เสิ่นจือเชียนได้ยินเสียงที่ห่างหายกันไปนาน ก็หายใจติดไปอยากจะพูดตอบ แต่เสียงกลับแห้งเหือดไปจนพูดไม่ออกอันลู่คิดว่าซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ยิน จึงเรียกอีกครั้ง “อวิ้นอวิ้น?”เสิ่นจือเชียนปรับการหายใจ แล้วพูด “ฉันไม่ใช่ซ่งอวิ้นอวิ้น”อันลู่ตะลึง วินาทีต่อมาก็รีบวางสายไปทันทีเธอจับมือถือไว้ สับสนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีหานซินมองเธออยู่ รู้สึกว่าปฏิกิริยาเธอมันรุนแรงมาก จึงถามอย่างร้อนใจ “เป็นอะไรไป? อวิ้นอวิ้นมีอันตรายเหรอ?”เธอยังไม่รู้ว่าซ่งอวิ้นอวิ้นถูกเจียงเย่าจิ่งพาตัวกลับไปที่เมืองอวิ๋นแล้ว คิดว่าซ่งอวิ้นอวิ้นยังตกอยู่ในเงื้อมมือของกู้ฮว๋ายอยู่อันลู่ส่ายหน้า“งั้นเธอเป็นอะไรไปล่ะ...”หานซินยังไม่ทันพูดจบ มือถือของอันลู่ก็ดังขึ้นอีกครั้งครั้งนี้เธอไม่รับสาย ได้แต่มองหน้าจอมือถือที่มีคนโทรเข้ามาแล้วกะพริบไม่หยุดหานซินถามอย่างแปลกใจ “ทำไมถึงไม่รับสายล่ะ?”อันลู่ตอบ “ไม่ใช่อวิ้นอวิ้นค่ะ”พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเธอเดินทะลุห้องรับแขกไปที่ระเบียง มือถือก็ยังคงดังอยู่ ใจเธอก็ว้าวุ่นไปด้วยทางด้านเสิ่นจือเชียนก็ดูท่าทางจะไม่ยอมเธอไม่รับ ก็โทรมาเรื่อย ๆหลังจาก
อันลู่ยิ้มแล้วพูด “ได้ค่ะ อยู่กับฉันไม่ต้องเกรงใจมากเกินไปหรอก น้าก็ทำกับฉันเหมือนอวิ้นอวิ้นเถอะนะคะ” หานซินอุ้มเด็กน้อย โกยเบา ๆ กล่อมให้เขาหลับ สายตาก็มองไปที่อันลู่ “อวิ้นอวิ้นก็มีลูกแล้ว เธอเองก็ควรจะหาใครสักคนแต่งงานกันได้แล้วนะ แต่งงานกันจริง ๆ ไม่ใช่แต่งปลอม ๆ น่ะ”อันลู่น้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่ได้รู้สึกว่าหานซินมายุ่งวุ่นวายอะไร แต่กลับซาบซึ้งใจมากด้วยซ้ำตอนที่แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็พูดกับเธอแบบนี้เช่นกันเพียงแต่เธอไม่ได้ยินคำพูดของแม่อีกต่อไปแล้วเธอยิ้มแต่ไม่ได้ตอบ......เสิ่นจือเชือนพุ่งมาที่ชิงหยางด้วยความเร็วที่สุดตอนไปถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เขาก็รอจนฟ้าสว่างแล้วไปรอตรงที่นัดหมายกันกับอันลู่ทันทีเมื่อถึงเวลา อันลู่ถึงได้อุ้มซวงซวงมาปรากฏตัวเสิ่นจือเชียนที่ไม่ได้หลับมาทั้งคืนสีหน้าดูไม่ดีเลย ใต้ตาก็ดำคล้ำเมื่อเห็นอันลู่อุ้มเด็กมา เขาไม่ได้นึกถึงเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอเลยความสนใจทั้งหมดอยู่ที่อันลู่เธอผอมไปผอมไปยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีกเขาลุกจากเก้าอี้ มองเธอ แล้วเปล่งเสียงเรียกชื่อเธออย่างนิ่ง ๆ “ลูลู่”อันลู่นั่งลงตรงข้ามกับเขาเสิ่นจื
เธอขมวดคิ้วเพราะว่าชื่อที่เซ็นมานั้นคือกู้ฮว๋ายกู้ฮว๋ายจะจัดนิทรรศการศิลปะจัดนิทรรศการไม่เท่าไหร่หรอก แต่ยังจงใจส่งบัตรเชิญมาให้เธออีกเขาหมายความว่าอย่างไร?เขาคิดจะทำอะไร?เธอไม่ค่อยเข้าใจเลย“คิดอะไรอยู่น่ะ?” เจียงเย่าจิ่งผลักประตูเข้ามา เห็นสิ่งที่ซ่งอวิ้นอวิ้นถืออยู่ในมือ ก็ยื่นมือไปหยิบ “นี่อะไร?”ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ไม่ได้ปิดบัง “กู้ฮว๋ายให้คนส่งมาให้”พอได้ยินชื่อกู้ฮว๋าย สีหน้าของเจียงเย่าจิ่งก็เปลี่ยนไปทันทีเขาขมวดคิ้วแล้วเปิดดูบัตรเชิญ พออ่านเสร็จก็ถาม “เธออยากไปไหม?”เดิมทีซ่งอวิ้นอวิ้นไม่อยากไป เพราะว่าความสัมพันธ์กับกู้ฮว๋ายไม่ได้ดีถึงขั้นนั้นแต่ว่าเพื่อที่จะทำให้เจียงเย่าจิ่งรังเกียจ แล้วทำให้เขาตกลงหย่าแล้วปล่อยตนเองไปโดยเร็วที่สุด จึงจงใจพูด “ฉันอยากไป”เจียงเย่าจิ่งเม้มปากแน่น เขาไม่รู้ว่าซ่งอวิ้นอวิ้นคิดอะไรอยู่ ในใจเขาไม่อยากให้เธอไปแน่นอนอยู่แล้วเพราะกู้ฮว๋ายเคยคิดจะครอบครองเธอไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งครั้งครั้งนี้จะจัดนิทรรศการศิลปะอะไรนี่ เขารู้สึกว่าเป็นการมุ่งเป้ามาที่ซ่งอวิ้นอวิ้นแม้ว่ากู้ฮว๋ายจะจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ใช่พวกไก่กา แต่ในทางศิลปะ
สีหน้าเธอกลับมาเย็นชาเจียงเย่าจิ่งถามเธอ “หนาวไหม?”“ไม่” ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบไปห้วน ๆเหมือนว่าคำพูดแค่ไม่กี่คำก็ไม่อยากพูดเจียงเย่าจิ่งเจอกับน้ำเสียงเย็นชาของเธอ ใจก็รู้สึกแย่ลงเล็กน้อย แต่ก็ใส่ใจให้มากขึ้นอีกเธอไม่มีลูกแล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงอยู่ไฟอีก ประกอบกับที่ตัวเองไปผลักเธอตกตึกด้วย ใจเธอจะโกรธแค้น เขาก็เข้าใจได้เขายอมที่จะใช้เวลาให้มากขึ้น เพื่อละลายใจของเธอเขาไปขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่ง......เมื่อขับรถไปถึงที่หมาย คนขับรถก็จอดรถไปที่ท้ายรถแล้วเอารถเข็นออกมาเจียงเย่าจิ่งลงมาก่อน แล้วอุ้มซ่งอวิ้นอวิ้นลง วางเธอบนรถเข็น ทั้งยังเอาผ้ามาคลุมที่ขาเธอด้วยซ่งอวิ้นอวิ้นเงยหน้ามอง กู้ฮว๋ายเลือกสถานที่ได้ดีทีเดียว ประตูเมืองเก่าแก่ของเมืองอวิ๋น สิ่งก่อสร้างโบราณที่ได้รับการคุ้มครองอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ แค่นั่งมองจากตรงนี้ ก็รู้สึกถึงประวัติศาสตร์แล้ว!เจียงเย่าจิ่งเข็นเธอเข้าไปที่หน้าประตูมีรถจอดอยู่ไม่น้อยเลยวันนี้กู้ฮว๋ายเชิญคนมาจำนวนไม่น้อยทีเดียวไม่นานพวกเขาก็เข้าไปในโถงนิทรรศการ ซ่งอวิ้นอวิ้นเห็นภาพที่แขวนอยู่บนผนังก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมก
นี่กู้ฮว๋ายกำลังยั่วยุและโอ้อวดเจียงเย่าจิ่ง!ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างประหลาดเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมีความรู้สึกแบบนี้คนที่กู้ฮว๋ายเชิญมาในวันนี้ก็ล้วนแต่เป็นพวกกลุ่มคนชั้นสูงทั้งนั้น!ฉากมันเอิกเกริกมาก!แต่นิทรรศการศิลปะโดยปกติแล้วจะต้องเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงถึงจะสามารถจัดงานได้โดยทั่วไปภาพที่คนตัวเล็ก ๆ ไม่ได้มีชื่อเสียงวาดออกมานั้นไม่มีใครมาชื่นชมหรอก ยิ่งไม่มีทางที่จะมีคนจ่ายเงินก้อนโตซื้อเลยภาพเหล่านี้ล้วนไม่ได้มีชื่อเสียง จึงมีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย “กู้ฮว๋าย ภาพพวกนี้คุณไปเอามาจากที่ไหนกัน? ขนาดลายเซ็นก็ไม่มีเลย?”กู้ฮว๋ายยิ้ม “คุณใจเย็น ๆ นะ อีกเดี๋ยวผมจะให้คุณได้รู้มูลค่าของภาพเหล่านี้”“ทางที่ดีคุณก็อย่าทำให้พวกเราผิดหวังนะ ถึงภาพพวกนี้จะดูมีศิลปะมาก ๆ แต่ไม่มีลายเซ็นของผู้วาด สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีราคา”กู้ฮว๋ายยิ้มแล้วพูด “จะมีชื่อเสียงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า...”สายตาเขามองไปทางเจียงเย่าจิ่งเจียงเย่าจิ่งไม่ได้มองเขาเลย แต่มองภาพไปบนผนังเขาไม่เข้าใจศิลปะ แต่กลับชื่นชมภาพเหล่านี้มันเหมือนสามารถเข้าไปในใจของคนได้ผู้คนมากันแน่นแล้ว กู้ฮ
เป็นคนที่จะมาประชันราคากับเจียงเย่าจิ่งเขาจะต้องจัดการกับเจียงเย่าจิ่งอย่างโหดร้ายให้ได้!เขาเป็นผู้ชาย เขาย่อมเข้าใจผู้ชายมากกว่าไม่ว่าเจียงเย่าจิ่งจะมีความรักให้กับซ่งอวิ้นอวิ้นหรือไม่จากนิสัยของเขาแล้ว จะต้องไม่มีทางยอมให้ภาพของภรรยาตัวเองหลุดไปข้างนอกแน่นอนทั้งยังเป็นการพิสูจน์อีกว่า เขาถูกสวมเขา เพราะว่าลูกของซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นลูกของผู้ชายคนอื่น ภาพนี้ก็เหมือนเป็นการย้ำเตือนเจียงเย่าจิ่งว่าซ่งอวิ้นอวิ้นเคยผ่านผู้ชายมาแล้ว ทั้งยังท้องโตแล้วด้วย!เขาคาดเดาว่า เจียงเย่าจิ่งจะต้องซื้อกลับไป แล้วไปทำลายรูปซะ!ด้านล่างวุ่นวายกันไปหมดแม้ว่าคนที่มาเข้าร่วมนิทรรศการศิลปะจะเป็นคนมีเงินแต่ว่า เงินของพวกเขาก็ไม่ใช่ว่าได้มาตามสายลมนี่!ภาพที่มีมูลค่าหลายพันล้านอย่างน่าประหลาดนี้พวกเขาไม่เข้าใจเลยในด้านของห้างสรรพสินค้านั้นเจียงเย่าจิ่งเด็ดขาดและแน่วแน่มาโดยตลอด ไม่เคยเสียเปรียบเลยแต่ตอนนี้กลับจ่ายเงินหลายพันล้านซื้อภาพวาดภาพหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้ทุกคนเริ่มจับจ้องภาพนี้แล้วเจียงเย่าจิ่งอ่านความคิดของกู้ฮว๋ายออกอย่างชัดเจนแต่เขาไม่สนใจสักนิดจะจ่ายเงินเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ สิ่
กู้ฮว๋ายลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริง ๆ ตอนนั้นหลังจากวาดเสร็จ เขาบอกว่าให้ซ่งอวิ้นอวิ้นไปแล้วจริง ๆ“เราคุยกันหน่อยไหม?” เขารู้สึกว่าซ่งอวิ้นอวิ้นน่าจะยืนอยู่ข้างเดียวกับตนเองซ่งอวิ้นอวิ้นถูกเจียงเย่าจิ่งผลักตกตึกไม่อย่างนั้นขาของเธอไม่มีทางหักได้เธอน่าจะเกลียดเจียงเย่าจิ่งตอนนี้ที่ตนเองสามารถเอาเงินก้อนใหญ่กับเจียงเย่าจิงมาอย่างโหดร้ายได้ ซ่งอวิ้นอวิ้นอวิ้นต้องดีใจสิถึงจะถูก“คุยตรงนี้เลยสิ” ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ไม่ได้จะต้านที่กู้ฮว๋ายจะเอาเงินจากเจียงเย่าจิ่งเพียงแต่ เธอรู้สึกว่ากู้ฮว๋ายใช้เธอเป็นเครื่องมือเงินเหล่านี้ เธอเองก็ควรจะได้ด้วยสิถึงจะถูกเมื่อก่อนเธอไม่ได้มองว่าเงินสำคัญมากเลยแต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว เธอไม่มีรายได้ ลูกกับหานซินเองก็ต้องกินต้องใช้ ทุกอย่างต้องใช้เงินเธอต้องวางแผนเพื่อลูกและแม่กู้ฮว๋ายก็มองเจตนาของเธอออก จึงได้พูดส่วนแบ่งกับเธอต่อหน้าเจียงเย่าจิ่ง “แบ่งสามสิบเจ็ดสิบเป็นไง?”เขาเสียเงินไปให้เจียงเย่าจิ่งเยอะมาก และนิทรรศการนี้ก็เป็นแผนของเขาเขารู้สึกว่าตัวเองควรจะได้มากกว่าหน่อยซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้โลภ กู้ฮว๋ายเสนอมาว่าสามสิบเจ็ดสิบนี่ เธอก็แปลก
ซ่งอวิ้นอวิ้นเล่นเปียโนได้ มีทักษะทางการแพทย์ด้วย แล้วตอนนี้จะบอกว่าเธอวาดภาพเป็นด้วยเหรอเจียงเย่าจิ่งไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะจะบอกว่าซ่งอวิ้นอวิ้นทำเป็นเยอะมาก ๆ แถมยังทำได้ดีทั้งหมดด้วยปกติแล้วคนมีความสามารถพิเศษหนึ่งหรือสองอย่าง ก็สุดยอดมากแล้วกู้ฮว๋ายมองออกว่าเจียงเย่าจิ่งไม่เข้าใจความหมายโดยนัยของเขาอดไม่ได้ที่จะภูมิใจเพราะว่าสิ่งที่ตนเองรู้ เจียงเย่าจิ่งกลับไม่รู้เขาหัวเราะฮ่า ๆ ออกมา“ผมได้ยินมาว่า มีเพียงแค่ชอบใครสักคนเท่านั้นถึงจะวาดภาพเหมือนของเขาออกมาได้ ประธานเจียงคิดว่าคนที่วาดภาพให้ผมชอบผมหรือเปล่าครับ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นสีหน้าไม่พอใจก่อนแล้ว “คุณบังคับให้ฉันวาดต่างหากล่ะ ฉันไม่ได้ชอบคุณ...”พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็หยุดชะงักไปถ้าพูดแบบนี้มันก็เป็นการอธิบายอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้เธอต้องการให้เจียงเย่าจิ่งรังเกียจเธอ ให้เขาหย่ากับเธอยังไม่ทันพูดจบ เธอก็กลับคำ “ถึงคุณจะบังคับให้ฉันวาด แต่ฉันก็อยากวาดให้คุณจริง ๆ นั่นแหละ”นี่นับว่าเป็นการยอมรับว่าตัวเองชอบกู้ฮว๋ายแล้วแม้ว่าจะเป็นเพียงการหลอกแต่คนที่ฟังต่างก็เข้าใจไปแบบนี้ตอนแรกกู้ฮว๋ายตะลึงไปเล็กน้อย
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื