนไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ฉันคิดว่า มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยและไม่เคยคิดว่ามันสำคัญกับเธอแค่ไหน”ตอนนั้นมันเป็นผลประโยชน์สำหรับเขา อีกอย่างตระกูลห่าวก็ไม่เคยบอกเขาตรง ๆ ว่าคนผิดก็คือห่าวอี้เหมิง แต่เขาสามารถเดาได้จากเงื่อนงำต่าง ๆ ตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับห่าวเหมยยวี่ ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลห่าว สำหรับเขามันก็เป็นแค่การตายของคู่หมั้น เขาก็แค่หาคู่หมั้นคนใหม่หากว่าตระกูลอี้ต้องการ ใช่แล้วเรื่องนี้คือเรื่องสำคัญกับเขาตอนนั้น สิ่งที่เขาต้องกา
'เข้าใจผิดเหรอ… หากว่าเป็นไปได้ฉันก็อยากให้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเหมือนกัน หากเพียงแค่จินไม่ได้รู้ว่าใครคือคนผิดและไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง’ตอนที่หลิงอี้หรานหลับตอนกลางคืน อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาในห้องเหมือนเดิม ตอนนี้เป็นเวลาเดียวที่เขาสามารถมอง และอยู่ข้าง ๆ เธอได้สักครู่หนึ่ง เธอไม่รู้เลยเหรอว่า เวลานี้มีค่ากับเขามากแค่ไหน? ขณะที่มือของเขากำลังจะเขี่ยผมที่ลงมาเคลียข้างแก้มเธอออก เธอก็ลืมตาขึ้นมาทันที พวกเขาสบตากันและเขาก็ตัวแข็งทื่อทันใด สีหน้าเขาเปลี่ยนและเกือบจะถอยหลังไปเพราะความตระหนก เขาหันหลังกลับเตรียมจะเดินออกจากห้อง เขารู้ว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าเขา แม้ว่าเขาจะรออยู่หน้าห้องทุกวัน เธอก็ไม่เคยบอกว่าอยากเจอเขา เธออยากจะอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่ากลับไปที่คฤหาสน์อี้ เขารู้ว่าเธอกลัวว่าจะต้องเจอหน้าเขาหากว่ากลับไปที่บ้านแต่เมื่อเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของเธอก็ดังขึ้น “รอก่อน”เขาหยุดฝีเท้า ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ‘เธอบอกว่ารอก่อนเหรอ? นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า? หรือว่า…’แต่เขาก็ไม่กล้าหันกลับไปมองเพราะกลัวว่าเขาจะหูฝาดไปเอง“อี้จิ่นหลีมาคุยกันเถอะ” หลิงอี้หรานบอก ก
อี้จิ่นหลีตอบ “มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ห่าวอี้เหมิงเลือกเธอมาเป็นแพะ หล่อนเล็งเซียวจื่อฉีเอาไว้แต่ว่าตอนนั้นเธอเป็นแฟนของเซียวจื่อฉี การให้เธอต้องรับผิดก็เป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ” หลิงอี้หรานรู้สึกขนลุกชัน กลายเป็นว่า ห่าวอี้เหมิงอยากจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เธอไม่ได้โดนเลือกให้เป็นแพะรับบาปอย่างมั่ว ๆ แต่ว่าทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้ว หลิงอี้หรานหลับตาทำความเข้าใจข้อเท็จจริง ความจริงส่วนใหญ่จะโหดร้าย แต่บางทีเธออาจจะต้องเจอเรื่องที่ยิ่งเลวร้ายในภายหลัง ขนตาเธอสั่นไหวและมือเธอก็กำผ้าห่มผืนบางที่ห่มอยู่แน่นหลังผ่านไปพักใหญ่ เธอก็ลืมตาขึ้นมองอี้จิ่นหลีอีกครั้ง “คุณช่วยฉันฟื้นคดีเพราะว่าไม่อยากให้ฉันได้รู้ความจริงใช่ไหม? ดังนั้นคุณเลยหาว่านหยวี่หมิงมาแล้วก็ทำให้ฉันเข้าใจว่านี่คือความจริงแล้ว?” อี้จิ่นหลีตัวสั่นเล็กน้อย เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาหาอี้หราน ยิ่งเขาเข้ามาใกล้เธอเท่าไร เธอยิ่งกำผ้าห่มแน่นขึ้นเท่านั้น ในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่ข้างเตียงและคุกเข่าต่อหน้าเธอ “ฉันขอโทษ ฉันคิดว่านั่นเป็นทางดีที่สุดที่จะปิดคดี” เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องพูดขอโทษมากขนาดนี้ แต่ว่าทุกวันนี้เขาเอ่ยขอโทษจนแทบนับ
”อี้หราน เธอบอกว่าไม่ว่าฉันจะทำผิดอะไรเธอก็จะอภัยให้ไม่ใช่เหรอ? เธอบอกว่าจะอภัยให้ฉันถ้าฉันร้องไห้ งั้นฉันจะร้องไห้ ฉันจะร้อง โอเคไหม? ฉันจะร้องนานเท่าที่เธออยากให้ฉันร้อง แล้วจะร้องหนักเท่าที่เธออยากให้ทำเลย ได้โปรดอภัยให้ฉันเถอะนะ” เขาพูด น้ำตาเอ่อในตาและเริ่มไหลพรากมาตามใบหน้าหล่อเหลาของเขา หลิงอี้หรานรู้สึกเหมือนมีอะไรมากดทับหัวใจ และรู้สึกอึดอัด เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นเขาร้องไห้ในสถานการณ์แบบนี้ น้ำตาไหลพรากแก้มเขา หยดลงมาบนมือของทั้งคู่ ทำให้รู้สึกร้อน มือของเธออีกข้างที่เขาไม่ได้จับไว้อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนเข้าไปหาใบหน้าของเขา แต่เมื่อมือของเธอสัมผัสใบหน้าที่เปียกโชกไปด้วยน้ำตาของเขา ความรู้สึกคลื่นเหียนที่หายไปนานก็กลับมา หลิงอี้หรานยกมือขึ้นปิดปากและผลักอี้จิ่นหลีออกไป เธอวิ่งที่ห้องน้ำ โน้มตัวเหนืออ่างล้างหน้าและอาเจียนออกมา เธอไม่อาเจียนแบบนี้มาตั้งแต่อาการแพ้ท้องหายไป แต่ว่าตอนนี้เธออาเจียนทุกอย่างออกมาหมดไส้หมดพุง “อี้หราน” ได้เห็นหลิงอี้หรานอาเจียนแบบนี้ อี้จิ่นหลีก็ตระหนกทันที เขายกมือขึ้นไปลูบหลังเธอโดยอัตโนมัติ ทำให้เธอยิ่งอาเจียนหนักขึ้น “อย่า.. อย่าแตะต้องฉัน…
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง