ฟุบ~
ร่างบางถูกวางลงบนเตียงด้วยความเบามือ ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองยังคนบนเตียงแววตานิ่งยากจะคาดเดา เขาเอาแต่ยืนมองเธออยู่แบบนั้น นำทัพถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้ ทว่า... “เจ็บ~” น้ำเสียงแผ่วเล็ดลอดออกมาจากลำคอของคนที่กำลังหลับใหล เธอละเมองั้นเหรอ? “….” เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแต่กลับมีเสียงพูดแทรกออกมา จะบอกว่าแกล้งคงเป็นไปไม่ได้ ผมนอนกับเธอทุกคืนรู้ว่าเวลาหลับมิลินเป็นยังไง “มะ ไม่ทำ ลินกลัวแล้ว~ อย่าทำลินเลยนะ ฮึก!” ละเมอจริงด้วย เธอกลัวอะไร กลัวเขางั้นเหรอ “….” “ลินเจ็บ ลินยอมแล้ว..” ดวงตาคมยังคงจอจ้องไปที่หญิงสาว “….” “อยากไปหาแม่” ทว่าประโยคถัดมาของเธอทำเขาชะงักไปเล็กน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “น่าสมเพช” จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป คงคิดว่าเขาจะไปปลอบใจแล้วกล่อมให้นอนหลับต่อสินะ ฝันไปเถอะ เขาคงไม่เสียเวลากับผู้หญิงอย่างเธอหรอก “พรุ่งนี้นายจะเข้าคาสิโนไหมครับ” ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ไบค์ “ทำไม” ไม่มีงานอะไรมันจะให้ผมเข้าไปทำไม “มีพวกไม่ยอมใช้หนี้หลายคนเลยครับ” ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็พวกชอบชิ่งหนีหนี้สินะ มันอยากหนีให้มันหนีไป แต่ถ้าจับได้เมื่อไหร่คงจะรู้ว่าจุดจบพวกมันจะเป็นยังไง “เล่นกับพวกมันหน่อย” สงสัยต้องการเพื่อนเล่น “เป็นหรือตาย” “หึหึ” อย่างมากก็แค่เลี้ยงไม่โต “รับทราบครับ” “....” “แล้วเรื่องคุณมิลินล่ะครับ” ผมที่กำลังจะยกเหล้าเป็นต้องชะงักมือเมื่อมันถามถึงคนที่ผมเพิ่งพาขึ้นไปนอนบนห้อง “มิลินทำไม” ขยับสายตาไปที่มันอย่างช้า ๆ “ผมอยากให้นายเบามือกับเธอหน่อย ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ผมสงสารเธอ” สงสาร.. หึ~ “ที่พูดมา..ต้องการให้กูเบามือหรือเพราะมึงรักเธอกันแน่” “ผมเห็นคุณมิลินเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น” “ก็ดี มึงคงรู้ใช่ไหมว่ากูไม่ชอบพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคา ถ้ามันไม่รู้จักที่ตัวเองกูก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้ เข้าใจที่กูพูดใช่ไหม?” “เข้าใจครับ” “ไสหัวไปได้แล้ว” “ครับ” ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น ถ้าจะสงสารเธอสงสารเหยื่อไม่ดีกว่าเหรอ เธอจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่เขาตกเป็นเหยื่อต้องทุกข์ทรมานใจแค่ไหน ต่อให้สิ่งที่เธอเคยทำไม่ได้มาจากความเต็มใจก็ตาม สุดท้ายแล้วมิลินก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหลอกลวงอยู่ดี วันต่อมา ร่างบางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ดวงตาสองข้างค่อย ๆ ลืมขึ้นมอง ทันทีที่ดวงตาเปิดสนิทใบหน้าสวยก็ขยับมองไปยังที่ข้าง ๆ ตัวเองก่อนจะพบกับความว่างเปล่า เขาไปไหนกัน แล้วเหตุการณ์เมื่อคืนก็ฉายเข้ามาในหัวเธอ อยู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอต้องกลายเป็นคนหวาดระแวงไปโดยปริยาย เขาจะรู้ไหมว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เธอไม่อยากเจอหน้าเขาที่สุด อยากหนีไปจากตรงนี้ หนีไปจากปีศาจที่ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะอะไรเธอถึงหลุดพ้นไปจากตรงนี้ไม่ได้สักที เธออยากตะโกนออกไปดัง ๆ กับเรื่องราวในอดีตว่าเธอไม่ได้อยากทำมันเลยสักนิด เธอมีทางเลือกด้วยเหรอ หากไม่ทำคนที่ถูกขายก็จะเป็นเธอเอง ไม่ใช่ว่าไม่เคยปฏิเสธ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับคืนมาก็คือความรุนแรง เธอถูกพี่สาวตบตีรวมถึงถูกขังไม่ให้กินอะไร เคยคิดจบชีวิตตัวเองมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากมีลมหายใจอยู่อีกต่อไปแล้ว แกร๊ก! เสียงประตูดึงสติคนตัวเล็กให้รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า หญิงสาวลุกนั่งพร้อมกับเลื่อนสายตามองไปยังคนที่เปิดประตูเข้ามา คุณนำทัพ “นึกว่าจะนอนถึงพรุ่งนี้” คำขอโทษสักคำยังไม่มีหลุดออกจากปากเขาเลยสักครั้ง สิ่งที่เขาทำเมื่อคืนมันยังฝังอยู่ในหัว ทำไมเธอถึงรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้นัก “ลินขอโทษค่ะ” นอกจากคำว่าขอโทษก็ไม่มีคำอื่นที่เธอจะพูดกับเขาได้แล้ว ในเมื่อตอนนี้เธอหนีไม่ได้ก็ต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น แต่เธอก็เชื่อว่าสักวันเธอจะทำมันได้อย่างแน่นอน “เมื่อคืนสนุกไหม” ถามพลางเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาปลายเตียง “คุณใจร้ายลินมากเลยรู้ไหม” เขายังมีความเป็นคนอยู่ไหม ทั้งที่รู้ว่าเธอกลัวแต่เขาก็เลือกที่จะทำมัน เขาไม่แม้แต่จะสนใจเสียงร้องของเธอเลยต่างหาก “ทำไมถึงบอกว่าฉันใจร้ายล่ะ” “ให้เขาพาลินไปทำไม ฮึก!” “แค่เธอพูด..” “มะ ไม่หรอก ต่อให้ฉันพูดหรืออ้อนวอนคุณก็ไม่คิดที่จะสนใจมันอยู่แล้ว ต่อให้ฉันตะโกนเสียงดังแค่ไหนคุณก็ไม่เคยได้ยินเสียงร้องของฉันเลยสักครั้ง ฮึก~” “....” “เมื่อไหร่คุณจะปล่อยลินไปสักที ฮื่ออ” “อะไรกัน อยากไปจากฉันแล้วเหรอ” “จะทรมานลินไปถึงเมื่อไหร่” “อยู่กับฉันไม่มีความสุขเหรอมิลิน ฉันดูแลเธอดีไม่พอสินะ” “ลินอยากเรียน ฮึก~ อยากมีเพื่อน อยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นเขาบ้าง” วินาทีที่ครูซบอกว่าจะส่งเธอมาเรียนต่างประเทศ ตอนนั้นเธอดีใจมาก เธอขอบคุณเขาทั้งน้ำตา มันเหมือนว่าเธอกำลังจะได้พบกับโลกใบใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมีใครมอบให้ แต่แล้วทุกอย่างมันก็ต้องพังทลายลงไปจนหมดสิ้น มิลินต้องออกจากโรงเรียนกลางคันอีกครั้งเพราะคำนินทาและถูกกลั่นแกล้งจากคนทั้งโรงเรียน นั่นจึงทำให้เธอไม่สามารถไปสู้หน้าใครได้อีก สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องมาอยู่เป็นนางบำเรอให้กับเขาอยู่แบบนี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้เลย เธอต้องเจ็บปวดกับมันอีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่ทุกคนถึงจะเห็นใจเธอสักที สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือคำพูดเหล่านั้น เธอถูกคนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหลอกลวง รวมถึงฆ่าพี่สาวตัวเองทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เลย ทุกคนเอาแต่โทษเธอทั้งที่ไม่มีใครรู้ความจริง “ฉันก็ให้เธอเรียนแล้วนี่มิลิน” เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่หยุดเรียนไปดื้อ ๆ เขาเองก็ไม่เคยถามสาเหตุว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ไปเรียน ทั้งยังไม่ได้สั่งลูกน้องไปสืบดูด้วย ตอนนั้นคิดว่าแค่ว่ามันไม่ได้สำคัญกับชีวิตตัวเอง ทำไมเราต้องไปเสียเวลากับผู้หญิงที่เอาแต่เรียกร้องความสนใจจากคนรอบตัว “ใช่ คุณให้ฉันเรียน แต่คุณรู้อะไรไหม..ตลอดเส้นทางนั้นฉันต้องเจออะไรบ้างในแต่ละวัน..ฮึก! ฉันถูกเพื่อนแกล้ง ถูกเอาไปนินทา ถูกขังในห้องน้ำทั้งวันข้าวก็ไม่ได้กิน ถูกเอาของไปซ่อน คุณเคยรับรู้บ้างไหม กลับบ้านมาคำปลอบใจฉันยังไม่เคยได้รับเลย สิ่งที่ได้มีเพียงการกระทำอันแสนโหดร้ายจากคุณ จะทรมานฉันไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมคุณไม่ฆ่าฉันไปเลยล่ะ” ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ และนี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเผยความในใจออกมาจนหมด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเรื่องที่เธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง หากเขารู้คงจะจัดการไปตั้งแต่วันนั้น เขาไม่เคยรู้เลย.. “….” นำทัพเอาแต่นิ่งเงียบแล้วมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกคนอย่างไร้ความรู้สึก “อย่าใจร้ายกับฉันนักเลย..ฮึก~” “....” นำทัพยังคงเงียบ หญิงสาวร้องไห้อยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “คุณรู้ไหมว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เพื่อนคุณยอมส่งฉันมาอยู่ในที่ไกลแสนไกลคนพวกนั้น ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าฉันกำลังจะหลุดพ้นจากทุกอย่าง หลุดพ้นจากพี่สาวที่ใจร้ายกับฉันมาก ๆ แต่สุดท้ายฉันต้องมาเจอคุณ คนที่ทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ต่างกับพี่สาวฉันเลย พวกคุณเห็นฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่คนใช่ไหม ฉันมันไม่มีความรู้สึกเลยใช่ไหมถึงได้ใจร้ายกับฉันขนาดนี้ ได้โปรดเถอะนะ อย่าทำให้ฉันเจ็บปวดไปมากกว่านี้เลย..” “เธออยากกลับไปเรียนไหม” เขาตัดสินใจถามไปตามตรง หากเธออยากเรียนเขาจะให้กลับไปเรียนอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่เธอได้รับจากเพื่อนในโรงเรียนเขาจะเป็นคนจัดการเอง “จะให้ฉันกลับไปสู้หน้ากับใคร คุณคิดว่าคนพวกนั้นเขายังอยากคบฉันอยู่เหรอ” “เธอจะกลัวอะไร” เขาอยู่ตรงนี้เธอจะกลัวอะไร “คุณไม่เป็นฉันคุณไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง” ทุกคำพูดของคนเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวของเธอ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะลืมมันไปได้สักที “….” แล้วเขาก็เงียบไปอีกครั้ง ภายในห้องมีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของคนตัวเล็กโดยมีนำทัพนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองเงียบ ๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาเอาแต่นั่งเฝ้าหญิงสาวร้องไห้ กระทั่งเธอหลับไปในที่สุดเขาจึงตัดสินใจออกจากห้องไปทันที ช่วงบ่าย “มิลินหายไปไหน” ร่างสูงเอ่ยถามลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เขาไปดูในห้องก็ไม่พบเธอ ห้องน้ำก็ไม่มี สวนหลังบ้านก็ไม่อยู่ซึ่งไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน “ไปซื้อของครับ” ลูกน้องตอบกลับเจ้านายเสียงดังฟังชัด “กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่” ทำไมเขาถึงไม่รู้ ปกติแล้วเธอต้องรายงานเขาสิว่าจะไปไหนกับใคร “เอ่อ..” ทว่าคำถามของเจ้านายทำลูกน้องถึงกับเงียบไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องตอบข้อไหนก่อน ก็เจ้านายเล่นรัวคำถามมาขนาดนี้ใครมันจะไปตอบทัน “ตอบกูมา” “เฮียไบค์ครับ” ไบค์และคาเรนเป็นหัวหน้าลูกน้อง ทุกคนจึงเรียกทั้งสองว่าเฮีย “ใครอนุญาตให้มันพามิลินไป” “ไม่ทราบครับ” “....” มาเฟียหนุ่มขบกรามแน่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดอยู่ภายในใจ ไม่จำเป็นต้องขอเขาที่เป็นเจ้านายแล้วสินะเวลาจะไปไหนมาไหนกัน ปัง! (ปิดประตูรถ) “ฉันคงใจดีเกินไป” เขาพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะขับออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็วโดยไม่มีลูกน้องตามประกบเหมือนอยากทุกครั้ง ณ ห้างสรรพสินค้า ตึก ตึก “พี่ไบค์ ลินขอดูของใช้ตรงนี้นะคะ” คนตัวเล็กหันไปบอกชายหนุ่มที่เป็นคนพามาเดินห้างในครั้งนี้ เนื่องจากของใช้ส่วนตัวของเธอและนำทัพหมดจึงจำเป็นต้องออกมาซื้อด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นคำสั่งเด็ดขาดของนำทัพที่ให้เธอเป็นคนจัดการในส่วนนี้ ของที่เขาใช้ทุกอย่างต้องเป็นมิลินเท่านั้นที่ดูแล “ได้สิ งั้นพี่ไปรอที่ร้านกาแฟนะ” คนตัวเล็กมองตามมือบอดี้การ์ดหนุ่มไปก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ “ได้ค่ะ” “เอาของมา” ไบค์รับของจากมือคนตัวเล็กไปถือก่อนที่เขาจะเดินไปรอยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล ไม่อยากให้เธอรู้สึกกดดันหากมีเขาเดินตามอยู่ตลอดเวลา จึงแยกตัวออกมานั่งรอดีกว่า “อยู่ไหนนะ” ด้านมิลินยังคงเดินหาของที่ตัวเองต้องการ เธอเดินวนไปวนมาอยู่สามรอบก็ยังไม่เจอ เมื่อคิดได้ว่าควรไปถามพนักงานเธอจึงหมุนตัวเพื่อจะเดินไปหาพนักงานทว่า.. หางตากลับเหลือบไปเห็นของที่ต้องการพอดี แต่มันดันอยู่สูงเกินไป หญิงสาวมองซ้ายมองขวาว่ามีที่ให้ปีนขึ้นไปหยิบไหม “ทำไงดี” ซึ่งในขณะนั้นเอง.. “จะเอาของเหรอครับ” เสียงทุ้มอบอุ่นของใครบางคนดังอยู่เหนือศีรษะทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองด้วยความตกใจก่อนที่เธอจะถอยห่างอัตโนมัติ “ชะ ใช่ค่ะ” เหมือนอาการแพนิคจะกำเริบ เธอกลัวทุกครั้งที่คนแปลกหน้าเข้าหาแบบนี้ อาการของเธอแสดงออกชัดเจนว่ากำลังตื่นกลัวคนตัวโตตรงหน้า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เม็ดเหงื่อตามกรอบหน้าสวยทำอีกคนสงสัยอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ในห้างแอร์เย็นขนาดนี้ทว่าอีกคนดันมีเหงื่อ มันดูไม่ปกติเอาเสียเลย “ฉะ..ฉัน อึก~” ร่างบางทรุดตัวนั่งหอบหายใจอย่างยากลำบาก “คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ หายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วมองหน้าผม” เขาสังเกตว่าอาการของเธอมันดูแย่กว่าเดิม “ฉะ ฉันกลัว” “ไม่เป็นอะไรครับ มองหน้าผมนะ” เขาส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน พยายามชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาว เมื่อเห็นว่าอาการอีกคนดีขึ้นแล้วเขาจึงลุกขึ้นไปหยิบของที่เธอต้องการมาให้ “ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณคนเขาที่ช่วยเธอเอาไว้ “คุณเป็นแพนิคสินะ” เขารู้ได้ยังไงกัน “คะ คุณรู้เหรอคะ” “ผมเป็นหมอครับ” ใช่.. ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เป็นหมอ อาการแค่นี้มองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นอะไร แต่เท่าที่สังเกตเขาคิดว่าเธอควรรีบรักษามันก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ จากที่ดูก็ไม่น้อยนะ เธอดูหวาดระแวงและตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา ขืนยังปล่อยไว้คนที่แย่จะเป็นตัวเธอเองนั่นแหละ “ฉันไม่มีเงินรักษา” เธอก้มหน้าตอบเสียงเศร้า มือถือเธอยังไม่มีใช้เลย นำทัพยึดมันไปตั้งแต่วันนั้น เรื่องเงินคงไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะเอามาจากที่ไหน ให้ขอเขาก็คงจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน “หืม? งั้นเอาแบบนี้ไหมครับ” “...” เงยหน้าสบตาหมอหนุ่ม “วันเสาร์นี้คุณว่างไหม” เพราะมันตรงกับวันหยุดเขาพอดี เขาจะช่วยเธอเองหากเธออยากหายไปจากอาการนี้จริง ๆ เขาอยากช่วยเธอโดยไม่คิดค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ไม่รู้สิ.. มันแค่อยากช่วยเท่านั้น “เสาร์นี้เหรอคะ” เธอคงออกจากบ้านไม่ได้แน่นอน “ติดอะไรหรือเปล่าครับ” “ละ ลินคงไปไม่ได้หรอกค่ะ” “ทำไมล่ะครับ งั้นเอาเบอร์คุณมาเดี๋ยวถึงวันนั้นผมจะติดต่อคุณไปเอง” ว่าพร้อมกับส่งมือถือไปให้คนตัวเล็ก “ลินไม่มีมือถือ” “ฮะ?” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ เธอไม่ได้เล่นตลกกับเขาใช่ไหมเนี่ย “ละ ลินขอตัวค่ะ!” คนตัวเล็กลุกพรวดพราดขึ้นด้วยความรวดเร็วเพื่อจะพาตัวเองหนีไปจากตรงนี้ ทว่า.. หมับ! “เดี๋ยวครับ” ชายหนุ่มจับเข้าที่แขนเล็กพร้อมกับออกแรงดึงหญิงสาวไม่ให้วิ่งหนีไปได้ “...” “ผมไมลส์ครับ” “ส่วนกูนำทัพ”“ส่วนกูนำทัพ”ขวับ!นำทัพเดินมาหยุดอยู่ข้างคนตัวเล็กพร้อมกับเลื่อนมือขึ้นไปกอดเอวแสดงความเป็นเจ้าของ ด้านหมอหนุ่มทำเพียงขยับสายตามองดูการกระทำของอีกคนนิ่ง ๆ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงสาว"ผู้ชายคนนี้ใครเหรอครับ" อยู่ ๆ เขาก็เข้ามาโอบเอว หรือว่าจะเป็นคนรักของเธอทว่า.."ผัว" "มะ มันไม่ใช่นะคะ" ใบหน้าดูดีหันขวับไปมองคนข้างกายทันทีเมื่อเธอปฏิเสธคำตอบของเขา "ว่าไงนะ?" เขาจ้องเธอเขม็ง กล้าดียังไงถึงมาหักหน้าเขาต่อหน้ามัน"...หึ~" มุมปากได้รูปกระตุกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว นำทัพเห็นแบบนั้นก็แทบพุ่งเข้าไปอัดใบหน้าอีกคนให้ล้มทั้งยืน "ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นผู้ปกครองของคุณสินะ" สายตาของทั้งคู่จ้องกันอย่างฟาดฟันไม่มีใครยอมใคร หมอไมลส์ถือว่าเป็นคนแรกที่กล้าสบตาเขาอย่างไม่คิดเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย พร้อมที่จะพุ่งชนทุกเมื่อ"...." หญิงสาวก้มหน้าเงียบไม่กล้าตอบ"เพื่อนเหรอมิลิน" นำทัพถามน้ำเสียงติดหงุดหงิดไม่ชอบใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ชอบผู้ชายตรงหน้านี้เอาเสียเลย ไหนจะรอยยิ้มและสายตาของมันที่กำลังมองมา กวนส้นตีน.."มะ ไม่ใช่ค่ะ" มิลินตอบน้ำเสียงตะกุกตะกัก พอเจอเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้มันก็ทำให้เธอยากที่จะพูดอ
คำเตือน: มีฉากรุนแรงไม่เหมาะสมบ้านพรึบ!"อ๊ะ" ตัวมิลินถูกจับเหวี่ยงลงโซฟาในห้องนอนจนร่างของเธอไปกระแทกเข้ากับขอบโซฟาอย่างแรง มือเล็กเลื่อนขึ้นไปกุมท้องตัวเองเอาไว้เมื่อรู้สึกจุก"เจ็บเหรอ" พร้อมกับก้าวเข้าหาอย่างช้า ๆ น้ำเสียงเยือกเย็น แววตาเรียบนิ่งบวกกับท่าทางน่ากลัวของนำทัพทำให้มิลินขยับตัวถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เสียงที่จะพูดแทบไม่มีเพราะกำลังจุก เขาไม่มีทีท่าว่าจะเบามือกับเธอเลยสักครั้ง ตั้งแต่ขึ้นรถมากระทั่งถึงบ้านนำทัพก็เอาแต่ฉุดกระชากลากเธอมาจนถึงห้องนอน"ละ..ลินกลัว อึก~ จะขังลินหรือให้ลินอดข้าวลินก็ยอม ได้โปรดอย่าทำลินเลยนะ""เธอจะกลัวทำไมมิลิน เพราะยังไงซะเธอก็ต้องมานอนให้ฉันกระแทกอยู่ดี" คิดว่าเขาจะเห็นใจกับคำร้องขอน่าสมเพชพวกนั้นเหรอ ฝันอยู่หรือไง"ฮื่ออ" คำพูดของเธอไม่ได้เข้าไปอยู่ในโสตประสาทของอีกคนเลยแม่แต่น้อย นำทัพยังคงขยับก้าวเข้าหาหญิงสาวเรื่อย ๆ เขามองท่าทีหวาดหวั่นของเธอพลางกระตุกยิ้มชอบใจ"อะไรกันมิลิน ฉันยังไม่ได้สนุกกับเธอเลยนะ" ย่อตัวนั่งลงตรงหน้า"อยะ อย่าทำลิน กลัวละ..แล้ว อึก!" อยู่ ๆ อาการแน่นหน้าอกของเธอก็กลับมาเล่นงานอีกครั้ง หญิงสาวหอบหายใจอย่างยากลำบาก
คำเตือน: มีฉากรุนแรงไม่เหมาะสม"จะถอดดี ๆ หรือให้กูขึ้นไปกระชากออก" หญิงสาวประคองตัวลุกนั่ง ยกมือสั่นเทาถอดเสื้อผ้าออกจากตัวตามคำสั่งของปีศาจร้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาอีกคนจะรู้ไหมว่าเธอกำลังกลัวการกระทำของเขาเหลือเกิน เขาจะทำกับเธอแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน หรือต้องให้เธอตายไปต่อหน้าต่อตาเขาถึงจะพอใจ แบบนี้ใช่ไหมที่อีกคนต้องการ"ฮึก!" มิลินถอดเสื้อผ้าพลางสะอื้นไห้ ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของคนตัวเล็กบนเตียง นำทัพหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทางชักช้าของอีกคน เขาจัดการปีนขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับมือที่เอื้อมไปกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวทำให้เนื้อผ้าขูดตามผิวจนรู้สึกแสบและเป็นรอยแดง แคว่ก!!"อึก~" เธอไม่พูดอะไรนอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง มองใบหน้าดูดีนั้นผ่านม่านน้ำตา เขาใจดีมากเลย..แต่ใจดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เขารับฟังเสียงทุกคนแต่ไม่ใช่เสียงเธอ ต่อให้เธอจะร้องดังสักแค่ไหนตะโกนออกไปจนสุดเสียงเขาก็ไม่คิดที่จะหันมาสนใจ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดนั่นก็คือร่างกายของเธอและความสะใจเท่านั้น ชาติที่แล้วเธอทำกรรมอะไรไว้นักหนา ชาตินี้ถ
วันเสาร์ผ่านมาแล้วสามวัน หญิงสาวยังไม่หายจากอาการจับไข้ตั้งแต่วันนั้น ส่วนคนที่ทำไม่แม้แต่จะไยดี เขาไปทำงานที่กาสิโนไม่กลับบ้านมาตั้งแต่วันนั้น สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเธอเองก็ยังไม่อยากเจอเขาเช่นเดียวกัน"คุณมิลินทานอาหารหน่อยไหมคะ" แม่บ้านยกอาหารและยาขึ้นมาเสิร์ฟ เป็นสามวันที่เธอไม่ได้ออกไปจากห้องเลย ทุกคนในบ้านต่างก็เป็นห่วง ทั้งคาเรนและไบค์สั่งให้เหล่าแม่บ้านคอยเฝ้ามองดูอาการไข้ของเธอให้ดี หากมิลินไข้ขึ้นให้รีบแจ้งพวกเขาทันที ทุกคนที่นี่ต่างก็สงสารจึงใส่ใจกับเธอมากไม่มีใครมองข้ามเธอเลยสักคน ทว่าต่อให้พวกเธอจะสงสารหญิงสาวมากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งของเจ้านายหากใครขัดขืนไม่ใช่แค่จะโดนไล่ออก พวกเขาอาจจะถูกฆ่าเลยก็ได้"ลินเจ็บท้องค่ะ" เธอบอกกับแม่บ้านที่นำอาหารขึ้นมาเสิร์ฟ เธอรู้สึกหน่วงอยู่ในท้องไม่หายสักที มันเจ็บเหมือนมีอะไรจะหลุดออกมาอยู่ตลอดเวลา คงเป็นเพราะการกระทำที่รุนแรงของอีกคน"ไปหาหมอไหมคะ""มิลินกลัว" เธออยากไปหาหมอแต่กลัวว่าเขาจะไม่ยอมให้ไป เธอยังกลัวเหตุการณ์ในคืนนั้นยังไม่หาย เธอยอมทนเจ็บท้องมาถึงสามวันเพราะไม่กล้าบอกใคร แต่วัน
"กูเอง" คาเรนตอบคำถามให้อีกคนหายข้องใจว่าใครเป็นคนอนุญาตให้มิลินไปโรงพยาบาลโดยบอกเขาก่อน "ไปเอามิลินกลับมา" เขาไม่สนว่าเธอจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นอะไร สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือพาเธอกลับมา "นี่ไม่ใช่เวลางาน" นั่นหมายความว่านำทัพไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเขา ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันนิ่งก่อนจะเป็นนำทัพที่เบือนหน้าหนีแล้วพาตัวเองไปนั่งยังโซฟา "กูจะเอามิลินไปด้วย" เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นโดยที่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองอยู่ "ถ้ากูบอกว่าไม่ให้เอาไปล่ะ" คนไม่สบายจะให้ไปลากกลับมามันใช่เรื่องหรือไง "...." นำทัพเงียบไปอีกครั้ง อีกสองวันเขาต้องเดินทางกลับไทย และเขาไม่อยากปล่อยหญิงสาวไว้ที่นี่ตามลำพัง ต่อให้มีคาเรนอยู่ด้วยก็ตามเขาก็จะเอาเธอไปด้วยอยู่ดี เพราะอย่างน้อยเธอจะได้อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" ทว่าเสียงของคนมาใหม่แทรกขึ้นทำลายบทสนทนาของทั้งสองให้ยุติลง ไบค์มองทั้งสองที่คุยกันสีหน้าจริงจังดูเคร่งเครียดดี ซึ่งไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน "....." เงียบ "ลูกพี่มึงจะกลับไทย" คาเรนพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ "นายจะ
กลางดึก"...." ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความมืด มีเพียงแสงสว่างจากช่องผ่านทางประตูที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้มองเห็นเพียงประปราย หญิงสาวบนเตียงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตากลมโตจะค่อย ๆ เปิดขึ้น เธอพยายามเพ่งมองเพดานผ่านความมืด ใบหน้าสวยขยับหันมองไปยังอีกฝั่ง แล้วหญิงสาวก็นิ่งไปชั่วขณะ..ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนนอนเหยียดขายาวพาดไปกับโซฟาที่ดูจะเล็กไปกว่าตัว ดวงตากลมโตเอาแต่จ้องไปยังอีกคนด้วยความรู้สึกหลากหลายที่อยู่ข้างใน ภาพที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นก็ได้เห็น เธอเคยป่วยเพราะเขาอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่มีสักครั้งที่นำทัพจะมาเฝ้าเธอ แต่ทำไหมรอบนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ"จะจ้องอีกนานไหม" น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวยังนอนนิ่งไม่ขยับ "อ๊ะ" มิลินตกใจรีบเบือนหน้าหนีไปมองอย่างอื่นด้วยความกลัว เขามีตาวิเศษหรือไงถึงได้รู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลา"ตื่นสักทีนะ" ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกนั่งพร้อมกับเสยผมขึ้นลวก ๆ พลางขยับสายตาไปมองหญิงสาวบนเตียง"..อึก" มือเล็กกำผ้าห่มแน่นตอนที่อีกคนเดินมาหยุดข้างเตียง กลัวเขาจะว่าให้เธอที่เอาแต่ทำตัวอ่อนแอจนเป็นภาระคนอื่น"...." เขาเงียบแล้วเอาแต่มองใบหน้าสวยที่พยายามหลบสายตา เธ
"เสียงอะไร" มิลินได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ข้างนอกจึงลุกขึ้นเพื่อจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น มือเล็กเปิดประตูออกกว้างพร้อมกับก้าวขาออกไปยังนอกห้อง หญิงสาวมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นลูกน้องของนำทัพยืนเฝ้าอยู่สักคน "ไปไหนกันหมด" หรือจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ งั้นเธอควรออกไปดีไหม หรือว่ารอนำทัพอยู่ในห้อง แต่เสียงพวกนั้นมันดังมากเลยนะ เธออยากไปเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้เธอทำตัวไม่ต่างจากป้าข้างบ้านเลยสักนิด อยากรู้อยากเห็นไปเสียหมดทุกอย่าง คงเพราะเธอเบื่ออยู่แต่ในห้องด้วยแหละมั้งเลยอยากออกไปสูดอากาศด้านนอก คนตัวเล็กยืนเถียงกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจได้ว่าควรไปดูจากนั้นขาเรียวยาวก็ก้าวไปยังที่มาของเสียงด้วยใจที่เต้นระทึก ใจหนึ่งก็กลัวว่านำทัพจะดุที่ออกมาเพ่นพ่านโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน แต่อีกใจก็อยากรู้อยากเห็นจนทำให้ไม่อยากกลับเข้าไปรอในห้อง มิลินเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แต่แล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงที่คุ้นเคย เธอมองนำทัพที่กำลังยืนคุยกับใครสักคน ซึ่งเธอเองก็มองไม่เห็นอีกฝ่ายเพราะผู้คนต่างบังไว้หมด ด้วยความสูงของนำทัพเลยไม่แปลกที่เธอจะเห็นเข
หลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้ว นำทัพยังคงเงียบไม่ออกมาจากห้องนอน หญิงสาวชะเง้อคอมองคอยเฝ้าว่าเมื่อไหร่เขาจะออกมาสักที ถ้าให้เธอเข้าไปก็คงโดนเขาไล่ตะเพิดออกมาอีกแน่นอน ตอนนี้คงทำได้แค่นั่งรอ ให้ออกไปข้างนอกเธอก็ไม่กล้าแล้ว"ไปกันเถอะ" ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง อยู่ ๆ ไบค์ก็เข้ามาพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ชวนคิ้วขมวดอยู่ไม่น้อย "ไปไหนหรอคะพี่ไบค์" พี่ไบค์จะพาเธอไปไหน?"นายให้พี่ไปส่งเราที่บ้าน" "หมะ หมายความว่าไงคะ" หมายความว่าไงที่ให้เธอกลับบ้าน นี่เขาโกรธเธอถึงขั้นไม่อยากเจอหน้าเลยงั้นเหรอ เมื่อรู้ว่าเป็นอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากกว่าเดิมหลายเท่า"นายบอกคืนนี้ไม่กลับบ้านเลยให้ผมพาคุณมิลินกลับไปก่อน" เขาเกลียดถึงขั้นไม่อยากเจอหน้าเธอเลยสินะ อย่างว่าแหละ..ใครจะไม่โกรธบ้างทำให้เขาเจ็บตัวขนาดนั้น ดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ถึงยังไงก็เถอะเธอเองก็ไม่สบายใจอยู่ดี อย่างน้อยแค่ได้คุยกับเขาก่อนกลับเธอยังรู้สึกดีมากกว่านี้อีก"ลินขอเข้าไปหาคุณนำทัพได้ไหมคะ""ผมว่าตอนนี้อย่าเพิ่งดีกว่าครับ เอาไว้ให้นายใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยก็ได้" ขืนเธอเข้าไปตอนนี้กลัวว่าเธอจะถูกเจ้านายทำ
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่
เช้าวันใหม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะ" เรียวแขนเล็กโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง เสียงหวานชวนหลงใหลเอ่ยขึ้นก่อนที่ใบหน้าสวยจะชะโงกไปมองยังเสี้ยวใบหน้าคนตัวโต"ทำไมอารมณ์ดี หื้ม?" นำทัพถามคนตัวเล็กขณะที่ยืนทำอาหารเช้าให้แม่ของลูกอยู่ในครัว"เมื่อคืนลินฝันว่าเราได้ลูกชาย" เธอฝันว่าตัวเองคลอดลูกชาย ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักจ้ำม่ำทั้งยังเหมือนพ่อราวกับแฝด พอตื่นมาเธอจำเหตุการณ์เรื่องราวในฝันได้หมด มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีและอยากให้ถึงวันคลอดเร็ว ๆ"สงสัยเฮียจะได้ลูกชาย" ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าทางเขาเลยสิ นำทัพลอบยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าตนจะได้ลูกชายตามใจหวัง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกในท้องเพศอะไร แต่มันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี"ออกมาต้องหล่อเหมือนเฮียแน่เลย""มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเชื้อเฮียมันแรง""ไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยหรือไง" จากมาเฟียผู้เย็นชากลายเป็นคนหลงตัวเองไปเสียแล้ว มิลินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปยืนมองพ่อของลูกทำอาหารดี ๆ"วันนี้คุณแม่แต่งตัวน่ารักจัง"“ไม่น่ารักได้ไงคุณพ่อเป็นคนเตรียมไว้ให้”“หึหึ”"ว่าแต่วันนี้คุณพ่อทำอะไรให้ทานเอ่ย""มีบางคนบ่นอยากกินโจ๊กฝีมือเฮีย วันนี้เลยตื่นมาทำให้" ใบหน้าหล่อหันไปยิ
บนห้องนอนภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูมากมาย นำทัพนั่งกอดอกมองหญิงสาวขดนอนอยู่ใต้ผ้าน่วมผืนใหญ่บนเตียงคิงไซส์มาเป็นชั่วโมง ในหัวเขาเกิดคำถามมากมายที่ไม่สามารถพูดกับใครได้เลย มาลองคิดเล่น ๆ หากวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้วเขาจะเป็นยังไง จะแตกสลายแค่ไหนหากเราไม่สามารถปกป้องคนรักไว้ได้ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงอยู่ไม่น้อย“....” เขาจะปกป้องเธอกับลูกด้วยชีวิตของเขา ใครหน้าไหนก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้เด็ดขาดพูดถึงคาเรน เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่ถูกชะตากับน้องชายต่างแม่เป็นอย่างมาก สาเหตุก็มาจากคำว่า ‘ลูกเมียน้อย’ นำทัพเกลียดพ่อตัวเองในตอนนั้นมาก ท่านทำแม่เขาเสียใจจนล้มป่วย หลังจากที่พ่อเขาเปิดตัวเมียน้อยกับลูกติดก็คือคาเรน เขาก็พาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที กระทั่งวันที่พ่อเสีย ท่านยกทุกอย่างให้เขาเพียงผู้เดียว ถามว่าดีใจไหมตอบเลยว่าไม่! แม้ท่านจะให้เขาทั้งหมด แต่มีหนึ่งสิ่งที่พ่อของเขาได้ขอเอาไว้ ขอให้เขาดูแลน้องชายให้ดี ทำไมท่านถึงเอาแต่ห่วงมันทั้งที่เขาก็เป็นลูกเหมือนกันหลังจากวันเวลาผ่านไปหลายปีกระทั่งคาเรนเรียนจบจึงขอมาช่วยงาน เขาเห็นในความพยายามของอีกคนที่อยากมาอยู่ด้วยจึงตอบตก
ช่วงเย็น “เฮีย” คนตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเธอที่ดังอยู่ด้านหลัง “....” นำทัพคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ในวันนี้ เขาไม่สามารถสืบหาได้เลยว่าใครเป็นคนส่งภาพนั้นมาให้ ไม่รู้ว่าคนที่ทำต้องการแค่จะปั่นหัวเขาหรือเป็นสัญญาณเตือนในสิ่งที่เขากำลังกลัว ถ้าทุกอย่างมาลงที่เขาคนเดียวแน่นอนว่าเขาไม่คิดกลัวแต่กลับพร้อมพุ่งชน พอเป็นเธอทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายเลย “เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” “....” นำทัพไม่ใช่คนขี้ขลาด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมให้มันมาขู่อยู่แบบนี้แน่นอน มันอาจตายไปตั้งแต่วันแรกแล้วก็ได้ ทว่าเป้าหมายที่มันต้องการทำลายดันเป็นมิลิน แม่ของลูกคนที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต เขาจะไม่มีทางให้มันแตะต้องเธอได้เด็ดขาด “เฮีย” ขวับ! “มิลิน” น้ำเสียงตกใจแต่ยังคงความนิ่งเอาไว้เอ่ยเรียกแม่ของลูกที่กำลังจ้องมาตาแป๋ว นำทัพปรับเปลี่ยนใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะรั้งเธอเข้ามาสวมกอด “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเฮียดูเหม่อ ๆ” หรือเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยเป็นแบบนี้ “เฮียน่าจะนอนน้อย” นั่นไง จริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด มิลินผละตัวออกจ