คำเตือน: มีฉากรุนแรงไม่เหมาะสม
"จะถอดดี ๆ หรือให้กูขึ้นไปกระชากออก" หญิงสาวประคองตัวลุกนั่ง ยกมือสั่นเทาถอดเสื้อผ้าออกจากตัวตามคำสั่งของปีศาจร้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาอีกคนจะรู้ไหมว่าเธอกำลังกลัวการกระทำของเขาเหลือเกิน เขาจะทำกับเธอแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน หรือต้องให้เธอตายไปต่อหน้าต่อตาเขาถึงจะพอใจ แบบนี้ใช่ไหมที่อีกคนต้องการ "ฮึก!" มิลินถอดเสื้อผ้าพลางสะอื้นไห้ ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของคนตัวเล็กบนเตียง นำทัพหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทางชักช้าของอีกคน เขาจัดการปีนขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับมือที่เอื้อมไปกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวทำให้เนื้อผ้าขูดตามผิวจนรู้สึกแสบและเป็นรอยแดง แคว่ก!! "อึก~" เธอไม่พูดอะไรนอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง มองใบหน้าดูดีนั้นผ่านม่านน้ำตา เขาใจดีมากเลย..แต่ใจดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เขารับฟังเสียงทุกคนแต่ไม่ใช่เสียงเธอ ต่อให้เธอจะร้องดังสักแค่ไหนตะโกนออกไปจนสุดเสียงเขาก็ไม่คิดที่จะหันมาสนใจ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดนั่นก็คือร่างกายของเธอและความสะใจเท่านั้น ชาติที่แล้วเธอทำกรรมอะไรไว้นักหนา ชาตินี้ถึงได้กลับมาชดใช้อย่างแสนสาหัส จะมีใครรู้ไหมว่าเธอเจ็บปวดมากแค่ไหนกัน มันจะตายอยู่แล้วรู้ไหม..ฮึก~ "อยู่กับกูบีบน้ำตา พออยู่กับมันมึงยิ้มให้ สนุกมากไหม?" "ลินกับคุณหมอไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ นะคะ ฮึก!" "ถ้ากูไม่ไปเจอพวกมึงก็คงไปเอากันแล้วใช่ไหม" "คะ คุณนำทัพกำลังเข้าใจลินผิด" "งั้นเหรอ?" "คุณหมอไมลส์เข้ามาช่วยลินไว้เท่านั้น" คนตัวเล็กพยายามอธิบายกับสิ่งที่อีกคนกำลังเข้าใจผิด เธอและหมอไมลส์ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น อีกอย่างพวกเขาก็เพิ่งเจอกันจะให้ไปด้วยกันได้ยังไงล่ะ เขาแค่หาเรื่องอยากลงโทษเธอเท่านั้นแหละเพราะนี่มันคือนิสัยปกติของเขา หากจะบอกว่าเป็นนิสัยก็คงไม่ถูก ต้องเรียกว่าสันดานเลยก็ว่าได้ "ไปทำอีท่าไหนล่ะมันถึงได้เข้ามาติด" สงสัยจะไปอ่อยกันจนผู้ชายต้องวิ่งเข้าหา จะทิ้งไม่ได้เลยสินะสันดานแม่เล้าหนิ "ช่วยฟังลินหน่อยได้ไหมคะ อยากให้คุณนำทัพฟังเสียงลินหน่อย ฮึก!" "เสียงเดียวที่กูจะฟังนั่นก็คือเสียงครางของมึง เตรียมแหกปากร้องดัง ๆ ให้พวกที่อยู่ข้างนอกได้ยินด้วยล่ะ" พูดจบเขาก็จัดการหยิบกุญแจมือขึ้นมาล็อคแขนหญิงสาวเอาไว้ทั้งสองข้าง กลายเป็นว่าตอนนี้มิลินนอนอยู่บนเตียงโดยที่มือทั้งสองข้างถูกล็อคไว้กับหัวเตียงด้วยกุญแจมือที่อีกคนนำมา นำทัพกระตุกยิ้มกับภาพตรงหน้า ช่างเป็นภาพที่สวยงามเสียเหลือเกิน..หึหึ "ขออัดคลิปไว้ดูหน่อยนะคนสวย" แล้วเขาก็จัดการหยิบกล้องขึ้นมาพร้อมกับตั้งเอาไว้เพื่ออัดวีดีโอ คนตัวเล็กดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่เขากำลังจะอัดคลิประหว่างที่เขากำลังจะทำเรื่องอย่างว่ากับเธองั้นเหรอ เขาจะไม่เอาไปปล่อยใช่ไหม จะมีใครรู้หรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเธอจะเอาหน้าไปสู้ใครเขาได้ล่ะ แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้เธอก็แทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมอยู่แล้วนะ "คะ คุณนำทัพได้โปรดเถอะนะคะ ฮึก! อย่าทำกับลินแบบนี้เลย..ช่วยมองว่าลินเป็นคนหน่อยได้ไหม" "เธอกำลังเรียกร้องอะไรอยู่มิลิน มันคือสิ่งที่เธอคุ้นเคยมาตลอดไม่ใช่เหรอกับเรื่องพวกนี้อย่างมากคลิปที่ฉันอัดไว้เธอเอาไปขายต่อยังได้เงินมาใช้ เธอต้องขอบคุณฉันสิ" เขามันเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนเขาทำกัน จะทรมานเธอไปถึงไหนกัน ไม่ฆ่าให้ตายจบ ๆ ไปเลยล่ะ "ละ ลินกลัวตัวนั้น" เธอชี้ไปยังเทียนที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง นำทัพยิ้มออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าหญิงสาวนั้นกลัวของเล่นที่เขาจะใช้กับเธอคืนนี้ เพราะยิ่งเธอกลัวมากเท่าไหร่เขายิ่งอยากใช้กับเธอมากเท่านั้น การที่เห็นเธอเจ็บปวดทรมานเขารู้สึกมีความสุขที่สุด "งั้นเริ่มจากตัวนี้ก่อนเลยนะ^^" พูดจบก็โน้มตัวไปคว้าเอาเทียนมาจุดพลางหันไปยิ้มหวานให้กับคนที่ถูกมัดอยู่ใต้ร่าง ขาสองข้างถูกจับให้แยกออกจากกันโดยมีเขาแทรกอยู่กลางหว่างขา เมื่อจุดเทียนน้ำตาเทียนก็เริ่มผลิตออกมา ใบหน้าของเขามันดูชอบใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มาก เหมือนว่าเขาตั้งใจที่จะทรมานเธออย่างเจ็บปวดเอาให้ร้องขอชีวิตกันไปข้างหนึ่ง "ทำอย่างเดียวดะ..ได้ไหม ไม่ใช้มันได้ไหม ฮึก! ลินสัญญาว่าจะไม่ดื้อแล้ว ลินจะไม่ออกจากบ้านด้วย จะอยู่ตรงแต่ในห้อง ฮึก! ขะ..ขังลินไว้ก็ได้" น้ำเสียงร้อนรนพยายามเอ่ยเป็นคำพูดเว้าวอนขอให้เขาหยุดการกระทำนั้นซะ เธอกลัวแล้วจริง ๆ ทว่าสิ่งที่เธอพ่นออกมากลับเรียกรอยยิ้มของอีกคนได้เป็นอย่างดี นำทัพค่อย ๆ ยื่นเทียนไปให้อยู่เสมอกับหน้าท้องของเธอก่อนที่เขาจะ.. แปะ แปะ (หยดน้ำตาเทียนใส่ตัวมิลิน) "กรี๊ด!!" เสียงกรีดร้องแสนเจ็บปวดดังระงมไปทั่วห้องนอน ดังไปถึงชั้นล่างที่มีลูกน้องยืนอยู่ ทุกคนต่างหันมองหน้ากันอย่างไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา เพราะรู้ว่าหญิงสาวกำลังโดนอะไรอยู่ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของคนเธอ "หึหึ สวย" "พะ พอแล้ว กรี๊ดดด" "นี่คือบทลงโทษของคนที่มันพยศใส่กู" นำทัพยังคงเทหยดน้ำตาเทียนใส่ตัวหญิงสาวจนเนื้อตัวของเธอเริ่มแดงเพราะความร้อนของน้ำตาเทียน แต่เหมือนว่าเขายังไม่พอใจกับบทลงโทษนี้สักเท่าไหร่ จึงเอื้อมมือไปหยิบผ้าปิดตาเพื่อนำมาปิดให้อีกคน เมื่อพอใจกับเทียนเล่มนี้แล้วเขาจึงดับแล้ววางไว้ที่เดิม นำทัพจัดการนำผ้าที่หยิบมาไปปิดตาให้กับหญิงสาวก่อนที่เขาจะมาจัดการกับตัวเองต่อ เขาจัดการรูดซิปกางเกงพร้อมกับควักเอาท่อนเอ็นใหญ่ออกมาชักรูดเพื่อให้พร้อมใช้งาน ดวงตาคมกริบก้มมองยังท่อนเอ็นที่แข็งผงาดพร้อมเข้าไปอยู่ในรูคับแคบนั้นแล้ว "มันน่าตื่นเต้นดีว่าไหม" เขาถามโดยที่ใช้หัวหยักถูไถไปตามรอยแยกก่อนที่จะค่อย ๆ กดมันลงไปในร่องอุ่นนั้นอย่างใจเย็น สวบ~ "อื้ออ!!" "อ่า.. ครางสิ ครางดัง ๆ" "จะ เจ็บ" "รู้สึกดีเป็นบ้า ซี๊ด" เอวสอบเริ่มขยับเนิบนาบก่อนจะเพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท่อนเองใหญ่กระแทกกระทั้นใส่รูเล็กทำเอาหญิงสาวนอนกรีดร้องเพราะอาการจุกท้องน้อย เขารุนแรงเกินไป ปึก! ปึก! ปึก! เสียงเตียงดังเอี๊ยดอ๊าดเกิดจากการขยับกายอย่างรุนแรงของคนตัวสูง นำทัพก้มหน้าก้มตากระแทกด้วยความสะใจ ยิ่งเขาเห็นใบหน้าของเธอเขายิ่งอยากทำมันแรง ๆ เอาให้เธอสลบคาเตียงไปเลย "จุก ลินเจ็บท้อง" เธอไม่ได้โกหก เธอเจ็บท้องจริง ๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรจะหลุดออกมาจากท้องให้ได้ จะเลื่อนมือมาคุมท้องตัวเองก็ติดว่าถูกมัดไว้กับหัวเตียงอีก สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงนอนรับแรงกระแทกจากอีกคนเท่านั้น เขาไม่สนเสียงร้องที่เธอเอ่ยบอกเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวร้องไห้อยู่ใต้ผืนผ้าที่ปิดดวงตาทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ เมื่อไหร่กัน..เมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นไปจากตรงนี้ได้เสียที นานนับหลายชั่วโมงที่เธอต้องนอนให้อีกคนกระทำอยู่แบบนั้นจนในที่สุดเธอก็ทนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว ภาพตรงหน้าค่อย ๆ เลือนลางลงก่อนที่มันจะมืดสนิทแล้วหายไปในที่สุด นำทัพเหลือบมองหญิงสาวที่สลบไปเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา เขายังคงอัดแก่นกายใหญ่ใส่คนใต้ร่างไม่คิดที่จะหยุดพัก เขาจะทำมันจนกว่าเขาจะพอใจแล้วหยุดมันไปเอง หวังว่าการลงโทษครั้งนี้จะทำให้เธอหลาบจำแล้วไม่กล้าพยศใส่เขา อีกหากเธอยังคิดที่จะทำมันอีกเธอจะได้รับบทลงโทษหนักกว่านี้หลายเท่าแน่นอนวันเสาร์ผ่านมาแล้วสามวัน หญิงสาวยังไม่หายจากอาการจับไข้ตั้งแต่วันนั้น ส่วนคนที่ทำไม่แม้แต่จะไยดี เขาไปทำงานที่กาสิโนไม่กลับบ้านมาตั้งแต่วันนั้น สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเธอเองก็ยังไม่อยากเจอเขาเช่นเดียวกัน"คุณมิลินทานอาหารหน่อยไหมคะ" แม่บ้านยกอาหารและยาขึ้นมาเสิร์ฟ เป็นสามวันที่เธอไม่ได้ออกไปจากห้องเลย ทุกคนในบ้านต่างก็เป็นห่วง ทั้งคาเรนและไบค์สั่งให้เหล่าแม่บ้านคอยเฝ้ามองดูอาการไข้ของเธอให้ดี หากมิลินไข้ขึ้นให้รีบแจ้งพวกเขาทันที ทุกคนที่นี่ต่างก็สงสารจึงใส่ใจกับเธอมากไม่มีใครมองข้ามเธอเลยสักคน ทว่าต่อให้พวกเธอจะสงสารหญิงสาวมากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งของเจ้านายหากใครขัดขืนไม่ใช่แค่จะโดนไล่ออก พวกเขาอาจจะถูกฆ่าเลยก็ได้"ลินเจ็บท้องค่ะ" เธอบอกกับแม่บ้านที่นำอาหารขึ้นมาเสิร์ฟ เธอรู้สึกหน่วงอยู่ในท้องไม่หายสักที มันเจ็บเหมือนมีอะไรจะหลุดออกมาอยู่ตลอดเวลา คงเป็นเพราะการกระทำที่รุนแรงของอีกคน"ไปหาหมอไหมคะ""มิลินกลัว" เธออยากไปหาหมอแต่กลัวว่าเขาจะไม่ยอมให้ไป เธอยังกลัวเหตุการณ์ในคืนนั้นยังไม่หาย เธอยอมทนเจ็บท้องมาถึงสามวันเพราะไม่กล้าบอกใคร แต่วัน
"กูเอง" คาเรนตอบคำถามให้อีกคนหายข้องใจว่าใครเป็นคนอนุญาตให้มิลินไปโรงพยาบาลโดยบอกเขาก่อน "ไปเอามิลินกลับมา" เขาไม่สนว่าเธอจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นอะไร สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือพาเธอกลับมา "นี่ไม่ใช่เวลางาน" นั่นหมายความว่านำทัพไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเขา ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันนิ่งก่อนจะเป็นนำทัพที่เบือนหน้าหนีแล้วพาตัวเองไปนั่งยังโซฟา "กูจะเอามิลินไปด้วย" เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นโดยที่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองอยู่ "ถ้ากูบอกว่าไม่ให้เอาไปล่ะ" คนไม่สบายจะให้ไปลากกลับมามันใช่เรื่องหรือไง "...." นำทัพเงียบไปอีกครั้ง อีกสองวันเขาต้องเดินทางกลับไทย และเขาไม่อยากปล่อยหญิงสาวไว้ที่นี่ตามลำพัง ต่อให้มีคาเรนอยู่ด้วยก็ตามเขาก็จะเอาเธอไปด้วยอยู่ดี เพราะอย่างน้อยเธอจะได้อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" ทว่าเสียงของคนมาใหม่แทรกขึ้นทำลายบทสนทนาของทั้งสองให้ยุติลง ไบค์มองทั้งสองที่คุยกันสีหน้าจริงจังดูเคร่งเครียดดี ซึ่งไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน "....." เงียบ "ลูกพี่มึงจะกลับไทย" คาเรนพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ "นายจะ
กลางดึก"...." ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความมืด มีเพียงแสงสว่างจากช่องผ่านทางประตูที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้มองเห็นเพียงประปราย หญิงสาวบนเตียงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตากลมโตจะค่อย ๆ เปิดขึ้น เธอพยายามเพ่งมองเพดานผ่านความมืด ใบหน้าสวยขยับหันมองไปยังอีกฝั่ง แล้วหญิงสาวก็นิ่งไปชั่วขณะ..ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนนอนเหยียดขายาวพาดไปกับโซฟาที่ดูจะเล็กไปกว่าตัว ดวงตากลมโตเอาแต่จ้องไปยังอีกคนด้วยความรู้สึกหลากหลายที่อยู่ข้างใน ภาพที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นก็ได้เห็น เธอเคยป่วยเพราะเขาอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่มีสักครั้งที่นำทัพจะมาเฝ้าเธอ แต่ทำไหมรอบนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ"จะจ้องอีกนานไหม" น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวยังนอนนิ่งไม่ขยับ "อ๊ะ" มิลินตกใจรีบเบือนหน้าหนีไปมองอย่างอื่นด้วยความกลัว เขามีตาวิเศษหรือไงถึงได้รู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลา"ตื่นสักทีนะ" ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกนั่งพร้อมกับเสยผมขึ้นลวก ๆ พลางขยับสายตาไปมองหญิงสาวบนเตียง"..อึก" มือเล็กกำผ้าห่มแน่นตอนที่อีกคนเดินมาหยุดข้างเตียง กลัวเขาจะว่าให้เธอที่เอาแต่ทำตัวอ่อนแอจนเป็นภาระคนอื่น"...." เขาเงียบแล้วเอาแต่มองใบหน้าสวยที่พยายามหลบสายตา เธ
"เสียงอะไร" มิลินได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ข้างนอกจึงลุกขึ้นเพื่อจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น มือเล็กเปิดประตูออกกว้างพร้อมกับก้าวขาออกไปยังนอกห้อง หญิงสาวมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นลูกน้องของนำทัพยืนเฝ้าอยู่สักคน "ไปไหนกันหมด" หรือจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ งั้นเธอควรออกไปดีไหม หรือว่ารอนำทัพอยู่ในห้อง แต่เสียงพวกนั้นมันดังมากเลยนะ เธออยากไปเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้เธอทำตัวไม่ต่างจากป้าข้างบ้านเลยสักนิด อยากรู้อยากเห็นไปเสียหมดทุกอย่าง คงเพราะเธอเบื่ออยู่แต่ในห้องด้วยแหละมั้งเลยอยากออกไปสูดอากาศด้านนอก คนตัวเล็กยืนเถียงกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจได้ว่าควรไปดูจากนั้นขาเรียวยาวก็ก้าวไปยังที่มาของเสียงด้วยใจที่เต้นระทึก ใจหนึ่งก็กลัวว่านำทัพจะดุที่ออกมาเพ่นพ่านโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน แต่อีกใจก็อยากรู้อยากเห็นจนทำให้ไม่อยากกลับเข้าไปรอในห้อง มิลินเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แต่แล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงที่คุ้นเคย เธอมองนำทัพที่กำลังยืนคุยกับใครสักคน ซึ่งเธอเองก็มองไม่เห็นอีกฝ่ายเพราะผู้คนต่างบังไว้หมด ด้วยความสูงของนำทัพเลยไม่แปลกที่เธอจะเห็นเข
หลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้ว นำทัพยังคงเงียบไม่ออกมาจากห้องนอน หญิงสาวชะเง้อคอมองคอยเฝ้าว่าเมื่อไหร่เขาจะออกมาสักที ถ้าให้เธอเข้าไปก็คงโดนเขาไล่ตะเพิดออกมาอีกแน่นอน ตอนนี้คงทำได้แค่นั่งรอ ให้ออกไปข้างนอกเธอก็ไม่กล้าแล้ว"ไปกันเถอะ" ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง อยู่ ๆ ไบค์ก็เข้ามาพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ชวนคิ้วขมวดอยู่ไม่น้อย "ไปไหนหรอคะพี่ไบค์" พี่ไบค์จะพาเธอไปไหน?"นายให้พี่ไปส่งเราที่บ้าน" "หมะ หมายความว่าไงคะ" หมายความว่าไงที่ให้เธอกลับบ้าน นี่เขาโกรธเธอถึงขั้นไม่อยากเจอหน้าเลยงั้นเหรอ เมื่อรู้ว่าเป็นอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากกว่าเดิมหลายเท่า"นายบอกคืนนี้ไม่กลับบ้านเลยให้ผมพาคุณมิลินกลับไปก่อน" เขาเกลียดถึงขั้นไม่อยากเจอหน้าเธอเลยสินะ อย่างว่าแหละ..ใครจะไม่โกรธบ้างทำให้เขาเจ็บตัวขนาดนั้น ดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ถึงยังไงก็เถอะเธอเองก็ไม่สบายใจอยู่ดี อย่างน้อยแค่ได้คุยกับเขาก่อนกลับเธอยังรู้สึกดีมากกว่านี้อีก"ลินขอเข้าไปหาคุณนำทัพได้ไหมคะ""ผมว่าตอนนี้อย่าเพิ่งดีกว่าครับ เอาไว้ให้นายใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยก็ได้" ขืนเธอเข้าไปตอนนี้กลัวว่าเธอจะถูกเจ้านายทำ
"คุณมิลิน" หมอไมลส์เรียกชื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้อง เขาเพิ่งเสร็จจากเคสล่าสุด วันนี้งานวุ่นทั้งวันตั้งแต่เช้าจนบ่าย ดีที่เขานัดมิลินไว้ช่วงบ่าย ไม่งั้นเธอได้รอเขานานแน่นอน แต่สิ่งที่เขาแปลกใจไปมากกว่านั้นไม่ใช่หญิงสาวที่อยู่ในห้อง แต่เป็นกลิ่นบางอย่างที่พอเปิดประตูเข้ามาก็เตะจมูกเขาทันที และมันทำให้เขารู้ว่าก่อนหน้านี่มิลินไม่ได้อยู่คนเดียว"คะ คุณหมอ" มิลินมีท่าทีกลัวเขาจนอีกคนจับสังเกตได้ หมอไมลส์มองปฏิกิริยาของอีกคน สีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่เขาจะทำหน้าปลงเหมือนเอือมระอาเต็มที..มันเอาอีกแล้ว"หมอขอสอบถามอาการหน่อยนะ" เขาเบี่ยงความสนใจหญิงสาวไปเป็นตั้งคำถามแทน เขาสังเกตได้ว่าใบหน้าของเธอดูสดใสกว่าครั้งแรกที่ได้เจอกันมาก สงสัยผู้ชายคนนั้นจะดูแลเธอดีกว่าที่เขาคิด"ลินยังมีอาการหวาดกลัวแล้วก็ใจสั่นในบางครั้ง แต่พักหลัง ๆ เริ่มดีขึ้นมานิดหน่อยค่ะ คงเพราะลินไม่ได้ออกไปข้างนอกหรือเขาไม่ได้ใจร้ายกับลินเหมือนเมื่อก่อนด้วยค่ะ" มิลินบอกอาการตัวเองให้หมอไมลส์รับรู้ เธอบอกแค่เฉพาะบางเรื่องที่ทำให้เธอมีอาการหวาดกลัว แม้ว่าเธอจะบอกเขาไม่หมดก็ตาม ถึงอย่างนั้นหมอหนุ่มก็รู้อยู่ดีว่าเธอโดนอะไรมาบ้าง แค
"หนูกลัวแล้ว" "แล้วที่กูเห็นวันนี้คืออะไร""ลินปฏิเสธแล้วตะ..แต่คุณหมอยังมาส่ง""ไม่ใช่ว่ามึงไปอ่อยจนมันต้องมาส่งเหรอ" พอนึกถึงหน้าไอ้คนที่มันมาส่งเธอ เขาก็ยิ่งออกแรงกดหน้าเธอไปกับโต๊ะด้วยอารมณ์คุกรุ่น "ลินเจ็บ..อึก~""ตอนนี้ฉันโกรธเธอมากมิลิน" เหมือนว่าอารมณ์นำทัพจะเย็นลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังโกรธเรื่องที่เธอเข้าใกล้คนอื่นที่ไม่ใช่เขา ไหนจะสิ่งที่มันทำกับเธอก่อนกลับนั่นอีก เหมือนว่าเธอและมันจูบกันโชว์เขา"นายครับ" ไบค์เรียกเจ้านายเพื่อให้อีกคนได้สติ เขาสงสารหญิงสาวที่ตอนนี้แทบจะไม่มีแรงลุกขึ้นมาสู้ หากเจ้านายเขายังทำรุนแรงกับเธอไม่หยุดกลัวว่ามิลิจะหมดสติไปก่อน"อย่าเสือก" ตวัดสายตาไปมอง"ลินกับคุณหมอไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ นะคะสาบานได้เลย ฮึก~""อย่างนั้นเหรอมิลิน""จะ จริงค่ะ" แม้จะพูดความจริงออกไปทั้งหมด นำทัพก็ยังไม่ปล่อยมือออกจากไปหน้าของเธอ เขาเหลือบตามองลูกน้องที่ยืนอยู่ในละแวกนั้น ก่อนจะกระตุกยิ้มพร้อมกับกับออกคำสั่งกับลูกน้องทุกคน"หันหน้ามาให้หมด" ไบค์รู้ได้ทันทีว่าเจ้านาย คิดจะทำอะไร เขาใช้โอกาสที่นำทัพเผลอหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความไปหาคาเรน เพื่อให้เพื่อนมาช่วยพูดกับพี่ชาย
"มิลิน แม่งเอ้ย!!" เขาเห็นบานประตูห้องนอนด้านในเปิดอยู่จึงรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความรวดเร็ว ต้องบอกก่อนว่าที่กาสิโนไม่ได้มีห้องนอนแค่ในห้องทำงานเขาเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายห้องที่อยู่ชั้นเดียวกับเขา ทันทีที่เข้ามาในห้องก็พบเพียงผ้าม่านตรงระเบียงกำลังปลิวไหว มันทำให้เขารู้ได้ทันทีว่ามิลินเลือกที่จะกระโดดระเบียงลงไป นำทัพไม่รอช้ารีบวิ่งออกจากห้องไปดูด้วยความรวดเร็ว แม้ระเบียงห้องนี้จะไม่สูงมากแต่มันก็ทำให้เธอเจ็บได้เหมือนกัน"ตามหามิลินให้ทั่ว!" เสียงทุ้มตะโกนบอกลูกน้องทุกคนที่ยืนอยู่ให้ออกตามหาหญิงสาว เชื่อว่าเธอคงหนีไปได้ไม่ไกล"รับทราบครับ" ทุกคนรีบออกตามหาผู้หญิงของเจ้านายทันที นำทัพวิ่งไปยังด้านหลังห้องที่หญิงสาวกระโดดลง เขากวาดสายตามองไปทั่วบริเวณเผื่อว่าเธอจะเจ็บแล้วแอบซ่อนตัวอยู่แถวนี้"มิลินฉันรู้ว่าเธออยู่แถวนี้ ออกมาเถอะ" ตอนนี้มันก็ใกล้จะมืดแล้วหากเธอยังไม่ออกมาเขากลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย เธอจะอยู่ยังไงรอบตัวมันเต็มไปด้วยความมืด มิลินเป็นคนที่กลัวความมืดมากถ้าต้องอยู่คนเดียวคงเอาแต่ร้องไห้เป็นแน่"ออกมาสิวะ!!" เนื่องจากกาสิโนของเขาอยู่ติดกับภูเขาซึ่งไม่ไกลมาก และแน่นอนว่าคนที่ไม่
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่
เช้าวันใหม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะ" เรียวแขนเล็กโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง เสียงหวานชวนหลงใหลเอ่ยขึ้นก่อนที่ใบหน้าสวยจะชะโงกไปมองยังเสี้ยวใบหน้าคนตัวโต"ทำไมอารมณ์ดี หื้ม?" นำทัพถามคนตัวเล็กขณะที่ยืนทำอาหารเช้าให้แม่ของลูกอยู่ในครัว"เมื่อคืนลินฝันว่าเราได้ลูกชาย" เธอฝันว่าตัวเองคลอดลูกชาย ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักจ้ำม่ำทั้งยังเหมือนพ่อราวกับแฝด พอตื่นมาเธอจำเหตุการณ์เรื่องราวในฝันได้หมด มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีและอยากให้ถึงวันคลอดเร็ว ๆ"สงสัยเฮียจะได้ลูกชาย" ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าทางเขาเลยสิ นำทัพลอบยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าตนจะได้ลูกชายตามใจหวัง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกในท้องเพศอะไร แต่มันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี"ออกมาต้องหล่อเหมือนเฮียแน่เลย""มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเชื้อเฮียมันแรง""ไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยหรือไง" จากมาเฟียผู้เย็นชากลายเป็นคนหลงตัวเองไปเสียแล้ว มิลินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปยืนมองพ่อของลูกทำอาหารดี ๆ"วันนี้คุณแม่แต่งตัวน่ารักจัง"“ไม่น่ารักได้ไงคุณพ่อเป็นคนเตรียมไว้ให้”“หึหึ”"ว่าแต่วันนี้คุณพ่อทำอะไรให้ทานเอ่ย""มีบางคนบ่นอยากกินโจ๊กฝีมือเฮีย วันนี้เลยตื่นมาทำให้" ใบหน้าหล่อหันไปยิ
บนห้องนอนภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูมากมาย นำทัพนั่งกอดอกมองหญิงสาวขดนอนอยู่ใต้ผ้าน่วมผืนใหญ่บนเตียงคิงไซส์มาเป็นชั่วโมง ในหัวเขาเกิดคำถามมากมายที่ไม่สามารถพูดกับใครได้เลย มาลองคิดเล่น ๆ หากวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้วเขาจะเป็นยังไง จะแตกสลายแค่ไหนหากเราไม่สามารถปกป้องคนรักไว้ได้ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงอยู่ไม่น้อย“....” เขาจะปกป้องเธอกับลูกด้วยชีวิตของเขา ใครหน้าไหนก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้เด็ดขาดพูดถึงคาเรน เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่ถูกชะตากับน้องชายต่างแม่เป็นอย่างมาก สาเหตุก็มาจากคำว่า ‘ลูกเมียน้อย’ นำทัพเกลียดพ่อตัวเองในตอนนั้นมาก ท่านทำแม่เขาเสียใจจนล้มป่วย หลังจากที่พ่อเขาเปิดตัวเมียน้อยกับลูกติดก็คือคาเรน เขาก็พาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที กระทั่งวันที่พ่อเสีย ท่านยกทุกอย่างให้เขาเพียงผู้เดียว ถามว่าดีใจไหมตอบเลยว่าไม่! แม้ท่านจะให้เขาทั้งหมด แต่มีหนึ่งสิ่งที่พ่อของเขาได้ขอเอาไว้ ขอให้เขาดูแลน้องชายให้ดี ทำไมท่านถึงเอาแต่ห่วงมันทั้งที่เขาก็เป็นลูกเหมือนกันหลังจากวันเวลาผ่านไปหลายปีกระทั่งคาเรนเรียนจบจึงขอมาช่วยงาน เขาเห็นในความพยายามของอีกคนที่อยากมาอยู่ด้วยจึงตอบตก
ช่วงเย็น “เฮีย” คนตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเธอที่ดังอยู่ด้านหลัง “....” นำทัพคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ในวันนี้ เขาไม่สามารถสืบหาได้เลยว่าใครเป็นคนส่งภาพนั้นมาให้ ไม่รู้ว่าคนที่ทำต้องการแค่จะปั่นหัวเขาหรือเป็นสัญญาณเตือนในสิ่งที่เขากำลังกลัว ถ้าทุกอย่างมาลงที่เขาคนเดียวแน่นอนว่าเขาไม่คิดกลัวแต่กลับพร้อมพุ่งชน พอเป็นเธอทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายเลย “เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” “....” นำทัพไม่ใช่คนขี้ขลาด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมให้มันมาขู่อยู่แบบนี้แน่นอน มันอาจตายไปตั้งแต่วันแรกแล้วก็ได้ ทว่าเป้าหมายที่มันต้องการทำลายดันเป็นมิลิน แม่ของลูกคนที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต เขาจะไม่มีทางให้มันแตะต้องเธอได้เด็ดขาด “เฮีย” ขวับ! “มิลิน” น้ำเสียงตกใจแต่ยังคงความนิ่งเอาไว้เอ่ยเรียกแม่ของลูกที่กำลังจ้องมาตาแป๋ว นำทัพปรับเปลี่ยนใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะรั้งเธอเข้ามาสวมกอด “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเฮียดูเหม่อ ๆ” หรือเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยเป็นแบบนี้ “เฮียน่าจะนอนน้อย” นั่นไง จริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด มิลินผละตัวออกจ