สายตากดดันส่งไปให้หญิงสาวกดรับมัน มิลินที่ไม่มีทางเลือกจึงเอื้อมมือไปหยิบมากดรับ
ติ๊ด!
“ฮะ ฮัลโหล”
(ทำอะไรอยู่เหรอ)
“เอ่อ..” เธอเงยหน้าขึ้นไปมองยังคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
(เธอเป็นอะไรหรือเปล่า) แล้วคนที่โทรเข้ามาก็คือสกายเพื่อนใหม่ของเธอเอง ทั้งสองเรียนด้วยกันแต่มิลินเรียนไม่จบต้องออกกลางคันด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งสกายเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ตัวเขาเองก็สงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้สกายก็อยู่อีกที่ สกายกลับไปอยู่ไทยหลังจากที่เรียนจบแล้วแต่เขายังคงติดต่อกับเธออยู่ตลอดเพราะมิลินคือเพื่อนสนิทที่เขารักมาก แม้จะอยู่ไกลกันมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับสกายเลย
“ปะ เปล่าน่ะ”
(เธอดูไม่ปกตินะ เปิดกล้องได้ไหม)
“เอาสิ” ใบหน้าดูดีโน้มลงไปกระซิบให้เธอได้ยินคนเดียว เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะมีท่าทียังไงในขณะที่คุยกับผู้ชายคนอื่นโดยมีเขายืนฟังอยู่ตรงนี้
"ระ..เราไม่ค่อยสะดวก แค่นี้ก่อนนะสกาย" ติ๊ด! หญิงสาวร้อนรนกดตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี เธอเงยหน้ามองคนที่ยืนกระตุกยิ้มมองเธออยู่เช่นเดียวกัน หญิงสาวหลบสายตาก่อนจะพยายามก้าวขาลงจากเตียงเพื่อไปทำอาหารให้กับเขา
"เธอดูร้อนรนนะ หรือว่ามันคือผัวอีกคนของเธอ"
"มะ ไม่ใช่ค่ะ ลินแค่กลัวคุณนำทัพรอนาน"
"ฉันรอได้" คำพูดที่เหมือนจะไม่มีอะไร ทว่ามันแฝงไปด้วยความน่ากลัวและดุดัน ถ้าจะให้เธอคุยกับสกายต่อหน้าเขาเธอเลือกตัดสายอีกคนทิ้งดีกว่า อย่างน้อย ๆ เธอยังไปอธิบายกับเพื่อนทีหลังได้ แต่ถ้าขืนคุยต่อเธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับตัวเองบ้าง
"ลินขอตัวนะคะ"
"...." เขาไม่หลบ หญิงสาวเห็นอย่างนั้นจึงเป็นคนขยับตัวแล้วเดินไปอีกทาง เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่หลุดไปจากตรงนี้ได้เธอจะไม่มีวันกลับมาให้เขาเหยียบย่ำเธออีกเด็ดขาด
"ถ้าคิดจะหนีไปจากฉัน หยุดความคิดนั้นซะ" เท้าที่กำลังก้าวหยุดชะงักไปทันที เหมือนว่าเขาอ่านความคิดเธอออก มิลินทำเพียงยืนนิ่งหันหลังให้กับอีกคน เธอไม่ทันเห็นว่าสายตาที่เขากำลังมองเธออยู่นั้นมันมีบางอย่างซ่อนไว้อยู่
"ลินขอตัวนะคะ"
แล้วจากนั้นเธอก็พาตัวเองออกไปจากห้องทันที แม้ว่าทุกย่างก้าวมันจะระบมเจ็บแสบบริเวณตรงนั้นมากแค่ไหนเธอก็ต้องไปทำหน้าที่ตัวเองให้ได้ ดีกว่าถูกเขาทำโทษ
ทางด้านนำทัพยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาเลื่อนสายตามองไปยังเตียงนอนที่อีกคนเพิ่งลุกไป เขามองมันอยู่นิ่ง ๆ ก่อนจะตัดสินใจตามอีกคนลงไป
สองวันต่อมา
@กาสิโน
"มิลินไปไหน" วันนี้เขาเข้ามาทำงานที่กาสิโนและได้พาหญิงสาวมาด้วย หลังจากที่เข้าไปคุยงานออกมาก็ไม่เจอหญิงสาวที่ควรจะอยู่รอเขาที่ห้องทำงาน นำทัพเอ่ยถามลูกน้องที่ยืนอยู่ละแวกนั้นว่ามีใครพบเห็นเธอหรือเปล่า
"คุณมิลินเขาออกไปเดินเล่นครับ" เป็นไบค์ลูกน้องมือขวาที่รายงานเจ้านาย ก่อนหน้านั้นมิลินก็รอเขาอยู่ที่ห้องทำงานนั่นแหละ แต่เพราะว่ามันนานเกินไปเธอรู้สึกเบื่อเลยขอออกมาเดินเล่นข้างล่าง แม้ว่าคำตอบของลูกน้องจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่ลึก ๆ แต่เขาก็เข้าใจเธอดี ร่างสูงเดินไปยังโซนที่มีผู้คนเข้ามาเล่นการพนันที่กาสิโนของเขา สายตาเฉียบคมขยับมองไปเรื่อย ๆ เพื่อมองหาหญิงสาวที่มากับตน ซึ่งในขณะนั้นเอง..
"คุณมาเล่นที่นี่บ่อยเหรอครับ" ชายหนุ่มถามหญิงสาวที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ข้างกาย ขณะที่มิลินกำลังเดินเล่นอยู่คนเดียว เขาเห็นเธอก็รีบเข้าไปทักพร้อมกับลากหญิงสาวตัวเล็กมายังกลุ่มเพื่อนตัวเองโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธอีกคนได้เพราะเธอกลัว
"ไม่ค่ะ" หญิงสาวก้มหน้างุดตอบเสียงเบา เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
"แล้วทำไมถึงมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ล่ะครับ ดูคุณไม่เหมาะกับที่แบบนี้เลย" ทั้งการแต่งตัวและรูปลักษณ์นิสัยที่ขี้อาย เธอไม่น่าจะมาเที่ยวในสถานที่แบบนี้นะเขาว่า หรือมากับญาติงั้นเหรอ ชายหนุ่มไล่มองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางยิ้มอยู่ในใจ ไม่คิดว่าการมาเล่นพนันครั้งนี้จะเจอกับเหยื่อที่น่าถูกใจและน่าขย้ำให้แหลกคามือขนาดนี้ โชคดีของเขาจริง ๆ
"ตามหาตั้งนาน" ร่างสูงของใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทุกคนพร้อมกับเลื่อนมือโอบกอดหญิงสาวเอาไว้ การกระทำของเขาได้ตกอยู่ในสายตาหลายสิบคู่ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสนใจ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
"อ้าวคุณนำทัพ ไม่เจอกันนานนะครับ"
"ครับคุณคริส มีอะไรกับคนของผมหรือเปล่าครับ" เขามองหน้าถามอีกฝ่ายน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความดุดัน
"นี่คนของคุณเหรอครับ ผมนึกว่าเป็นลูกค้าคุณซะอีก"
"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ"
"ผมชอบคนของคุณนะ" เขาบอกไปตามตรง เพราะเขารู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้มาก เธอตรงสเปคเขาทุกอย่าง ไม่รู้สิ.. เขาแค่อยากได้เธอมาครอบครอง
"ตรงดี ผมชอบ..หึหึ"
"ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอไลน์คุณหน่อยได้ไหมครับ" โทรศัพท์เครื่องหรูถูกยื่นไปตรงหน้ามิลินพร้อมกับรอยยิ้มที่อีกคนส่งให้เธอ หญิงสาวนิ่งไม่กล้าขยับตัว แม้แต่จะยกมือขึ้นไปรับโทรศัพท์เธอยังไม่กล้าเลย
"คงไม่สะดวก" นำทัพใช้มือตัวเองดันโทรศัพท์อีกคนให้ออกห่าง
"คนนี้ดูคุณนำทัพจะหวงมากเลยนะครับ"
"ไม่มีอะไรที่ผมต้องหวงผู้หญิงคนนี้ ผมแค่ยังไม่เบื่อของเล่นชิ้นนี้เท่านั้นเอง หวังว่าคุณจะเข้าใจ"
"อ๋อ แบบนี้นี่เอง" เขาพยักหน้าเข้าใจและไม่เซ้าซี้อะไรต่อ
"ขอตัวนะครับ" เขาไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย นำทัพพาหญิงสาวกลับขึ้นไปบนห้องทำงานตัวเอง ทันทีที่เข้ามาในห้องเขาก็จัดการผลักตัวเธอในนอนลงบนโซฟาอย่างแรงพร้อมกับตัวเองที่ขึ้นไปคร่อมหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงนิ่งขรึม
"อยากไปไหม" เขาเลิกคิ้วถาม
"อะ อะไรนะคะ"
"ตอบสิ อยากไปไหมมิลิน"
"มะ มิลินไม่เข้าใจ คุณนำทัพกำลังพูดถึงอะไรอยู่ อึก!"
"เธอก็รู้ว่าฉันเป็นพวกหวงของ ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของฉัน แต่มัน ได้โอบกอดเธอ ซึ่งเธอก็ดูจะเต็มใจให้มันทำ เธอใจร้ายกับฉันมากเลยมิลิน~ ตรงนี้ใช่ไหมที่มันจับ" พร้อมกับเลื่อนมือลงไปจับที่เอวคอดแล้วออกแรงบีบอย่างแรงจนหญิงสาวนิ้วหน้าเจ็บ
"คะ คุณนำทัพ ฮึก!" เธอพยายามดึงมืออีกคนออกเมื่อรู้สึกเจ็บ เหมือนตรงนั้น จะแหลกคามือเขาไป ทว่าอีกคนกลับไม่คิดหยุด ยิ่งเธอห้ามเขายิ่งเพิ่มแรง
"เจ็บเหรอ ฉันไม่เห็นเจ็บเลย"
"ละ ลินขอร้องนะคะ อย่าทำลินเลย ลินกลัวแล้ว"
"เธออยู่กับฉันมาตั้งปีกว่าแล้วนะมิลิน คนที่เธอควรกลัวคือพวกมันไม่ใช่ฉัน"
"ลินเจ็บ ฮึก~"
"จำใส่หัวเอาไว้ อะไรที่ฉันไม่สั่งอย่าทำ เท่าที่จำได้ฉันสั่งให้เธอรออยู่ในห้องไม่ได้บอกให้ออกไปข้างนอก ตรงนี้มีแค่ฉันคนเดียวมันไม่พอใช่ไหม" เขาใช้มืออีกข้าง เลื่อนไปสัมผัสที่ส่วนลับจนขาเรียวหุบเข้าหากันอัตโนมัติ
"ลินจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ ฮึก!" เธอบอกกับเขาน้ำเสียงสั่นเครือพลางหลบสายตาคู่นั้นที่กำลังมองอยู่
"ดี เป็นเด็กดีแบบนี้ฉันชอบมากเลยมิลิน"
"....." เงียบ มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ เท่านั้น
"ใครอยู่ข้างนอก" เสียงทุ้มตะโกนเรียกลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกให้เข้ามา เพราะเขามีบางอย่างต้องออกไปจัดการสักหน่อย
"ครับนาย"
"เฝ้าเธอไว้อย่าให้ออกไปข้างนอก จนกว่ากูจะกลับมา" ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นพร้อมกับขยับเสื้อตัวเองให้เข้าที่ เขาสบตากับหญิงสาวที่นอนร้องไห้อยู่โซฟา กระตุกยิ้มให้เธอ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ตึก
ตึก
"อ้าวคุณนำทัพ มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าเปลี่ยนใจจะยกเธอให้ผมแล้ว เบื่อเร็วเหมือนกันนะครับคุณเนี่ย"
"มือข้างไหนที่มันใช้แตะต้องเธอ" เขาถามลูกน้องที่ตามมาด้วย
"ซ้ายครับ" เพราะเป็นข้างที่ชายหนุ่มใช้โอบเอวหญิงสาว
"ซ้ายงั้นเหรอ" ดวงตาคงขยับมองมือซ้ายที่อีกคนใช้ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองอยู่ ชายหนุ่มอีกคนมองท่าทางของนำทัพอย่างไม่เข้าใจ
"มีอะไรหรือเปล่าครับ" เขายกมือซ้ายขึ้นดูพลางถามคนตรงหน้าสีหน้ามึนงงเล็กน้อย
"เจ็บหน่อยนะ แต่แค่แป๊บเดียว"
ปัง!
"อ๊ากกก" เสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มดังไปทั่วบริเวณทำผู้คนที่ยืนอยู่ต่างก็หันมองด้วยความตกใจ ทั้งเสียงปืนและเสียงร้องอันแสนเจ็บปวดของเขา กระสุนปืนเจาะเข้าที่มือข้างซ้ายจนเลือดสีสดไหลออกมาไม่หยุด และเจ้าของปืนนั้นก็ไม่ใช่ใครเป็นนำทัพนั่นเองที่ลั่นไกใส่อย่างไม่คิดลังเล บอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของตัวเอง แต่ถ้าใครมันกล้าท้าทายเขาก็ไม่ลังเลที่จะฝังกระสุนไว้ในร่างกายพวกมัน เขาจะถือว่านี่แค่เตือน แต่ถ้าอีกคนยังไม่หยุดก็เตรียมตัวไปเฝ้ายมบาลได้เลย
ยิงหมดไม่สนลูกใคร เฮียทัพเองจ้าาา
“....” ผมนั่งมองยัยผู้หญิงอวดดีที่มันกำลังนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม เธอเอาแต่หลบสายตาเหมือนว่ากลัวผมนักหนา ทั้งที่ความเป็นจริงแม่งพยศใส่ผมอยู่ตลอดเวลา เห็นมิลินกลัวผมแบบนั้นแต่ก็มีบางมุมที่เธอก็ดื้อใส่ผมเหมือนกัน บางครั้งก็เหมือนจะรู้จักเธอดีแต่ก็ไม่ใช่ เธอเป็นคนที่ค่อนข้างคาดเดาอารมณ์ได้ยากเหมือนกัน“วันนี้ลินทำเมนูที่คุณนำทัพอยากทานค่ะ”“แล้วไหนของเธอ”“ลินยังไม่หิวค่ะ”"ทำไม""คือว่า..""นั่งลง" "ลินไม่รบกวนดีกว่าค่ะ" เธอว่าก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในครัว แล้วคิดว่าคนอย่างผมจะยอมไหม?"อย่าคิดว่ามีคนอยู่ฉันจะไม่กล้าทำอะไร" ถ้าขืนเธอยังไม่หยุดพยศผมคงไม่ใจดีด้วยอีกต่อไป อย่าทำให้บรรยากาศเช้านี้ต้องมาเสียเพราะเธอสิ"มิลินอิ่มแล้วค่ะ" เธออิ่มอะไร ก็ในเมื่อเธอเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเหมือนกันกับผม"หรืออิ่มน้ำที่ฉันป้อนไปทั้งคืน" พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเธอก็เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตา จะอายอะไรนักหนาวะเห็นจนไม่รู้จะเห็นยังไงแล้ว "คะ คุณนำทัพ" เธอมีสีหน้าตกใจ ขยับมองเหล่าแม่บ้านและลูกน้องของผมที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วยังไงล่ะ? มันเป็นเรื่องปกติไหม อีกอย่างพวกมันก็ไม่กล้าเอาไปพูดที่ไหนอย
ณ ผับหรูร่างสูงโปร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนใส่คู่กับกางเกงสแล็คสีดำ เนื่องจากพวกเขาค่อนข้างสนิทกันพอสมควรแต่ไม่ถึงขั้นสนิทมากเหมือนกับครูซ ส่วนใหญ่จะเป็นคุยเรื่องงานกันมากกว่า ในขณะที่เขากำลังก้าวเข้าไปยังด้านในตัวร้าน หางตาก็เหลือบไปมองหญิงสาวข้างกายที่เดินเคียงข้างกันมามีสีหน้าประหม่าเล็กน้อย เหมือนเธอกำลังกลัวอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไร""ลินแค่ไม่ชินกับชุดค่ะ" ชุดที่หญิงสาวใส่เป็นชุดราตรียาวสีดำเข้ารูปที่มีดีเทลผ่าข้างเปิดไหล่ ส่วนช่วงแขนเป็นผ้าสีขาวพอง เธอรู้สึกเขินเล็กน้อยเพราะโดยปกติแล้วตัวเธอจะแต่งเป็นชุดที่ปิดมิดชิดหรืออาจจะไม่โชว์ขนาดนี้ ด้วยความที่เธออยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยได้ออกข้างนอกนั่นจึงทำให้ไม่ค่อยได้แต่งตัว พอได้ออกมาทั้งทีมันก็ต้องมีเขินเป็นธรรมดา แล้วชุดนี้ก็เป็นนำทัพที่เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง เขาดูแล้วมองว่ามันเหมาะกับเธออีกทั้งไม่โป๊จนเกินไป รูปลักษณ์ของมิลินเป็นคนที่ค่อนข้างหวานไม่ใช่แนวเซ็กซี่ พอมาแต่งแบบนี้แล้วก็รู้สึกแปลกหูแปลกตาอยู่เหมือนกัน"ไม่ชินก็ต้องทำให้ชิน แล้วไม่ต้องมาคาดหวังว่าฉันจะถอดเสื้อไปคลุมให้ นั่นไม่ใช่ฉัน" เขาไม่ใช่พวกพระเอกในนิยายที่เวลาเห็น
ฟุบ~ ร่างบางถูกวางลงบนเตียงด้วยความเบามือ ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองยังคนบนเตียงแววตานิ่งยากจะคาดเดา เขาเอาแต่ยืนมองเธออยู่แบบนั้น นำทัพถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้ ทว่า... “เจ็บ~” น้ำเสียงแผ่วเล็ดลอดออกมาจากลำคอของคนที่กำลังหลับใหล เธอละเมองั้นเหรอ? “….” เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแต่กลับมีเสียงพูดแทรกออกมา จะบอกว่าแกล้งคงเป็นไปไม่ได้ ผมนอนกับเธอทุกคืนรู้ว่าเวลาหลับมิลินเป็นยังไง “มะ ไม่ทำ ลินกลัวแล้ว~ อย่าทำลินเลยนะ ฮึก!” ละเมอจริงด้วย เธอกลัวอะไร กลัวเขางั้นเหรอ “….” “ลินเจ็บ ลินยอมแล้ว..” ดวงตาคมยังคงจอจ้องไปที่หญิงสาว “….” “อยากไปหาแม่” ทว่าประโยคถัดมาของเธอทำเขาชะงักไปเล็กน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “น่าสมเพช” จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป คงคิดว่าเขาจะไปปลอบใจแล้วกล่อมให้นอนหลับต่อสินะ ฝันไปเถอะ เขาคงไม่เสียเวลากับผู้หญิงอย่างเธอหรอก “พรุ่งนี้นายจะเข้าคาสิโนไหมครับ” ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ไบค์ “ทำไม” ไม่มีงานอะไรมันจะให้ผมเข้าไปทำไม “มีพวกไม่ยอมใช้หนี้หลายคนเลยครับ” ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็พวกชอบชิ่งหนีหนี้สินะ มันอยากหนีให้มันหนีไป แต่ถ้าจับได้เมื่อไหร่คงจะรู
“ส่วนกูนำทัพ”ขวับ!นำทัพเดินมาหยุดอยู่ข้างคนตัวเล็กพร้อมกับเลื่อนมือขึ้นไปกอดเอวแสดงความเป็นเจ้าของ ด้านหมอหนุ่มทำเพียงขยับสายตามองดูการกระทำของอีกคนนิ่ง ๆ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงสาว"ผู้ชายคนนี้ใครเหรอครับ" อยู่ ๆ เขาก็เข้ามาโอบเอว หรือว่าจะเป็นคนรักของเธอทว่า.."ผัว" "มะ มันไม่ใช่นะคะ" ใบหน้าดูดีหันขวับไปมองคนข้างกายทันทีเมื่อเธอปฏิเสธคำตอบของเขา "ว่าไงนะ?" เขาจ้องเธอเขม็ง กล้าดียังไงถึงมาหักหน้าเขาต่อหน้ามัน"...หึ~" มุมปากได้รูปกระตุกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว นำทัพเห็นแบบนั้นก็แทบพุ่งเข้าไปอัดใบหน้าอีกคนให้ล้มทั้งยืน "ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นผู้ปกครองของคุณสินะ" สายตาของทั้งคู่จ้องกันอย่างฟาดฟันไม่มีใครยอมใคร หมอไมลส์ถือว่าเป็นคนแรกที่กล้าสบตาเขาอย่างไม่คิดเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย พร้อมที่จะพุ่งชนทุกเมื่อ"...." หญิงสาวก้มหน้าเงียบไม่กล้าตอบ"เพื่อนเหรอมิลิน" นำทัพถามน้ำเสียงติดหงุดหงิดไม่ชอบใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ชอบผู้ชายตรงหน้านี้เอาเสียเลย ไหนจะรอยยิ้มและสายตาของมันที่กำลังมองมา กวนส้นตีน.."มะ ไม่ใช่ค่ะ" มิลินตอบน้ำเสียงตะกุกตะกัก พอเจอเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้มันก็ทำให้เธอยากที่จะพูดอ
คำเตือน: มีฉากรุนแรงไม่เหมาะสมบ้านพรึบ!"อ๊ะ" ตัวมิลินถูกจับเหวี่ยงลงโซฟาในห้องนอนจนร่างของเธอไปกระแทกเข้ากับขอบโซฟาอย่างแรง มือเล็กเลื่อนขึ้นไปกุมท้องตัวเองเอาไว้เมื่อรู้สึกจุก"เจ็บเหรอ" พร้อมกับก้าวเข้าหาอย่างช้า ๆ น้ำเสียงเยือกเย็น แววตาเรียบนิ่งบวกกับท่าทางน่ากลัวของนำทัพทำให้มิลินขยับตัวถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เสียงที่จะพูดแทบไม่มีเพราะกำลังจุก เขาไม่มีทีท่าว่าจะเบามือกับเธอเลยสักครั้ง ตั้งแต่ขึ้นรถมากระทั่งถึงบ้านนำทัพก็เอาแต่ฉุดกระชากลากเธอมาจนถึงห้องนอน"ละ..ลินกลัว อึก~ จะขังลินหรือให้ลินอดข้าวลินก็ยอม ได้โปรดอย่าทำลินเลยนะ""เธอจะกลัวทำไมมิลิน เพราะยังไงซะเธอก็ต้องมานอนให้ฉันกระแทกอยู่ดี" คิดว่าเขาจะเห็นใจกับคำร้องขอน่าสมเพชพวกนั้นเหรอ ฝันอยู่หรือไง"ฮื่ออ" คำพูดของเธอไม่ได้เข้าไปอยู่ในโสตประสาทของอีกคนเลยแม่แต่น้อย นำทัพยังคงขยับก้าวเข้าหาหญิงสาวเรื่อย ๆ เขามองท่าทีหวาดหวั่นของเธอพลางกระตุกยิ้มชอบใจ"อะไรกันมิลิน ฉันยังไม่ได้สนุกกับเธอเลยนะ" ย่อตัวนั่งลงตรงหน้า"อยะ อย่าทำลิน กลัวละ..แล้ว อึก!" อยู่ ๆ อาการแน่นหน้าอกของเธอก็กลับมาเล่นงานอีกครั้ง หญิงสาวหอบหายใจอย่างยากลำบาก
คำเตือน: มีฉากรุนแรงไม่เหมาะสม"จะถอดดี ๆ หรือให้กูขึ้นไปกระชากออก" หญิงสาวประคองตัวลุกนั่ง ยกมือสั่นเทาถอดเสื้อผ้าออกจากตัวตามคำสั่งของปีศาจร้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาอีกคนจะรู้ไหมว่าเธอกำลังกลัวการกระทำของเขาเหลือเกิน เขาจะทำกับเธอแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน หรือต้องให้เธอตายไปต่อหน้าต่อตาเขาถึงจะพอใจ แบบนี้ใช่ไหมที่อีกคนต้องการ"ฮึก!" มิลินถอดเสื้อผ้าพลางสะอื้นไห้ ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของคนตัวเล็กบนเตียง นำทัพหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทางชักช้าของอีกคน เขาจัดการปีนขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับมือที่เอื้อมไปกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวทำให้เนื้อผ้าขูดตามผิวจนรู้สึกแสบและเป็นรอยแดง แคว่ก!!"อึก~" เธอไม่พูดอะไรนอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง มองใบหน้าดูดีนั้นผ่านม่านน้ำตา เขาใจดีมากเลย..แต่ใจดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เขารับฟังเสียงทุกคนแต่ไม่ใช่เสียงเธอ ต่อให้เธอจะร้องดังสักแค่ไหนตะโกนออกไปจนสุดเสียงเขาก็ไม่คิดที่จะหันมาสนใจ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดนั่นก็คือร่างกายของเธอและความสะใจเท่านั้น ชาติที่แล้วเธอทำกรรมอะไรไว้นักหนา ชาตินี้ถ
วันเสาร์ผ่านมาแล้วสามวัน หญิงสาวยังไม่หายจากอาการจับไข้ตั้งแต่วันนั้น ส่วนคนที่ทำไม่แม้แต่จะไยดี เขาไปทำงานที่กาสิโนไม่กลับบ้านมาตั้งแต่วันนั้น สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเธอเองก็ยังไม่อยากเจอเขาเช่นเดียวกัน"คุณมิลินทานอาหารหน่อยไหมคะ" แม่บ้านยกอาหารและยาขึ้นมาเสิร์ฟ เป็นสามวันที่เธอไม่ได้ออกไปจากห้องเลย ทุกคนในบ้านต่างก็เป็นห่วง ทั้งคาเรนและไบค์สั่งให้เหล่าแม่บ้านคอยเฝ้ามองดูอาการไข้ของเธอให้ดี หากมิลินไข้ขึ้นให้รีบแจ้งพวกเขาทันที ทุกคนที่นี่ต่างก็สงสารจึงใส่ใจกับเธอมากไม่มีใครมองข้ามเธอเลยสักคน ทว่าต่อให้พวกเธอจะสงสารหญิงสาวมากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งของเจ้านายหากใครขัดขืนไม่ใช่แค่จะโดนไล่ออก พวกเขาอาจจะถูกฆ่าเลยก็ได้"ลินเจ็บท้องค่ะ" เธอบอกกับแม่บ้านที่นำอาหารขึ้นมาเสิร์ฟ เธอรู้สึกหน่วงอยู่ในท้องไม่หายสักที มันเจ็บเหมือนมีอะไรจะหลุดออกมาอยู่ตลอดเวลา คงเป็นเพราะการกระทำที่รุนแรงของอีกคน"ไปหาหมอไหมคะ""มิลินกลัว" เธออยากไปหาหมอแต่กลัวว่าเขาจะไม่ยอมให้ไป เธอยังกลัวเหตุการณ์ในคืนนั้นยังไม่หาย เธอยอมทนเจ็บท้องมาถึงสามวันเพราะไม่กล้าบอกใคร แต่วัน
"กูเอง" คาเรนตอบคำถามให้อีกคนหายข้องใจว่าใครเป็นคนอนุญาตให้มิลินไปโรงพยาบาลโดยบอกเขาก่อน "ไปเอามิลินกลับมา" เขาไม่สนว่าเธอจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นอะไร สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือพาเธอกลับมา "นี่ไม่ใช่เวลางาน" นั่นหมายความว่านำทัพไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเขา ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันนิ่งก่อนจะเป็นนำทัพที่เบือนหน้าหนีแล้วพาตัวเองไปนั่งยังโซฟา "กูจะเอามิลินไปด้วย" เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นโดยที่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองอยู่ "ถ้ากูบอกว่าไม่ให้เอาไปล่ะ" คนไม่สบายจะให้ไปลากกลับมามันใช่เรื่องหรือไง "...." นำทัพเงียบไปอีกครั้ง อีกสองวันเขาต้องเดินทางกลับไทย และเขาไม่อยากปล่อยหญิงสาวไว้ที่นี่ตามลำพัง ต่อให้มีคาเรนอยู่ด้วยก็ตามเขาก็จะเอาเธอไปด้วยอยู่ดี เพราะอย่างน้อยเธอจะได้อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" ทว่าเสียงของคนมาใหม่แทรกขึ้นทำลายบทสนทนาของทั้งสองให้ยุติลง ไบค์มองทั้งสองที่คุยกันสีหน้าจริงจังดูเคร่งเครียดดี ซึ่งไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน "....." เงียบ "ลูกพี่มึงจะกลับไทย" คาเรนพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ "นายจะ
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่
เช้าวันใหม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะ" เรียวแขนเล็กโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง เสียงหวานชวนหลงใหลเอ่ยขึ้นก่อนที่ใบหน้าสวยจะชะโงกไปมองยังเสี้ยวใบหน้าคนตัวโต"ทำไมอารมณ์ดี หื้ม?" นำทัพถามคนตัวเล็กขณะที่ยืนทำอาหารเช้าให้แม่ของลูกอยู่ในครัว"เมื่อคืนลินฝันว่าเราได้ลูกชาย" เธอฝันว่าตัวเองคลอดลูกชาย ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักจ้ำม่ำทั้งยังเหมือนพ่อราวกับแฝด พอตื่นมาเธอจำเหตุการณ์เรื่องราวในฝันได้หมด มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีและอยากให้ถึงวันคลอดเร็ว ๆ"สงสัยเฮียจะได้ลูกชาย" ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าทางเขาเลยสิ นำทัพลอบยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าตนจะได้ลูกชายตามใจหวัง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกในท้องเพศอะไร แต่มันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี"ออกมาต้องหล่อเหมือนเฮียแน่เลย""มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเชื้อเฮียมันแรง""ไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยหรือไง" จากมาเฟียผู้เย็นชากลายเป็นคนหลงตัวเองไปเสียแล้ว มิลินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปยืนมองพ่อของลูกทำอาหารดี ๆ"วันนี้คุณแม่แต่งตัวน่ารักจัง"“ไม่น่ารักได้ไงคุณพ่อเป็นคนเตรียมไว้ให้”“หึหึ”"ว่าแต่วันนี้คุณพ่อทำอะไรให้ทานเอ่ย""มีบางคนบ่นอยากกินโจ๊กฝีมือเฮีย วันนี้เลยตื่นมาทำให้" ใบหน้าหล่อหันไปยิ
บนห้องนอนภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูมากมาย นำทัพนั่งกอดอกมองหญิงสาวขดนอนอยู่ใต้ผ้าน่วมผืนใหญ่บนเตียงคิงไซส์มาเป็นชั่วโมง ในหัวเขาเกิดคำถามมากมายที่ไม่สามารถพูดกับใครได้เลย มาลองคิดเล่น ๆ หากวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้วเขาจะเป็นยังไง จะแตกสลายแค่ไหนหากเราไม่สามารถปกป้องคนรักไว้ได้ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงอยู่ไม่น้อย“....” เขาจะปกป้องเธอกับลูกด้วยชีวิตของเขา ใครหน้าไหนก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้เด็ดขาดพูดถึงคาเรน เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่ถูกชะตากับน้องชายต่างแม่เป็นอย่างมาก สาเหตุก็มาจากคำว่า ‘ลูกเมียน้อย’ นำทัพเกลียดพ่อตัวเองในตอนนั้นมาก ท่านทำแม่เขาเสียใจจนล้มป่วย หลังจากที่พ่อเขาเปิดตัวเมียน้อยกับลูกติดก็คือคาเรน เขาก็พาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที กระทั่งวันที่พ่อเสีย ท่านยกทุกอย่างให้เขาเพียงผู้เดียว ถามว่าดีใจไหมตอบเลยว่าไม่! แม้ท่านจะให้เขาทั้งหมด แต่มีหนึ่งสิ่งที่พ่อของเขาได้ขอเอาไว้ ขอให้เขาดูแลน้องชายให้ดี ทำไมท่านถึงเอาแต่ห่วงมันทั้งที่เขาก็เป็นลูกเหมือนกันหลังจากวันเวลาผ่านไปหลายปีกระทั่งคาเรนเรียนจบจึงขอมาช่วยงาน เขาเห็นในความพยายามของอีกคนที่อยากมาอยู่ด้วยจึงตอบตก
ช่วงเย็น “เฮีย” คนตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเธอที่ดังอยู่ด้านหลัง “....” นำทัพคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ในวันนี้ เขาไม่สามารถสืบหาได้เลยว่าใครเป็นคนส่งภาพนั้นมาให้ ไม่รู้ว่าคนที่ทำต้องการแค่จะปั่นหัวเขาหรือเป็นสัญญาณเตือนในสิ่งที่เขากำลังกลัว ถ้าทุกอย่างมาลงที่เขาคนเดียวแน่นอนว่าเขาไม่คิดกลัวแต่กลับพร้อมพุ่งชน พอเป็นเธอทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายเลย “เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” “....” นำทัพไม่ใช่คนขี้ขลาด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมให้มันมาขู่อยู่แบบนี้แน่นอน มันอาจตายไปตั้งแต่วันแรกแล้วก็ได้ ทว่าเป้าหมายที่มันต้องการทำลายดันเป็นมิลิน แม่ของลูกคนที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต เขาจะไม่มีทางให้มันแตะต้องเธอได้เด็ดขาด “เฮีย” ขวับ! “มิลิน” น้ำเสียงตกใจแต่ยังคงความนิ่งเอาไว้เอ่ยเรียกแม่ของลูกที่กำลังจ้องมาตาแป๋ว นำทัพปรับเปลี่ยนใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะรั้งเธอเข้ามาสวมกอด “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเฮียดูเหม่อ ๆ” หรือเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยเป็นแบบนี้ “เฮียน่าจะนอนน้อย” นั่นไง จริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด มิลินผละตัวออกจ