ฮั่วซุนเข้ามาเพื่อจะขวางไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว ซ่งอวิ้นอวิ้นตกลงมาจากชั้นบน เจียงเย่าจิ่งสั่งอย่างเย็นชา “เอาตัวออกไป”พูดจบก็เดินหันหลังออกจากห้องไป ฮั่วซุนเหลือบมองลงมาจากหน้าต่าง ถึงแม้ว่าตรงนี้จะเป็นชั้นสอง ไม่สูงมากนัก แต่ถ้าตกลงไป ก็บาดเจ็บได้เหมือนกัน เขาพอมีความเมตตาอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่กับซ่งอวิ้นอวิ้นเพราะเธอท้าทายเจียงเย่าจิ่งก่อน ใครใช้ให้เธออยู่ดี ๆ ก็หนีไปล่ะ?ทำให้พวกเขาต้องตามหากันตั้งกี่เดือน!ที่ชั้นล่าง ซ่งอวิ้นอวิ้นนอนขดตัวอยู่บนพื้น เจ็บไปทั้งตัว แต่ที่ขาของเธอเจ็บยิ่งกว่า เธอสัมผัสไปที่กระดูกต้นขา เธอรู้ว่ากระดูกเธอน่าจะหักฮั่วซุนสั่งให้คนยกเธอขึ้นมา ความอ่อนโยนสักนิดก็ไม่มี ป่าเถื่อน!ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน เหมือนกับตุ๊กตาผ้าที่ไร้กระดูก ปล่อยให้พวกเขาลากไปมา ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นเขตของกู้ฮว๋าย แต่เจียงเหย่าจิ่งเตรียมการมาเป็นอย่างดี พาคนมาตั้งมากมาย กู้ฮว๋ายจึงไม่มีทางเลือก ได้แต่มองเธอถูกนำตัวออกไป!เขาเองก็โมโหไม่น้อย โมโหที่ตัวเองไม่รอบคอบเกลียดที่เจียงเย่าจิ่งเจ้าเล่ห์ ไอ้คนทรยศ!“เจี่ยงเย่าจิ่ง เรื่องของคุณกับผมมันยังไม
เจียงเย่าจิ่งพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “ไม่ต้องไปยุ่งกับเธอ”พูดเสร็จก็เดินลงไปป้าหวู่ก็ไม่กล้าตัดสินใจโดยที่ไม่รับอนุญาตได้แต่ถอนหายใจแม้ว่าในใจจะรู้สึกเสียใจกับซ่งอวิ้นอวิ้น แต่ก็ไม่กล้าจะไม่เชื่อฟังเจียงเย่าจิ่งอีกทั้งเธอยังคิดว่าเรื่องนี้ ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นคนผิดเธอหนีไปได้อย่างไรกัน?มันก็ถูกแล้วที่เจียงเย่าจิ่งจะโกรธซ่งอวิ้นอวิ้นหายตัวไปไม่กี่เดือน เฉินเวินเหยียนก็พบโอกาสที่จะเอาใจแม้ว่าเจียงเย่าจิ่งจะไม่สนใจเธอ เธอก็จะทำอาหารมาส่งในทุก ๆ วัน เพื่อพยายามที่จะชนะใจเจียงเย่าจิ่งหวังว่าตัวเธอจะสามารถเข้าไปอยู่ในบ้าน กลายเป็นคุณผู้หญิงของบ้านได้วันนี้ก็เช่นกันป้าหวู่ดูเหมือนจะชินกับการปรากฏตัวของเธอเธอมักจะนำของมาให้ เธอพูดขึ้น “ คุณเฉิน คุณก็รู้ว่าคุณผู้ชายบ้านนี้ไม่อยากพบคุณ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ”เฉินเวินเหยียนไม่ยอมแพ้ “คำพูดนี้คุณเป็นคนพูดหรือว่าเจียงเย่ายิ่งเป็นคนพูดกันแน่?”“คุณผู้ชายพูดหลายครั้งแล้ว ยังจะถามอีกเหรอคะ?” ป้าหวู่ดุเธอจนพูดไม่ออกป้าหวู่ไม่ชอบผู้หญิงอย่างเฉินเวินเหยียนที่ตามราวีไม่เลิก เหมือนกับปลิงที่คอยเกาะคุณผู้ชายมักจะแสดงออกว่าไม่ชอบเ
เฉินเวินเหยียนตกใจ ใบหน้าของเธอซีดลง พูดอย่างตะกุกตะกัก “คุณ คุณ ทำไมคุณถึงมาที่นี่”เจียงเย่าจิ่งก้าวไปข้างหน้า ผลักเธอออกไปและมองด้วยสายตาที่น่ากลัว “เธอกล้าดียังไงมาหลอกฉัน”เฉินเวินเหยียนก้มหน้าลงกับพื้น จากนั้นลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ฉันไม่ได้หลอกคุณนะ…..”เธอพูดออกไป เจียงเย่าจิ่งได้ยินสิ่งที่เธอพูดทั้งหมด แต่เฉินเวินเหยียนก็ยังปิดบังเขาก่อนหน้านั้นเขายังคงคิดถึงเฉินเวินเหยียนในคืนนั้น แต่ตอนนี้……. เขาคิดแค่ว่าอยากให้ผู้หญิงคนนี้หายไป “ป้าหวู่ดูเธอไว้!“ เจียงเย่าจิ่งโทรหาฮั่วซุน ให้ฮั่วซุนมาจัดการกับเฉินเวินเหยียน หลังวางสาย เขาเห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนอนอยู่บนพื้นด้วยลมหายใจแผ่วเบา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินไปหาเธอในขณะที่นั่งยอง ๆ อยู่ เขายกมือขึ้นและลังเลสักครู่ ก่อนที่จะกล้าไปแตะแก้มเธอ น้ำเสียงของเขาติดสั่น และเรียกเบา ๆ”ซ่งอวิ้นอวิ้น” ทำไมเขาคิดไม่ถึง ในคืนนั้นจริง ๆ แล้วคือซ่งอวิ้นอวิ้น หัวใจของเขาสั่นเทา คนที่อยู่ตรงหน้าของซ่งอวิ้นอวิ้นค่อยเบลอ ๆ จนกระทั่งกลายเป็นมืดสนิทเจียงเย่าจิ่งอุ้มเธอขึ้นมา แล้วรีบเดินออกไปด้านนอก เขาระงับความตื่นตระหนกและ
ผู้ชายคนนั้นผลักเธอลงจากตึกอย่างโหดร้าย จนถึงตอนนี้เธอยังหวาดผวาในใจอยู่เลย “ซ่งอวิ้นอวิ้น” เจียงเย่าจิ่งเรียกชื่อเธอด้วยเสียงเบา “ฉันถามเธอว่า คืนวันที่หกเดือนกรกฎาคม เธอได้อยู่ที่โรงพยาบาลเหรินอ้ายไหม?”ซ่งอวิ้นอวิ้นมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง“ตอนนั้นฉันยังเป็นหมออยู่ที่เหรินอ้าย อยู่ที่โรงพยาบาลมันก็ปกติไม่ใช่เหรอคะ?” ซ่งอวิ้นอวิ้นย้อนถามเขาด้วยเสียงแหบแห้งเธอไม่รู้ว่าทำไมเจียงเย่าจิ่งถึงพูดถึงคืนนั้นขึ้นมา“งั้นก็แสดงว่า คืนนั้นเธออยู่ที่โรงพยาบาล เดิมทีไม่ใช่เวรเธอ แต่เธอไปอยู่เวรแทนเฉินเวินเหยียนใช่ไหม?” เจียงเย่าจิ่งรู้ความจริงจากปากของเฉินเวินเหยียนแล้วที่ยังมาถามซ่งอวิ้นอวิ้นอีก ก็แค่ไม่อยากจะให้มีอะไรผิดพลาดอีกซ่งอวิ้นอวิ้นดึงปากที่ลอกออกแล้วตอบไปตามความจริง “ใช่ ที่ฉันจำได้แม่นก็เพราะว่าคืนนั้นเป็นคืนแต่งงานคืนแรกของฉันกับคุณ คุณไม่ได้ไปที่คฤหาสน์ ฉันได้รับข้อความจากเฉินเวินเหยียนว่าเธอมีธุระด่วน ให้ฉันไปอยู่เวรแทนเธอ ฉันก็เลยไปที่โรงพยาบาล...”“คืนนั้นเธอเจอผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่ง...”“คุณรู้ได้ยังไงคะ?” ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดตัดบทเขา เธอหรี่ตา “คุณตรวจสอบฉันเหรอ?”“เ
เจียงเย่าจิ่งผลักประตูห้องผู้ป่วยทันที แล้วก็เห็นว่าขาข้างหนึ่งของซ่งอวิ้นอวิ้นยังเข้าเฝือกอยู่ แต่ตัวคนนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียงเขาขมวดคิ้ว “เธอทำอะไรน่ะ?”เขาพูดยังไม่ทันจบ ตัวเขาก็เดินไปพยุงเธอถึงที่ข้างเตียงแล้ว พร้อมทั้งอดกลั้นความโกรธไว้แล้วเอ่ยถามเธอ “ขาเธอเป็นแบบนี้ ยังคิดจะหนีอีกเหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นส่ายหน้าเบา ๆ เธอในตอนนี้ อย่าว่าแต่ขาจะใช้การไม่ได้เลย ต่อให้ขาใช้การได้ เธอก็ไม่มีแรงหนีหรอกเธอคัดตึงเต้านม หน้าอกชาไปหมด“ฉันแค่กระหาย”เจียงเย่าจิ่งถึงได้สังเกตเห็นว่าริมฝีปากเธอแห้งผากจนเลือดซิบแล้วเขาหลุบตาลง พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ฉันจะเอาน้ำมาให้”ซ่งอวิ้นอวิ้นนอนลงบนเตียง มองเพดานด้านบน แล้วถามอย่างหมดเรี่ยวแรง “เจียงเย่าจิ่ง ทำไมคุณถึงไม่ยอมปล่อยฉันไปล่ะ?”มือของเจียงเย่าจิ่งที่รินน้ำชาอยู่หยุดชะงักไป เขามีความรู้สึกดี ๆ ต่อซ่งอวิ้นอวิ้น เขารู้ดีแต่เธอเคยผ่านผู้ชายมาก่อน ตนเองจึงไม่ยินยอมที่จะลดศักดิ์ศรีของผู้ชายไปยอมรับสิ่งนั้นถึงแม้จะมีความรู้สึกดี แต่ก็ต้องเก็บกดเอาไว้แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว เขารู้ว่าซ่งอวิ้นอวิ้นคือผู้หญิงในคืนนั้นเธอไม่ได้มีความ
สายตาของเจียงเย่าจิ่งกวาดมองขาของเธอ แล้วอธิบาย “ตอนนั้นฉันโกรธมาก”ถึงได้ผลักเธอเปลือกตาของซ่งอวิ้นอวิ้นกระตุก ดังนั้นเขาจะไม่สนใจความเป็นความตายของเธอก็ได้ใช่ไหม ถึงได้ผลักเธอจากบนตึกลงแบบนั้น?“ถ้าฉันตกลงไปตายทำยังไง?”“ไม่ตายหรอก ความสูงเท่านั้น อย่างมากก็พิการ” เจียงเย่าจิ่งตักโจ๊กขึ้นมาทดสอบความร้อนใกล้ ๆ ปาก พอเห็นว่าไม่ร้อนลวกปากก็ป้อนไปที่ปากเธอซ่งอวิ้นอวิ้นไม่คุ้นเคยกับเขาที่เป็นแบบนี้เลยจริง ๆ“นี่คุณไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปใช่ไหม?” ไม่ใช่ว่าเธอคิดมากไปแต่ท่าทีของเจียงเย่าจิ่งมันเดาไม่ออกจริง ๆเจียงเย่าจิ่งจ้องมองเธออยู่สักครู่หนึ่งในสายตาของเธอ ตัวเองเป็นคนที่เลวร้ายถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?“ฉันยังต้องเก็บเธอไว้ทรมาน ไม่ให้เธอตายหรอกน่า” เขาทำเป็นโหดร้ายแบบนี้ ซ่งอวิ้นอวิ้นค่อยสบายใจขึ้นหน่อยนี่สิถึงจะเป็นตัวเขาเธออ้าปากกินโจ๊กที่เขาป้อนให้เจียงเย่าจิ่งอดทนมาก ป้อนเธอไปทีละคำจนหมดป้าหวู่เอาซุปไก่มาด้วย เจียงเย่าจิ่งจึงเอาให้เธอ แต่เธอโบกมือ “ฉันอิ่มแล้วค่ะ”เธอกลัวว่าจะกินเยอะเกินไป แล้วน้ำนมจะเยอะไปด้วยถ้าเป็นแบบนั้นเต้านมจะยิ่งคัดและปวดมากขึ้นเจียงเย่าจ
เสิ่นจือเชียนไม่ถอดใจ แต่ในเมื่อเจียงเย่าจิ่งไม่ได้ซักถามต่อ ก็เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี ดูท่าทางไม่มีความสุขเจียงเย่าจิ่งรู้สึกว่าการที่เขาอยู่ที่นี่จะกระทบต่อการฟื้นฟูของซ่งอวิ้นอวิ้น จึงพูด “นายออกมากับฉัน”เสิ่นจือเชียนตามไปด้วยท่าทีเศร้าซึมเจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้ว เอามือถือส่งให้เขา “นายดูไม่มีอนาคตนะ”เสิ่นจือเชียนตอบโต้กลับไปโดยไม่คิดเลย “นายมีอนาคต ก็อย่าไปตามหาซ่งอวิ้นอวิ้นทุกที่เพราะเธอหนีไปสิ เธอมีหนทางตั้งมากมาย มีคนชอบเธอก็ไม่น้อย ทำไมนายจะต้องเจาะจงเธอด้วย...”เขายังไม่ได้บ่นจนจบ ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความเย็นชา เสียงจึงชะงักไปเดิมทีเจียงเย่าจิ่งอยากจะบอกเขาว่ามือถือของตนเองนั้นสามารถเรียกคืนประวัติการติดต่อได้ ถึงจะลบไปแต่ก็หาเจอได้แต่ใครจะรู้ว่าเสิ่นจือเชียนจะไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แล้วมาพูดจี้ใจดำเขา!เขาเก็บมือถือแล้วพูดอย่างเย็นชา “นายเองก็ไม่ใช่สูตินรีแพทย์ อยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไสหัวไปเลยไป”พูดจบก็เตรียมจะหันหลังเข้าห้องไปเสิ่นจือเชียนรู้สึกตัวว่าตัวเองไปหาเรื่องเขา จึงรีบอธิบาย “ฉันผิดเอง ก็ฉันร้อนใจนี่ นายก็อย่าโกรธฉันเลยน่า”เจียงเย่าจิ่งไม
เสียใจที่เขาทำผิดคน ทั้งยังต้องเสียลูกไปอีกราคาที่ต้องจ่ายมันมากเกินไปแล้วมันยากเกินที่เขาจะรับได้“ลูกของเธอ… ไม่อยู่แล้ว ต่อไปอย่าไปพูดเรื่องลูกต่อหน้าเธออีก เธอจะได้ไม่ต้องได้ยินแล้วเสียใจ” เขากดเสียงต่ำมาก เพื่อปิดบังเสียงที่สั่นและแหบเอาไว้เสิ่นจือเชียนไม่ได้คาดคิดไว้เลยเขาทอดถอนใจเล็กน้อย “หนึ่งในแฝดเสียไป ร่างกายของอีกคนก็ยากมากที่จะรักษาให้แข็งแรง ถึงเธอจะปกป้องไว้อย่างที่สุดแล้ว แต่ความเสี่ยงติดเชื้อก็สูงมากอยู่ดี ไม่ว่าตอนที่คลอดนั้นสูตินรีแพทย์จะดีมากแค่ไหนก็ไม่กล้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายมดลูก ที่จริงแล้วการที่เด็กไม่อยู่แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ดีเหมือนกัน ฉันเตือนเธอไว้นานแล้วว่าอย่าเก็บเด็กไว้เลย เพราะแม้แต่พ่อเด็กเป็นใครเธอก็ไม่รู้ แต่เธอก็จะเก็บไว้และจะเลี้ยงเองอย่างเด็ดเดี่ยว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง”เจียงเย่าจิ่งฟังแล้วก็ปวดใจในสถานการณ์ที่ตนเองเกลียดเธออยู่นั้น เธอก็ยังคิดจะเก็บเด็กไว้แต่เห็นถึงความมุ่งมั่นและกล้าหาญของเธอเลย“จริงสิ สิ่งที่ฉันควรจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว นายจะบอกฉันได้ไหม ว่านายไปตามหาซ่งอวิ้นอวิ้นเจอที่ไหน?” เสิ่นจือเชียนไม่ลืมจุด
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื