“เอ่อ...” หลิงอี้หรานขมวดคิ้วขึ้นมาในทันใดและร้องไห้ออกมาด้วยความประหลาดใจ มือของเธอจับท้องที่นูนออกมาโดยไม่รู้ตัว“เป็นอะไรไป?” เขาถามออกมาด้วยความกังวลในทันที“ลูก... ลูกเตะค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว ตอนนี้เธอสามารถรับรู้ได้ถึงการขยับของพวกเขาได้บ้างแล้ว แต่พวกเขาก็ขยับเพียงเล็กน้อยและราง ๆ เท่านั้นจนเธอนึกว่าตัวเองคิดไปเองแต่ตอนที่เด็ก ๆ เตะก่อนหน้านี้เธอพบว่าลูกกำลังเตะจริง ๆจากนั้นราวกับว่าพวกเขากำลังกายบริหารกันอยู่ในท้องของเธอซ้ำ ๆ“ลูก ๆ กำลังดิ้นเหรอ?” ดวงตาของอี้จิ่นหลีมองไปยังท้องของเธอ“ค่ะ ลองแตะดูสิ” พลางพูดเธอก็จับมือเขามาวางไว้ตรงจุดที่ลูกขยับตัวอี้จิ่นหลีตะลึงไปกับการขยับไปมาของลูก ๆ เขาเคยศึกษาข้อมูลมาบ้างว่าคุณแม่จะรับรู้ตอนที่ลูกขยับตัวได้เมื่อไหร่และอย่างไรแต่... ความรู้ทางทฤษฎีก็เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้นมันแตกต่างออกไปเมื่อเขาได้สัมผัสถึงการขยับตัวของลูก ๆ ได้ด้วยตนเองเหมือนกับว่าเขาได้รับรับรู้จริง ๆ ว่าเด็กตัวเล็ก ๆ มีชีวิตและขยับได้อยู่ในท้องของเธอ พวกเขาคงได้ ร้องไห้ ตะโกน และค่อย ๆ เติบโตขึ้นหลังจากที่คลอดออกมา...หลิงอี้หรานมองท่าทางมึนงงของอี้จิ่นห
หลายคนในโลกออนไลน์เรียกชื่อเธอด้วยคำที่น่ารังเกียจ และแม้แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ยังมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ คงจื่ออินคิดได้เพียงอย่างเดียวคือการรีบออกจากโรงพยาบาลก่อนทว่าเธอก็โดนกลุ่มนักข่าวมะรุมมะตุ้ม ในวินาทีที่เธอเดินออกมาหลังจากที่เซ็นเอกสารขอออกจากโรงพยาบาลเสร็จแล้ว“คุณคง คิดยังไงกับเรื่องวิดีโอที่ฉายอยู่ข้างถนนครับ?”“คุณเย่ว่ายังไงบ้างคะ? การแต่งงานของพวกคุณจะยังเกิดขึ้นไหมคะ?”“เด็กที่แท้งไปเป็นลูกของคุณเย่หรือว่าชายในวิดีโอครับ?”“คุณจงใจใส่ร้ายคุณโจวเชียนหยุนว่าเป็นคนที่ทำให้คุณแท้งใช่ไหมคะ?”คำถามยาก ๆ ที่ถาโถมเข้ามาทำให้ใบหน้าของคงจื่ออินไม่สู้ดีสุด ๆ และแสงแฟลชที่สาดมาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นไปอีก“หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้!” คงจื่ออินใช้มือบังกล้อง ในขณะที่พ่อแม่ของเธอและลูกน้องของพวกเขาก็เข้าไปขวางเหล่านักข่าวไว้เมื่อพวกเขาขึ้นรถได้แล้ว คงจื่ออินก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง “โจวเชียนหยุนจะต้องชดใช้เรื่องนี้!”ถ้าไม่ใช่เพราะโจวเชียนหยุน เธอจะลงเอยแบบนี้ได้อย่างไร?! ทั้งหมดเป็นเพราะยัยโจวเชียนหยุนนั่น!“ออกจากเมืองเฉินสักพักเถอะ เราจะพักแล้ววางแผนระห
นายท่านคงเองก็ตกใจเช่นกัน เขาคิดว่าเย่เหวินหมิงในตอนนี้น่ากลัวไม่ต่างอะไรกับผีเลย“เหวินหมิง อย่า... อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่พวกนักข่าวพูดเลยนะคะ ฉัน... ฉันโกหกคุณเรื่องบริจาคไขกระดูกก็จริง แต่ฉันรักคุณคนเดียว ฉันรักคุณก่อนที่คุณจะรู้จักฉันซะอีก เพราะ... เพราะแบบนั้นฉันเลยทำแบบนั้น ถึง... ถึงฉันจะโกหกคุณ แต่... นี่ก็ไม่ผิดกฎหมายนี่คะ!” คงจื่ออินพยายามพูดปกป้องตัวเองเย่เหวินหมิงมองคงจื่ออิน “ตกหลุมรักฉัน?” ดวงตาของเขาเป็นสีแดง น้ำเสียงแหบพร่าของเขาก็กล่าวว่า “เธอตกหลุมรักฉัน หรือตกหลุมรักชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลเย่กันแน่?! คงจื่ออิน รู้ไหมว่าเธอทำลายชีวิตฉัน?”“ฉัน... ฉันจะไปทำลายชีวิตคุณได้ยังไง? ฉันรอแทบไม่ไหวที่จะรักคุณ” คงจื่ออินพยายามทำให้ตัวเองดูอ่อนแอ “เหวินหมิง ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิดและทำให้คุณไม่พอใจ ถ้าคุณอยากให้ฉันขอโทษโจวเชียนหยุน หรือแก้ไขอะไร ฉันก็ทำให้ได้ ฉันจะทำให้ทุกอย่างที่คุณอยากเลย”“เธอรักฉันเหรอ? รักฉันเลยโกหกฉัน? รักฉันเลยปล่อยให้ฉันเป็นเพชฌฆาต? รักฉันเลยใส่ร้ายเชียนหยุนและทำให้เขาเป็นคนที่ผลักเธอตกบันไดจนแท้งเหรอ? หรือที่เธอทำแบบนี้ก็เพื่อกำจัดเชีย
เพียะ!เสียงตบอันดังลั่นทำให้คงจื่ออินหยุดพูดในทันใดและเกือบล้มลงกับพื้นอีกครั้งใบหน้าด้านหนึ่งของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันทีและบวมแดงพร้อมกับรอยฝ่ามือที่ชัดเจนถึงอย่างนั้นคงจื่ออินก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บและพูดอย่างประชดประชันว่า “ถึงโจวเชียนหยุนจะไร้มลทิน แต่เธอก็อยู่ได้ไม่นานหรอก เย่เหวินหมิง ฉันจะรอดูว่าคุณจะมีสภาพเป็นยังไงตอนที่โจวเชียนหยุนตาย!”เย่เหวินหมิงหรี่ตาและมองคงจื่ออินในทันที “เธอรู้ได้ไงว่าเขาป่วย?”คงจื่ออินหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ รู้ได้ไงเหรอ? ฉันรู้เรื่องโจวเชียนหยุนทุกอย่างดีกว่าคุณอีก! เย่เหวินหมิงคุณมันตาบอด!”ริมฝีปากของเย่เหวินหมิงเม้มเข้าหากันแน่นจนเกือบเป็นเส้นตรง เขากัดฟัน ผ่านไปพักหนึ่งในที่สุดเขาก็กล่าวว่า “เธอพูดถูก ฉันมันตาบอด!”เขาตาบอดจนโดนหลอกมานาน และไม่รู้ว่าใครคือคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจ!ดังนั้นแล้วเขาจึงเหมาะสมกับการลงโทษในทุกทาง“คงจื่ออิน ฉันตาบอด และหัวใจของฉันก็มืดบอด ฉันจะชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำ ในขณะที่เธอและตระกูลคงของเธอต้องล่มสลายและใช้ชีวิตที่เหลือของเธออยู่ในคุกเพื่อชดใช้ไปตลอดชีวิต!”พูดจบเย่เหวินหมิงก็เดินจากไปราวกับเบื่อหน่ายกั
‘นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เธอยิ้มให้ฉันแบบนั้น เธอยิ้มและขอบคุณฉัน‘เพราะว่าเธอปล่อยวางความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อฉันไปได้แล้ว‘และฉันเป็นคนโง่! ตอนนี้ฉันรู้ความจริงของรอยยิ้มนั้นแล้ว!’เมื่อรถหยุดลงเขาก็ได้ยินคนขับอุทานว่า “คุณเย่ ทำไม... คุณถึงเลือดออก?”เย่เหวินหมิงค่อย ๆ ลืมตา และมองตามสายตาของคนขับ เขายกมือแตะมุมปากและพบว่ามุมปากของเขามีเลือดไหลเขากัดริมฝีปากแรงมากจนได้รับบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว เย่เหวินหมิงเช็ดเลือดจากริมฝีปากออก จากนั้นเขาเปิดประตูและลงจากรถไปถึงอย่างนั้นในตอนที่เขากำลังจะเดินเข้าไปในตึกผู้ป่วยในของโรงพยาบาล เขาก็เห็นโจวเชียนหยุน คุณนายโจว และชายสองคนเมื่อก่อนหน้านี้ที่คอยเฝ้าหน้าห้องพักต่างพากันออกมาจากโรงพยาบาล โดยชายสองคนนั้นช่วยกันถือกระเป๋าสัมภาระไว้ในมือดูเหมือนพวกเขาจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว!เย่เหวินหมิงรีบพุ่งไปข้างหน้าทันที “เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ?” ทว่าเมื่อเขาพยายามจะเข้าใกล้โจวเชียนหยุน เขาก็ถูกชายสองคนนั้นหยุดเอาไว้โจวเชียนหยุนไม่คิดว่าจะได้เจอเย่เหวินหมิงอีกแล้ว เธอคิดว่าวันนั้นเธอทำทุกอย่างชัดเจนไปแล้ว“แล้วไงคะ? ฉันต้องบอกคุณด้วยเหรอว่าจ
ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าต้องทำอะไร และต้องทำแบบไหนเพื่อขอร้องให้เธอยกโทษให้! ...โจวเชียนหยุนและคุณนายโจวกลับถึงบ้านแล้วบอกให้บอดี้การ์ดทั้งสองของอี้จิ่นหลีกลับไปโดยไม่ต้องคอยเฝ้าที่นี่ไว้ เพราะที่พักของเธอนั้นเล็กเท่ารูหนูและไม่เหมาะให้พวกเขาอยู่หลังจากบอดี้การ์ดสองคนนั้นจากไปแล้ว คุณนายโจวก็โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างแล้วเห็นรถของเย่เหวินหมิงจอดอยู่ด้านล่างข้างหน้าอะพาร์ตเมนต์ เย่เหวินหมิงยืนอยู่ข้างรถและหันมาทางอะพาร์ตเมนต์โดยไม่ขยับเขยื้อนคุณนายโจวขมวดคิ้ว “ผู้ชายคนนี้จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานแค่ไหน?”“แม่คะ อย่าไปสนใจเขา เขาจะยืนนานแค่ไหนก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา” โจวเชียนหยุนกล่าวเสียงแผ่วเบาจนเกือบไม่ได้ยินคุณนายโจวถามอย่างสับสน “แต่ทำไมอยู่ ๆ ท่าทีของเขาถึงเปลี่ยนไปแบบนี้? เขารู้แล้วเหรอว่าคงจื่ออินเป็นคนจัดฉากเรื่องแท้งในตอนนั้น? เพราะแบบนั้นหรือเปล่าเขาเลยมาขอโทษ?”อย่างไรเสียข่าวเสียหายของคงจื่ออินที่กระจายอยู่ทั่วถนนเส้นนั้นและเป็นที่สนใจของหลายคนจนแม้แต่คนแก่ ๆ อย่างคุณนายโจวเองก็ยังรู้เรื่องนี้“นั่นก็แค่เหตุผลหนึ่งค่ะ เขารู้แล้วด้วยว่าหนูคือคนที่บริจาคไขกระดูกให
เขาขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอกลับรู้สึกเพียงว่ามันช่างน่าขัน เขาทำลายชีวิตเธอจนตอนนี้คำขอโทษก็ไม่มีประโยชน์อะไร“เชียนหยุน เธอจะตีฉัน ด่าฉัน หรือลงโทษฉันได้ตามที่เธอต้องการก็ได้ แต่ฉันแค่ต้องการชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำผิด และได้ปกป้องเธอ...”เธอขัดเขาในทันที “ไม่ต้องพูดแล้ว! กล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกมา? คุณไม่เคยเชื่อฉันตอนที่ฉันบอกคุณซ้ำ ๆ ว่าฉันไม่ได้ผลักคงจื่ออิน แต่ตอนนี้กลับเชื่องั้นเหรอ? เป็นเพราะคุณรู้แล้วว่าคงจื่ออินไม่ใช่คนที่ช่วยชีวิตคุณ เพราะแบบนั้นคุณเลยเชื่อว่าฉันโดนใส่ร้ายใช่ไหม? ถ้าเธอเป็นคนที่บริจาคไขกระดูกให้คุณ ตอนนี้คุณจะยังทำแบบนี้อยู่เหรอ?”เย่เหวินหมิงตะลึงไป ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่รู้ว่าต้องปฏิเสธเธออย่างไร“เย่เหวินหมิง คุณแค่อยากจะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นด้วยการพูดเรื่องพวกนี้ คุณทำให้ฉันเข้าคุกด้วยมือของคุณเอง อาหยันน้อยต้องสูญเสียการฟังไปเพราะฉันเป็นไข้และโดนบังคับให้กินยาลดไข้ที่ไม่เหมาะกับคนท้องภ์ คุณคิดว่ามีอะไรที่ชดใช้กับการติดคุกของฉันและทำให้อาหยันน้อยได้ยินเหมือนเด็กปกติได้ไหม?”คำถามของเธอทำให้เย่เหวินหมิงเซไปเล็กน้อย‘การติดคุกของเธอเป็นการจบการแก้แค้นข
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ... เขารักเธอ! เขารักเธอลึกซึ้งมากมายจริง ๆ !“เชียนหยุน ฉันรักเธอ!” ในตอนนั้นเขาก็ได้พูดคำที่เขาเก็บกลั้นไว้ในใจออกไปจู่ ๆ โจวเชียนหยุนก็หยุดดิ้น เธอเงียบลงและไม่ตอบสนองราวกับเป็นตุ๊กตาในอ้อมแขนของเขาเขาอดไม่ได้ที่จะกอดเธอแน่นอีกเล็กน้อยเหมือนตอนที่เขาเคยกอดเธอในอดีต “ฉันรักเธอ ฉันรักเธอมาตลอด ฉันแค่ไม่กล้ายอมรับ รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหนตอนที่เธอแทงเศษกระจกเข้าท้องตัวเอง? ฉันยังหวังว่าตัวเองจะเจ็บแทนเธอได้ด้วยซ้ำ”‘ฉันควรจะรู้ตัวว่าฉันรักเธอมากมายเท่าไหร่!’“เชียนหยุนฉันตาบอดเพราะความเกลียดชังในอดีต แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว ฉันจะดูแลเธอให้ดีด้วยทุกอย่างที่ฉันมี ฉันจะล้างมลทินให้ชื่อเธอและให้เธอได้มีชีวิตแบบที่เธอต้องการ ฉันจะเอาตับให้เธอถ้าเธอต้องการ ถ้าครั้งแรกไม่สำเร็จ ฉันจะให้เธอเป็นครั้งที่สอง ที่สาม... จนกว่าเธอจะหายดี!” เขาจะใช้ชีวิตของเขาเพื่อช่วยเธอ! เขาจะยอมจ่ายได้ทุกอย่างตราบเท่าที่สามารถช่วยเธอได้เธอตกตะลึงเมื่อรู้ว่าเขารู้ถึงอาการป่วยของเธอแล้ว‘ตับเขา? ฉัน... หวังว่าเขาจะอยากช่วยฉัน แต่จากนั้นฉันก็รู้แล้วว่าไม่ควรฝากความหวังไว้ที