“ขอร้องเถอะ เลิกคิดเรื่องใต้สะดือสักที อดอยากมากนักหรือไง” เธอมองหน้าชายหนุ่มพร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ“ใช่ ผมอดอยากมาก เพราะต้องดูแลคุณไง” เขาเดินไปนั่งบนโซฟานุ่มแล้วไขว้ขาพร้อมกอดอกจ้องหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงเขม็ง“ถ้าลำบากใจ ก็ไม่ต้อง เพราะฉันดูแลตัวเองได้” เธอเชิดหน้ามองเขาอย่างมั่นใจ“ผมอยากดูแลลูกต่างหากเล่า”ชายหนุ่มรีบอธิบายเมื่อเขาพูดถึงลูกเธอก็เข้าใจในทันที แล้วเอ่ยปากถามเรื่องที่เธอค่อนข้างจะกังวลใจ“แล้ว..คุยกับคุณแม่เรื่องนี้หรือยัง”“ยัง ตอนนี้ท่านอยู่ต่างประเทศ กลับมาเดือนหน้า ผมจึงคิดว่าจะคุยตอนท่านกลับมา”“ฉันย้ายเข้าไปตอนที่ท่านไม่อยู่ จะไม่มีปัญหาใช่มั้ย” น้ำเสียงของเธอดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด“อย่ากังวลไปเลย”“ถ้างั้นพรุ่งนี้หลังออกจากโรงพยาบาล ฉันจะไปจัดการเรื่องลาออกให้เสร็จ” เธอคิดแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้จริงๆ“ก็ดีเหมือนกัน” เขาเห็นด้วยเพราะจะได้จัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่ผู้เป็นมารดาจะกลับมา“ต่อไปนี้ฉันไม่ได้ทำงานแล้ว คุณเลี้ยงฉันกับลูกไหวรึเปล่า”“คุณก็อย่ากินให้มากสิ”หมอหนุ่มแสร้งพูดหยอกคนตรงหน้า“…”“ผมล้อเล่น สบายอยู่แล้วน่า” เขาเห็นสีหน้าของเ
หลังจากมิลินออกจากโรงพยาบาล เธอแวะไปทำเรื่องลาออกจากงานรวมถึงได้จดทะเบียนสมรสกับทิวากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มพาเธอมาที่บ้านสองชั้นหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นของเขา ชวนเธอเดินดูบ้านครู่หนึ่งแล้วพาไปทำความรู้จักกับแม่บ้านเผื่อเวลาหญิงสาวต้องการอะไร ซึ่งแม่บ้านจะอยู่แค่กลางวันเท่านั้นไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นี่บ้านหลังนี้มีขนาดสามห้องนอนใหญ่และหนึ่งห้องนั่งเล่น มีห้องฟิตเนสอยู่ชั้นสองที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำด้านล่างได้ชายหนุ่มย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ได้สามปี ที่ตัดสินใจเลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลมากกว่าบ้านหลังเก่า ซึ่งบ้านหลังนั้นคุณแม่ของเขาตัดสินใจขายไปแล้ว เนื่องจากท่านเองก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน มักจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนๆ เสียส่วนใหญ่ อยู่บ้านท่านจะรู้สึกเหงา เพราะหน้าที่การงานของลูกชายที่แทบไม่ค่อยมีเวลาได้พูดคุยกันทางด้านมิลินหลังจากจัดของเข้าที่เข้าทางเสร็จเรียบร้อย เธอเดินออกมาเล่นในสวนเล็กๆ ข้างบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็นแล้ว บรรยากาศค่อนข้างดี สวนแห่งนี้มีดอกไม้หลากหลายชนิดมิลินที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนขาสั้น สวมรองเท้าแตะสบายๆ เดินมานั่งบน
ชายหนุ่มผู้กำลังนอนกอดหญิงสาวจากด้านหลังอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีเทาผืนหนาสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมนุ่มผสานกับกลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเข้าปอดอย่างแรงราวกับคนที่กำลังหื่นกระหาย“อีกแล้วนะ” เธอตำหนิเขาเบาๆ หลังรู้สึกตัวจากการกระทำของคนที่สวมกอดเธออยู่“ขอได้มั้ย น่านะ” ชายหนุ่มพูดอ้อนวอนน้ำเสียงกระเส่า เมื่อความอดทนที่เขาพยายามมาตลอดได้หมดลงแล้ว“แต่..อื้อ!” หญิงสาวพลิกตัวนอนหงายเพื่อจะคุยกับเขา แต่กลับถูกชายหนุ่มตะปบริมฝีปากบางอย่างรวดเร็วพร้อมกับครอบครองมันอย่างกับเขาเป็นเจ้าของริมฝีปากนี้ ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวกันเป็นพัลวัน เขารู้สึกถึงความนุ่มละมุนหอมหวานราวกับขนมมาชเมลโล่ที่แสนจะน่าชิมโดยไม่รู้สึกเบื่อ สัมผัสสุดแสนจะอ่อนโยนในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงสลับกันยิ่งกระตุ้นความต้องการในกายของคนทั้งสองได้เป็นอย่างดีคนใต้ร่างที่คิดอยากจะปฏิเสธเขาในตอนแรก ขณะนี้กลับกลายเป็นให้ความร่วมมือเขาเช่นเดียวกัน‘ร่างกายที่ถูกกระตุ้น ย่อมไม่สามารถอดทนได้นาน’ หญิงสาวจูบตอบเขาด้วยสัมผัสที่ร้อนแรงไม่ต่างกัน พร้อมกับใช้มือเล็กลูบไล้แผ่นหลังของเขาไปมา สมองของเธอเริ่มพร่าเบลอไปทุกทีรวมถึงร่างกายที่มีความต้องก
เขาวางเธอลงเตียงแล้วจับขาเธอแยกออกพร้อมจ่อแกนกายที่ขึงขังไปที่ช่องรักสีชมพูหวานของเธอแล้วดันมันเข้าไปอย่างเบาแรง“อื้อ อึก”หลังจากแกนกายเข้าไปจนมิด ชายหนุ่มโน้มตัวลงกอดเธอแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้ว่าตอนนี้เขาเองจะทรมานจากการตอดรัดและคับแน่นจากภายในของเธอก็ตาม“เจ็บมากมั้ย”เธอส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มจางให้เขา“ผมจะอ่อนโยนกับคุณนะ”สิ้นคำพูด เอวหนาเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างรู้งาน จังหวะเนิบนาบ ทว่าบดเน้นทุกการเข้าออกทำให้คนใต้ร่างถึงกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดเสียงครางที่หลุดออกมาจากปากไม่ขาดสายชายหนุ่มประกบริมฝีปากบางแล้วมอบสัมผัสสุดแสนจะดูดดื่มอีกครั้งเพื่อเพิ่มความวาบหวามให้เธอมีอารมณ์ร่วมมากกว่าเดิม ความคับแน่นและแรงตอดรัดภายจากในยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้าเขาจับเรียวขายาวของเธอข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบ่า มือใหญ่ไม่ปล่อยว่างกอบกุมเต้าอวบอิ่มแล้วเคล้นมันอย่างมันมือจนคนที่นอนเม้มปากสะกดกลั้นอยู่ในตอนแรกต้องเปล่งเสียงหวานออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“อ้าส์ อ้ะ” สีหน้าของเธอเหยเก ราวกับกำลังทรมานและมีความสุขไปในเวลาเดียวกันชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเกิดสันนูน ระง
“ตื่นได้แล้วคุณ เที่ยงแล้ว” เสียงทุ้มปลุกหญิงสาวที่หลับใหลอย่างสบายกายอยู่บนเตียงพร้อมใช้มือแตะไหล่เธอเบาๆ“อื้อ” เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างนึกรำคาญใจแล้วนอนนิ่งดังเดิม“ไม่ตื่นใช่มั้ย ได้..” ทิวากรนั่งลงบนเตียงนุ่มก้มหน้าใช้ริมฝีปากแตะปากคนที่นอนอยู่เบาๆ เพื่อเป็นการปลุกในแบบฉบับของเขามิลินเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นรินรดบริเวณจมูกและสัมผัสนิ่มที่ปากของเธอหลังจากเห็นว่าหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนตามเดิมเธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นไปถึงศอกกับกางเกงยีนขายาวสีเข้ม ทรงผมปล่อยเป็นธรรมชาติน่ามอง“ไปอาบน้ำ จะได้ไปซื้อของกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ยังง่วงอยู่เลย” หญิงสาวยกมือเล็กขึ้นปิดปากแล้วหาวออกมาจนน้ำตาเล็ด“ขี้เซาจริงๆ” เขาบ่นอุบ ส่ายหน้าอย่างไม่จริงจังนัก“ก็ใครกันล่ะที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้” กว่าเธอจะได้นอนก็สูญเสียพลังงานไปมากมายมหาศาล“เมื่อคืน ผมก็เหนื่อยเหมือนกันนะ”รอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลานั่นทันทีหลังจากพูดจบมิลินหันหน้าหนีแล้วมองไปทางอื่นด้วยหัวใจสั่นระรัว ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเมื่อ
ทั้งสองกลับมาถึงบ้านเป็นเวลาเกือบเย็น ชายหนุ่มรีบจัดแจงเก็บของที่ซื้อมาเข้าที่เข้าทางแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวเป็นเสื้อยืดกีฬาสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ โดยไม่ลืมที่จะหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวติดมือมาด้วยหญิงสาวที่นั่งจัดของหน้าโต๊ะเครื่องแป้งหันไปมองเขาแล้วถามขึ้น"จะไปวิ่งเหรอ"“ใช่ ไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆ นี้เอง”“ไปด้วยสิ” เธอลุกขึ้นยืนส่งสายตาอ้อนวอน“ไม่เหนื่อยหรือไง วันนี้ก็เดินไปหลายชั่วโมงแล้ว” เขาถามด้วยความเป็นห่วงและอยากให้เธอพักผ่อนอยู่บ้านมากกว่า“ยังมีแรงเหลือ ฉันอยากไปเดินออกกำลังกายด้วย นะๆ” เธอกะพริบตาปริบๆส่งให้เขา เนื่องจากเธอไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ”หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เธอฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วเดินเข้าไปหาชุดออกกำลังกายที่เคยซื้อไว้ ไม่นานหญิงสาวก็เดินออกมาพร้อมสปอร์ตบราสีเทากับกางเกงวิ่งขาสั้นสีดำ“โป๊ไปหน่อยนะ” ทิวากรพูดด้วยน้ำไม่ค่อยชอบใจ แล้วไล่สายตามองเรือนร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า‘นมแทบจะทะลักล้นออกมาจากบราตัวนั้นแล้ว กางเกงก็สั้นเสียเหลือเกินนะ แม่คุณ’ เขาคิดในใจอย่างหัวเสีย“มันก็เป็นชุดออกกำลังกายปกตินี่” เธอมองหน้าเขาอย
ร่างบางนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนานหลายนาที ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับลงทั้งๆ ที่วันนี้เธอรู้สึกเพลียมากก็ตาม อาจจะเป็นเพราะแสงไฟสว่างจ้าที่เธอเปิดไว้ในห้องทำให้นอนไม่หลับก็อาจจะเป็นไปได้ อันที่จริงเธอไม่ใช่คนกลัวอะไรง่ายๆ แต่บ้านหลังนี้มันใหญ่เกินไปในความรู้สึกของเธอ แม้ว่าจะมีเพื่อนบ้านอยู่หลังข้างๆ แต่บรรยากาศรอบๆ ในเวลากลางคืนดูเงียบสงัดจนน่ากลัวก่อนหน้านี้หญิงสาวโทรศัพท์คุยกับเพื่อนสาวอย่างกอหญ้าเป็นเวลานานหลายนาที จนเวลาเกือบสี่ทุ่ม มิลินจึงวางสายจากเพื่อนเพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนที่แสนจะน้อยนิดของกอหญ้า และคิดว่าควรรีบทำตัวให้ชินกับการอยู่ที่นี่คนเดียวเพราะอาชีพที่ทิวากรทำเป็นยังไง เธอรู้ดีมิลิน นอนมองเพดานพร้อมกับคิดอะไรเพลินๆ กระทั่งได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างกาย คนที่เธอนึกถึงในแวบแรกคือทิวากร แต่เมื่อหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมันกลับเป็นเบอร์ที่เธอไม่คุ้นเคย หญิงสาวนอนมองมันด้วยความลังเลใจว่าจะรับหรือไม่ เพราะเธอมักจะไม่รับสายเบอร์แปลก จนหน้าจอดับลง ไม่นานเบอร์นั้นก็โทรเข้ามาอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจกดรับ“สวัสดีค่ะ”(ลิน นี่ผมเองนะ) เสียงที่สุดแสนจะคุ
คนถูกถามรู้สึกตกใจไม่น้อยกับเสียงตะคอกของชายหนุ่มที่กำลังลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ สายตาของเขามีแววโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด มิลินลอบกลืนน้ำลายหนืดลงคอแล้วเปล่งเสียงกระท่อนกระแท่นออกมา“ไปธุระไง ฉันส่งข้อความไปบอกคุณแล้วนี่”“ธุระอะไรเวลานี้ หืม?” เขายังคงถามเธอด้วยน้ำเสียงเดือดดาล แม้จะพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม“คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ” เสียงหวานพยายามบอกคนตรงหน้าให้ลดอารมณ์เกรี้ยวกราดลงเพื่อจะได้อธิบายให้ฟังในเรื่องที่เกิดขึ้น“ผมถามว่าไปธุระอะไรเวลานี้ หรือไปหาใครมา” เขาจ้องเขม็งไปที่ดวงตากลมโตของหญิงสาว ที่กำลังจ้องเขาอย่างไม่หลบสายตาเช่นเดียวกัน“ฉันไปหาวายุมา” เธอตอบเขาไปตามตรง“คุณกล้ามากนะ มิลิน” ชายหนุ่มขบกรามเข้าหากันแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน“คุณฟังฉันก่อนได้มั้ย” เธอมองหน้าเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ฟังอะไร คำอธิบายหรือแก้ตัว” เขาแค่นหัวเราะออกมาหลังจากพูดจบแล้วหันหน้าไปทางอื่นทั้งสองยืนเงียบใส่กันครู่หนึ่ง กระทั่งมิลินใช้สองมือประคองใบหน้าของชายหนุ่มให้กลับมาสบตากับเธออีกครั้ง แม้สายตาของเขาจะยังคงมองไปทางอื่น แต่อารมณ์เดือดดาลในตอนแรกดูเหมือ
หนึ่งปีต่อมา...“จ๊ะเอ๋!”ลูกพีชยกมือขึ้นปิดตาตัวเองแล้วแยกออกในเวลาต่อมาเป็นการเล่นซ่อนแอบกับหนูน้อยวัยหนึ่งขวบที่กำลังนั่งหัวเราะชอบใจอยู่สักพักแล้ว“เอิ๊กๆ เอิ๊กๆ”หลังจากหนูน้อยลูกพลัมหัวเราะจนหมดพลังงานก็เริ่มเบะปากทำสีหน้างอแงเพราะหิวนม ลูกพีชเห็นอาการของน้องชายก็รีบลุกขึ้นไปหยิบขวดนมที่วางอยู่ไม่ไกลมา พร้อมกับให้น้องนอนลงแล้วถือขวดนมป้อนลูกพลัมอยู่อย่างนั้น แม้ว่าความเป็นจริงน้องชายของเธอจะถือขวดนมได้แล้วก็ตาม แต่ลูกพีชชอบป้อนนมให้เองมากกว่ามิลินเดินออกมาจากห้องครัว หลังจากเข้าไปต้มน้ำร้อนไว้ชงนมให้ลูกเสร็จ โดยฝากลูกพีชช่วยดูแลน้องให้สักครู่ ทว่าเมื่อเดินออกมาก็ต้องยิ้มแป้นกับภาพที่เห็น ลูกสาวกำลังถือขวดนมป้อนน้อง ใบหน้าจิ้มลิ้มส่งรอยยิ้มหวานให้ลูกพลัมตลอดเวลาเด็กตัวน้อยดูดนมอย่างรวดเร็วด้วยความหิวโหย มองใบหน้าพี่สาวตาใสแจ๋วอย่างไร้เดียงสา“ป้อนนมให้น้องเหรอคะลูก”“ค่ะ น้องหิวนม”“ให้น้องถือเองก็ได้นะคะ ลูกพีชจะได้ไม่เมื่อย”“ลูกพีชยังไม่เมื่อยค่ะ อยากถือให้น้อง”หญิงสาวนั่งลงบนเบาะข้างลูกทั้งสองแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง ลูกพลัมที่ดูดนมจนอิ่มหนำสำราญแล้วลุกขึ้นนั่งพร้อมกับปรบมือแ
คิก คิก~ หนูน้อยลูกพีชหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ขณะกำลังวิ่งไล่จับฟองสบู่กลมๆ ที่มารดายิงออกมาจากปืนเป่าฟองมิลินกับลูกพีชเข้ามานั่งบริเวณสวนหลังบ้านในช่วงบ่ายคล้อยของวัน เธอมักจะหากิจกรรมให้ลูกน้อยทำในช่วงวันหยุด อย่างวันนี้หลังจากลูกพีช วาดภาพระบายสีสร้างสรรค์ผลงานตามประสาเสร็จ เธอก็จะให้ลูกสาวเล่นอย่างอิสระ“ของกินเล่นมาแล้วจ้ะ” ละอองดาวที่เข้าครัวไปเตรียมอาหารทานเล่นให้หลานสาวสุดที่รัก เดินออกมาพร้อมตะกร้าใส่อาหารแล้วหยุดยืนบริเวณเสื่อผืนใหญ่ที่มีลูกสะใภ้นั่งอยู่ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงตรงข้ามเธอหนูน้อยที่กำลังวิ่งอย่างสนุกสนานในตอนแรก เมื่อเห็นผู้เป็นย่าก็รีบเดินเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้างๆ พร้อมกับยกแก้วน้ำหวานของตัวเองขึ้นดื่มเข้าไปอึกใหญ่ด้วยความรู้สึกเหนื่อย แก้มป่องๆขึ้นสีแดงระเรื่อ“ค่อยๆ ดื่มค่ะ เดี๋ยวจะสำลัก” มิลิน บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วมองดูอยู่อย่างนั้นลูกพีชทำตามผู้เป็นมารดาอย่างว่าง่ายแล้ววางแก้วลงไว้ที่เดิม พร้อมกับหันไปฉีกยิ้มกว้างมองผู้ใหญ่สองคนตรงหน้า“ย่า ทอดเฟรนช์ฟรายส์มาให้จ้ะ” ละอองดาวเอ่ยบอกหลานด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุงค่า” หนูน้อยยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้ขอบคุณผู้เป็น
สองสามีภรรยาที่อยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ภายในห้องน้ำกำลังพูดคุยถึงเรื่องราวของลูกสาวตัวน้อย ร่างอวบอิ่มของผู้เป็นภรรยาแทรกตัวอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของสามีหนุ่ม พร้อมกับเอนแผ่นหลังพิงกับหน้าอกแกร่ง โดยมีเรียวแขนโอบกอดเธอไว้จากด้านหลังภายใต้น้ำอุ่นที่มีฟองสบู่นุ่มละมุนส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนรู้สึกผ่อนคลายมือใหญ่ลูบสัมผัสไปมาบริเวณหน้าท้องนูนของภรรยาสาว หูของเขายังคงตั้งใจฟังคำพูดที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ซึ่งเป็นคำพูดที่เขามักจะได้ยินเป็นประจำจนแทบจะจดจำได้ทุกคำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ หลุดลอดออกมาจากปากเขา เนื่องจากอยากให้หญิงสาวพูดให้จบก่อน“คุณนะชอบตามใจลูก จนแกเริ่มเคยตัวและคิดว่าถ้าอ้อนแบบนั้นแล้วจะได้ทุกอย่างที่อยากได้ เพราะยังไงคุณซื้อให้แทบจะทันที จนของเล่นบางอย่างที่ได้มาไม่ได้เล่นด้วยซ้ำ แล้วแกก็ขอของเล่นชิ้นใหม่อีกเรื่อยๆ คุณต้องปล่อยให้รู้จักรอเสียบ้าง ไม่ใช่พออยากได้อะไรก็ประเคนหาให้แทบทุกอย่าง”“ก็ผมชอบใจอ่อนนี่”“คุณก็ต้องใจแข็งให้เป็น ไม่อย่างนั้นลูกจะเคยตัว”“ถึงผมไม่ให้ คุณแม่ก็ซื้อให้อยู่ดี เพราะรายนั้นตามใจหลานหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น”“ฉ
(Flowers of love)ร้านดอกไม้สไตล์มินิมอลสีขาวสะอาดตัดกับสีของดอกไม้นานาพันธุ์ดูสวยสบายตา ร้านแห่งนี้เปิดมาได้เกือบสองปีและมักจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะตกหลุมรักหนูน้อยผู้มีเสียงเจื้อยแจ้วคนนี้“ฉวยค่า”แปะ แปะ!ริมฝีปากบางอมชมพูของหนูน้อยวัยเกือบสามขวบเอ่ยปากชมเปาะ พร้อมกับยกมืออวบขึ้นมาปรบมืออย่างชอบใจ เมื่อผู้เป็นมารดาปักก้านดอกกุหลาบสีแดงสดลงในแจกันเป็นดอกสุดท้ายหนูน้อยลูกพีช ในชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีขาวฟูฟ่อง ขับผิวอมชมพูให้ดูโดดเด่น ดวงตากลมโตมีแพขนตางอนสวย ปากนิดจมูกหน่อยดูน่ารัก ผมสีน้ำตาลเข้มถูกมัดขึ้นเป็นทรงโดนัทไว้กลางหัว เผยให้เห็นแก้มกลมๆ มีเลือดฝาด ที่ไม่ว่าใครเห็นก็อยากฝังจมูกลงบนแก้มสองข้างนั้นอย่างรู้สึกมันเขี้ยว ใบหน้าจิ้มลิ้มของหนูน้อยมีความคล้ายคลึงกับผู้เป็นมารดามากกว่า ทว่านิสัยกลับได้บิดามาเต็มๆร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลในชุดสีครีมตัวยาวซึ่งมีอายุครรภ์ห้าเดือนเศษกำลังนั่งช่วยกันจัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่บริเวณโซฟาภายในร้านกับลูกสาว เพื่อรอให้สามีหนุ่มอย่างทิวากรแวะมารับกลับบ้านพร้อมกันและอีกสักพักก็คงมาถึง เนื่องจากร้านของเธอไม่ไกลจากโรงพยาบา
สามเดือนต่อมา...“เป็นยังไงบ้างลูก” ละอองดาวหันไปถามลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ใบหน้าหวานเหยเกเล็กน้อย มือเล็กลูบไปมาบริเวณหน้าท้องกลมโตที่อีกไม่กี่วันก็จะมีอายุครรภ์ครบเก้าเดือนพอดี“มันปวดๆ หายๆ นะคะ” ร่างอวบอิ่มในชุดนอนกระโปรงสีขาวบอกกับแม่สามี ช่องท้องบีบกันเป็นระยะๆ จนรู้สึกเจ็บไม่น้อยวันนี้ละอองดาวเข้ามานอนเป็นเพื่อนลูกสะใภ้เพราะทิวากรต้องไปอยู่เวรที่โรงพยาบาล เธอกังวลว่าหญิงสาวอาจจะปวดท้องคลอดในช่วงเวลากลางคืนและช่วงนี้เธอท้องแก่มากแล้ว ถึงแม้กำหนดคลอดจริงๆ จะเป็นอีกสี่วันข้างหน้าก็ตาม แต่ระหว่างนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้จึงคอยเฝ้าดูอาการไม่ห่าง สองสามวันมานี้ หญิงสาวมักจะมีอาการปวดท้องเตือนหลายครั้ง แต่วันนี้กลับดูเหมือนว่าจะปวดถี่เป็นพิเศษจึงไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวน้อยอยากออกมาแล้วหรือเปล่าและคิดว่าจะรอดูอาการอีกสักพัก“ดีขึ้นแล้วค่ะ” มิลินพูดพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพ่นออกมาสุดแรง ละอองดาวที่คอยมาดูแลมองหน้าลูกสะใภ้อย่างให้กำลังใจ เธอรู้ดีว่าอาการพวกนี้ทรมานขนาดไหนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก สีหน้าของเธอ เริ่มแสดงความเจ็บปวดออกมาอีกครั้งพร้อมกับใช้มือเล็กกุมท้องไว้แน่น
ร่างเล็กที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านในช่วงสายของวัน มุ่งหน้าไปทางห้องครัวทันทีเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกะทิลอยมาเตะจมูก ครั้นพอไปถึงก็เห็นลูกสะใภ้ยืนอยู่หน้าเตาแก๊ส มือเล็กของเธอกำลังกดปุ่มปิดเตาพอดี ละอองดาวจึงเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“หนูลิน ทำอะไรอยู่ลูก”มิลินตรวจดูความเรียบร้อยตรงหน้าเสร็จก็หันไปมองแม่สามี แล้วเริ่มนำเสนอขนมหวานฝีมือเธอด้วยน้ำเสียงสดใส จนคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับยิ้มตามด้วยความเอ็นดู“ทำขนมบัวลอยค่ะ พี่ทิวบอกว่าคุณแม่ชอบทาน หนูเลยอยากลองทำให้ชิม รับรองว่าอร่อยและไม่หวานเกินไปค่ะ”“ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“ไม่ลำบากเลยค่ะ หนูอยากทำให้” หญิงสาวคิดว่าตัวเองว่างเกินไปจนรู้สึกไม่ค่อยดีและรู้มาจากทิวากรว่าผู้เป็นแม่ชอบรับประทานขนมบัวลอยมาก จึงอยากทำให้ท่านได้ชิม“ขอบใจจ้ะ โชคดีของเจ้าทิวกับแม่จริงๆ ที่ได้หนูลินมาอยู่ด้วย” รอยยิ้มกว้างฉายชัดบนใบหน้างาม สายตาบ่งบอกว่าคนที่พูดรู้สึกแบบนั้นจริงๆ“หนูก็โชคดีเหมือนกันค่ะ”มิลินเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะเจอกับความโชคดีแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาเธอมักจะพบกับการที่ต้องพยายามอย่างมากมายเพ
ร่างอวบอิ่มของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงในห้องตรวจรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย วันนี้เธอมีนัดอัลตราซาวด์เพื่อดูลูกน้อยในครรภ์วัยหกเดือนเศษ แววตาตื่นเต้นฉายชัดบนใบหน้าหวานที่มองไปยังจอภาพด้านหน้าอย่างตั้งใจข้างๆ มีคุณหมอหนุ่มซึ่งพ่วงตำแหน่งสามีและว่าที่คุณพ่อกำลังใช้เครื่องมือตรวจวนไปมาบริเวณหน้าท้องนูนเป็นเวลาหลายนาที คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันยุ่ง สีหน้าไม่ต่างจากเดือนก่อนเท่าใดนักเพราะเคยทำการตรวจแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากเจ้าตัวน้อยในท้องหนีบขาไว้ไม่ให้รู้เพศของเขา“ขี้อายแบบนี้ สงสัยจะเป็นผู้หญิง” มิลินเอ่ยขึ้นสายตายังคงจดจ่ออยู่กับจอภาพที่ปรากฏรูปร่างของลูกตัวน้อย“ที่แน่ๆ จมูกโด่งเชียว” คุณหมอหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม มือยังคงจับเครื่องตรวจวนไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะหวังว่าลูกจะยอมเปิดโอกาสให้พวกเขาได้รู้เสียที“ถ้าเขายังไม่อยากให้รู้ ก็คงต้องรอตอนคลอดแล้วละค่ะ” ว่าที่คุณแม่เอ่ยกับคนข้างกายที่ดูจะผิดหวังเล็กน้อย เธอเองก็อยากรู้ไม่ต่างกัน แต่ดูเหมือนว่าลูกตัวน้อยอาจจะอยากเซอร์ไพรส์พวกเขามากกว่า“งั้นขอฟังเสียงหัวใจหน่อยแล้วกัน”คุณหมอหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแล้วเลื่อนมือไปกดปุ่มเปิดเสียงจังหวะก
สองสามีภรรยาร่างกายเปล่าเปลือย ที่อยู่บริเวณเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีกระจกบานใหญ่สะท้อนร่างของทั้งสอง กำลังเจรจาเรื่องก่อนหน้าอย่างไม่จริงจังนัก คนตัวสูงยืนแทรกตัวอยู่ระหว่างเรียวขาทั้งสองข้างของหญิงสาวที่นั่งอยู่บนขอบเคาน์เตอร์อ่าง มือใหญ่ล็อกท้ายทอยให้เงยหน้าสบตาเขา ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่าย“ที่รัก จะหาผัวใหม่เหรอครับ”"แค่ล้อเองเองนะคะ อื้อ”หลังพูดจบ ทิวากรรีบตะปบริมฝีปากบาง สอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปกระหวัดเกี่ยวอย่างดูดดื่ม มิลินยกเรียวแขนโอบคอเขาแล้วตอบสนองสัมผัสนั้นอย่างไม่ยอมแพ้ ศึกที่สุดแสนจะวาบหวามนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายไหนถอนริมฝีปากออกก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้ไปหญิงสาวที่กำลังส่งสัมผัสสุดเร่าร้อนนึกอยากแกล้งสามีหนุ่ม รีบฉวยโอกาสใช้มือเล็กกอบกุมความเป็นชายของเขาที่กำลังพองตัวเต็มที่แล้วรูดมันสองสามครั้งพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือถูวนบนหัวหยักสีชมพูที่มีน้ำปริ่มออกมา จนชายหนุ่มที่กำลังจดจ่ออยู่กับรสสัมผัสอันดูดดื่มถึงกับต้องผละริมฝีปากออกมาครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่านอย่างทนไม่ไหว“อ่าส์ ซี๊ด แสบนักนะ”หญิงสาวเห็นฝีมือตัวเองก็เกิดความพึงพอใจพร้อมกับส่ง
เสร็จจากการรับประทานอาหาร ทิวากรปลีกตัวออกไปรับสายโทรศัพท์ด้านนอก มิลินจึงเดินไปนั่งในห้องนั่งเล่นเพื่อรอชายหนุ่มจะได้ขึ้นไปบนห้องพร้อมกัน เธอเดินเข้าไปก็เห็นแม่สามีกำลังนั่งแกะกล่องของแบรนด์เนมที่ซื้อมาจากต่างประเทศอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ หญิงสาวเดินไปหย่อนตัวลงบนโซฟาโดยรักษาระยะห่างกับละอองดาวพอสมควร“ตอนนี้ยังทำงานอยู่รึเปล่า” ละอองดาวเอ่ยถามเสียงเรียบ หลังจากเห็นลูกสะใภ้เดินเข้ามา“ไม่ได้ทำแล้วค่ะ” มิลินตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ เธอค่อนข้างที่จะเกร็งเล็กน้อยเมื่อต้องพูดคุยกับละอองดาว“แล้วคิดจะทำงานมั้ย” ใบหน้ายังคงง่วนอยู่กับกระเป๋าแบรนด์เนมที่พึ่งแกะออกมา หูก็รอฟังคำตอบ“รอให้คลอดก่อนค่ะ แล้วจะกลับไปทำงาน”“ไม่อยากเลี้ยงลูกเองเหรอ”“ก็อยากเลี้ยงเองนะคะ แต่หนูอยากช่วยแบ่งเบาภาระให้พี่ทิวด้วย” อย่างน้อยๆ หาเงินสองคนก็ย่อมดีกว่าหาอยู่คนเดียว เธอคิดแบบนั้น“ไม่อยากอยู่แบบสบายๆ เหรอ ถ้าอยากได้ทรัพย์สินของลูกชายฉัน เธอแค่เซ็นใบหย่าก็จบแล้ว” คำพูดของละอองดาวทำให้มิลินถึงกับชะงัก“หนูไม่ได้ต้องการทรัพย์สินเงินทองนะคะ” น้ำเสียงจริงจังเปล่งออกจากริมฝีปากบาง ละอองดา