ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
ปึก! ปึก! ปึก!ร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยสักขยับเขยื้อนอยู่บนเตียง เนื้อตัวชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าเหยเกแสดงอาการเสียวซ่าน ซิกแพคเป็นลอนขยับราวกับมีชีวิตในตอนที่เอวสอบกระแทกกระทั้นใส่คนใต้ร่างอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เสียงพ่นลมออกจากปากยามที่รู้สึกเสียว ร่างกายเกร็งกระตุกแทบคุมตัวเองไม่อยู่ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนสีดำหรู"จะ เจ็บ ฮึก~""ทน เพราะมันคือหน้าที่ของเธอ ซี๊ดด" น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยพร้อมกระแทกเอ็นใหญ่ใส่ร่องไปเต็มแรง ดวงตาคมกริบหลุบมองท่อนเอ็นที่มีเลือดติดออกมาเล็กน้อย มุมปากหนายกยิ้มพอใจ"บะ เบาหน่อยได้ไหมคะ" ร่างกายของเธอแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในยามที่เขากระแทกตัวตนเข้าใส่ เขาไม่แม้แต่จะเบาแรงให้เธอ สิ่งที่เธอพยายามร้องขออีกคนกลับไม่สนใจปึก! ปึก! ปึก!"นั่นคือสิ่งที่เธอควรร้องขอ?" เธอมันก็แค่นางบำเรอที่เอาไว้รองรับความใคร่ของเขาเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งอะไรเขาทั้งสิ้น"มิลิน ไม่ไหวแล้ว อึก!" เขาทำเรื่องอย่างว่ากับเธอนานนับชั่วโมง จนร่างของเธอแทบจะหมดแรงอยู่รอมร่อ ทว่าคนด้านบนกลับไม่คิดที่จะหยุดมันเลยสักครั้ง เจ็บไปทั้งตัว"ไม่ไหวก็ต้องไหว เธอก็รู้นี่ว่
ฟู่วว~ นัยน์ตาเฉียบคมมองไปยังหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงกว้างขนาดใหญ่ นี่ก็ปีกว่าแล้วสินะที่เธอมาอยู่ในการปกครองของเขา นำทัพ เจ้าของกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในมาเก๊า มีนิสัยส่วนตัวเงียบขรึมภายนอกที่ดูอบอุ่นและใจดี แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่าเขามันคือปีศาจในร่างคน ฆ่าได้ฆ่า เกลียดพวกล้ำเส้น ไม่ชอบพูดซ้ำ แล้วในตอนนี้เขายังมีเลี้ยงเด็กไว้ในปกครองอยู่หนึ่งคน ซึ่งเป็นเด็กที่ค่อนข้างขัดหูขัดตาอยู่ไม่น้อยแต่ก็ต้องเก็บไว้ เขาไม่ใช่พ่อพระหรือพระเอกที่จะได้ใจดียอมเสียเงินไปฟรี ๆ ให้กับผู้หญิงแบบนั้น ผู้หญิงที่มันเป็นแม่เล้าหลอกคนบริสุทธิ์ไปขายให้กับพวกเศษสวะ คนแบบนี้มันต้องเจอเขาน่ะถูกแล้ว"นายครับ" คาเรน มือซ้ายที่อยู่กับเขามาเนิ่นนานก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับโค้งศีรษะให้กับผู้เป็นนายเล็กน้อย"..." ใบหน้าดูดีทำเพียงขยับมองลูกน้องนิ่ง ๆ "คุณครูซมาครับ" คาเรนรายงานผู้เป็นนายพลางเลื่อนสายตามองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง มันเป็นภาพที่ชินตาไปแล้วสำหรับเขา "อืม" บุหรี่ในมือวางลงบนที่เขี่ยบุหรี่ ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับใช้หางตาเหลือบมองไปยังคนบนเตียงสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกก่อนที่เขาจะเดิ
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จครูซก็กลับไปพักที่โรงแรมเพื่อเดินทางกลับไทยในช่วงเช้ามืดทันที การมาครั้งนี้เขาไม่ได้บอกใครแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง บอกคนรักแค่ว่าต้องมาเคลียร์งานเท่านั้น ที่เลือกไม่บอกความจริงคนรักเพราะเขาเห็นว่าไม่จำเป็นอะไร เธอเองก็กำลังท้องกำลังไส้กลัวว่าจะเครียดไปเสียเปล่า อีกอย่างเรื่องมิลินฮันน่าเองก็ไม่รู้เรื่องตึกตึก..“ลุก” เสียงทุ้มเอ่ยกับคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง มือหนากระชากผ้าห่มออกจากตัวทำหญิงสาวที่นอนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมอง“อื้อ คะ..คุณนำทัพ”“ฉันไม่ได้จ่ายเงินเพื่อให้เธอมานอน” เขารู้สึกว่าอีกคนทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่กับจำนวนเงินที่เสียไป“ละ ลินไม่ไหว” ร่างไร้เรี่ยวแรงค่อย ๆ ประคองตัวลุกนั่ง มือสั่นเทาพนมไหว้เพื่อขอให้เขาเห็นใจ มิลิน หญิงสาววัย 22 ปี มีนิสัยส่วนตัว ยิ้มง่าย อ่อนหวานและเงียบขรึมในบางครั้ง เหมือนจะเข้าถึงง่ายแต่ก็ไม่.. เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ชีวิตเธอพลิกผันกลายมาเป็นนางบำเรอให้กับผู้ชายใจร้าย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ชีวิตเธอก็ไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น ทุกคนรอบตัวต่างบีบบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่ได้อยากจะทำเลยสั
สายตากดดันส่งไปให้หญิงสาวกดรับมัน มิลินที่ไม่มีทางเลือกจึงเอื้อมมือไปหยิบมากดรับติ๊ด!“ฮะ ฮัลโหล”(ทำอะไรอยู่เหรอ)“เอ่อ..” เธอเงยหน้าขึ้นไปมองยังคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า(เธอเป็นอะไรหรือเปล่า) แล้วคนที่โทรเข้ามาก็คือสกายเพื่อนใหม่ของเธอเอง ทั้งสองเรียนด้วยกันแต่มิลินเรียนไม่จบต้องออกกลางคันด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งสกายเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ตัวเขาเองก็สงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้สกายก็อยู่อีกที่ สกายกลับไปอยู่ไทยหลังจากที่เรียนจบแล้วแต่เขายังคงติดต่อกับเธออยู่ตลอดเพราะมิลินคือเพื่อนสนิทที่เขารักมาก แม้จะอยู่ไกลกันมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับสกายเลย“ปะ เปล่าน่ะ”(เธอดูไม่ปกตินะ เปิดกล้องได้ไหม)“เอาสิ” ใบหน้าดูดีโน้มลงไปกระซิบให้เธอได้ยินคนเดียว เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะมีท่าทียังไงในขณะที่คุยกับผู้ชายคนอื่นโดยมีเขายืนฟังอยู่ตรงนี้"ระ..เราไม่ค่อยสะดวก แค่นี้ก่อนนะสกาย" ติ๊ด! หญิงสาวร้อนรนกดตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี เธอเงยหน้ามองคนที่ยืนกระตุกยิ้มมองเธออยู่เช่นเดียวกัน หญิงสาวหลบสายตาก่อนจะพยายามก้าวขาลงจากเตียงเพื่อไปทำอาหารให้กับเขา"เธอดูร้อนรนนะ หรือว่ามันคือผัวอีกคนของเธ
“....” ผมนั่งมองยัยผู้หญิงอวดดีที่มันกำลังนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม เธอเอาแต่หลบสายตาเหมือนว่ากลัวผมนักหนา ทั้งที่ความเป็นจริงแม่งพยศใส่ผมอยู่ตลอดเวลา เห็นมิลินกลัวผมแบบนั้นแต่ก็มีบางมุมที่เธอก็ดื้อใส่ผมเหมือนกัน บางครั้งก็เหมือนจะรู้จักเธอดีแต่ก็ไม่ใช่ เธอเป็นคนที่ค่อนข้างคาดเดาอารมณ์ได้ยากเหมือนกัน“วันนี้ลินทำเมนูที่คุณนำทัพอยากทานค่ะ”“แล้วไหนของเธอ”“ลินยังไม่หิวค่ะ”"ทำไม""คือว่า..""นั่งลง" "ลินไม่รบกวนดีกว่าค่ะ" เธอว่าก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในครัว แล้วคิดว่าคนอย่างผมจะยอมไหม?"อย่าคิดว่ามีคนอยู่ฉันจะไม่กล้าทำอะไร" ถ้าขืนเธอยังไม่หยุดพยศผมคงไม่ใจดีด้วยอีกต่อไป อย่าทำให้บรรยากาศเช้านี้ต้องมาเสียเพราะเธอสิ"มิลินอิ่มแล้วค่ะ" เธออิ่มอะไร ก็ในเมื่อเธอเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเหมือนกันกับผม"หรืออิ่มน้ำที่ฉันป้อนไปทั้งคืน" พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเธอก็เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตา จะอายอะไรนักหนาวะเห็นจนไม่รู้จะเห็นยังไงแล้ว "คะ คุณนำทัพ" เธอมีสีหน้าตกใจ ขยับมองเหล่าแม่บ้านและลูกน้องของผมที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วยังไงล่ะ? มันเป็นเรื่องปกติไหม อีกอย่างพวกมันก็ไม่กล้าเอาไปพูดที่ไหนอย
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่
เช้าวันใหม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะ" เรียวแขนเล็กโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง เสียงหวานชวนหลงใหลเอ่ยขึ้นก่อนที่ใบหน้าสวยจะชะโงกไปมองยังเสี้ยวใบหน้าคนตัวโต"ทำไมอารมณ์ดี หื้ม?" นำทัพถามคนตัวเล็กขณะที่ยืนทำอาหารเช้าให้แม่ของลูกอยู่ในครัว"เมื่อคืนลินฝันว่าเราได้ลูกชาย" เธอฝันว่าตัวเองคลอดลูกชาย ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักจ้ำม่ำทั้งยังเหมือนพ่อราวกับแฝด พอตื่นมาเธอจำเหตุการณ์เรื่องราวในฝันได้หมด มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีและอยากให้ถึงวันคลอดเร็ว ๆ"สงสัยเฮียจะได้ลูกชาย" ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าทางเขาเลยสิ นำทัพลอบยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าตนจะได้ลูกชายตามใจหวัง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกในท้องเพศอะไร แต่มันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี"ออกมาต้องหล่อเหมือนเฮียแน่เลย""มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเชื้อเฮียมันแรง""ไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยหรือไง" จากมาเฟียผู้เย็นชากลายเป็นคนหลงตัวเองไปเสียแล้ว มิลินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปยืนมองพ่อของลูกทำอาหารดี ๆ"วันนี้คุณแม่แต่งตัวน่ารักจัง"“ไม่น่ารักได้ไงคุณพ่อเป็นคนเตรียมไว้ให้”“หึหึ”"ว่าแต่วันนี้คุณพ่อทำอะไรให้ทานเอ่ย""มีบางคนบ่นอยากกินโจ๊กฝีมือเฮีย วันนี้เลยตื่นมาทำให้" ใบหน้าหล่อหันไปยิ
บนห้องนอนภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูมากมาย นำทัพนั่งกอดอกมองหญิงสาวขดนอนอยู่ใต้ผ้าน่วมผืนใหญ่บนเตียงคิงไซส์มาเป็นชั่วโมง ในหัวเขาเกิดคำถามมากมายที่ไม่สามารถพูดกับใครได้เลย มาลองคิดเล่น ๆ หากวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้วเขาจะเป็นยังไง จะแตกสลายแค่ไหนหากเราไม่สามารถปกป้องคนรักไว้ได้ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงอยู่ไม่น้อย“....” เขาจะปกป้องเธอกับลูกด้วยชีวิตของเขา ใครหน้าไหนก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้เด็ดขาดพูดถึงคาเรน เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่ถูกชะตากับน้องชายต่างแม่เป็นอย่างมาก สาเหตุก็มาจากคำว่า ‘ลูกเมียน้อย’ นำทัพเกลียดพ่อตัวเองในตอนนั้นมาก ท่านทำแม่เขาเสียใจจนล้มป่วย หลังจากที่พ่อเขาเปิดตัวเมียน้อยกับลูกติดก็คือคาเรน เขาก็พาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที กระทั่งวันที่พ่อเสีย ท่านยกทุกอย่างให้เขาเพียงผู้เดียว ถามว่าดีใจไหมตอบเลยว่าไม่! แม้ท่านจะให้เขาทั้งหมด แต่มีหนึ่งสิ่งที่พ่อของเขาได้ขอเอาไว้ ขอให้เขาดูแลน้องชายให้ดี ทำไมท่านถึงเอาแต่ห่วงมันทั้งที่เขาก็เป็นลูกเหมือนกันหลังจากวันเวลาผ่านไปหลายปีกระทั่งคาเรนเรียนจบจึงขอมาช่วยงาน เขาเห็นในความพยายามของอีกคนที่อยากมาอยู่ด้วยจึงตอบตก
ช่วงเย็น “เฮีย” คนตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเธอที่ดังอยู่ด้านหลัง “....” นำทัพคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ในวันนี้ เขาไม่สามารถสืบหาได้เลยว่าใครเป็นคนส่งภาพนั้นมาให้ ไม่รู้ว่าคนที่ทำต้องการแค่จะปั่นหัวเขาหรือเป็นสัญญาณเตือนในสิ่งที่เขากำลังกลัว ถ้าทุกอย่างมาลงที่เขาคนเดียวแน่นอนว่าเขาไม่คิดกลัวแต่กลับพร้อมพุ่งชน พอเป็นเธอทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายเลย “เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” “....” นำทัพไม่ใช่คนขี้ขลาด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมให้มันมาขู่อยู่แบบนี้แน่นอน มันอาจตายไปตั้งแต่วันแรกแล้วก็ได้ ทว่าเป้าหมายที่มันต้องการทำลายดันเป็นมิลิน แม่ของลูกคนที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต เขาจะไม่มีทางให้มันแตะต้องเธอได้เด็ดขาด “เฮีย” ขวับ! “มิลิน” น้ำเสียงตกใจแต่ยังคงความนิ่งเอาไว้เอ่ยเรียกแม่ของลูกที่กำลังจ้องมาตาแป๋ว นำทัพปรับเปลี่ยนใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะรั้งเธอเข้ามาสวมกอด “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเฮียดูเหม่อ ๆ” หรือเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยเป็นแบบนี้ “เฮียน่าจะนอนน้อย” นั่นไง จริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด มิลินผละตัวออกจ