โจวเชียนหยุนพยายามดึงชายเสื้อออกจากมือของเย่เหวินหมิงพลางพูด แต่เย่เหวินหมิงมีหรือจะปล่อย?เขากลัวว่าถ้าเขาปล่อยไปแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะได้เจอเธออีกโจวเชียนหยุนขมวดคิ้วและหนึ่งในคนเฝ้าประตูหน้าห้องก็พูดว่า “คุณเย่ ช่วยปล่อยมือด้วยครับ ไม่อย่างนั้นคุณคงได้ทำทุกคนขายหน้าแน่” พูดจบชายคนนั้นก็จับมือเย่เหวินหมิงที่จับชายเสื้อของโจวเชียนหยุนไว้แต่เย่เหวินหมิงก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน และมองตรงไปยังโจวเชียนหยุน “ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉัน ใช่แล้วล่ะ ฉันสมควรกับมันแล้ว แต่ขอร้องได้ไหม ให้ฉันได้คุยกับเธอนะ? มีหลายอย่างที่ฉันอยากบอกเธอ!”“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” โจวเชียนหยุนกล่าว‘ไม่มีอะไรจะคุย?’ เย่เหวินหมิงยิ้มเจื่อน เขายังพยายามดึงชายเสื้อของเธอแม้ว่าบอดี้การ์ดจะพยายามแงะมือของเขาออกจนเจ็บก็ตามทั้งมือของเขารู้สึกราวกับกำลังจะหัก นิ้วของเขาถูกบิดไปแล้วแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาแค่ไม่อยากปล่อย เขากลัวว่าถ้าปล่อยไปเขาจะไม่สามารถจับเธอไว้ได้อีกต่อไป! เขาอาจจะเสียการติดต่อเพียงเล็กน้อยอย่างนี้กับเธอไปก็ได้!โจวเชียนหยุนมองเขาอย่างเย็นชายและจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “เย่เหวินหมิง คุณนี่ยังเห
“ฉันขอให้เพื่อนที่ฉันช่วยไว้มีสุขภาพแข็งแรงและไม่เจ็บไม่ป่วย ตอนนี้คำทำนายออกมาดี เขาคงไม่เป็นอะไรแล้ว”“เพื่อน? เพื่อนคนไหน?”“เพื่อนที่ฉันไม่เคยเจอค่ะ แต่บางทีวันหนึ่งฉันอาจจะเจอเขาก็ได้ ถ้าเจอฉันจะแนะนำคุณกับเขาให้รู้จักกันนะ!” เธอพูดด้วยรอยยิ้มหวาน“เพื่อนแบบไหน ทำไมไม่เคยเจอ? เพื่อนในโลกออนไลน์เหรอ?” เขาถาม“ความลับค่ะ! ไว้ฉันจะบอกคุณในอนาคตนะ!” เธอพูดด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อเขามานึกถึงมันในตอนนี้ เขาก็พบว่าเพื่อนคนนั้นที่เธอพูดถึงคือเขา!เธอช่วยเขาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกันแต่เธอก็ยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเขาแต่เขากลับทำลายชีวิตเธอ!ถ้าเขาได้ถามรายละเอียดเรื่องเพื่อนของเธอมากกว่านี้ เขาก็น่าจะได้เบาะแสอะไรบ้างแต่เขาก็พลาดไปเขาไม่เคยคิดที่จะฟัง ‘ความลับ’ นั้นของเธออีก เพราะในตอนนั้นเขารู้ว่าเธอและเขาจะไม่มีวันมีอนาคตด้วยกันอย่างไรเขาก็คบเธอเพื่อแก้แค้นเท่านั้นในตอนนั้นเองที่บอดี้การ์ดข้างตัวเย่เหวินหมิงเดินเข้ามาและพูดว่า “คุณเย่ เป็นอะไ...” เสียงของเขาหยุดลงในเวลาไม่นานเป็นเพราะดวงตาของเย่เหวินหมิงในตอนนี้แดงก่ำและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและดูราวกับทั้งหมดของเขา
‘เย่เหวินหมิงมือเจ็บเหรอ?’ การคาดเดาปรากฏขึ้นในหัวของโจวเชียนหยุนในเวลาสั้น ๆ แต่ไม่นานเธอก็เลิกสนใจความคิดนั้นไปเธอไม่อยากคิดเรื่องผู้ชายคนนี้อีกแล้ว“เมื่อคืนนี้ที่เขามา เขาได้พูดอะไรไหมคะ?” หลิงอี้หรานถามพลางนั่งลงโจวเชียนหยุนพูดเสียงเบา “ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องการบริจาคไขกระดูกและความจริงที่ว่าตระกูลคงวางแผนเรื่องการแท้ง เขาพูดว่าเขาจะชดเชยเรื่องนี้ให้ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจำเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ”โจวเชียนหยุนพูดเรื่องนี้อย่างแผ่วเบา แต่หลิงอี้หรานรู้ว่าเธอคงโดนทำร้ายมาอย่างหนักจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงสงบมากเมื่อความจริงปรากฏออกมา“คงจื่ออินใส่ร้ายและโกหกเย่เหวินหมิง เย่เหวินหมิงคงไม่ปล่อยตระกูลคงไปง่าย ๆ” หลิงอี้หรานกล่าวโจวเชียนหยุนยิ้มจาง ๆ “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอีกแล้วล่ะ”เมื่อเห็นอย่างนี้หลิงอี้หรานก็รู้แล้วว่าโจวเชียนหยุนไม่อยากพูดเรื่องเย่เหวินหมิงอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “คุณป้าไปส่งอาหยันน้อยที่โรงเรียนแล้วเหรอคะ?”“ใช่” โจวเชียนหยุนพูด ระหว่างที่เธออยู่ในโรงพยาบาลแม่ของเธอจะมาที่นี่กับอาหยันน้อยทุกคืนเพื่อนอนเป็นเพื่อนเธอถึงอย่างนั้นเธอก็สงสัยว่าคุณน
“ถ้าเจอแล้วจะเข้าใจเอง” หลิงอี้หรานกล่าวเบา ๆ‘แล้วเย่เหวินหมิงจะได้รู้ว่าเขาติดหนี้พี่โจวไว้มากแค่ไหน และจะได้รู้ว่าเขาทำลายชีวิตพี่โจวรุนแรงยังไง!'‘เย่เหวินหมิงจะทำอะไรเพื่อชดเชยเรื่องนี้ได้?’‘บางทีอาจจะเหมือนที่จินบอก ถ้าเย่เหวินหมิงรู้ความจริง เขาน่าจะอยู่กับความเสียใจและเจ็บปวดไปตลอดชีวิต’เมื่อมาถึงประตูทางเข้าของโรงพยาบาล เย่เหวินหมิงก็ตามหลิงอี้หรานขึ้นรถไปรถเคลื่อนตัวไปช้า ๆ และอยู่ ๆ เย่เหวินหมิงก็ถามขึ้นมาเสียงดังว่า “เป็นคุณใช่ไหมที่พาตัวโจวหยวนลู่ให้ไปที่ห้องพักฟื้นนั่น?”“ใช่” หลิงอี้หรานกล่าว เรื่องของโจวหยวนลู่นั่นจินคอยจับตามองอยู่ตั้งแต่ตอนที่เขาช่วยเธอสืบเรื่องการบริจาคไขกระดูกแล้วดังนั้นเธอจึงรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับโจวหยวนลู่และคงจื่ออินเธอตั้งใจว่าจะบอกเย่เหวินหมิงหลังจากจัดการกับหลักฐานทุกอย่างครบถ้วนแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะสายไปแล้วเย่เหวินหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “งั้นคุณก็รู้เรื่องคนบริจาคไขกระดูกอยู่แล้วเหรอ?”หลิงอี้หรานตอบ “ใช่สิ ฉันบอกเรื่องนี้กับพี่โจวด้วยว่าคุณน่าจะเป็นคนที่รับไขกระดูกของเธอไป และถามว่าเธออยากบอกคุณไหม แต่เธอบอ
ราวกับว่าเขาได้ยืนอยู่บนขอบหน้าผาและการขยับเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำลายเขาได้“จ่ายเงินให้? พูดสิ่งที่จื่ออินอยากให้พูด?” เย่เหวินหมิงกล่าวเสียงแหบแห้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “คุณเป็นหมอไม่ใช่เหรอ? คุณไม่ได้ต้องช่วยคนเหรอ? แต่คุณกลับทำร้ายคน! คุณทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเข้าคุก!”ชายหนุ่มตกใจหับความโกรธของเย่เหวินหมิงจนพูดตะกุกตะกัก “ผะ... ผมแค่พูดกับศาลว่าคงจื่ออินท้องแล้วแท้ง ผมไม่ได้พูดเรื่องอื่นเลย คุณเย่ เป็นคุณไม่ใช่เหรอที่ให้การเป็นพยานว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผลักคงจื่ออินตกบันได?”คำพูดของเขาเหมือนแรงตบที่ฟาดเข้ามาบนใบหน้าเย่เหวินหมิงจนเขาพูดไม่ออกตอนนั้น... เป็นเรื่องจริงที่เขาเป็นคนที่ให้การเป็นพยานว่าเชียนหยุนผลักคงจื่ออินตกบันได!คำให้การของเขาเป็นส่วนสำคัญ! เป็นเพราะคำให้การของเขาที่สุดท้ายศาลจึงตัดสินให้เชียนหยุนมีความผิดเย่เหวินหมิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา เลือดที่ไหลเวียนร่างกายของเขาดูเหมือนจะถูกแช่แข็งไป“ถ้าตอนนั้นคงจื่ออินไม่ได้ท้อง งั้นเธอก็ไม่ได้แท้งน่ะสิ เย่เหวินหมิง คำให้การเป็นพยานของคุณพูดว่า คุณเห็นเลือดจากชายกระโปรงของคงจื่ออิน เลือดมาจากไหนเหร
ไม่ว่าเขาจะต่อยตีตัวเองหนักขนาดไหนก็ดูเหมือนจะไม่สามารถระบายความเจ็บปวดที่เขารู้สึกไปได้เลย“อ๊า... อา... อะ!” เสียงแหบพร่าเหมือนเสียงคำรามดังออกมาจากปากของเขาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตฉายชัดในหัวของเขาโจวเชียนหยุนเอาแต่บอกว่าเธอถูกใส่ร้ายและเขาก็ไม่เชื่อเธอเลย ในตอนนั้น เขายังคงสะสางหนี้แค้นกับเธอและตระกูลโจว เขาหวังว่าเธอจะเป็นคนที่ผลักคงจื่ออินตกบันไดจริง ๆเพราะนี่จะเป็นวิธีที่ทำให้เธอได้พบจุดจบที่น่าสังเวชได้อย่างง่ายดายและเขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร!เขาโหดเหี้ยมและใช้มีดที่เป็นกฎหมายแทงข้างหลังเธออย่างร้ายกาจเขาบดขยี้... ศักดิ์ศรีของเธอ ความภาคภูมิใจ รวมไปถึงความบริสุทธิ์ของเธอ!“เหวินหมิง คุณเชื่อเรื่องการอยู่กับคนคนเดียวไปตลอดชีวิตไหม?”“เธอเชื่อเหรอ?”“แน่สิ! ถ้าคนคนหนึ่งรักใครอีกคนหนึ่ง พวกเขาก็ไม่น่าจะไปตกหลุมรักใครอีกคนอีกได้ ถ้าพวกเขาตกหลุมรักคนอื่นงั้นคนที่พวกเขาตกหลุมรักก่อนก็คงไม่ใช่คนที่พวกเขารักจริง ๆ ฉันน่ะ หวังว่าจะได้อยู่กับคุณตลอดไปเลยนะ!” “จะบอกว่า ฉันเป็นคนเดียวที่เธอรักจริง ๆ เหรอ?”“ค่ะ ฉันรักคุณทั้งหมดของหัวใจ โจวเชียนหยุนจะรักเย่เหวินหมิงคนเดีย
ห่าวฉี่หลงกล่าว “จิ่นหลี ยังไงตระกูลห่าวกับตระกูลอี้ก็เป็นพันธมิตรกัน คุณไม่ได้คิดจะกำจัดเราทิ้งใช่ไหม? โครงการห่าวชุ่ยการ์เดน สำคัญต่อตระกูลห่าวมาก ตระกูลอี้ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรมากมายจากการเอามันไป ทำไมต้องทำเรื่องนี้ให้ยากกับทุกคนด้วย?”“ตระกูลห่าวก็ได้รับความรุ่งโรจน์มานานพอแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาปิดม่านการแสดงนี่แล้วล่ะ” อี้จิ่นหลีกล่าวเสียงเบา ท่าทางสงบนิ่งของเขาในตอนนี้ต่างจากท่าทางตึงเครียดของห่าวฉี่หลงมาก“หลายปีมานี้ตระกูลห่าวกับตระกูลอี้เราทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดีไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณมีคำแนะนำหรือเงื่อนไขอะไรก็บอกฉันมาได้เลย บอกสิ่งที่คุณต้องการมาสิ ถ้าเป็นสิ่งที่ตระกูลห่าวทำได้...”“ผมต้องการให้บริษัทในมือตระกูลห่าวทั้งหมดย้ายออกไปจากเมืองเฉิน” อี้จิ่นหลีกล่าวแทรกห่าวฉี่หลงสีหน้าของห่าวฉี่หลงเปลี่ยนไปในทันที คำขอของอี้จิ่นหลีพื้นฐานแล้วกำลังขอให้ตระกูลห่าวทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดในเมืองเฉินของพวกเขาไป!ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลห่าวอยู่ในเมืองเฉิน พวกเขามีทรัพย์สินอยู่ในเมืองอื่นอยู่บ้างเช่นกัน แต่ถ้าพวกเขาสูญเสียฐานที่มั่นในเมืองเฉิน อย่างนั้นแล้วตระกูลห่าวก็ถึงคราวอวสาน“คุ
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทตรงหน้าเธอก็เปิดออก ห่าวฉี่หลงเดินออกมาแต่ห่าวฉี่หลงยืนหันไปทางห้องทำงาน เขาจึงไม่เห็นว่าหลิงอี้หรานยืนอยู่ไม่ไกล“อี้จิ่นหลี ถ้าคุณอยากจะเรียกร้องความยุติธรรมให้หลิงอี้หรานจริง ๆ ก็อย่าลืมว่าคุณก็มีส่วนร่วมในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอด้วยเหมือนกัน!” ห่าวฉี่หลงกล่าวอย่างดุดันหัวใจของหลิงอี้หรานรู้สึกกระตุกวูบในทันใด เธอเดินถอยหลังไปเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัวเ จากนั้นเสียงเย็นชาอันแสนคุ้นเคยก็ดังออกมาจากบานประตูที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง“ห่าวฉี่หลง ถ้าคุณกล้าพูดอีกสักคำเดียว ผมจะทำให้ตระกูลห่าวสูญพันธุ์ไปซะ!”สายตาของเธอมองไปเห็นร่างนั้นที่ยืนอยู่ภายใน แต่ใบหน้าหล่อเหล่าที่เธอคุ้นเคยในตอนนี้กลับมีแต่ความเย็นชาโกรธเคือง รังสีอำมหิตฉายชัดในดวงตาดอกท้อแสนสวยของเขา!‘รังสีอำมหิต... นี่ฉันดูไม่ผิดใช่ไหม?’ห่าวฉี่หลงซึ่งอยู่ริมประตูหวาดกลัวอี้จิ่นหลี เขาจึงหันหน้าหนีโดยทันที แต่เขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นหลิงอี้หรานยืนอยู่ด้านข้างจากนั้นสีหน้าของห่าวฉี่หลงก็เปลี่ยนไป เขามองหลิงอี้หรานอย่างเกลียดชังก่อนจะรีบออกไปอี้จิ่นหลีเห็นหลิงอี้หรานด้วยเช