“ฟื้นแล้วหรือ”ท่านหมอเยี่ยนฉือเดินเข้ามาข้างในกระโจมสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าต้าเหนิงฟื้นแล้วต้าเหนิงยิ้ม ดีใจจนออกนอกหน้า“ท่านหมอยินดีที่ได้พบว่าแต่ฝ่าบาทไปไหนเสีย”เยี่ยนฉือนั่งลงข้างๆแท่นนอนสีหน้าห่วงใยจริงจัง“อยู่ที่กระโจมใหญ่ ข้าเพิ่งหัวเสียออกมา ไฉหรานเจ้าออกไปส่งข่าวพี่ใหญ่เชียวของเจ้าทีว่าต้าเหนิงนางฟื้นแล้วเขาจะได้เลิกห่วง”ท่านหมอเยี่ยนฉือพูดกับไฉหรานเบาๆไพวกท่าน…ไม่เห็นเป็นรื่องใหญ่เลยใช่ไหมเรื่องที่ฝ่าบาททรงจำข้าไม่ได้ นั่นสินะพวกท่านไม่ได้มีผลอะไรนี่ไม่ได้เจ็บปวดใจเหมือนข้า”“ที่ผ่านมาทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเราทุกคนล้วนประหลาดใจเมื่อฝ่าบาทหมดสติและฟื้นขึนมาอีกครั้งเหมือนไม่ใช่ฝ่าบาทคนเดิม แต่ก็พยายามอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิมข้าส่งสาสน์ให้ท่านปู่ของเจ้า เตรียมพร้อมและเตรียมกำลังคน ในตอนนั้นฉินเกอหลง ที่อยู่ๆก็ยกทัพเข้ามาในวังหลวง คนที่สั่งการให้กวาดล้างทัพของซูตงนั่นก็คือฝ่าบาท” “ท่านเชียวเข้าไปในวังหลวงตามคำสั่งของท่านปู่เมื่อฝ่าบาทเพลี้ยงพล้ำ”เยี่ยนฉือถอนหายใจ“เจ้ายอมแพ้หรือยัง”ต้าเหนิงยิ้มกว้างทั้งที่ยังเจ็บแผล“ยอมแพ้นั่นไม่ใช่ต้าเหนิง ต้
“แล้วไม่กลัวว่า พ่อลูกตระกูลเฉินจะหาทางจัดการกับพวกเราหรือไร”ไฉหรานพูดขึ้นด้วยความหวั่นใจ“ท่านหมอเยี่ยนฉือบอกกับข้าว่าท่านหมอจะอยู่ที่นี่คอยดูแลพวกเราจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ข้าก็เห็นว่าแบบนี้ก็ดี หากว่าเรื่องที่เราอยู่ที่นี่จะเป็นความลับตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้เพราะต้าเหนิงบาดเจ็บ”ต้าเหนิงก้มหน้าหลบตา บาดเจ็บแต่จะเผด็จศึก ฉินเกอหลงคืนนี้ ช่างหาญกล้ายิ้มแห้งๆ“บางที นี่อาจเป็นโอกาสอันดีของเราก็ได้ เจ้าว่าอย่างไรต้าเหนิงเจ้า หายเศร้าหรือยังที่ฝ่าบาทจำเจ้าไม่ได้”ไฉหรานพูดคำห่วงใย“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าเพิ่งจะคิดได้ตอนที่ข้าหมดสติไปว่าเรื่องบางเรื่องไม่อาจปล่อยวางควรจะเดินหน้าชน เพราะชีวิตนี้เป้นของข้าหาใช่คนของอื่น ข้าคือต้าเหนิงและข้าก็คือต้าเหนิง และไม่ควรยอมแพ้”“ดีใจจังที่เจ้าเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านั้นต้าเหนิงคนนั้นคงตายไปแล้วใช่ไหม”เชียวกงเล่อพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“นั่นสินะก่อนหน้านั้นไม่รักแล้วไม่เจ็บแล้วไม่โกรธไม่แค้นเคืองข้าแค่เพียงคิดว่าข้ากับเขาสิ้นวาสนากันเพียงเท่านี้แต่มาบัดนี้จึงรู้ว่าไม่ควรยอมแพ้”ไฉหรานยิ้มสดใส“ดีแล้วเฮ้อโล่งอก คิดไม่ถึงว่าต่อไปเราไม่ต้องเจ็บปวดใจแทนเจ้
ที่กระโจมด้านหน้าอี้เหมยที่นั่งรอฉินเกอหลงด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อฉินเกอหลงโผล่อเข้ามาอี้เหมยรีบลุกจากแท่นนั่ง“ฝ่าบาท อี้เหมยนอนไม่หลับ”น้ำเสียงออดอ้อนเดินมาสอดมือเข้าที่ข้อแขน แินเกอหลงมองมือของอี้เหมยพรางคิดถึงใครอีกคนเมื่อครู่ไม่ใช่แบบนี้นางกล้า กอดเขากอดแบบแนบแน่นกอดแบบคนที่รักกัน ตลอดสามเดือนฉินเกอหลงไม่เคยแต่ต้องตัวอี้เหมยเพราะเขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จนป่านนี้ยังได้แค่นานเคียงข้างกันบนแท่นนอนในฐานะฮองเฮาแต่เขาไม่เคยคิดจะให้นางอุ่นเตียงให้แม้แต่น้อยแล้วต้าเหนิงเป็นใครนางทำไมกล้ากอดเขาแนบแน่นแบบนั้น“บังอาจจริงๆ”“ฝะฝ่าบาททรงพูดว่าอย่างไร”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ห่างไม่ทันชั่วข้ามคืนเจ้าถึงกับนอนไม่หลับเชียวหรือเช่นนั้นข้าก็ควรกลับไปพร้อมเจ้าสินะหรือว่า เราจะค้างที่นี่”น้ำเสียงอ่อนหวาน หานจงถอนหายใจ“ค้างที่นี่พรุ่งนี้จึงค่อยเดินทางค่ำมืดอันตรายไม่น้อย”ทุกอย่าง้ลวนเป็นอี้เหมยตัดสินใจทุกอย่างล้วนเชื่อฟังนางที่ห้องพักต้าเหนิงท่านหมอเยี่ยนฉือยืนเอามือไพล่หลังเดินไปเดินมา“สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ตอนนี้เจ้นอนพักเสียข้ามทรมานเจ้ามากไปแล้ว รออีกสักสองสามวันระหว่างนี้เจ้าห้ามโ
“จากซูตงพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเกอหลงขมวดคิ้ว“อย่ามาล้อข้าเล่นท่านหมอก็รู้ว่าข้าสั่งให้กวาดล้างคนของซูตงทั้งหมด เหตุใดจึงกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก”“ไม่พ่ะย่ะค่ะหากฝ่าบาทจะทรงลงทัณฑ์ก็เชิญได้เลย ในเมื่อฝ่าบาทไม่ยอมฟังสิ่งที่เยี่ยนฉือและคนอื่นๆบอกอยู่แล้วเรื่องราวในวันนั้นเยี่ยนฉือรู้ดีว่าส่งผลให้ฝ่าบาทเจ็บปวดจนต้องการลืมเรื่องราวทุกอย่างแต่อยากให้ฝ่าบาทลองไตร่ตรอดูอีกครั้งว่าที่เยี่ยนฉือพยายามพูดทุกครั้งที่พบหน้ากันคือชาวซูงไม่ผิดชาวซูตงคือแพะรับบาป”ฉินเกอหลงหลับตาลงช้าๆ“ฝ่าบาทข้าน้อยมีสิ่งหนึ่งอยากให้ฝ่าบาทได้ทัศนา”เฉินตงลี่พูดขึ้นเบาๆฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง“ดื่มกินก่อนดีหรือไม่ หรือว่าอยากจะไปทัศนาสิ่งที่ข้าน้อยกำลังจะมอบให้”“เชิญเหลาขุนนาง ส่วนข้าคงต้องไปดูก่อนจึง จะมาร่วมดื่มกินได้”“เชิญฝ่าบาททางนี้” เฉินตงลี่นำทางฉินเกอหลง ที่พยักหน้ากับหานจงและซือกวานยังส่วนท้ายของวังหลวงที่ห้องลับในวังหลวงร่างผอมบางของพระสนมฉีมารดาของฉินเกอหลงถูกพันธนาการไว้แขนสองข้างถูกโยงผมเผ้าหลุดรุยและรุงรัง“ทะท่านแม่”ทั้งดีใจประหลาดใจและตกใจ“เกิดอะไรขึ้นท่านแม่ ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านยังไม่ตายใช่ไหม”หานจงกำด้าม
“เสด็จย่าทำไมคิดสั้นแบบนั้น”“ข้าน้อยให้คนสอบสวนแล้วทว่ากลับไม่พบสิ่งผิดปกติสาวใช้ที่วิหารเทียมฟ้าพูดว่าไทฮองไทเฮาทรงเปรยๆเรื่องที่ฝ่าบาททรงจะกลับมานั่งบัลลังก์มังกรว่าจะต้องพาเอ่อต้าเหนิงกลับมาด้วยแน่ๆ”“แล้วข้าจะทำเช่นไรต่อจากนี้”“หลงเอ่อร์อย่าเชื่อพวกเขาได้ยินไหม ได้ยินไหมว่าพวกเขาหลอกลวง”สนมฉีพึมพำเบาๆฉินเกอหลงยิ้มเศร้าๆ“ท่านแม่ ข้าจะไม่ให้ท่านต้องพบเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว หานจงตามหมอหลวง”“ฝ่าบาทพระสนมไม่อาจช่วยเหลือตัวเองที่ข้าน้อยผูกนางไว้เช่นนี้เพราะพระสนมคิดจะหนีตลอดเวลาและมักจะทำร้ายตัวเองอ้างว่าเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นภาระฝ่าบาท”“เอ่อต้าเหนิงตระกูลเอ่อที่มารดาข้าต้องเป็นอย่างนี้เพราะพวกเขาสั่งการลงไปส่งคนคุมตัวเอ่อต้าเหนิงมาสอยสวนที่วังหลวง”“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองนั่นคือพระสนมของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะข้าน้อยหานจงคิดว่าพระสนมเอ่อไม่มีทางรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้”“ท่านองครักษ์ก่อนหน้านั้นข้าเองก็เกือบหลงกลนาง ยาพิษที่มอบให้นางทำให้กัวกั๋วฮ่องเต้เผป้นอัมพาตชั่วคราวแต่นางกลับ มอบพิษที่ไม่มีส่วนผสมของตัวยานั้นกัวกั๋วจึงนำมาซึ่งการสังหารไทเฮา พกวท่านลองไตร่ตรองให้ดี ฝ่าบาททรงบาดเจ็บ เพราะคน
“หากเป็นท่านเล่าท่านหมอท่าน จะเชื่อคำพูดของมารดาท่านหรือไม่หรือว่าท่านจะ ทำเหมือนว่ามารดาท่านโป้ปด”“มีบางเรื่องที่เชื่อถือได้และบางเรื่องที่ควรจะมีการไต่สวน ฝ่าบาทในตอนนั้นหมดสติพอตื่นขึ้นมาก็เลือกที่จะจดจำบางเรื่องที่ผ่านมาเท่านั้น ลืมเรื่องราวแต่หนหลังเลือกที่จะจดจำแต่เรื่องที่อยากจะจำ รวมทั้งความแค้นและความเจ็บปวดในใจ เช่นนั้นเยี่ยนแือจึงคิดว่าบางทีเรื่องที่ฝ่าบาทจดจำไม่ยุติธรรมกับซูตงและใครบางคนที่กำลังเฝ้ารอฝ่าบาท”ฉินเกอลหงถอนหายใจ“ยังมีเรื่องใดที่ข้าต้องจดจำอีกแล้วยังมีใครที่เฝ้ารอข้าอีก”เยียนฉือยิ้ม“ไม่มีใครในใจเลยหรือขอรับนอกจากฮองเฮา”ต้าเหนิงยืนกำเสื้อคลุมในมือไว้แน่น เมื่อนอนไม่หลับเดอนออกมาพบฉินเกอหลงกับเยีายนฉือนุ่งข้างกองไฟน้ำค้างกำลังลงเสียงดังเปาะแปะ เคียงข้างคนรู้ใจไม่นอนก็ได้ในค่ำคืนนี้“อี้เหมยไม่ใช่คนในใจถึงจะบอกว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่อาจมีแค่อี้เหมยที่คิดแบบนั้นตัวข้าเองกลับไม่รู้สึกว่านางคือคนในใจ”ต้าเหนิงยิ้มเดินมาเอาเสื้อคลุมห่มไหล่กว้างให้กับฉินเกอหลง ที่หันมองหน้าสบตาต้าเหนิง“เจ้ากำลังจะทำอะไร”“เอ้า ก็เห็นว่าอากาศหนาวอุตส่ากลัวหนาวไม่รับก็ได้น้าาาาก็รู้
ก้าวเดินจากไปฉินเกอหลงโยนท่อนฟืนใส่ในกองไฟสองสามท่อน ฟืนข้างๆกองไฟก็หมดลง เขาถอนหายใจยาว ก่อนที่ทหารยามที่ยืนอารักขาจะหอบฟืนอีกหนึ่งหอบมาวางตรงหน้าฉินเกอหลง“ฝ่าบาทเติมไฟอีกพ่ะย่ะค่ะอากาศเย็นมากแล้ว”ฉินเกอหลงถอนหายใจลุกขึ้นยืนก้าวเดินจากไป ต้าเหนิงที่หลบที่มุมมืดเองก้ถอนหายใจยาวกระโจมของหานจงเยี่ยนฉืหยุดยืนมองหานจงที่นอนบนแท่นนอนหลับไหล เยี่ยนฉือค่อยๆสอดกายเข้าไปในผ้าห่มแขนอุ่นกอดรอบเอวของหานจงหลวมๆซุกใบหน้าที่ซอกคอ“นอนด้วยคน ข้างนอกอากาศหนาว”“อะ ทะท่านอย่าทำแบบนี้”เยี่ยนฉือยิ้ม“คำห้ามที่อย่าทำเด็ดขาดคือคำว่าห้าม..แต่คำว่าอย่านี่ตีความหมายได้แค่ว่าไม่ควรทำแต่จะทำก็ทำได้ เช่นนั้นข้าจขะทำและอยากทำจึงทำได้”“ทำแบบนี้หากใครมาพบเข้า”หน้าแดงแจ๋ด้วยความอาย”“หือ ใครจะมาพบก่อนนั้นเมื่อก่อนเราสองคอนก็นอนร่วมแท่นนอนตั้งแต่จำความได้ ทำไมวันนี้ถึงได้เอามาพูดว่าหากใครมาพบเข้าหรือว่าก่อนนั้นใจหานจงยังไม่เตลิดเหมือนตอนนี้พอมาถึงตอนนี้จึงเห็นว่ามันไม่ควรเพราะคิดไปไกลเสียกว่าเมื่อก่อนนั้น”“คิดอะไร”พูดอ้อมแอ้ม”“ก็คิดว่า”เยี่ยนฉือพลิกร่างเล้กมาเผชิญหน้าสบตานิ่งก่อนจะค่อยๆกดริมฝีปากลงบนปากอุ่นของ
เชียวกงเล่อรีบถอยออกมาทว่าอี้เหมยก็เห็นว่าเชียวกงเล่อใกล้ชิดกับต้าเหนิงที่รีบเอาผ้าห่มคลุมหัวหูจนอี้เหมยมองไม่ออกว่าเป็นใคร “หือ อ๋อสามีภรรยาดูแลกันยามป่วยไข้ข้ามาผิดเวลาใช่ไหม”“สุ่ยจือถวายพระพรฮองเฮา”เปลี่ยนชื่อเป็นสุยจือเสีย“หืมมมเจ้านี่ข้ามองแล้ว เหมือนข้าเคยพบเจ้ามี่ไหนหรือไม่หรือว่าแค่คุ้นตาเปิดผ้าห่มออกให้ข้ามองหน้าเจ้าชัดๆ”เชียวกงเลฃ่อจับมีดสั้นที่ข้างเอวไว้แน่น“นางบาดเจ็บและยังเป็นโรคติดต่อร้ายแรงอาจติดต่อไปยังผู้อื่นเช่นนั้นข้าน้อยเยี่ยนฉือจึงให้นางใช้ผ้าปิดบังใบหน้าและลมหายใจไว้เสีย”อี้เหมยถอยหลังในทันทีเมื่อเยี่ยนฉือพูดแบบนั้น“นางกำนัลเอาผ้ามาคลุมหน้าข้า”“แค่ป้องกันได้ระดับหนึี่ทาที่ดีฮองเฮาก้ไม่ควรมาที่นี่ข้าน้อยและท่านเชียวกับน้องสาวท่านเเชียวพี่สามคนเท่านั้นที่แวะเวียนพวกเราล้วนยังไม่แสดงอาการแต่เราก็ใกล้ชิดแม่นางสุยจืออยู่ก่อนแล้วจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพบนางฮองเฮาช่างน้ำใจล้นเหลือไม่กลัวว่าจะติดโรค”อี้เหมยถอยออกไปจนชิดประตู“เช่นนั้นขาไปก่อนดีกว่า ฝ่าบาทคงรอข้าแล้ว”รีบก้าวเดินจากไป ต้าเหนิงซ่อนยิ้ม“ทำไมยังไม่ให้ข้าพบนาง”เชียวกงเล่อก้มหน้าถอนหายใจยาว“แผนการของเราบา
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ต้องแต่งแล้วหรือคะ ตายแล้วต้ายังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เลยเรื่องนี้ ไวไปไหมคะ”จะมีกี่คนกันศัตรูจะมากมากกว่าสินะฮ่าาาาคุณปทุมส่ายหน้าระอาใจ“สมัยนี้เขาก็แต่งกันสายฟ้าแลบแบบนี้แหละ ใครๆเขาก็ทำกัน”“เขาแน่ใจหรือคะ ว่าเขาอยากจะแต่งหนูหน้าก็ยังไม่เคยเป็นกันสักครั้ง” นัดสองครั้งต้าเหนิงก็แกล้งไปไม่ตรง เวลาจนผู้ชายคนนั้นไม่รอใครจะรอเล่าไปสายสองชั่วโมงแต่มาบอกกับคุณปทุมว่า เป็นฝ่ายชายที่ไม่มาให้ต้าเหนิงรอเก้อถึงอย่างนั้นแม่กับพ่อก็ยังไปตกลงให้ต้าเหนิงแต่งกับเขาอีก“อย่างไงก็ต้องแต่ป๊าแกตกลงกับ พ่อกับแม่เขาไว้แล้ว”“แม่ ผู้ชายคนนั้นไม่มาดูตัวต้าเลยนะแม่คิดว่าเขารักลูกแม่จริงหรือ….” คุณ ปทุมถอนหายใจ“ป๊าแกอะ ตอนนี้ยังอยู่กับก๊วนเพื่อนตีกอล์ฟอยู่เมืองจีน เขาบอกว่าผู้ชายเขาเตรียมขันหมากมาแล้วเราแค่จัดสถานที่ไว้รอ เขาไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของผู้ชายตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต้าก็แค่ยอมแต่งไปเขามีกิจการใหญ่โต กำลังขยายกิจการมาลงทุนในไทย แล้วต้าอะนะปีนี้26แล้วอยู่นานไปไม่ดีนะคนจีนเขาว่ายิ่งแต่งไวยิ่งสบายไปข้างหน้า แม่จ้างออแกไนท์ไว้แล้วเราแค่จัดสถานที่พรุ่งนี้ขันหมากก็มา”ต้าเหนิงขมวดคิ้วทำมต้องเป็นฝ่ายหญิงที
ภัตตาคารแห่งหนึ่งต้าเหนิงหอบกระเป๋าวิ่งเข้าไปข้างในเลยเวลานัดอีกแล้วจูหรานนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งคอยมองผู้หญิงที่ใส่เดสสีขาวสะอาดนั่นก็คือต้าเหนิง“สวยไม่เบา” พูดขึ้นเบาๆกวนหยงหลุบตามองโต๊ะอาหาร สวยสิสวยจนเขาตกตะลึงสวยกว่าจูหรานไม่น้อยเขานิยมผู้หญิงสวยหวานเวลานอนร่วมเตียงยามที่กำลังนัวเนียกัน จะหวานขนาดไหน แต่พูดไปเสียอีกทาง“นัดบ่ายสี่โมง มาหกโมงเย็น ใครจะรอ”“คุณอย่างไรเล่า คุณสือกวนหยงที่นั่งรออยู่ที่นี่แต่ไม่ไปพบ”“การนัดหมายของเราสองคนสิ้นสุดแล้วเขาไม่มาตอนสี่โมงก้เท่ากับไม่มาถ้าผมแสดงตัวว่ารอเขาตั้งสองชั่วโมงเขาก็จะหัวเราะเยาะหาว่าผมอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่นสินะ”จูหรานยิ้มบางๆ“ผู้หญิงคนนี้เขาจะสำนึกไหมว่าตัวเองมาสายเลยทำให้ไม่เจอคุณ คุณไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ”“ความจริงผมก็อยากจะพบเขานะแต่ จะลองนัดไปดูอีกครั้งว่าจะมาสายอีกไหม” จูหรานอมยิ้ม“สวยไหม”“ไม่เท่าไหร่” ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชะโงกแต่รีบหันหลังไม่ให้ต้าเหนิงเห็นเพราะต้าเหนิงที่เดินจ้ำกลับมาทางเดิมพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับคุณปทุม“ไม่เจอค่ะคุณแม่คนอะไรให้ต้ามารอตั้งนานต้าไม่รอแล้วนะคะกลับบ้านดีกว่าค่ะเสียเวลา” กวนหยงยิ้มมุมปาก
“เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ เลยครับ”“ผมเคยไปดูตัวมาแล้วผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นโสดจนตาย” หนุ่มคนหนึ่งพูดนินทาให้หนุ่มคนหนึ่งฟังเรื่องต้าเหนิง“เราพบผู้หญิงคนเดียวกันใช่ไหม”“นั่นใช่นางเลยแหละต้าเหนิงคนนั้นคนที่ ปากจัดเหลี่ยมเยอะ” ต้าเหนิงที่นั่งหันหลังอยู่อีกฝั่งของชายหนุ่มทั้งสองยิ้มมุมปากคุณปทุมส่ายหน้าไปมา“แย่จริง พรุ่งนี้แม่นักคนดูตัวให้อีกคนจากประเทศจีนอีกแล้ว”“ใครคะ”“ญาติห่างๆๆๆๆ กับเรา เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองหล่อรวยและโปรไฟล์ดี”“ก็แบบนี้ทุกคน แต่คนนี้ไม่เชิงว่าดูตัวแม่กับพ่อลงความเห็นกันแล้วเราแค่อยากให้พวกลุกได้พบกันความจริงเราทาบทามและหาฤกษ์ดีไว้แล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้ว ใช้ตะเกียบในมือพันเส้นหมี่ฮกเกี้ยนในจาน“มัดมือชกเลยหรือ”“กินข้าวกันสองสามครั้งแล้วแต่งเลยพรุ่งพบกันที่ร้านเดิมที่แม่เคยนัดหนุ่มๆ ไว้ให้ต้านั่นแหละลูก” ต้าเหนิงถอนหายใจเฉิงตู“ยังโสดครับท่าน ชื่อว่าคุณต้าเหนิงโสดสนิท มีคนมาดูตัวแต่ก็ไม่เคยตกลงกับใคร” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาทางพามาที่นี่ได้หรือยัง” หานจงถอนหายใจ (หานจงก็มา) “ยังไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยครับผมไม่รู้จะจัดการอย่างไร ถ้าเป็นที่นี่ใครๆ
ต้าเหนิง เดินทอดน่องอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า“กริ้งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรีบเอาแนบหู“สวัสดีค่ะ” ปลายสายพูดเบาๆ“ใครคะรู้จักเราด้วยหรือคะ”“ไม่รู้จักแค่จะโทรมาด่า อินังสารเลวอิชั่วแย่งผัวชาวบ้านอิหน้าด้าน อิ กระ…” ต้าเหนิงสตั้นแป็บ“นี่มาได้กันแบบนี้เลยหรือฉันไปทำอะไรให้คุณ”“ผัวฉันพูดถึงเธอทุกวัน คอยดูนะแม่จะบุกไปตบให้” ต้าเหนิงถอนหายใจ“ฉันแค่ขายบ้านผัวเธอชื่ออะไรฉันจะได้ไม่ต้องขายบ้านให้เคสนี้ขอผ่าน” เสียงปลายสายบ่นงึมงำ“คุณ กำธร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“ขอบคุณ รอรับผลกรรมได้เลย” วางสายพร้อมกับยิ้มหยันยี่สิบนาทีต่อมา“เห็นไหมฉันอยู่กับใคร” ต้าเหนิงนอนบนเตียงด้วยชุดนอนบางเบา แกว่งเนกไทในมือไปมาวีดีโอคอลให้สาวคู่กรณีเมื่อครู่ได้เห็น“แกๆๆ นางต้าเหนิงแกเอาผัวฉันไปกกหรือ”“ฮะๆๆๆ ฮ่า ฉันไม่ได้กกเขา แต่เขากกฉันจริงไหมคะคุณกำธร อย่าลืมโอนเงินค่ามักจำบ้านด้วยนะคะเพิ่มอีก6แสน สำหรับเรื่องบนเตียงในวันนี้ของเรา ฮ่าาาา” หันไปทางด้านหลังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังกำลังโดนกระทุ้งด้วยอะไรบางอย่างอยู่ที่บั้นท้าย ปลายสายหน้าถอดสี“กรี๊ดดดดดดดฉันจะฆ่าแก แกนังต้าเหนิงฉันจะฆ่าแก” ต้าเหนิงกดวางสาย ยิ้มมุมปากเ
วิหารเทียมฟ้า“ไทฮองไทเฮาเพคะ มีคนผู้หนึ่งอยากจะไทฮองไทเฮาเพคะ”ร่างท้วมหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักองค์พระประติมาที่แกะสลักจากหยกขาวสูงตระหง่านในวิหารเทียมฟ้า“เชิญเขาเข้ามาได้” ร่างสูงสวมหมวกปิดบังใบหน้า หนวดสีเทายาวลงมาที่กลางอกเดินเข้ามายืนตรงหน้าไทฮองไทเฮาที่หน้าถอดสี“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ตายหรอกหรือ” เอ่อถูหวังชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ“ซีโหยว ท่านยังความทรงจำเกี่ยวกับข้าอีกหรือ”“ความทรงจำมากมายด้วยเรื่องของเราสามคน” ไทฮองไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ“ฮะฮะฮ่าาาา ข้ามาดีไม่ได้มาทวงความแค้นอะไรกับท่านหรอกแค่อยากจะบอกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้”“เรื่องคนของตระกูลเอ่ออย่างนั้นหรือ ไท่ซางหวงพยายามตลอดมาที่จะให้คนในตระกูลเอ่ออยู่สบายแต่พอสิ้นไท่ซางหวง” ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงจะบอกว่าพยายามก็ไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครได้ ตอนนี้จึงได้ภาวนาให้นางรอดพ้นวิกฤติ” หมายถึงอะไรยังมีเหลือคนของตระกูลเอ่ออยู่อีกหรือไร”“ท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรือ ข้าไม่อาจห้ามปรามนางได้นางเข้าวังไปอาศัยบารมีของไทเฮา นางช่างเดียงสานักไม่รู้หรือไรว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่ เดิมข้าคิดแค่เพียงว่านางเข้าไปเพื่อพบ…ฉินเกอห