เจียงเย่าจิ่งเสียงต่ำ “ฉันเจ็บกว่าเธออีก”เขาเจ็บที่ใจ!เขาเช็ดตรงหางตาของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน อ่อนโยนแต่ร้อนแรง “เธอแต่งงานกับฉัน เป็นคนของฉัน เป็นโชคชะตาของเรา เธอก็ต้องทำหน้าที่ของภรรยาคนหนึ่ง”เขาในอดีต เมินเฉยกับคำว่าโชคชะตาไปแล้วเขาไม่ค่อยเชื่อแต่ตอนนี้เขาที่อยู่บนตัวของซ่งอวิ้นอวิ้นกลับเชื่อเชื่อว่าระหว่างพวกเขามันคือโชคชะตาคืนนั้นเป็นคืนแต่งงานของพวกเขา แม้ว่าเขาจะไม่ไปเจอเธอ แต่พวกเขาก็ได้กลายเป็นสามีภรรยากันในคืนนั้น ได้ทำในสิ่งที่สามีภรรยาทำกัน!หรือว่านี่ไม่ใช่โชคชะตากำหนดไว้เหรอ?ซ่งอว้นอวิ้นสะอื้นเล็กน้อยถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอคลอดลูก เธอก็ยินดีจะรักษาสัญญาที่มีกับนายท่านเจียง ไม่ว่าเจียงเย่าจิ่งจะชอบหรือไม่ชอบเธอ จะดีหรือไม่ดีกับเธอ เธอก็จะอยู่แต่งงานกับเขาแต่สถานการณ์ในตอนนี้คือ เธอให้กำเนิดลูกหนึ่งคนแล้ว และเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจียงเย่าจิ่งถ้าเจียงเย่าจิ่งรู้เข้า ด้วยนิสัยของเขา ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น!สำหรับเธอ การหย่าคือทางเลือกที่ดีที่สุดต่างคนต่างใช้ชีวิต เธอคิดว่ามันดีกับทุกคน“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ หรือว่าคุณไม่คิดว่าเป็นการ
“ฉันมีธุระจริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงว้าวุ่นใจตาย” เสิ่นจือเชียนก้าวไปตัดคำพูดเขาเจียงเย่าจิ่งเงียบไปสักพัก ไม่พูดอะไรอีก ถือว่าเป็นการอนุญาตแล้วเสิ่นจือเชียนเองก็ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ทำได้เพียงยินอยู่ข้างประตู มองซ่งอวิ้นอวิ้น “เธอบอกพี่มา ว่าที่อันลู่ไปจากพี่ เป็นเพราะว่าเธอชอบผู้ชายคนอื่นจริง ๆ เหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่เคยถาม อันลู่เองก็ไม่เคยบอกเธอพูดไปตามความจริง “ฉันไม่รู้”เสิ่นจือเชียนคิดว่าเธอกำลังโกหกตนเองเธอกับอันลู่ติดต่อกันมาโดยตลอด เธอจะไม่รู้เรื่องของอันลู่ได้อย่างไร?“พี่มั่นใจว่าพี่เองก็ดีกับเธอ ทำไมเธอถึงต้องปิดบังพี่?”ซ่งอวิ้นอวิ้นพูด “ฉันไม่ได้ปิดบังพี่จริง ๆ นะ”เสิ่นจือเชียนยังคงไม่เชื่อ เขาพิงประตูแล้วทรุดนั่งลงกับพื้นซ่งอวิ้นอวิ้นไม่เคยเห็นเสิ่นจือเชียนเป็นแบบนี้มาก่อนเลยเขาเป็นคนที่สดใส พอเห็นเขาดูซึมเศร้าขนาดนี้ เธอเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกันเสิ่นจือเชียนเป็นคนดี ดีกับเธอมากเมื่อก่อนตอนที่คบกับอันลู่ เขาก็อ่อนโยนใจดีกับอันลู่ ปฏิเสธผู้หญิงทุกคนข้างนอกที่รู้สึกดีกับเขา เพื่อที่จะให้ความรู้สึกปลอดภัยกับอันลู่ ที่จริงเธอเองก็สงสัยที่จู่ ๆ อันลู่ก็ห
แล้วคนอย่างเจียงเย่าจิ่งจะฟังเธอที่ไหนกันล่ะเขาเดินเข้ามานั่งบนเตียงตรงที่ว่างข้างเธอและนอนลงทันทีซ่งอวิ้นอวิ้นต้องเขยิบเข้าไปข้างในอย่างช่วยไม่ได้ เพราะถ้าไม่ขยับเขาก็จะเบียดเธอทั้งอย่างนั้น“เตียงเล็กขนาดนี้ มันนอนสองคนไม่ได้นะ” ซ่งอวิ้นอวิ้นกระซิบเจียงเย่าจิ่งพลิกตัวกอดเธอ ก่อนจะเอาหน้าซุกคอเธอ “สามีภรรยาก็ต้องนอนเตียงเดียวกันสิ”ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเธอเกร็งไปหมดทั้งตัวจนไม่กล้าขยับเลย!เจียงเย่าจิ่งอยู่ใกล้เธอสุด ๆ และจุดที่ผิวหนังของทั้งสองคนสัมผัสกันก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนผิวโดนไฟไหม้ ทั้งร้อนผ่าวและแดง ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาพ่นใส่บริเวณบอบบางที่หลังใบหูของร่างเล็ก จนเธอรู้สึกตื่นเต้นไปหมดเธอกระซิบด้วยลำคอที่แห้งผาก “คุณอย่ามากอดฉันแบบนี้จะได้ไหม?”เจียงเย่าจิ่งเอ่ยตรงลำคอของเธอด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ไม่ได้หรอก”เมื่อพูดจบก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาอีกจากนั้นไม่นานก็มีเสียงหายใจที่สม่ำเสมอดังขึ้นมาซ่งอวิ้นอวิ้น “...”เขาหลับไปแล้วเหรอ?แต่เธอนอนไม่หลับเลยพื้นที่เตียงไม่ได้ใหญ่มากนักทำให้เธอหลบออกไปไม่ได้เลยเธอหายใจเข้าลึกลืมตาและมองไปยังเพดานด้าน
อันลู่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไปเธออยากพูดแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดีดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกมาได้ซ่งอวิ้นอวิ้นรอด้วยความอดทนและไม่ได้เร่งอะไรเธอเธอเข้าใจว่าอันลู่ต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการจะเล่าเรื่องของเธอเวลาผ่านไปสักพักท่ามกลางเสียงเข็มนาฬิกาบนผนังและเวลาก็ยังคงผ่านไปไม่หยุด“อวิ้นอวิ้น… เธอก็รู้จักครอบครัวของจือเชียน ครอบครัวเราสองคนแตกต่างกันมาก แม่ของจือเชียนรู้ว่าพี่กับจือเชียนกำลังคบกัน เขาก็เคยมาหาพี่”ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยถาม “แม่เขาให้พวกพี่เลิกกันเหรอ? คงไม่ใช่ว่าเอาเงินฟาดหัวพี่เหมือนในทีวีหรอกใช่ไหม?”ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้เกี่ยวกับครอบครัวของเสิ่นจือเชียนแค่บางส่วนว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมาก!“เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย?” เดิมทีอารมณ์ของอันลู่ค่อนข้างเศร้ามาก แต่หลังจากโดนซ่งอวิ้นอวิ้นกวนไปหนึ่งที เธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก!“เขาไม่ได้เอาเงินฟาดหัวพี่หรอก เขาบอกว่า เขาคาดหวังว่าภรรยาของจือเชียนจะเป็นคนที่สามารถช่วยเหลือเสิ่นจือเชียนได้ เขาเห็นมรดกของจงเหิงกรุ๊ปแล้ว ด้วยภูมิหลังของเขา มีแต่จะเป็นตัวถ่วงในงานเสิ่นจือเชียน”“เธออาจจะไม่รู้ว่าพ่อของเสิ่นจือเชีย
ฮั่วซุนเอ่ย “คุณเจียงสั่งมาแบบนี้ครับ”ในใจของกู้ฮว๋ายรู้สึกโกรธมาก จากที่เดิมทีเก้าพันล้าน ตอนนี้เหลือแค่สามพันล้าน นี่มันก็ไม่น่าเชื่อถือแล้วไหม?เขาเดินไปหาเจียงเย่าจิ่งด้วยความโกรธตอนนั้นเองที่เจียงเย่าจิงคุยธุระกับคุณหลี่เสร็จพอดีคุณหลี่มองมาที่เขา ก่อนจะยิ้มอึดอัดออกมาและเดินออกไปโดยที่ไม่ได้กล่าวทักทายอะไรเขาอยากจะร่วมงานกับเจียงเย่าจิ่งมากกว่ากู้ฮว๋ายอยู่แล้วกู้ฮว๋ายไม่ได้เอ่ยอะไรแย่ ๆ ออกมา ก่อนเซ็นสัญญาร่วมมือกันก็ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญา อย่างไรก็เป็นคนที่อยู่วงเดียวกันอยู่ดี จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องสร้างความอึดอัดตอนเจอกันอย่างไรเขาก็ยังมีหมากตัวใหญ่อยู่เมื่อคุณหลี่เดินจากไปแล้ว กู้ฮว๋ายก็เอ่ยขึ้น “คุณเจียง นี่คุณยังคิดจะรักษาคำพูดอยู่ไหม?”เจียงเย่าจิ่งเดินไปยังห้องทำงาน กู้ฮว๋ายเดินตามเขา ก่อนจะพูดออกมาไม่หยุด “ตอนนั้นคุณเป็นคนเรียกราคาเอง ตอนนี้เหลือแค่สามพันล้าน นี่มันหมายความว่าไง?”ฮั่วซุนมองภาพในมือของเขา ก่อนจะมองไปยังกู้ฮว๋ายอีกครั้งด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ในใจก็คิดว่า สำหรับเขาราคาสามพันล้านสำหรับภาพวาดนี้มันยังน้อยไปเหรอ?เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ
เจียงเย่าจิ่งหันไปมองกู้ฮว๋ายเดิมทีเขาก็โกรธขนาดนี้เพราะภาพวาดนี้อยู่แล้วในเมื่อถ้าเขาอยากโกรธก็ให้โกรธต่อไปเถอะ!เขาเอ่ยขึ้นมานิ่ง ๆ “เผา”ซ่งอวิ้นอวิ้นวาดให้เขาเหรอ? ได้สิ งั้นเขาจะทำให้ภาพนี้กลายเป็นขี้เถ้าซะ!กู้ฮว๋าย “...”เขาโกรธจนพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อยนี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้วนะ!ฮั่วซุนโทรให้คนมาจัดการ ก่อนจะไล่ออกไปอีกครั้ง “ไปกันเถอะครับคุณกู้”กู้ฮว๋ายโกรธจนอกสั่น!โกรธมากจนไม่สามารถปล่อยวางได้เลย!แต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธหน้าดำยิ่งกว่าเก่าคือ ไม่รู้ว่าฮั่วซุนตั้งใจหรือเปล่า ทันทีที่เขาเดินออกมาจากบริษัทก็เห็นฉากที่ภาพนั้นโดนเผาไปแล้ว!ความโกรธในตอนนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย“ฮั่วซุน เจียงเย่าจิ่งชอบซ่งอวิ้นอวิ้นหรือเปล่า?”เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจียงเย่าจิ่งถึงไม่โกรธอย่างนั้นก็เหลือแค่คำอธิบายเดียวคือ เจียงเย่าจิ่งชอบซ่งอวิ้นอวิ้น?แต่ถ้าเขาชอบซ่งอวิ้นอวิ้นจริง ทำไมถึงได้ผลักเธอตกจากอาคารล่ะ?กู้ฮว๋ายไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ฮั่วซุนจะบอกเรื่องส่วนตัวของเจียงเย่าจิ่งให้เขาได้อย่างไรกันล่ะ เขายิ้ม “ผมเป็นแค่ลูกน้องจะไปรู้เรื่องของเจ้านายได้
ซ่งอวิ้นอวิ้นตกใจ คงไม่ใช่เจียงเย่าจิ่งหรอกนะ?เขาได้ยินที่กู้ฮว๋ายพูดเมื่อกี้หรือเปล่า?เธอมองไปยังประตูก่อนจะรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือป้าหวู่กู้ฮว๋ายเห็นท่าทีของซ่งอวิ้นอวิ้นทั้งหมดเธอกลัวเจียงเย่าจิ่งขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?แต่ก็ใช่แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ศัตรูของเจียงเย่าจิ่ง แต่ก็พอจะนึกออกว่าซ่งอวิ้นอวิ้นต้องทนทุกข์ทรมานกับเจียงเย่าจิ่งมากแค่ไหน!ก็ไม่แปลกที่จะต้องกลัวกู้ฮว๋ายแอบคิดในใจอย่างเงียบ ๆ ป้าหวู่เหลือบมองกู้ฮว๋ายอย่างไม่ไว้ใจนัก ก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะ “คุณผู้หญิง คุณต้องพักผ่อนนะคะ”ซ่งอวิ้นอวิ้นเห็นว่าป้าหวู่ไม่ชอบกู้ฮว๋าย เธอจึงยิ้มก่อนจะเอ่ย “เข้าใจแล้วค่ะ”เธอยังคงใส่ใจป้าหวู่อยู่เพราะป้าหวู่หวังดีกับเธอจริง ๆ “กู้ฮว๋าย เดี๋ยวฉันต้องกินข้าวเที่ยงแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณกินหรอก คุณไปก่อนเถอะ”กู้ฮว๋ายขยับปากเล็กน้อย ทำไมวันนี้เขารู้สึกเหมือนไปที่ไหนก็โดนไล่เลยล่ะ?แถมลูกน้องเจียงเย่าจิ่งก็จงรักภักดีซะเหลือเกินแม้แต่คนใช้ก็หมือนกับฮั่วซุนปกป้องและซื่อสัตย์ หึ น่ารำคาญชะมัด!“งั้นฉันไปก่อนนะ” กู้ฮว๋ายเอ่ยซ่งอวิ้นอวิ้นส่งเสียงอืมตอบกลับ
เจียงเย่าจิ่งไม่ขยับซ่งอวิ้นอวิ้นลืมตาก่อนจะกะพริบเล็กน้อย “คุณคงไม่ได้จะกินของฉันหรอกใช่ไหม?”โดยไม่ทันให้เจียงเย่าจิ่งได้เอ่ยอะไรออกมา เธอก็รีบพูดทันที “ซุปนี่ฉันกินไปแล้ว มันมีน้ำลายนะ”เจียงเย่าจิ่งเอ่ย “ฉันไม่คิดว่ามันสกปรกหรอก”ซ่งอวิ้นอวิ้น “...”เธอตกใจจนอ้าปากค้าง!นี่ใช่เจียงเย่าจิ่งที่เธอรู้จักรึเปล่า?นี่กลายเป็นคนดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?เธอถือชามไว้ราวกับกลัวว่าเจียงเย่าจิ่งจะแย่งไปจากมือไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะกินซุปในชาม แต่เพราะเธอเคยกินมันไปแล้ว มันก็รู้สึกขัดเขินถ้าจะให้เจียงเย่าจิ่งกินต่อพวกเขายังไม่สนิทกันพอที่จะใช้ชามร่วมกันได้นะ!“เธอหน้าแดงเหรอ?”เจียงเย่าจิ่งหัวเราะออกมาเบา ๆ นี่เธอกำลังเขินอายอยู่เหรอ?ช่างไร้เดียงสาเสียจริงซ่งอวิ้นอวิ้นจับหน้าตัวเองก่อนจะโต้กลับ “หน้าใครแดง? ฉันไม่ได้หน้าแดงนะ คุณอย่ามาพูดจาซี้ซั้ว”เจียงเย่าจิ่งไม่ได้เถียงเธอกลับ เขาแค่เอ่ยอย่างไม่อะไร “ตามใจเธอแล้วกัน ไม่หน้าแดงก็ไม่หน้าแดง”ใจซ่งอวิ้นอวิ้นรัดแน่น ก่อนจะหันสายตาไปทางอื่นโดยไม่กล้าสบตาเขาเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นเต้นหรือเขินอายอะไรเธอแค่รู้สึกตล
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื