หญิงสาวจากไนต์คลับหนีออกจากตรงนั้นไปแทบจะในทันทีโจวเชียนหยุนเห็นแบบนี้และยิ้มจาง ๆ เย่เหวินหมิงยังคงอวดดีเช่นเคย เขาจะไปถูกยั่วง่าย ๆ ได้อย่างไร?ครั้งหนึ่ง เขาเคยโดนดาราหน้าใหม่ที่อยากจะมีคืนร้อนแรงกับเขาสักคืน แต่เขาก็ยังยอมทนและออกมาก่อนที่เธอจะได้แตะต้องเขาแน่นอนว่าดาราหน้าใหม่คนนั้นพบเจอกับจุดจบอันน่าสยดสยอง... โจวเชียนหยุนส่ายหัวอย่างหนักเมื่อนึกถึงคืนนั้น‘หยุดคิดเรื่องนั้น มันก็แค่ฝันร้าย!’สิ่งดี ๆ เพียงอย่างเดียวที่เย่เหวินหมิงมอบให้แก่เธอคือ อาหยันน้อยเท่านั้น!ถึงอย่างนั้น หลังจากที่เธอขับไล่ความทรงจำเหล่านั้นออกไปแล้ว เธอก็มองเห็นเขาด้วยหางตาและเห็นว่าดวงตาล้ำลึกของเขามองมาที่เธอโจวเชียนหยุนตัวแข็งทื่อในทันทีในตอนนั้นราวกับว่าเธอโดนแช่แข็ง เธอมองไปที่เขาเหมือนไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของเขาได้ดวงตาของเขาคล้ายกับตาข่ายหนาทึบที่ห่อหุ้มเธอไว้โจวเชียนหยุนไม่รู้ว่านานเท่าไร แต่ในทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงดังขึ้นในหู “นี่ คนสวย นี่อะไร... สายตาแห่งรักเหรอ? ทำไมเธอไม่จ้องเราแบบนั้นบ้าง...”กลิ่นของแอลกอฮอล์เตะจมูกของโจวเชียนหยุนในทันทีเธอหันไปเห็นว่า มีขี้เ
‘นี่เขา... ช่วยฉัน?’เธอคิดว่าเขาจะเพลิดเพลินกับความอัปยศอดสูของเธอ และยิ่งเธอทุกข์มากเท่าไร เขาก็คงจะยิ่งมีความสุขมากเท่านั้นคนเมาอีกคนต่อยเย่เหวินหมิง เย่เหวินหมิงผลักโจวเชียนหยุนออกจากแขนของเขา จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและต่อยชายคนนั้นเข้าที่ท้องอย่างแรง แน่นอน โจวเชียนหยุนรู้ว่า เย่เหวินหมิงเก่งในเรื่องการต่อสู้ ตอนที่พวกเขายังคบกัน เขาเคยฝึกกับนักต่อสู้มืออาชีพ เธอเคยเห็นเขาในสถานการณ์เช่นนี้อยู่หลายครั้งด้วยเหตุนั้นเธอจึงไม่กังวลเรื่องที่เขาจะต่อยตีแพ้คนขี้เมาพวกนี้เลย‘ฉันแปลกใจมากกว่าว่าทำไม... เขาถึงช่วยฉัน?’เป็นไปตามคาด ไม่นานคนเมาสองคนนั้นก็ร้องขอความเมตตาและสร่างเมาขึ้นมาในทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็วิ่งหนีไปอย่างตุปัดตุเป๋เย่เหวินหมิงเดินเข้าไปหาโจวเชียนหยุน “อย่ามาเปิดร้านที่นี่อีก”เขาคิดถึงเรื่องที่เธอโดนคุกคามก่อนหน้านี้ ‘ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่ คนเมาพวกนั้นจะทำอะไรเธอบ้าง?’เขารู้สึกเจ็บใจอย่างประหลาดใจเมื่อคิดเรื่องนี้ และคิดว่า เขาใจดีเกินไปที่ปล่อยสองคนนั้นไปง่าย ๆโจวเชียนหยุนหัวเราะออกมาเบา ๆ “คุณเย่ คุณพยายามจะทำลายชีวิตฉันเหรอคะ? แค่ส่งคนพวกนั้นมาก่อกวนฉัน
‘เป็นเพราะว่าฉันทนไม่ได้ที่เห็นเธอตกต่ำแบบนี้งั้นเหรอ?‘ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ควร ‘ทนไม่ได้’ เรื่องเธอสิ! เธอไม่มีค่าให้ฉันต้อง ‘ทนไม่ได้’ สักหน่อย!’“ฉันจะให้งานเธอทำเพราะเห็นแก่อาหยันน้อยเท่านั้นแหละ ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันต้องลำบากมากก่อนคดีจะจบ” เย่เหวินหมิงพูด เขาพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนความจำของโจวเชียนหยุนและตัวเขาเอง โจวหยุนเซียนพูดอย่างเย็นชาว่า “เขาเป็นลูกของฉัน ไม่ใช่ของคุณ! คุณเย่ อย่าลืมนะคะ ว่าคุณเคยพูดว่า ถึงแม้ฉันจะท้องจริง ๆ คุณก็ขอให้ฉันไปเอาเด็กออก คุณพูดเองว่า ผู้หญิงแบบฉันไม่มีสิทธิ์ให้กำเนิดลูกของคุณ เพราะอย่างนั้น อะไรทำให้คุณคิดว่า ตอนนี้คุณจะเอาลูกไปจากฉันได้?”ใบหน้าของเย่เหวินหมิงบูดบึ้ง เขาเข้าไปใกล้โจวเชียนหยุนทีละก้าวและพูดว่า “เธอควรจะคิดถึงวันแบบนี้ไว้ตั้งแต่เธอเลือกที่จะให้กำเนิดเด็กคนนี้”เธอตัวสั่นขึ้นมาในทันทีทันใด “นี่คุณจะไม่ปล่อยให้เด็กที่คุณไม่ต้องการอยู่กับฉันด้วยเหรอ?”เย่เหวินหมิงพูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม “เธอว่า เด็กคนนี้จะมีโอกาสอะไรดี ๆ ในชีวิตบ้างถ้าเขาอยู่กับเธอ? ในอนาคตจะให้เขามาเปิดร้านกับเธอแล้วให้คนเยาะเย้ยว่าเขามีแม่เป็นอดีตนักโทษห
ถึงอย่างนั้น เมื่อพวกเขาไปถึงก็โดนพนักงานหยุดเอาไว้ แต่ถึงชินเหลียนอีจะบอกว่าเธอมาทำอะไร และไป๋ทิงซินบอกว่าตัวเองเป็นใคร พวกเขาก็บอกเพียงว่ากู้ลี่เฉินไม่อยู่ที่บริษัท และพวกเขาก็ไม่บอกด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหนชินเหลียนอีดูวิตกกังวล และไป๋ทิงซินก็ปลอบเธอด้วยการพูดว่า “ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวผมจะลองโทรดู”“คุณมีเบอร์กู้ลี่เฉินเหรอ?” ชินเหลียนอีตะลึงไป“ไม่มี แต่ก็หาได้ไม่ยาก” ไป๋ทิงซินพูดขณะที่โทรหาใครบางคน เป็นไปตามที่คาด ไม่นานนักพวกเขาก็ได้เบอร์โทรของกู้ลี่เฉินมาชินเหลียนอีประทับใจเขาสมกับการเป็นหัวหน้าตระกูลไป๋จริง ๆ คนอื่นอาจจะมีปัญหาในการหาข้อมูลติดต่อเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง แต่เขากลับหามันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นไป๋ทิงซินก็โทรหากู้ลี่เฉิน เมื่อสายต่อติด ชินเหลียนอีก็รีบพูดว่า “นี่... นี่ใช่กู้... กู้ลี่เฉิน… นายน้อยกู้หรือเปล่าคะ? ฉันเป็นเพื่อนสนิทของอี้หราน ชินเหลียนอีค่ะ ฉันอยากจะถามคุณดูว่า คุณรู้ไหมว่าอี้จิ่นหลีพาอี้หรานไปไหน?”สีหน้าของกู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินชื่อของ ‘ชินเหลียนอี’ ‘ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นคนที่ฉันเจอในงานการกุศล คนที่สนิทกับอี้หรานสินะ? อีกทั้
ในขณะเดียวกันนั้น หลิงอี้หรานก็นั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหารและมองไปยังซุปและกับข้าวอีกสามอย่างที่ยังร้อนอยู่ แต่อาหารพวกนั้นดูธรรมดาเกินกว่าที่เชฟจะเป็นคนทำ“ฉันทำเอง ลองชิมดูสิ” เขาพูดราวกับรู้ว่าเธอกำลังสงสัยอยู่เธอแปลกใจเล็กน้อย ‘เขาเนี่ยนะ... ทำอาหาร?’ “ตอนเราอยู่กันที่บ้านเช่า เธอเคยทำอาหารให้ฉัน ตอนนี้ฉันทำให้เธอบ้างไม่ได้เหรอ? ถ้ารสชาติไม่ถูกปาก ฉันจะได้ไปปรับปรุง” เขาพูด ดวงตาดอกท้อของเขายิ้มให้เธอราวกับว่า พวกเขาไม่เคยเลิกกันและไม่เคยผ่านความทรงจำอันเจ็บปวดใด ๆ มาเลยพวกเขาดูเหมือนย้อนกลับไปยังช่วงที่พวกเขายังคบกันหวาน ๆหลิงอี้หรานหลบสายตาด้วยความอึดอัด และไม่อยากสบตาเขาราวกับว่ามีเวทมนตร์อยู่ภายในดวงตาของเขาซึ่งทำให้เกิดคลื่นในใจที่สงบของเธอ“คนรับใช้ไปไหนล่ะ? ทำไมฉันไม่เห็นใครที่นี่เลย?” เธอถามเปลี่ยนเรื่องอี้จิ่นหลีเอ่ยว่า “ที่นี่ไม่มีคนรับใช้ มีแค่คนเข้ามาเติมของในตู้เย็นกับทำความสะอาดเป็นประจำ แต่เธอไม่มีโอกาสได้เจอพวกเขาหรอก คิดซะว่าที่นี่มีแค่เธอกับฉันก็ได้”เธอตกตะลึงไปเขาพูดต่อไปว่า “ที่นี่มีแค่เธอกับฉัน ดังนั้นเธอจะมองมาที่ฉันแล้วลองคิดดูว่า เธอจะรักฉั
อี้จิ่นหลีพูดตามตรง “หนึ่งในคฤหาสน์ต้นตระกูลของตระกูลอี้ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักที่นี่หรอก เพราะตระกูลอี้ไม่เคยประกาศให้ใครรู้”เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ‘นี่เขาคิดว่าคนนอกหาที่นี่ไม่เจอ เขาเลยเก็บฉันไว้ที่นี่เหรอ?’ “อีกอย่าง ไม่ใช่แค่เธอนะที่ติดอยู่ในคฤหาสน์นี้” เขาพูดเธอกะพริบตา “หมายความว่าไง?”“ครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงถูกขังไว้ที่นี่เหมือนกัน คฤหาสน์นี้ถูกซื้อไว้ก็เพื่อขังผู้หญิงคนนั้นไว้ที่นี่” อี้จิ่นหลีพูดเหมือนกำลังเล่าเรื่องให้เธอฟังหลิงอี้หรานตะลึงไป เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ปกคลุมร่างกายของตัวเอง ‘ผู้หญิงคนอื่น... ก็เคยถูกขังไว้ที่นี่งั้นเหรอ?’ “ประมาณ 70 ปีก่อน บรรพบุรุษของตระกูลอี้คนหนึ่งตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เธอมีคู่หมั้นอยู่แล้วและรักกันมาก ดังนั้น เขาเลยลักพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาและขังเธอไว้ในคฤหาสน์นี้ เฝ้าเธอไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้เธอตกหลุมรักเขา”เสียงของอี้จิ่นหลีเยือกเย็นสม่ำเสมอ และเมื่อมันดังอยู่ในห้องรับประทานอาหารย้อนยุคขนาดใหญ่นี้ ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศหดหู่เย็นชาในตอนที่เธอถูกพามาครั้งแรก เธอรู้สึกว่าที่นี่ดูย้อนยุคและโอ่อ่าถึงIอย่างนั้
เขาเอ่ยออกมาว่า “ใช่ เราเลิกกันแล้ว การเลิกกับเธอเป็นเรื่องที่ฉันเสียใจที่สุด เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเสียใจอีก”เขาอยากให้เธอรักเขาอีกครั้ง และรักเขามากจนทิ้งเขาไปไม่ได้! ...หลิงอี้หรานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องตอนกลางคืน และมองไปยังชุดเดรสสีม่วงลายดอกไม้ในมือชุดเดรสถูกฉีกจากคอเสื้อไปที่ด้านหนึ่งของแขนเสื้อ แม้จะซ่อมมันแล้ว แต่มันก็ไม่มีทางเหมือนเดิมหลิงอี้หรานรู้สึกโมโหเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชุดแสนสวยต้องกลายเป็นแบบนี้ อย่างไรมันก็เป็นของที่เฉินเฉินมอบให้กับเธอแม้กู้ลี่เฉินจะไม่รู้ว่าเป็นเธอ และแม้ว่ากู้ลี่เฉินจะไม่ได้ตั้งใจจะให้มันกับเธอ แต่มันก็เหมือนกับเรื่องบังเอิญที่ทำให้คำสัญญาทั้งหมดของพวกเขาในวัยเยาว์ได้กลายเป็นจริง เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย หลิงอี้หรานลุกขึ้นและเดินไปแถว ๆ ตู้แล้วหยิบกล่องเย็บผ้าออกมาวันนี้เธอเดินดูรอบ ๆ ห้องตอนที่เธอมีเวลาว่างแล้วบังเอิญเจอกับกล่องเย็บผ้าอันนี้กล่องเย็บผ้าดูค่อนข้างเก่า ภายในบรรจุเข็มไว้สองสามเล่มและปลอกสวมนิ้วสำหรับจับเข็มเย็บผ้าเก่า ๆ ที่ยังดูดีอยู่ แม้ว่าเส้นไหมข้างในจะสีจางไปแล้ว แต่มันก็ยังแข็งแรงและไม่ขาดจากการดึงเพี
หลิงอี้หรานหลุบตาลงเล็กน้อยและมองชุดสีม่วงในมือของเธอเงียบ ๆ เธอจัดการซ่อมมันโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำรอยยิ้มบาง ๆ บนมุมปากของเขาค่อย ๆ จางไป “หยุด” เขาพูดอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินและทำสิ่งที่เธอทำต่อไป!ดวงตาของเขาขุ่นขึ้น และความอิจฉาในตัวเขาก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าสิ่งที่เธอมองเห็นมีเพียงชุดนั่น... หรือหมายถึง สิ่งเดียวที่เธอมองเห็นมีเพียงกู้ลี่เฉิน!“ฉันบอกให้เธอหยุดไง!” เขาตะคอก และในเวลาต่อมา เขาก็แย่งชุดสีม่วงนั้นออกจากมือของเธอ“โอ๊ย!” หลิงอี้หรานร้องออกมาเบา ๆ เข็มในมือของเธอทิ่มลงบนนิ้วชี้อีกข้าง เลือดสีแดงไหลออกมาจากจุดที่เธอโดยทิ่มในทันทีเธอทิ่มตัวเองเข้าอย่างแรง ทำให้เลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็วไม่นานนัก เลือดก็อาบไปทั้งนิ้วเรียวของเธอ และเลือดก็หยดออกจากมือของเธอตกลงบนพื้นสีเข้มเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น อี้จิ่นหลีก็โยนชุดนั้นทิ้งและย่อตัวลงจับมือของหลิงอี้หรานไว้ เขาเอานิ้วเปื้อนเลือดของเธอเข้าปากและดูดเลือดออกจากปลายนิ้วของเธอหลิงอี้หรานตัวแข็งทื่อ เธอไม่รู้สึกอะไรนอกจากความอุ่นชุ่มบริเวณปลายนิ้วของเธอ กระแสความร้อนที่ปกคลุมนิ้วของเธอทำให้มันด