‘เป็นเพราะว่าฉันทนไม่ได้ที่เห็นเธอตกต่ำแบบนี้งั้นเหรอ?‘ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ควร ‘ทนไม่ได้’ เรื่องเธอสิ! เธอไม่มีค่าให้ฉันต้อง ‘ทนไม่ได้’ สักหน่อย!’“ฉันจะให้งานเธอทำเพราะเห็นแก่อาหยันน้อยเท่านั้นแหละ ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันต้องลำบากมากก่อนคดีจะจบ” เย่เหวินหมิงพูด เขาพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนความจำของโจวเชียนหยุนและตัวเขาเอง โจวหยุนเซียนพูดอย่างเย็นชาว่า “เขาเป็นลูกของฉัน ไม่ใช่ของคุณ! คุณเย่ อย่าลืมนะคะ ว่าคุณเคยพูดว่า ถึงแม้ฉันจะท้องจริง ๆ คุณก็ขอให้ฉันไปเอาเด็กออก คุณพูดเองว่า ผู้หญิงแบบฉันไม่มีสิทธิ์ให้กำเนิดลูกของคุณ เพราะอย่างนั้น อะไรทำให้คุณคิดว่า ตอนนี้คุณจะเอาลูกไปจากฉันได้?”ใบหน้าของเย่เหวินหมิงบูดบึ้ง เขาเข้าไปใกล้โจวเชียนหยุนทีละก้าวและพูดว่า “เธอควรจะคิดถึงวันแบบนี้ไว้ตั้งแต่เธอเลือกที่จะให้กำเนิดเด็กคนนี้”เธอตัวสั่นขึ้นมาในทันทีทันใด “นี่คุณจะไม่ปล่อยให้เด็กที่คุณไม่ต้องการอยู่กับฉันด้วยเหรอ?”เย่เหวินหมิงพูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม “เธอว่า เด็กคนนี้จะมีโอกาสอะไรดี ๆ ในชีวิตบ้างถ้าเขาอยู่กับเธอ? ในอนาคตจะให้เขามาเปิดร้านกับเธอแล้วให้คนเยาะเย้ยว่าเขามีแม่เป็นอดีตนักโทษห
ถึงอย่างนั้น เมื่อพวกเขาไปถึงก็โดนพนักงานหยุดเอาไว้ แต่ถึงชินเหลียนอีจะบอกว่าเธอมาทำอะไร และไป๋ทิงซินบอกว่าตัวเองเป็นใคร พวกเขาก็บอกเพียงว่ากู้ลี่เฉินไม่อยู่ที่บริษัท และพวกเขาก็ไม่บอกด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหนชินเหลียนอีดูวิตกกังวล และไป๋ทิงซินก็ปลอบเธอด้วยการพูดว่า “ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวผมจะลองโทรดู”“คุณมีเบอร์กู้ลี่เฉินเหรอ?” ชินเหลียนอีตะลึงไป“ไม่มี แต่ก็หาได้ไม่ยาก” ไป๋ทิงซินพูดขณะที่โทรหาใครบางคน เป็นไปตามที่คาด ไม่นานนักพวกเขาก็ได้เบอร์โทรของกู้ลี่เฉินมาชินเหลียนอีประทับใจเขาสมกับการเป็นหัวหน้าตระกูลไป๋จริง ๆ คนอื่นอาจจะมีปัญหาในการหาข้อมูลติดต่อเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง แต่เขากลับหามันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นไป๋ทิงซินก็โทรหากู้ลี่เฉิน เมื่อสายต่อติด ชินเหลียนอีก็รีบพูดว่า “นี่... นี่ใช่กู้... กู้ลี่เฉิน… นายน้อยกู้หรือเปล่าคะ? ฉันเป็นเพื่อนสนิทของอี้หราน ชินเหลียนอีค่ะ ฉันอยากจะถามคุณดูว่า คุณรู้ไหมว่าอี้จิ่นหลีพาอี้หรานไปไหน?”สีหน้าของกู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินชื่อของ ‘ชินเหลียนอี’ ‘ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นคนที่ฉันเจอในงานการกุศล คนที่สนิทกับอี้หรานสินะ? อีกทั้
ในขณะเดียวกันนั้น หลิงอี้หรานก็นั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหารและมองไปยังซุปและกับข้าวอีกสามอย่างที่ยังร้อนอยู่ แต่อาหารพวกนั้นดูธรรมดาเกินกว่าที่เชฟจะเป็นคนทำ“ฉันทำเอง ลองชิมดูสิ” เขาพูดราวกับรู้ว่าเธอกำลังสงสัยอยู่เธอแปลกใจเล็กน้อย ‘เขาเนี่ยนะ... ทำอาหาร?’ “ตอนเราอยู่กันที่บ้านเช่า เธอเคยทำอาหารให้ฉัน ตอนนี้ฉันทำให้เธอบ้างไม่ได้เหรอ? ถ้ารสชาติไม่ถูกปาก ฉันจะได้ไปปรับปรุง” เขาพูด ดวงตาดอกท้อของเขายิ้มให้เธอราวกับว่า พวกเขาไม่เคยเลิกกันและไม่เคยผ่านความทรงจำอันเจ็บปวดใด ๆ มาเลยพวกเขาดูเหมือนย้อนกลับไปยังช่วงที่พวกเขายังคบกันหวาน ๆหลิงอี้หรานหลบสายตาด้วยความอึดอัด และไม่อยากสบตาเขาราวกับว่ามีเวทมนตร์อยู่ภายในดวงตาของเขาซึ่งทำให้เกิดคลื่นในใจที่สงบของเธอ“คนรับใช้ไปไหนล่ะ? ทำไมฉันไม่เห็นใครที่นี่เลย?” เธอถามเปลี่ยนเรื่องอี้จิ่นหลีเอ่ยว่า “ที่นี่ไม่มีคนรับใช้ มีแค่คนเข้ามาเติมของในตู้เย็นกับทำความสะอาดเป็นประจำ แต่เธอไม่มีโอกาสได้เจอพวกเขาหรอก คิดซะว่าที่นี่มีแค่เธอกับฉันก็ได้”เธอตกตะลึงไปเขาพูดต่อไปว่า “ที่นี่มีแค่เธอกับฉัน ดังนั้นเธอจะมองมาที่ฉันแล้วลองคิดดูว่า เธอจะรักฉั
อี้จิ่นหลีพูดตามตรง “หนึ่งในคฤหาสน์ต้นตระกูลของตระกูลอี้ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักที่นี่หรอก เพราะตระกูลอี้ไม่เคยประกาศให้ใครรู้”เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ‘นี่เขาคิดว่าคนนอกหาที่นี่ไม่เจอ เขาเลยเก็บฉันไว้ที่นี่เหรอ?’ “อีกอย่าง ไม่ใช่แค่เธอนะที่ติดอยู่ในคฤหาสน์นี้” เขาพูดเธอกะพริบตา “หมายความว่าไง?”“ครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงถูกขังไว้ที่นี่เหมือนกัน คฤหาสน์นี้ถูกซื้อไว้ก็เพื่อขังผู้หญิงคนนั้นไว้ที่นี่” อี้จิ่นหลีพูดเหมือนกำลังเล่าเรื่องให้เธอฟังหลิงอี้หรานตะลึงไป เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ปกคลุมร่างกายของตัวเอง ‘ผู้หญิงคนอื่น... ก็เคยถูกขังไว้ที่นี่งั้นเหรอ?’ “ประมาณ 70 ปีก่อน บรรพบุรุษของตระกูลอี้คนหนึ่งตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เธอมีคู่หมั้นอยู่แล้วและรักกันมาก ดังนั้น เขาเลยลักพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาและขังเธอไว้ในคฤหาสน์นี้ เฝ้าเธอไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้เธอตกหลุมรักเขา”เสียงของอี้จิ่นหลีเยือกเย็นสม่ำเสมอ และเมื่อมันดังอยู่ในห้องรับประทานอาหารย้อนยุคขนาดใหญ่นี้ ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศหดหู่เย็นชาในตอนที่เธอถูกพามาครั้งแรก เธอรู้สึกว่าที่นี่ดูย้อนยุคและโอ่อ่าถึงIอย่างนั้
เขาเอ่ยออกมาว่า “ใช่ เราเลิกกันแล้ว การเลิกกับเธอเป็นเรื่องที่ฉันเสียใจที่สุด เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเสียใจอีก”เขาอยากให้เธอรักเขาอีกครั้ง และรักเขามากจนทิ้งเขาไปไม่ได้! ...หลิงอี้หรานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องตอนกลางคืน และมองไปยังชุดเดรสสีม่วงลายดอกไม้ในมือชุดเดรสถูกฉีกจากคอเสื้อไปที่ด้านหนึ่งของแขนเสื้อ แม้จะซ่อมมันแล้ว แต่มันก็ไม่มีทางเหมือนเดิมหลิงอี้หรานรู้สึกโมโหเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชุดแสนสวยต้องกลายเป็นแบบนี้ อย่างไรมันก็เป็นของที่เฉินเฉินมอบให้กับเธอแม้กู้ลี่เฉินจะไม่รู้ว่าเป็นเธอ และแม้ว่ากู้ลี่เฉินจะไม่ได้ตั้งใจจะให้มันกับเธอ แต่มันก็เหมือนกับเรื่องบังเอิญที่ทำให้คำสัญญาทั้งหมดของพวกเขาในวัยเยาว์ได้กลายเป็นจริง เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย หลิงอี้หรานลุกขึ้นและเดินไปแถว ๆ ตู้แล้วหยิบกล่องเย็บผ้าออกมาวันนี้เธอเดินดูรอบ ๆ ห้องตอนที่เธอมีเวลาว่างแล้วบังเอิญเจอกับกล่องเย็บผ้าอันนี้กล่องเย็บผ้าดูค่อนข้างเก่า ภายในบรรจุเข็มไว้สองสามเล่มและปลอกสวมนิ้วสำหรับจับเข็มเย็บผ้าเก่า ๆ ที่ยังดูดีอยู่ แม้ว่าเส้นไหมข้างในจะสีจางไปแล้ว แต่มันก็ยังแข็งแรงและไม่ขาดจากการดึงเพี
หลิงอี้หรานหลุบตาลงเล็กน้อยและมองชุดสีม่วงในมือของเธอเงียบ ๆ เธอจัดการซ่อมมันโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำรอยยิ้มบาง ๆ บนมุมปากของเขาค่อย ๆ จางไป “หยุด” เขาพูดอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินและทำสิ่งที่เธอทำต่อไป!ดวงตาของเขาขุ่นขึ้น และความอิจฉาในตัวเขาก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าสิ่งที่เธอมองเห็นมีเพียงชุดนั่น... หรือหมายถึง สิ่งเดียวที่เธอมองเห็นมีเพียงกู้ลี่เฉิน!“ฉันบอกให้เธอหยุดไง!” เขาตะคอก และในเวลาต่อมา เขาก็แย่งชุดสีม่วงนั้นออกจากมือของเธอ“โอ๊ย!” หลิงอี้หรานร้องออกมาเบา ๆ เข็มในมือของเธอทิ่มลงบนนิ้วชี้อีกข้าง เลือดสีแดงไหลออกมาจากจุดที่เธอโดยทิ่มในทันทีเธอทิ่มตัวเองเข้าอย่างแรง ทำให้เลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็วไม่นานนัก เลือดก็อาบไปทั้งนิ้วเรียวของเธอ และเลือดก็หยดออกจากมือของเธอตกลงบนพื้นสีเข้มเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น อี้จิ่นหลีก็โยนชุดนั้นทิ้งและย่อตัวลงจับมือของหลิงอี้หรานไว้ เขาเอานิ้วเปื้อนเลือดของเธอเข้าปากและดูดเลือดออกจากปลายนิ้วของเธอหลิงอี้หรานตัวแข็งทื่อ เธอไม่รู้สึกอะไรนอกจากความอุ่นชุ่มบริเวณปลายนิ้วของเธอ กระแสความร้อนที่ปกคลุมนิ้วของเธอทำให้มันด
“อี้จิ่นหลี ฉันต้องทำแค่สิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่สามารถมีความคิด หรือความต้องการของตัวเอง หรือกระทั่งทำให้คุณโกรธเลยเหรอ? ปากคุณบอกว่ารักฉัน แต่คุณเคยให้เกียรติฉันบ้างไหม?” หลิงอี้หรานกล่าวเขาชะงักในสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ ราวกับว่าความรู้สึกใด ๆ ในดวงตาของเขาได้จางหายไป ทั้งหมดที่เหลืออยู่จึงมีเพียงความบูดบึ้ง หลังจากเงียบไปนาน สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นว่า “เธออยากให้ฉันให้เกียรติเธอเหรอ?”เสียงเย็นชาดังขึ้นในห้องที่มีบรรยากาศเย็นยะเยือกและอ้างว้างเธอหัวเราะให้ตัวเอง “ฉันมันโง่ไปแล้วแหละ คุณคงไม่เก็บฉันไว้ที่นี่หรอก ถ้าคุณให้เกียรติฉันสักนิด”“ฉันให้เกียรติและทำทุกอย่างได้ถ้าเธอพอใจ ฉันทำให้ได้ทุกอย่างถ้าเธอรักฉันและเลิกคิดถึงผู้ชายคนอื่น” เขาพูดเสียงพึมพำเขามองตัวเองจากมุมที่ต่ำต้อยที่สุดเมื่อพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาถึงอย่างนั้นหลิงอี้หรานก็พูดเพียงเบา ๆ ว่า “คุณคงจะให้เกียรติก็ต่อเมื่อฉันรักคุณ และถ้าฉันไม่ทำ คุณก็จะควบคุมทั้งความต้องการ ความชอบ และความปรารถนาของฉัน ไม่ใช่หรือไง?”ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง และดวงตาของเขาก็ดูโกรธเคือง
‘เธอกลัวเหรอ นี่ฉันทำเธอกลัวเหรอ?’เขาอยากทำให้เธอตกใจเพื่อสอนเธอ และแสดงให้ดูว่าเขาใจดีแค่ไหน เขาแค่ต้องการให้เธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาไม่ให้เกียรติเธอจริง ๆแต่เมื่อเขาเห็นเธอในสภาพนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีก้อนหนัก ๆ กดทับอยู่ในอกของเขา นี่มันไม่ต่างอะไรกับการลงโทษตัวเขาเองเลย! เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน “ก็ได้ ๆ ฉันจะไม่บังคับเธอแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีอีก”เธอมองตรงไปที่เขาราวกับไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้เธอไม่คิดว่า จู่ ๆ ตัวเองจะร้องไห้ออกมาหนักขนาดนี้ เธอเคยบอกตัวเองว่าต่อให้เธอโดน ‘ข่มขืน’ เธอก็จะไม่เก็บมาใส่ใจ เธอจะคิดว่าตัวเองโดนผีอำก็เท่านั้น!ถึงอย่างนั้น... เมื่อเธอติดอยู่ในสถานการณ์ที่เธอต่อต้านไม่ได้ ช่วงเวลาที่เธอเคยอยู่ในคุกก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นราวกับว่า ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนขัดขืนมากแค่ไหน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเธอก็ไม่ลดน้อยลงเลยเหมือนกับเธอไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่งในสายตาของพวกเขา เธอเป็นเพียงแค่อะไรบางอย่างที่พวกเขาเตะ และใช้หาประโยชน์ให้ตัวเองสิ่งที่เรียกกันว่าสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรี... ต่างก็ถูกเหยียบย่ำไปจนหมดสิ้น!ดว
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค