“เฮ้อหลอกตัวเองว่าไม่อยากเจอเขา ฝ่าบาทนะฝ่าบาทท่านก็ ทำให้ต้าเหนิงนางเป็นแบบนี้เองใครจะช่วยได้ ไม่ลืมเลือนก็เหมือนลืมเลือนนากำลังลืมฝ่าบาทไม่น่าต้องมาพบกันอีกเลย”ไฉหรานบ่นเบาๆวังหลวง“ฝ่าบาทเสด็จไปที่แม่น้ำลั่วซาน เพื่อล่าสัตว์”เฉินอี้เหมยพยักหน้าขึ้นลง“ใครตามเสด็จพี่ใหญ่ข้าหรือว่าหานจง”“ท่านเฉิน ตอนนี้ถูกท่านราชครูเรียกเข้าพบเรื่องเอ่อถูหวังซวนได้ยินว่าท่านเฉินกับท่านราชครูมีปากเสียงกัน”อี้เหมยยิ้มบางๆ“เข้าใจได้ไม่ยาก พี่ใหญ่ยึดมั่นคุณธรรมคงอีกไม่นานจะต้องออกเดินทางไปยังซูตงแน่ๆหากท่านพ่อไม่รั้งไว้และพี่ใหญ่ไม่ห่วงใยฝ่าบาท”“ส่งคนสอดแนม ว่าหานจงตัวร้ายกับท่านหมอเยี่ยนฉือปลุกปั่นฝ่าบาทหรือไม่”“น้อมบัญชาฮองเฮา”องครักษ์ขางกายออกไปแล้วอี้เหมยเปิดกล่องโลหะสีทองหยิบเอาปอยผมที่มัดรวมไว้ด้วยสายรัดเอว ขึ้นมาพิศดูยิ้มเย็นน่ากลัวที่สุด“เจ้าจะไม่มีทางได้กลับมาเอ่อต้าเหนิง”เก็บปอยผมไว้ตามเดิมซ่อนมันไว้อย่างมิดชิด แม่น้ำลั่วซานฉินเกอหลงควบม้าไปตามแนวชายฝั่ง เหล่าทหารต่างไล่ ต้อนสัตว์ป่าให้ลงมายังที่โล่งริมน้ำ“เฮๆๆๆๆๆ”เสียงฝีเท้าม้าพุ่งตรงมาแต่ที่มาถึงก่อนคือสัตว์น้อยใหญ่ที่ตกใจเสียงโห่ร้อ
ฉินเกอหลงกระโดดลงจากหลังม้า“ตามท่านหมอ”ทหารหลายนายรีบวิ่งวุ่นเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาคือใคร“ฝ่าบาทเชิญพักที่กระโจมใหญ่”ท่านแม่ทัพประสานมือเชิญฉินเกอหลงตามไปทันที“ท่านหมอเยี่ยนฉือมีคนบาดเจ็บ”เยี่ยนฉือที่มาที่นั่นพอดีรีบพุ่งตัวออกจากกระโจมของหมอทหารไปยังลนกว้างดวงตาเบิกโพลงทั้งดีใจและตื่นเต้นที่คนบนหลังมาคือต้าเหนิงและไฉหราน“พานางเข้ามาในกระโจม”ไฉหรานกับท่านหมอหิ้วปีกต้าเหนิงไปยังแท่นนอน กลิ่นยาที่เคี่ยวไว้หอมคละคลุ้งต้าเหนิงรู้สึกเหมือนตัวกำลังล่องลอยกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย“เจ้าอยู่ช่วยข้าก่อนดีไหม”ไฉหรานพยักหน้าขึ้นลง“นางจะตายไหมข้าห่วงนางจริงๆ”“ไม่เป็นไรบาดแผลแค่เฉี่ยวๆไม่ได้โดนหัวใจเสียทีเดียวแต่นางเสียเลือดไม่น้อยจึงหมดสติไป ดีที่ได้อย่างสมานแผลห้ามเลือดอย่างดี”ปากก็พูดมือก็ทำความสะอาดบาดแผล“เป็นฝ่าบาทที่ช่วยทำเรื่องนี้ลำพังข้ากับพี่ใหญ่เชียวเราตกใจมาก”“หือ ฝ่าบาทหรือ”“ฝ่าบาทเป็นคนที่ยิงธนูนั่นและยังใส่ยาสมานแผลให้กับต้าเหนิงด้วยตัวเอง”เยี่ยนฉือส่ายหน้าไปมาช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ ตลอดเวลาเขาส่งข่าวถึงเอ่อถูหวังซวนเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ“ทรงจำต้าเหนิงได้ไหม”มือก็สารวนก
“ฟื้นแล้วหรือ”ท่านหมอเยี่ยนฉือเดินเข้ามาข้างในกระโจมสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าต้าเหนิงฟื้นแล้วต้าเหนิงยิ้ม ดีใจจนออกนอกหน้า“ท่านหมอยินดีที่ได้พบว่าแต่ฝ่าบาทไปไหนเสีย”เยี่ยนฉือนั่งลงข้างๆแท่นนอนสีหน้าห่วงใยจริงจัง“อยู่ที่กระโจมใหญ่ ข้าเพิ่งหัวเสียออกมา ไฉหรานเจ้าออกไปส่งข่าวพี่ใหญ่เชียวของเจ้าทีว่าต้าเหนิงนางฟื้นแล้วเขาจะได้เลิกห่วง”ท่านหมอเยี่ยนฉือพูดกับไฉหรานเบาๆไพวกท่าน…ไม่เห็นเป็นรื่องใหญ่เลยใช่ไหมเรื่องที่ฝ่าบาททรงจำข้าไม่ได้ นั่นสินะพวกท่านไม่ได้มีผลอะไรนี่ไม่ได้เจ็บปวดใจเหมือนข้า”“ที่ผ่านมาทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเราทุกคนล้วนประหลาดใจเมื่อฝ่าบาทหมดสติและฟื้นขึนมาอีกครั้งเหมือนไม่ใช่ฝ่าบาทคนเดิม แต่ก็พยายามอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิมข้าส่งสาสน์ให้ท่านปู่ของเจ้า เตรียมพร้อมและเตรียมกำลังคน ในตอนนั้นฉินเกอหลง ที่อยู่ๆก็ยกทัพเข้ามาในวังหลวง คนที่สั่งการให้กวาดล้างทัพของซูตงนั่นก็คือฝ่าบาท” “ท่านเชียวเข้าไปในวังหลวงตามคำสั่งของท่านปู่เมื่อฝ่าบาทเพลี้ยงพล้ำ”เยี่ยนฉือถอนหายใจ“เจ้ายอมแพ้หรือยัง”ต้าเหนิงยิ้มกว้างทั้งที่ยังเจ็บแผล“ยอมแพ้นั่นไม่ใช่ต้าเหนิง ต้
“แล้วไม่กลัวว่า พ่อลูกตระกูลเฉินจะหาทางจัดการกับพวกเราหรือไร”ไฉหรานพูดขึ้นด้วยความหวั่นใจ“ท่านหมอเยี่ยนฉือบอกกับข้าว่าท่านหมอจะอยู่ที่นี่คอยดูแลพวกเราจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ข้าก็เห็นว่าแบบนี้ก็ดี หากว่าเรื่องที่เราอยู่ที่นี่จะเป็นความลับตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้เพราะต้าเหนิงบาดเจ็บ”ต้าเหนิงก้มหน้าหลบตา บาดเจ็บแต่จะเผด็จศึก ฉินเกอหลงคืนนี้ ช่างหาญกล้ายิ้มแห้งๆ“บางที นี่อาจเป็นโอกาสอันดีของเราก็ได้ เจ้าว่าอย่างไรต้าเหนิงเจ้า หายเศร้าหรือยังที่ฝ่าบาทจำเจ้าไม่ได้”ไฉหรานพูดคำห่วงใย“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าเพิ่งจะคิดได้ตอนที่ข้าหมดสติไปว่าเรื่องบางเรื่องไม่อาจปล่อยวางควรจะเดินหน้าชน เพราะชีวิตนี้เป้นของข้าหาใช่คนของอื่น ข้าคือต้าเหนิงและข้าก็คือต้าเหนิง และไม่ควรยอมแพ้”“ดีใจจังที่เจ้าเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านั้นต้าเหนิงคนนั้นคงตายไปแล้วใช่ไหม”เชียวกงเล่อพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“นั่นสินะก่อนหน้านั้นไม่รักแล้วไม่เจ็บแล้วไม่โกรธไม่แค้นเคืองข้าแค่เพียงคิดว่าข้ากับเขาสิ้นวาสนากันเพียงเท่านี้แต่มาบัดนี้จึงรู้ว่าไม่ควรยอมแพ้”ไฉหรานยิ้มสดใส“ดีแล้วเฮ้อโล่งอก คิดไม่ถึงว่าต่อไปเราไม่ต้องเจ็บปวดใจแทนเจ้
ที่กระโจมด้านหน้าอี้เหมยที่นั่งรอฉินเกอหลงด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อฉินเกอหลงโผล่อเข้ามาอี้เหมยรีบลุกจากแท่นนั่ง“ฝ่าบาท อี้เหมยนอนไม่หลับ”น้ำเสียงออดอ้อนเดินมาสอดมือเข้าที่ข้อแขน แินเกอหลงมองมือของอี้เหมยพรางคิดถึงใครอีกคนเมื่อครู่ไม่ใช่แบบนี้นางกล้า กอดเขากอดแบบแนบแน่นกอดแบบคนที่รักกัน ตลอดสามเดือนฉินเกอหลงไม่เคยแต่ต้องตัวอี้เหมยเพราะเขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จนป่านนี้ยังได้แค่นานเคียงข้างกันบนแท่นนอนในฐานะฮองเฮาแต่เขาไม่เคยคิดจะให้นางอุ่นเตียงให้แม้แต่น้อยแล้วต้าเหนิงเป็นใครนางทำไมกล้ากอดเขาแนบแน่นแบบนั้น“บังอาจจริงๆ”“ฝะฝ่าบาททรงพูดว่าอย่างไร”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ห่างไม่ทันชั่วข้ามคืนเจ้าถึงกับนอนไม่หลับเชียวหรือเช่นนั้นข้าก็ควรกลับไปพร้อมเจ้าสินะหรือว่า เราจะค้างที่นี่”น้ำเสียงอ่อนหวาน หานจงถอนหายใจ“ค้างที่นี่พรุ่งนี้จึงค่อยเดินทางค่ำมืดอันตรายไม่น้อย”ทุกอย่าง้ลวนเป็นอี้เหมยตัดสินใจทุกอย่างล้วนเชื่อฟังนางที่ห้องพักต้าเหนิงท่านหมอเยี่ยนฉือยืนเอามือไพล่หลังเดินไปเดินมา“สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ตอนนี้เจ้นอนพักเสียข้ามทรมานเจ้ามากไปแล้ว รออีกสักสองสามวันระหว่างนี้เจ้าห้ามโ
“จากซูตงพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเกอหลงขมวดคิ้ว“อย่ามาล้อข้าเล่นท่านหมอก็รู้ว่าข้าสั่งให้กวาดล้างคนของซูตงทั้งหมด เหตุใดจึงกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก”“ไม่พ่ะย่ะค่ะหากฝ่าบาทจะทรงลงทัณฑ์ก็เชิญได้เลย ในเมื่อฝ่าบาทไม่ยอมฟังสิ่งที่เยี่ยนฉือและคนอื่นๆบอกอยู่แล้วเรื่องราวในวันนั้นเยี่ยนฉือรู้ดีว่าส่งผลให้ฝ่าบาทเจ็บปวดจนต้องการลืมเรื่องราวทุกอย่างแต่อยากให้ฝ่าบาทลองไตร่ตรอดูอีกครั้งว่าที่เยี่ยนฉือพยายามพูดทุกครั้งที่พบหน้ากันคือชาวซูงไม่ผิดชาวซูตงคือแพะรับบาป”ฉินเกอหลงหลับตาลงช้าๆ“ฝ่าบาทข้าน้อยมีสิ่งหนึ่งอยากให้ฝ่าบาทได้ทัศนา”เฉินตงลี่พูดขึ้นเบาๆฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง“ดื่มกินก่อนดีหรือไม่ หรือว่าอยากจะไปทัศนาสิ่งที่ข้าน้อยกำลังจะมอบให้”“เชิญเหลาขุนนาง ส่วนข้าคงต้องไปดูก่อนจึง จะมาร่วมดื่มกินได้”“เชิญฝ่าบาททางนี้” เฉินตงลี่นำทางฉินเกอหลง ที่พยักหน้ากับหานจงและซือกวานยังส่วนท้ายของวังหลวงที่ห้องลับในวังหลวงร่างผอมบางของพระสนมฉีมารดาของฉินเกอหลงถูกพันธนาการไว้แขนสองข้างถูกโยงผมเผ้าหลุดรุยและรุงรัง“ทะท่านแม่”ทั้งดีใจประหลาดใจและตกใจ“เกิดอะไรขึ้นท่านแม่ ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านยังไม่ตายใช่ไหม”หานจงกำด้าม
“เสด็จย่าทำไมคิดสั้นแบบนั้น”“ข้าน้อยให้คนสอบสวนแล้วทว่ากลับไม่พบสิ่งผิดปกติสาวใช้ที่วิหารเทียมฟ้าพูดว่าไทฮองไทเฮาทรงเปรยๆเรื่องที่ฝ่าบาททรงจะกลับมานั่งบัลลังก์มังกรว่าจะต้องพาเอ่อต้าเหนิงกลับมาด้วยแน่ๆ”“แล้วข้าจะทำเช่นไรต่อจากนี้”“หลงเอ่อร์อย่าเชื่อพวกเขาได้ยินไหม ได้ยินไหมว่าพวกเขาหลอกลวง”สนมฉีพึมพำเบาๆฉินเกอหลงยิ้มเศร้าๆ“ท่านแม่ ข้าจะไม่ให้ท่านต้องพบเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว หานจงตามหมอหลวง”“ฝ่าบาทพระสนมไม่อาจช่วยเหลือตัวเองที่ข้าน้อยผูกนางไว้เช่นนี้เพราะพระสนมคิดจะหนีตลอดเวลาและมักจะทำร้ายตัวเองอ้างว่าเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นภาระฝ่าบาท”“เอ่อต้าเหนิงตระกูลเอ่อที่มารดาข้าต้องเป็นอย่างนี้เพราะพวกเขาสั่งการลงไปส่งคนคุมตัวเอ่อต้าเหนิงมาสอยสวนที่วังหลวง”“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองนั่นคือพระสนมของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะข้าน้อยหานจงคิดว่าพระสนมเอ่อไม่มีทางรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้”“ท่านองครักษ์ก่อนหน้านั้นข้าเองก็เกือบหลงกลนาง ยาพิษที่มอบให้นางทำให้กัวกั๋วฮ่องเต้เผป้นอัมพาตชั่วคราวแต่นางกลับ มอบพิษที่ไม่มีส่วนผสมของตัวยานั้นกัวกั๋วจึงนำมาซึ่งการสังหารไทเฮา พกวท่านลองไตร่ตรองให้ดี ฝ่าบาททรงบาดเจ็บ เพราะคน
“หากเป็นท่านเล่าท่านหมอท่าน จะเชื่อคำพูดของมารดาท่านหรือไม่หรือว่าท่านจะ ทำเหมือนว่ามารดาท่านโป้ปด”“มีบางเรื่องที่เชื่อถือได้และบางเรื่องที่ควรจะมีการไต่สวน ฝ่าบาทในตอนนั้นหมดสติพอตื่นขึ้นมาก็เลือกที่จะจดจำบางเรื่องที่ผ่านมาเท่านั้น ลืมเรื่องราวแต่หนหลังเลือกที่จะจดจำแต่เรื่องที่อยากจะจำ รวมทั้งความแค้นและความเจ็บปวดในใจ เช่นนั้นเยี่ยนแือจึงคิดว่าบางทีเรื่องที่ฝ่าบาทจดจำไม่ยุติธรรมกับซูตงและใครบางคนที่กำลังเฝ้ารอฝ่าบาท”ฉินเกอลหงถอนหายใจ“ยังมีเรื่องใดที่ข้าต้องจดจำอีกแล้วยังมีใครที่เฝ้ารอข้าอีก”เยียนฉือยิ้ม“ไม่มีใครในใจเลยหรือขอรับนอกจากฮองเฮา”ต้าเหนิงยืนกำเสื้อคลุมในมือไว้แน่น เมื่อนอนไม่หลับเดอนออกมาพบฉินเกอหลงกับเยีายนฉือนุ่งข้างกองไฟน้ำค้างกำลังลงเสียงดังเปาะแปะ เคียงข้างคนรู้ใจไม่นอนก็ได้ในค่ำคืนนี้“อี้เหมยไม่ใช่คนในใจถึงจะบอกว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่อาจมีแค่อี้เหมยที่คิดแบบนั้นตัวข้าเองกลับไม่รู้สึกว่านางคือคนในใจ”ต้าเหนิงยิ้มเดินมาเอาเสื้อคลุมห่มไหล่กว้างให้กับฉินเกอหลง ที่หันมองหน้าสบตาต้าเหนิง“เจ้ากำลังจะทำอะไร”“เอ้า ก็เห็นว่าอากาศหนาวอุตส่ากลัวหนาวไม่รับก็ได้น้าาาาก็รู้
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก “อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย”ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูก ๆ ไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำ ๆ ที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย “ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายาก ๆ เขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุงสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเนื่อยทันที”ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆวิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา~” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว! ”ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสองแน่น
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพนิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย “ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโกลมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย “หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล
“เราจะรักกันตลอดไป” ฉินเกอหลงกระซิบเบาๆ ข้างหูขย่มเขย่าร่างเล็กใต้ร่างเขา เร่งจังหวะพาอีกคนไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมกัน“ข้ารักเจ้าต้าเหนิง” คำรักที่ส่งผ่านริมฝีปากออกมาแล่นเข้าสู่หัวใจของต้าเหนิงบทรักหวานฉ่ำในคืนเข้าหอและจากนี้ตลอดไปยังวนเวียนคำรักไม่สำคัญแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขแล้วความเข้าใจเช้าสดใส“คุณชอบกินกุ้งผมสั่งกุ้งย่างมาให้คุณ” ฉินเกอหลงแกะกล่องหยิบกุ้งมาวางในจานเช็ดมือใกับผ้ากันเปื้อนตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาเป็นคนทำอาหารที่ตรงเวลาและใส่ใจอย่างที่สุด เลื่อนจานกุ้งย่างไปตรงหน้าต้าเหนิง“ต้าวแมวอ้วนของผมจะต้องกินกุ้งอร่อยๆ จนหมดแน่เลย” ต้าเหนิงยิ้มรับเอาจานกุ้ง…แต่“อะอะ โอ๊กกกกกกโอ๊กกกกกอ้วกๆๆๆๆ” วิ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนออกมาทั้งที่ยังไม่ด้กินอะไรตั้งแต่เช้า ฉินเกอหลง วิ่งมาลูบหลังไหล่ให้อย่างอ่อนโยน“เป็นอะไรต้องไปหาหมอแล้วไหม” ต้าเหนิงส่ายหน้าอีกคนโอบไหล่กดหัวให้ซบลงบนอกกว้าง แล้วอุ้มต้าเหนิงไปที่เตียงนอน“อือ แย่จริงผมอยากจะทำอีกแล้วสิบ้าจริงคุณไม่ค่อยสบายแต่ผมกลับอยากจะนอนกับคุณอีกแล้ว” ต้าเหนิงยิ้มบางๆ“เวียนหัวค่ะอยากจะนอน แล้วกุ้งนั่นเหม็นจังเลยค่ะ”“ผมก็เห็
ทุกอย่างหมุนวนไปตามครรลองของมันต้าเหนิงเคียงข้างฉินเกอหลงในโบสถ์ชุดแต่งงานสีขาวสะอาด สายตาจับจ้องที่เจ้าบ่าวที่พูดตามบาทหลวงด้วยคำสัญญาจะรักมั่นเพียงต้าเหนิงคนเดียวน้ำตาไหลริน ไม่สายไป ยังไม่สายไปที่จะรักกันใหม่แหวนทองถูกสวมลงบนนิ้วนางของต้าเหนิงต้าเหนิงเองก็บรรจงสวมแหวนทองให้กับฉินเกอหลงใบหน้ายิ้มแย้มของคุณปทุมกับคุณพ่อของต้าเหนิงราวกับว่ายกภูเขาออกจากอกท่านประธานอี้ตวนคนหล่อยิ้มสมใจต่อนี้ไปจะกุมมือต้าเหนิงไว้ไม่ยอมปล่อยช่อดอกไม้ถูกโยนออกไป ร่างสูงของใครบางคนคว้าช่อดอกไม้ช่อสีขาวสะอาดไว้ในอ้อมแขนต้าเหนิงยิ้มทำตาโตเมื่อเห็นใบหน้าคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้นั่นมัน หานจงนี่ คิดถึงหมอดนัย แสงสว่างวาบขึ้นในหัวจะต้องแนะนำหานจงให้กับคุณหมอดนัยสินะเฮ้อโลกกลมจริงกัวกั๋วยืนพิงต้นดอกท้อที่นำมาประดับในงานมองมาที่คนทั้งสอง“ในที่สุดพี่ก็มีความสุขอีกแล้วครับทุกอย่างก็เป็นพี่ที่ต้องได้มันไป” ถอนหายใจยาวฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถกสปร์อตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที
“ฝ่าบาทแย่แล้วลูกดอกของฝ่าบาทคงไปโดนชาวบ้านที่ผ่านทางมาทางนี้” หานจงพูดขึ้นดังๆตกใจไม่น้อยแต่ทว่าฉินเกอหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรลูกดอกยิงลงเขาเช่นไรจึงไปโดนคนด้านล่างได้ จะบังเอิญอะไรเพียงนั้น“เอ่อ ฝ่าบาทเราจะไม่ลงไปดูคนที่โดนลูกดอกหน่อยหรือขอรับ”หานจงส่งเสียงเตือนเพราะเห็นว่าฉินเกอหลงไม่สนใจแล้วยังจะควบม้าหันหน้าขึ้นไปบนเขาเพื่อตามกวางที่บาดเจ็บต่อไป“ข้าจะลงเขาไปดูพวกเขา ด้วยตัวเอง” สวรรค์นำพาแน่แล้ว ต้าเหนิงดวงตาพร่ามัวมองเห็นใบหน้าของไฉหรานเลือนลางเวลานี้เจ็บปวดที่บาดแผลที่ถูกลูกดอกแทบขาดใจ แต่พยายามที่จะตั้งสติไว้ ความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจและสมองบอกว่า ไม่ไหวแล้วดวงตาพร่ามัวกอ่นที่จะค่อยๆหลับลง“เจ้าจะตายแล้วหรือต้าเหนิงไม่ง่ายไปหน่อยหรือเจ้ากล้าตายทั้งๆ ที่ฝ่าบาทยังจำเจ้าไม่ได้หรือไรอิอิ ข้าสงสารเจ้าเสียจริงรักเขาแต่กลับต้องจบชีวิตลงง่ายดายเพียงนี้กลับไปที่ของเจ้าเสียดีไหม ข้าจัดการได้ดีกว่าเจ้าเชื่อข้าเถอะ” เสียงหวานของเอ่อต้าเหนิงที่ต้าเหนิงจำได้ขึ้นใจในอุโมงค์ที่เต็มๆ ไปด้วยสีสันหลากหลายหมุนวนจนปวดหัว“ไม่ข้าไม่มีทางยอมแพ้ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้ว
เฉินอี้เหมยเดินนวยนาดเข้าไปยังจวนราชครูที่ประดับตกแต่งราวกับตำหนักของฮ่องเต้ แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งยังทำให้ออกมาคล้ายบัลลังก์มังกรเฉินตงลี่นั่งหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวสบายใจไมไ่ด้มีเรื่องใกทุกร้อนยทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินตงลี่“ท่านพ่อ ส่งคนสังหารเอ่อต้าเหนิงลุล่วงไปแล้วหรือ” เฉินตงลี่เลิกคิ้วสูงไม่สู้ชอบใจกิริยาของอี้เหมยนัก ตั้งแต่นางนั่งบัลลังก์ฮองเฮานางก็ไม่เคยจะเห็นหัวเขา แต่ในใจของเฉินอี้เหมยรู้ดีว่าเป็นเพราะบิดาและไทเฮาในตอนนั้นที่ทำให้อี้เหมยต้องจดจำช่วงเวลาเลวร้ายที่ถุกกัวกั๋วย่ำยีไปจนตายความศรัทธาในตัวใต้เท้าเฉินบิดาจึงหมดลง“ข้าส่งคนสังหารนางกับเอ่อถูหวังซวน ผู้โฉดชั่วคนนั้นทว่าคนพวกนั้นไร้ฝีมือไม่อาจจัดการตัวการใหญ่อย่างเอ่อถูหวังซวนได้สำเร็จ คนผู้นี้สมควรตายที่สุดแล้วแต่ยังรอดมาได้ข้าส่งคนลอบสังหารเขาอีกคราแต่ทว่าเอ่อถูหวังซวนผู้นี้ฉลาดเป็นกรดไม่มีทางให้พบตัวได้ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละที่กบดานของเขาถูกคนของข้าเผาทำลายคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเหมือนครั้งที่ข้าส่งคนเผาทำลายตระกูลเอ่อแต่เอ่อต้าเหนิงคนนั้นดวงดีรอดตายมาได้”“ท่านพ่อท่านวางมือเสียเรื่องสังหารนางให้เป็นหน้าที
“หากพบกันเจ้าจะพูดกับเขาว่าอย่างไร” ไฉหรานถามขึ้นยิ้มๆ“เจ้าหมายถึงใคร” ถามกลับเพราะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไฉหรานพูด“จะหมายถึงใครข้าก็หมายถึงฝ่าบาทในเมื่อเขาทิ้งเจ้าไปเจ้าพบเขาก็ควรจะตัดพ้อเขาให้เขารู้ว่าตัวเองทำผิดกับเจ้า”“ท่านหมอบอกว่า ฝ่าบาทจำอะไรไม่ได้บางทีอาจจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทวงคำสัญญาเขาคำสัญญาบนแท่นนอนเจ้าคิดว่าเชื่อถือได้หรือ” ไฉหรานยิ้มเจื่อนๆ“แต่ข้าก็มองว่าเขารักเจ้ามากกว่าใครเขาไม่เคยเหลียวแลหญิงใดเลยมิใช่หรือ หรือแม้แต่ข้าที่อิจฉาเจ้าตลอดมา”“นั่นมันก่อนที่เขาจะเป็นแบบนี้ ท่านหมอบอกว่าคนที่มีอิทธิพลกับเขาที่สุดก็เฉินตงลี่และเฉินอี้เหมย”“ดีนะที่ไม่มีพี่ใหญ่เฉินข้าด้วย”“พี่ใหญ่เฉินของเจ้า ดีจังอย่างน้อยก็ยังได้พูดถึงเขาสินะ เจ้าแอบชอบเขาใช่ไหมบอกข้ามา” ไฉหรานหน้าแดงควบม้านำหน้าต้าเหนิงไปเสียวังหลวงฉินเกอหลงที่นั่งกุมขมับที่ศาลาริมน้ำ ข้างหน้าคือฉินที่กำลังรอใครสักคนบรรเลงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงหวานหรือเพลงเช่นไรก็ควรจะถูกบรรเลงขึ้นได้แล้วแต่เปล่าเลยฉินเกอหลงนั่งมองเครื่องเล่นฉินนิ่งงันลืมเลือนท่วงทำนองเพลงไปเสียสิ้นหานจงจึงเลือกที่จะบอกเล่าเรื่
“ฝ่าบาท น่าจะรู้ดีกว่าใครในใจของฝ่าบาทที่มีแต่เอ่อต้าเหนิงทั้งที่นางทำร้ายทำลายแม้กระทั่งมารดาของฝ่าบาทก็ตามฝ่าบาทก็ยังหลงงมงายกับนางไม่เปลี่ยน นางคงมีเล่ห์เหลี่ยมกลใดจึงทำให้ฝ่าบาทเป็นแบบนี้” “หุบปากเจ้าเสียข้าไม่คิดเลยว่าเฉินอี้เหมยที่สดใสน่ารักจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้องสาวตัวเล็กที่เอาแต่ใจแต่ก็น่าเอ็นดูคนนั้นหายไปไหนเสีย เจ้าพูดถึงนางแล้วทำไมไม่ให้ข้าถามเจ้าบอกว่าข้ารักนางแล้วทำไมนางต้องทำร้ายข้าและมารดาข้า”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน“ฝ่าบาทตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ากับท่านพ่อหวังดีกับฝ่าบาทมาตลอดข้าทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อเปิดโปงเอ่อต้าเหนิงว่าทำผิดต่อฝ่าบาทเพียงใดแต่กระนั้นฝ่าบาทก็ยังไม่ตัดใจจากนางข้าควรจะฆ่านางเสียใช่ไหม”ฉินเกอหลงนิ่งงัน“นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าจะฆ่านางหรือเก็บไว้ก็แล้วแต่เจ้า ที่ข้าสงสัยก็แค่นางจะทำร้ายข้าเพื่ออะไรมิสู้ทำดีกับข้ารอให้ข้านั่งบัลลังก์แล้วยกย่องนางไม่ดีกว่าหรือ”“ฝ่าบาทมีอี้เหมยแล้ว จะรักหรือไม่เราสองคนก็คือสามีภรรยา อี้เหมยจะทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนหากเรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อเรื่องที่ฝ่าบาทยังคลางแคลงสงสัยในความภักดีของท่านพ่อและอี้เห