“พี่กร ทำไมมานอนตรงนี้คะ”นีรนาราที่เพิ่งเดินเข้าห้องมารีบเข้าไปดูวิกรที่นอนอยู่ด้วยความเป็นห่วง เกือบสองอาทิตย์ที่ไม่ได้มีเวลาคุยกันส่วนตัวเลย เพราะวิกรวุ่นอยู่กับงานของพ่อตัวเองแล้วนีรนาราเองก็ต้องคอยดูแลงานที่บริษัทแทนให้จนยุ่งทั้งคู่ วิกรไม่ได้กลับมาที่ห้องเกือบสองอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ“ไปไหนมาครับ”วิกรลืมตาขึ้นมามองคนที่นั่งลงไม่ไกลก่อนจะยันตัวขึ้นมานั่งแล้วตบที่ว่างข้างๆให้นีรนาราขยับเข้าไปใกล้ๆ“ออกไปส่งน้องมาค่ะ น้องกลับไปบ้านแล้วพี่กรมานานแล้วเหรอคะ”“ไม่นานครับ”วิกรตอบพลางเอนตัวลงพิงไหล่เล็กแล้วหลับตาลง นีรนาราเอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่ดูอ่อนล้าของวิกรก่อนจะบ่นออกมาเพราะวันนี้เธอไม่ได้เตรียมของทำมื้อเย็นไว้เลย “แล้วทำไมไม่โทรบอกคะว่าจะมา จะได้เตรียมมื้อเย็นไว้ให้”“ไม่อยากรบกวนนีน ช่วงนี้ทำงานแทนพี่เยอะเลยเหนื่อยมั้ยครับ”“ไม่เลยค่ะ นีนทำได้สบายมาก พี่กรนั่นแหละเหนื่อยมากมั้ยคะได้นอนบ้างรึเปล่า ไม่ค่อยได้กินข้าวด้วยใช่มั้ยคะ”นีรนาราถามและแอบบ่นไปในทีเมื่อเห็นท่าทางอ่อนล้าของคนพี่ รู้ว่าสภาพจิตใจคงไม่ได้ดีขึ้นเร็วขนาดนั้นแต่อย่างน้อยก็ไม่อยากให้อีกคนละเลยตัวเองจนป่วยเหมือนกัน“เ
“บอสคะ”“ครับ”“มีคนติดต่อมาขอเข้าพบค่ะ”นีรนารารีบรายงานทันทีที่วิกรกดรับสายจากในห้อง วิกรที่นึกไม่ออกว่าวันนี้ตัวเองมีใครนัดตอนไหนก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยแล้วถามกลับ“ใครครับ ลูกค้าใหม่เหรอ”“ไม่ใช่ค่ะ เธอบอกว่าเป็นเพื่อนเก่าบอสชื่อคุณไออุ่นค่ะ”“งั้นบอกไปว่าช่วงนี้พี่ไม่มีวันว่างเลย แล้วก็กำลังจะเข้าประชุมไม่มีเวลาแล้วครับ”“ได้ค่ะ”นีรนารารับคำสั่งนั้นแม้ในใจจะสงสัยมากๆก็ตาม เพราะปกติบอสของเธอไม่เคยปฏิเสธแขกที่ขอเข้าพบสักคน“ถ้าเค้าติดต่อมาอีกก็บอกเหมือนเดิมนะครับ”วิกรสั่งย้ำอีกครั้งเพราะรู้ว่าอริสาคงไม่หยุดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแน่ๆ“ได้ค่ะบอส”“แล้วก็เอากาแฟเข้ามาให้พร้อมของหวานด้วยนะครับ”“บอสคะ…”นีรนาราเรียกอีกคนเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อได้ยินคำขอที่มาพร้อมความหมายแฝงนั่น “นะครับ”“...ก็ได้ค่ะ”พอได้ยินเสียงอ้อนจากอีกคนนีรนาราก็ใจอ่อนเหมือนทุกทีจนได้ แค่ส่งกาแฟกลายเป็นช่วงเวลาตักตวงของหวานของบอสเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน ของหวานที่ว่าก็คือตัวเธอที่จะโดนเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆจนกว่าอีกคนจะพอใจแล้วปล่อยออกมานั่นแหละ—------------------------“บอสคะ”“ว่าไงครับนีน”“ม
“มีอะไร”อริสาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนักยามรับสายจากอดีตสามีที่โทรมาหา ด้วยยังคงโมโหจากเรื่องที่เพิ่งเจอมาเป็นทุนเดิมด้วยแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่“กับผัวเก่าทำเป็นเสียงแข็งเลยนะไออุ่น เวลาไปหาไอ้กรนี่ทำเสียงแบบไหนเหรอ หรือว่าไม่ได้พูดแต่ครางแทน”“ธันวา! หยุดพูดอะไรน่าเกลียดนะ”อริสาตวาดออกมาเสียงดังจนแม่บ้านที่เดินผ่านไปมาสะดุ้งกันเป็นแถว ร่างบางฟึดฟัดด้วยความโมโหแล้วหาที่นั่งลงพลางโบกมือหาน้ำเย็นๆจากเหล่าแม่บ้านที่แอบมองอยู่ห่างๆทันที“รับไม่ได้เหรอ ลืมไปว่าไออุ่นเป็นคนอ่อนหวานเรียบร้อยนี่เนอะ ไม่เคยทำอะไรน่าเกลียดเลยนอกจากเห็นแก่ตัว”“จะโทรมากวนประสาทเฉยๆใช่มั้ยจะได้วาง”“เอ้า รีบวางทำไมยังไม่เข้าประเด็นเลยนะ ไม่อยากรู้เหรอว่าโทรมาทำไม”“งั้นก็รีบพูดมา”อริสาเร่งรัดเพราะไม่อยากเสียเวลากับคนที่เธอแสนเกลียดมากไปกว่านี้ ตลอดหลายปีที่ทนมาก็อยากอาเจียนทุกวันจะแย่“ได้ข่าวว่าไปหาไอ้กรมานี่ ทำไมอยากกลับไปซบมันจนตัวสั่นเลยสินะ”“นั่นก็เรื่องของเรา ที่จริงธันก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเราไม่เคยเลิกรักกร”“ไออุ่น! มันจะมากไปแล้วนะ”ธันวาตวาดกลับมาด้วยความโมโหเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากอดีตภรรยา คนท
“กรอยู่มั้ยคะ”เสียงจากหน้าโต๊ะเรียกสายตาของนีรนาราที่กำลังเตรียมงานเพื่อเข้าประชุมกับบอสเงยขึ้นมาดู ชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเป็นอริสาที่หายไปเกือบสองอาทิตย์ตั้งแต่วันนั้น สายตาที่มองสบต่างจากวันแรกที่ได้เจอกัน เพราะวันนี้รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบนีรนาราอย่างชัดเจน“ค่ะ แต่ว่าอีกเดี๋ยวจะมีประชุมแล้วค่ะ”“งั้นช่วยบอกให้ทีว่าไออุ่นแค่เอาของมาให้ ขอเวลาไม่นานค่ะ”อริสายกมือที่ถือของขึ้นมาให้ดูเพื่อยืนยันว่าเธอเอาของมาให้จริงๆ นีรนาราพยักหน้าตอบรับอย่างช่วยไม่ได้“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ”“ครับนีน”เสียงของวิกรดังขึ้นเมื่อเธอต่อสายเข้าไปไม่นาน เธอมองอริสาที่ยืนจ้องอยู่ด้วยความอึดอัดก่อนจะรีบรายงานทันที“คือ คุณไออุ่นขอพบค่ะเธอมีของมาให้บอส”“ฝากไว้ที่นีนก็ได้นะครับ ฝากขอบคุณไออุ่นด้วย”“เอ่อ…บอสคะแต่ว่า”นีรนารากำลังจะแย้งเพราะไม่อยากรับมือกับคนคนนี้ แต่วิกรกลับตัดบททันทีราวกับรู้ว่านีรนาราจะปฏิเสธ“พี่ติดสายลูกค้าต่างชาติอยู่ครับ นีนจัดการให้พี่หน่อยนะ”“ได้ค่ะ”นีรนารารับคำสั่งอย่างจำยอมก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วหันมารายงานกับอริสาที่ยืนมองอยู่“คุณไออุ่นคะพอดีตอนนี้บอสไม่สะดวกค่ะ ติดคุยงานอย
“มันเป็นอะไรวะ ทำไมมาเมาที่ห้องมึงได้”พีรวิชญ์ถามอัคคีที่นั่งมองวิกรกระดกแก้วเหล้าเข้าปากราวกับคนกระหายด้วยสายตาเอือมระอา ตัวเองที่เพิ่งมาถึงไม่เข้าใจในสถานการณ์เท่าไหร่นักว่าเพื่อนตามให้มาทำไมดึกๆดื่นๆแบบนี้“อกหัก”“ห้ะ! ไอกรเนี่ยนะอกหัก กูฟังอะไรผิดไปป้ะ”“ไปถามเอาเองขี้เกียจพูด”“เออ พูดแล้วดอกพิกุลจะร่วงเนอะไอ้ห่านี่”พีรวิชญ์ประชดประชันกลับทันทีที่ถูกอัคคีเมินใส่ วิกรที่เริ่มจะมึนๆหันมาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเหนื่อย“มึงมีงานวันนี้ไม่ใช่เหรอพีนัท ไม่เหนื่อยเหรอวะจะมาหากูทำไม”“มึงห่วงตัวเองก่อนเถอะ สภาพนะ”“กูไม่ได้เป็นไรหรอก แค่เมานิดหน่อย”วิกรบอกเสียงอ้อแอ้จนพีรวิชญ์กรอกตาใส่อย่างรำคาญ จะเมานิดเมาหน่อยก็คือเมาไม่ใช่รึไง แล้วอาการที่เห็นก็คือเป็นอะไรชัดๆยังมีหน้ามาบอกไม่เป็นไรอีก“กูรู้แล้วว่ามึงเมาอ่ะ แต่ที่ไอ้คีบอกมึงอกหักเนี่ยคืออะไรวะ”“หึ ก็อกหักไงมันเข้าใจยากตรงไหนวะ”วิกรตอบพลางพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเทเหล้าเพิ่มอีกจนพีรวิชญ์ต้องรีบห้ามไว้ เพราะขืนปล่อยให้เมากว่านี้ไม่น่าจะได้คุยกันแน่“ใจเย็น มึงจะจัดคนเดียวหมดขวดเลยรึไงไอ้บ้านี่”“กูแม่งโคตรโง่ หล
“กรอยู่มั้ยคะ”“อยู่ค่ะ เดี๋ยวแจ้งให้นะคะ”นีรนาราเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับสายตาที่อริสามองเธอก็ตาม “ครับคุณนีน”วิกรกดรับสายในเวลาไม่นาน สรรพนามที่กลับไปเป็นเหมือนเดิมกับน้ำเสียงราบเรียบที่ได้ยินนีรนาราเองก็ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตอนไหน ถึงจะอยากถามก็ทำได้แค่ปล่อยผ่านไปเหมือนเดิม“คุณไออุ่นมาพบค่ะบอส”“ให้เข้ามาได้ครับ”“ค่ะ”“เชิญได้เลยค่ะคุณไออุ่น”นีรนารารายงานคนที่ยืนจ้องอยู่อย่างกดดัน แม้จะแปลกใจที่บอสเธอยอมให้เข้าพบง่ายต่างจากที่เคยแต่ก็ทำได้เพียงมองตามร่างระหงที่เข้าไปด้วยอาการดีใจเท่านั้น สถานะตอนนี้คงไม่มีสิทธิ์ไปถามอะไรนอกจากเรื่องงาน ตั้งแต่คืนนั้นท่าทางของวิกรก็ดูแปลกไป มันห่างเหินและมีกำแพงบางอย่างที่เธอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันเหมือนจะดีมากๆอยู่แล้วแต่ตอนนี้ที่วิกรกลับมาอยู่ด้วยกันกลับดูยิ่งห่างไกลกว่าเดิมจนเธอไม่กล้าพูดอะไรอีกเลยแทนที่จะได้ใช้เวลาด้วยกันก็กลายเป็นว่าวิกรยุ่งจนแทบไม่ได้เจอนอกจากที่ทำงาน กลับไปก็ต่างคนต่างนอนแยกห้องเพราะวิกรมีธุระกับเพื่อนทุกวัน แถมตอนเช้าก็ออกไปไวจนเธอไม่เคยได้เจอ ความอึดอัดที่มีสะสมทุกวันๆ
“ค่ะแม่”นีรนารารับสายจากแม่ที่โทรมาตอนดึก น้ำเสียงจากปลายสายดูเกรงใจเพราะกลัวจะรบกวนเวลานอนของลูกเข้า“นีน คุยได้ใช่มั้ยลูก”“ได้ค่ะแม่นีนยังไม่ได้นอนเลย”“พักผ่อนเยอะๆนะลูก นอนน้อยแบบนี้ทุกวันจะไม่สบายเอานะ”นีรนาทอดจะบ่นไม่ได้เพราะเป็นห่วงที่ลูกพักผ่อนน้อย ความห่างไกลก็ทำให้ห่วงมากพออยู่แล้วยิ่งรู้ว่าลูกลำบากคนเป็นแม่จะสบายใจได้ยังไง“ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะนีนสบายมากๆเลย”“ไม่ต้องทำเสียงใสเลย แม่รู้นะว่าหนูเหนื่อยทุกวันน่ะ ไม่ต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นก็ได้ลูก”“ไม่เป็นไรเลยค่ะแม่ นีนขอเวลาทำงานที่ชอบเก็บประสบการณ์อีกหน่อยยังไงก็กลับไปช่วยอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นพ่อคงไม่โกรธนีนแล้วใช่มั้ยคะ”“เค้าไม่ได้โกรธอะไรหรอก ก็แค่ไม่ถูกใจที่สั่งไม่ได้นั่นแหละ อย่าไปสนใจเลยอยากทำอะไรก็ทำเถอะเกิดมาแค่ครั้งเดียวนะ ถ้าไม่มีใครอยากมาบริหารต่อเดี๋ยวขายให้บ้านเจ้าเหนือมันไปก็ได้ยังไงเหนือเค้าก็ดูแลเต็มตัวอยู่แล้ว”“โธ่แม่ อย่าพูดแบบนั้นสิคะแม่กับพ่อลำบากมาทั้งชีวิตสร้างขึ้นมานีนจะปล่อยให้เป็นของคนอื่นได้ยังไง รอน้องเรียนจบอีกคนเราก็ไปอยู่ช่วยกันได้แล้วค่ะ”นีรนารารีบอธิบายเมื่อเห็นว่าแม่กำลังคิดว่าเธอจะทำในส
“พี่ชายสุดหล่อครับ”“โทรมาขออะไรอีกเจ้าแสบ”วิกรรีบดักคอน้องชายที่ต่อสายทางไกลมาหาทันที ทำเอาปลายสายหัวเราะลั่นที่พี่ชายรู้ทันก่อนจะแก้ตัวออกมา“ได้โปรดอย่ามองผมเป็นคนแย่แบบนั้นครับพี่ ผมแค่คิดถึง”“งั้นเสื้อที่แชร์มาให้ดูก็แค่แชร์เฉยๆเนอะ”“อันนั้นแชร์ไปให้โอนครับพี่ชาย”“ไปเล่นตลกมั้ย”“ผมตลกได้แต่ไม่ตลอดครับพี่ เพราะปกติผมถนัดหล่ออย่างเดียว”“อือ แล้วแต่แกเลยกันต์”วิกรตัดบทอย่างเอือมๆกรอกตาให้กับความขี้เล่นของน้องชาย แต่หากน้องมาเห็นว่าตัวเองยิ้มกว้างอยู่แบบนี้คงได้ล้อเลียนกันอีกแน่ๆ“โอ้โห แห้งมาก ผมหล่อน้อยกว่าพี่ก็ได้ครับ”“โคตรไร้สาระเลยจริงๆ แล้วกชกับคุณย่าล่ะ”“ไปเดินเล่นริมแม่น้ำเหมือนเดิมครับ”“คุณย่า…ท่านโอเคดีใช่มั้ย”วิกรถามด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นแผ่วลงเมื่อนึกถึงความรู้สึกของคนเป็นย่าที่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว“ครับ ไม่ต้องห่วงพวกเราเลยพี่ ทางนี้สบายมากเราคุยกันทุกวันไม่มีเหงา พี่กับแม่เถอะเป็นไงบ้างครับ ผมโทรไปทีไรแม่ก็บอกว่าสบายดีตลอดเลยแต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ”“ก็ดีแหละ แต่ไว้ใจให้อยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆพี่เลยไปอยู่ด้วยก่อน”วิกรบอกตามตรง ตอนแรกก็ยอมออกมา
“ไม่ไปยุโรปกันแน่นะคะลูก”วิภาดาถามย้ำอีกครั้งแม้ลูกจะยืนยันว่าจะเปลี่ยนที่เที่ยวก็ตาม วันครบรอบแต่งงานที่เคยวางแผนกันไว้ว่าจะไปแถวๆยุโรปกลายเป็นต้องเปลี่ยนแผนใหม่เพราะว่านีรนาราท้องขึ้นมาซะก่อน “ไม่ไปครับ ผมกลัวนีนจะลำบากถ้าเดินทางไกลมากเราเลยตกลงจะไปแค่ที่ภูเก็ตครับ”“นั่นสิเนอะกำลังท้องอยู่ด้วย แต่ก็ดีแล้วค่ะไม่ไกลมากแม่ก็ไม่ห่วงเสียดายที่ไปด้วยไม่ได้เพราะแม่ติดไปงานเลี้ยง ยังไงก็ดูแลน้องดีๆนะลูก มีอะไรให้รีบติดต่อแม่เลยนะคะ”วิภาดาสั่งอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่นีรนาราท้องเธอก็คอยดูแลตลอดเวลาไม่ต่างจากวิกรเพราะกลัวจะเกิดอันตรายแม้จะมีคนคอยช่วยดูแลตั้งมากมายก็ตาม“ครับผม ไม่ต้องห่วงนะครับ”“งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้จะได้ออกเช้าๆ”วิภาดาพยักหน้าให้ก่อนจะบอกให้ลูกไปพักเพราะเห็นว่าดึกแล้ว “ครับคุณแม่”—----------------------“ไหวมั้ยครับ”วิกรถามนีรนาราพลางประคองร่างบางด้วยความเป็นห่วง จนนีรนาราที่รู้สึกว่าได้รับการดูแลมากไปต้องยืนยันออกมาให้วิกรสบายใจอีกที“สบายมากค่ะพี่กร นีนไม่เป็นไรเลย”“ค่อยๆเดินนะครับ รถที่โรงแรมมารอเราแล้วเดินไปอีกนิดเดียว”“ค่ะ”“พักก่อนมั้ยครับ”“ไม่
“ไม่ไปโรงพยาบาลแน่นะครับ”วิกรถามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลายวันมานี้นีรนารามีอาการป่วยบ่อยๆจนวันนี้ถึงกับลุกไปทำงานไม่ไหว แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลอยู่ดี“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่เวียนหัวนิดหน่อยนอนพักไม่นานก็หาย”“ตามใจครับ แต่ว่าถ้าไม่โอเครีบโทรหาพี่เลยนะครับรู้มั้ย”“รู้แล้วค่า พี่กรไม่ต้องห่วงหรอกนีนอยู่ได้คนในบ้านเยอะแยะลืมแล้วเหรอคะ พี่กรนั่นแหละนีนไม่ไปด้วยไหวแน่นะคะ”นีรนาราถามกลับด้วยสีหน้าไม่วางใจ เพราะช่วงนี้งานที่บริษัทเยอะมากๆจนแทบไม่มีเวลาพัก หากไม่มีเธอช่วยอีกคนเกรงว่าวิกรจะทำงานหนักเกินไป“ไหวสิครับ ทำงานแค่นี้พี่สบายมากคุณคิมเค้าเก่งขึ้นเยอะแล้ว”วิกรยืนยันก่อนจะเอ่ยถึงผู้ช่วยเลขาคนใหม่ที่รับเข้ามาได้สักพักเพื่อช่วยนีรนาราทำงานอีกแรง “‘งั้นก็ไปทำงานได้แล้วค่ะเดี๋ยวสาย”“โอเคครับที่รัก”—------------------------“แกแน่ใจนะนีนว่าจะทำแบบนี้อ่ะ ไม่กลัวคุณกรเค้าน้อยใจเหรอวะ”เปรมาถามด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนวางแผนจะทำอยู่ตอนนี้ แถมเธอยังกลายมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดโดยไม่ตั้งใจอีกต่างหาก “อือ พี่กรไม่ใช่คนคิดมากแบบนั้นสักหน่อย”“คิดแทนเค้าละหนึ่ง เอาดีๆนะเ
“หนาวมั้ยครับ”วิกรหันมาถามภรรยาที่เดินข้างๆด้วยความเป็นห่วง ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ญี่ปุ่นนั้นอากาศหนาวมากๆ มือหนาเอื้อมไปกระชับผ้าพันคอให้นีรนาราอีกครั้งแล้วจับมือเล็กมากุมไว้เหมือนเดิม“นิดหน่อยค่ะ พี่กรล่ะคะ”“เหมือนกันครับ แต่ว่าอากาศดีมากเลยไม่ได้เดินสูดอากาศแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ”วิกรบอกพลางยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี มองไปรอบๆที่มีผู้คนมากมายออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลอย่างคึกคักก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยได้สัมผัสกับงานอะไรแบบนี้ ถึงจะเคยไปเที่ยวกับครอบคัวก็ไม่เคยไปเดินเล่นเพราะขี้เกียจจนเอาแต่นอนซะมากกว่า“ก็พี่กรเอาแต่ทำงานไม่ยอมหยุดเลยนี่คะ นีนคิดว่าหยุดยาวนี้จะไม่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วซะอีก”“ต้องได้มาสิครับ พี่วางแผนไว้แล้วนี่นา”“แต่ความจริงก็ไม่ถึงกับต้องมาหลายวันก็ได้นะคะ เกรงใจคุณอัคคีเค้ามากเลย”นีรนาราอดจะพูดถึงคนที่มาดูแลบริษัทแทนวิกรไม่ได้ เมื่อวิกรขอหยุดยาวแล้วเรียกให้หุ้นส่วนน้อยนิดอย่างอัคคีเข้ามารับภาระไปเต็มๆจนอัคคีโวยวายอยู่นาน“ไม่ต้องไปเกรงใจมันหรอกครับ ยังไงนั่นก็งานมันเหมือนกัน อีกอย่างคนอย่างมันก็ไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้วนอกจากอยู่บ้าน”“จริงเ
“ดูอะไรคะ”นีรนาราถามพลางเดินเข้าไปใกล้วิกรที่ดูอะไรบางอย่างในมือถืออยู่ ร่างสูงหันมายิ้มให้เจ้าสาวคนสวยก่อนจะยื่นมือถือให้ดู“ไออุ่นน่ะครับ เค้าส่งข้อความมายินดีแล้วก็ขอโทษที่เคยทำให้ลำบาก”“เค้าสบายดีใช่มั้ยคะ”นีรนาราถามหลังกวาดตาอ่านเพียงคร่าวๆแล้วส่งคืนให้เจ้าของ วิกรพยักหน้าแล้วเล่าถึงอดีตคนรักที่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ต่างประเทศเพื่อรักษาจิตใจตัวเอง“ครับ เค้าย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วบอกว่าจะเปิดร้านขนมที่นั่นด้วย”“ถ้าเค้ามีความสุขได้จริงๆก็ดีนะคะ เค้าน่าสงสารมากๆเลย”นีรนาราบอกด้วยความเห็นใจเพราะรู้ว่าอริสาต้องต่อสู้กับการรักษาโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่ด้วย ไหนจะครอบครัวที่กดดันอยู่ตลอด ไหนจะต้องตัดใจจากความรักที่ฝังแน่นในใจมานานอีก เป็นใครก็คงทรมานไม่ต่างกัน“ไม่โกรธเค้าเหรอครับ”“ถามเหมือนไม่รู้จักนีนเลยนะคะ”“ล้อเล่นครับ พี่รู้ว่านีนไม่คิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”วิกรยิ้มออกมาก่อนจะจับมือนีรนารามากดจูบลงที่หลังมือขาวอย่างเอาใจ ถึงจะไม่ได้รู้ใจทุกอย่างแต่ก็มั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองรู้จักว่าที่ภรรยาดีที่สุดกว่าใครทั้งนั้น นีรนาราที่ดูเหมือนเฉยชากับทุกอย่างแต่ในใจกลับอ่อนโยนและเห็นใจคนอื่นอยู่เ
ช่วงเวลายามดึกบนยอดดอยในช่วงเดือนธันวาคมนั้นอากาศค่อนข้างเย็นพอสมควร ยิ่งมีสายลมที่พัดผ่านไปเป็นระยะๆก็ยิ่งสร้างความหนาวให้กับนักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสอากาศแบบนี้ไม่น้อย ไม่ต่างจากนีรนารากับวิกรที่พากันมาชมดาวบนดอยแห่งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะตกลงกันว่าจะมาก่อนกำหนดแต่งงานเพื่อพากันมาดูดาวที่นี่ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะมากๆทั้งคู่เลยเลือกบ้านพักแทนตั้งเต้นท์เพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะมาถึงตรงนี้ได้”จู่ๆวิกรที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไปจนนีรนาราที่กำลังมองดาวเพลินๆงง ร่างบางที่เอนตัวพิงอกแกร่งผละตัวออกมาก่อนจะมองหน้าวิกรแล้วถามด้วยความสงสัย“หมายถึงอะไรคะ”“ก็พอมองย้อนกลับไปแล้ว เรารู้จักกันทำงานด้วยกันมาตั้งนานไม่เคยนึกถึงภาพอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง ทำไมเราถึงไม่ได้ชอบกันตั้งแต่แรกเจอนะว่ามั้ย”“มันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรักแรกพบนี่คะ อีกอย่างต่อให้เราเป็นแบบนั้นจริงก็ไม่แน่ว่าจะคบกันจนมาถึงวันนี้ได้นี่นา”นีรนาราตอบตามที่คิด ความรักเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับเธอเสมอไม่ว่าจะในสถานะไหน จะแอบรัก รักแรกพบ หรือรักที่มั่นคงตั้งแต่เด็กจนถึงว
“นักธุรกิจที่มีบริษัทใหญ่โตอย่างคุณคงมองว่าที่นี่เล็กไปเลยสินะ”ประดิพัทธ์ถามพลางขำออกมาเบาๆ ในน้ำเสียงไร้ความประชดเพียงแต่พูดตามความเป็นจริงเพราะรู้ดีว่าวิกรนั้นบริหารธุรกิจที่ใหญ่มากขนาดไหน หากเป็นก่อนหน้าจะได้รู้จักกันคงมีแต่อคติเท่านั้น แต่พอได้ฟังเรื่องราวหลายๆอย่างจากวิภาดาคนเป็นแม่มาแล้ว จากที่ไม่ชอบใจก็กลายเป็นชื่นชมแต่ก็ไม่คิดแสดงออกมาให้เห็นง่ายๆวิกรมองใบหน้าคนที่เรียกมาคุยส่วนตัวในยามเย็นแบบนี้ ก่อนจะพยักหน้าและตอบออกมาตามความเป็นจริง“ถ้าถามขนาดก็ใช่ครับ แต่ถ้ามองในมุมนักธุรกิจผมว่ามันสามารถขยายไปได้ไม่ต่างจากของผมเลย”“หึ แค่พูดก็ฟังดูเหมือนจะทำได้นั่นแหละนะ แต่เอาเข้าจริงคุณก็รู้ว่ามันจะโตขนาดนั้นได้ก็ต้องใช้ทั้งเงินทั้งเวลาอีกไม่รู้เท่าไหร่”“ก็จริงครับ แต่ถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับผมยินดี”วิกรบอกด้วยความจริงใจ ตั้งแต่มาถึงนี่ก็สังเกตและเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เห็นผ่านตาตามนิสัยนักธุรกิจ รู้ดีว่าการพัฒนาที่นี่ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรอย่างที่พ่อของนีรนาราว่า “ไม่รบกวนคุณหรอก ยังไงพวกเราก็แค่ทำเท่าที่ตัวเองยังสบายๆกันอยู่ไม่ได้หวังให้มันเติบโ
“คุณแม่จะไปไหนนะครับ”วิกรถามด้วยความตกใจเมื่อคนเป็นแม่โทรมาบอกว่าจะไปต่างจังหวัดสักพัก แต่ต่างจังหวัดที่ว่าคือบ้านของนีรนาราทำเอาตกใจจนต้องถามย้ำอีกครั้ง“ตกใจอะไรขนาดนั้นล่ะคะลูก แม่จะไปบ้านหนูนีนค่ะ”“ไม่ได้นะครับ ผมบอกแล้วไงว่าเค้ายังไม่ยอมรับที่ผมกับนีนคบกัน”วิกรรีบห้ามไว้ทันทีเมื่อแม่ตอบชัดเจน ที่บอกว่าอยากให้แม่ช่วยก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ไปถึงบ้านขนาดนี้ซักหน่อย“แม่รู้แล้วค่ะไม่ต้องย้ำ แต่แม่มีวิธีของแม่ก็แล้วกันน่าไม่ต้องห่วงหรอก”“แต่คุณแม่ครับ มันจะไม่แย่ลงใช่มั้ย”วิกรถามด้วยความกังวล กลัวว่าแม่จะไปรุกเกินจนอีกฝ่ายยิ่งไม่พอใจมากขึ้นอีก แต่วิภาดากลับถามย้อนลูกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทันที“เชื่อใจแม่มั้ยคะ”“เชื่อสิครับ แต่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องจะไปคุยกันง่ายๆซะหน่อยคุณแม่ก็รู้ ไว้ผมหาวิธีเองดีกว่าครับ”วิกรตอบแบ่งรับแบ่งสู้ยังไม่อยากเสี่ยงอะไรมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าต้องรับมือกับพ่อของนีรนาราแบบไหนเพราะไม่เคยได้เจอหรือรู้จักมาก่อน แต่หากได้รู้จักตัวตนอีกนิดคงหาทางรับมือได้ไม่ยาก แต่คำตอบนั้นกลับสร้างความไม่พอใจให้คนเป็นแม่จนโวยวายออกมาอีกรอบ“โอ้ย แม่รอไม่ไหวแล้วค่ะเอาเป็
“มากันไวจังวะ”วิกรยิ้มทักทายเพื่อนสองคนที่นั่งรออยู่ในห้องเดิมที่เคยนัดกันมาดื่มประจำ ก่อนจะได้สายตาเหยียดๆมาจากทั้งพีรวิชญ์และอัคคีราวกับไปทำอะไรไม่ดีมาจนต้องหุบยิ้มทันที“ไม่มีใครไวทั้งนั้นมึงแค่มาเลยเวลานัดเองอย่าเนียน”“แหม่ แกล้งๆทำเหมือนดีใจที่เจอกูบ้างก็ได้เนอะ”วาิกรเบ้ปากใส่ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเพื่อนๆ “ทำไมกูต้องทำ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”อัคคีว่าพลางมองวิกรแรงกว่าเดิมอย่างไม่คิดถนอมน้ำใจสักนิด หากเป็นคนอื่นมาเห็นคงคิดว่าเป็นศัตรูกันไม่น่าใช่เพื่อนสนิทแน่ๆ“อือ กูก็ไม่น่าเล่นแต่แรกเลย ไงพีนัทช่วงนี้ร้องเพลงจนเสียงแหบเลยเหรอมึงอ่ะ”“ก็นะ คนมันฮ็อตมากกูก็เหนื่อยเหมือนกัน”พีรวิชญ์ยืดอกรับคำชมอย่างไม่คิดจะถ่อมตัวสักนิดจนวิกรส่ายหัวให้กับความมั่นอกมั่นใจเกินเหตุของเพื่อน“พอกูจะชมก็เป็นแบบนี้แหละมึงอ่ะ มั่นหน้า”“ก็มีให้มั่นอ่ะค้าบ มึงเถอะได้ข่าวว่าโดนสกัดขาตั้งแต่นอกสนามเลยเหรอวะ”พีรวิชญ์ยักคิ้วกวนๆใส่เพื่อนก่อนจะถามกลับเชิงหยอก รู้ว่าวันนี้วิกรเรียกมารวมตัวเพราะอยากปรึกษาเรื่องที่บ้านของนีรนาราไม่ยอมรับการคบกันของทั้งคู่ เลยต้องทำหน้าที่เพื่อนที่ดีตัดกำลังใจกันหน่อย“กูไม่ได้ไปเ
“ค่ะพี่เหนือ”นีรนารารับสายจากขุนเขาด้วยความแปลกใจ เพราะปกติอีกฝ่ายแทบไม่เคยโทรมาหาหากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ขนาดจะแชทคุยกันก็ยังนานๆครั้งเลยด้วยซ้ำ พอเป็นแบบนี้ใจคอก็ไม่ค่อยดีขึ้นมาเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับที่บ้านเธอ‘นีน คือพี่มีเรื่องอยากคุยด้วยตอนนี้สะดวกมั้ยครับ’“ได้ค่ะ พอมีเวลานิดนึงพี่เหนือมีอะไรเหรอคะ”นีรนารามองนาฬิกาที่ยังเหลือเวลาจากช่วงพักอยู่นิดหน่อยก่อนจะตั้งใจฟัง แต่ขุนเขากลับทิ้งช่วงไปสักพักก่อนจะพูดอึกอักจนนีรนาราพลอยลุ้นไปด้วย‘คือ พี่เผลอหลุดปากเรื่องที่นีนมีแฟนกับลุงพัทไปอ่ะครับ แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจนะก็ลุงเค้ามาถามเรื่องแต่งงานพี่เลยอธิบายไปแต่พูดละเอียดเกินไปหน่อย พี่ขอโทษนะครับ…’ขุนเขาที่ตั้งใจจะโทรมาขอโทษอธิบายเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด กลัวเหลือเกินว่านีรนาราจะเข้าใจผิดหลังจากคุยกับพ่อของนีรนาราเสร็จก็รีบโทรมาบอกทันที“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เหนือ ยังไงวันนึงพ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว นีนเองก็ตั้งใจจะบอกเร็วๆนี้เหมือนกันค่ะ”นีรนารายิ้มออกมาได้เมื่อไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอย่างที่กลัว แต่จะว่าไม่กังวลก็ไม่ใช่เพราะรู้ดีว่าพ่อต้องโทรมาคุยภายในวันนี้แน่ๆ ไอ้ที่ว่าตั้งใจจะบอกก็ไม่