หลังจากที่หญิงสาวออกไป นำทัพยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากจะถามออกไป ครืน ครืนทว่าในตอนนั้นเอง.. โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็มีเสียงเรียกเข้า ร่างสูงหมุนตัวก้าวไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามา#คาเรนติ๊ด!"อืม"(กาสิโนไฟไหม้)"สาเหตุ" เขาไม่รู้สึกตกใจเท่าไหร่เพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรก นำทัพถามถึงสาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้ในครั้งนี้ แต่เหมือนว่าเขานั้นจะรู้อยู่แล้ว(ยังหาตัวการไม่เจอ) คาเรนได้สั่งลูกน้องออกตามล่าหาคนที่มันมาวางเพลิงกาสิโนพี่ชายตัวเอง ไม่คิดว่าการไม่เข้าไปดูงานเพียงวันเดียวจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้ สงสัยพวกมันคงว่างมากถึงได้มากระตุกหนวดเสือแบบนี้ คงต้องทักทายกันหน่อยแล้วไหม"ลองส่งของขวัญไปให้พวกมันดูสิ" พวกมันคงจะเงียบไปอีกนานถ้าได้รับของขวัญจากเขา เก่งแต่ในที่ลับพอที่สว่างกับหัวหด คงคิดว่าเขาโง่มากมั้งที่ไม่รู้ว่าตัวการนั้นเป็นใคร บางเรื่องก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดออกไป แค่จัดการเงียบ ๆ แล้วให้มันหายไปอย่างถาวรก็พอแล้ว(ได้)"แค่นี้แหละ" นำทัพกำลังจะวางสายเป็นต้องชะงักเมื่อเสียงน้องชายแทรกขึ้น(มิลิ
“....” แววตาฟาดฟันถูกส่งไปให้หมอหนุ่มที่ยืนแสยะยิ้มชอบใจกับการทำให้อีกคนเกิดอาการโมโหได้“วันนี้อากาศบ้านคุณนำทัพดีจังเลยนะครับ ผมขอเข้าไปนั่งพักให้หายเหนื่อยหน่อยสิ” ไม่รอให้เจ้าของบ้านอนุญาต หมอไมลส์ก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินผ่านหน้านำทัพเข้าไปอย่างถือวิสาสะ เขายิ้มแล้วมองไปทั่วบริเวณบ้าน จะเรียกบ้านก็คงไม่ถูกต้องบอกว่าคฤหาสน์“หยุดทำตัวน่ารำคาญแล้วไสหัวออกจากบ้านกูไป” เขาหันกลับไปมองตามคนที่เดินเข้าบ้านตัวเองไปหน้าตาเฉย ที่บ้านมันไม่เคยสอนเรื่องมารยาทหรือไงถึงได้ทำตัววุ่นวายแบบนี้“สวนน่านั่งจัง”“ไอ้สัสไมลส์”“เอ๊ะ ปลูกดอกไม้ด้วย ช่างไม่เข้ากับหน้าคุณเลย” คำพูดแสนธรรมดาทว่าเต็มไปด้วยคำจิกกัด นำทัพพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด พอมีคนมาทำตัวรุ่มร่ามในพื้นที่ตัวเองก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้จริง ๆ“มึงไม่เคยเรียนมารยาท?”“เรียนครับ พอดีแม่สอนให้ใช้กับคนที่ควรใช้^^” ก่อนจะหันมายิ้มให้เขาแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน ไม่สนคนเป็นเจ้าของบ้านอย่างเขาเลยสักนิด“เอ่อ..” มิลินไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอควรตามหมอไมลส์เข้าบ้านไปหรือควรไปทำอย่างอื่น แค่สายตาที่นำทัพมองมายังเธอทำเอาขย
บนโต๊ะอาหารในช่วงเช้าเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ตั้งแต่เมื่อคืนจนเช้านำทัพไม่ยอมปริปากพูดกับเธอสักคำ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเขาจะโกรธเรื่องที่เธอกลับบ้านดึกทั้งยังไปไหนมาไหนไม่ขออนุญาตก่อน"คุณนำทัพคะ" เมื่อรู้อย่างนั้นก็คิดว่าตัวเองควรขอโทษเขาไป ดีกว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปนาน ๆ"...." เงียบ มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา หญิงสาวมองอีกคนนั่งตักอาหารเข้าปากด้วยความรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ"ลินขอโทษค่ะ" เธอแค่ไม่ชอบสถานการณ์ในตอนนี้ จากที่ตื่นมาต้องได้ยินเสียงเขาทุกเช้ากลับมีแต่ความเงียบที่เธอได้รับจากเขาเท่านั้น"...." เธอจะมาขอโทษเขาทำไมในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิด หรือว่าเธอไปทำอะไรมางั้นเหรอ ถึงอย่างนั้นนำทัพก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม ปรายตามองหญิงสาวเพียงนิดก่อนจะกลับมาสนใจที่อาหารตรงหน้าต่อ"ขอโทษที่ลินกลับบ้านดึกแล้วก็ไม่ได้บอกคุณว่าไปไหน" เมื่อคืนเธอแค่อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ จึงไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ทว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่ควรจะเป็น แต่ยังมีลูกน้องนำทัพตามไปด้วย เพียงแต่พวกเขาปล่อยให้เธออยู่คนเดียวแล้วเฝ้าอยู่ห่าง ๆ เอาครืน ครืนยังไม่ทันที่นำทัพจ
“สรุปเอาไง” ครูซเก็บมือถือไว้ที่เดิมแล้วเงยหน้าถามเพื่อนตัวสูงที่นั่งทำหน้าไม่รับแขกอยู่ใกล้ ๆ ปลายเท้าเขา"ช่างแม่งเถอะกูไม่อยากคิดให้ปวดหัว" อีกอย่างเขาไม่อยากคิดถึงเรื่องที่มันยังไม่เกิด ขอจัดการปัญหาที่เป็นอยู่ตอนนี้ให้จบก่อน เรื่องอื่นปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน ใครจะอยู่ใครจะไปค่อยว่ากันเมื่อวันนั้นมาถึงแล้ว"แล้วที่กาสิโนเป็นยังไงบ้างวะ" จะว่าไปก็ไม่ได้ไปเหยียบกาสิโนเพื่อนนานแล้วเหมือนกัน คงต้องหาโอกาสไปป่วนสักหน่อยแล้ว"ช่วงนี้ให้ไอ้เรนดูแลแทน"“เออ ว่าแต่มันเป็นไงบ้างวะช่วงนี้” ไปมาเก๊าครั้งนั้นก็ไม่ได้คุยกันเลย เห็นมันแค่แวบ ๆ"มันชอบหายหน้า ไม่รู้มันไปทำห่าไรของมัน" นำทัพส่ายหน้าเนือย ๆ ให้กับน้องชายเพียงคนเดียวของตน คาเรนมันพวกเก็บตัว ถ้าไม่มีงานสำคัญก็ไม่ค่อยโผล่หัวมาให้พี่เห็น ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าน้องชายหายไปไหน ไปทำอะไรกับใคร"ทำธรรมดาแหละวัยรุ่น""แล้วกูแก่ตรงไหน" มันพูดแบบนี้เท่ากับด่าว่าเขาแก่อะดิ หล่อขนาดนี้ เอวดีขนาดนี้เอาอะไรมาแก่ มันนั่นแหละที่แก่กะโหลกกะลา"เรียบร้อยแล้วครับนาย" ลูกน้องเข้ามาบอกนำทัพและครูซเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสองก้มมองเวลาก็เห
“ลงมาสิวะ!” นำทัพเรียกให้ไมลส์ลงมาจากด้านบน มันเป็นบ้าหรือเปล่าถึงขึ้นไปยืนยิ้มอยู่บนนั้น เกิดอีกฝ่ายตามมายิงอีกจะไม่กลายเป็นผีเฝ้าตู้คอนเทนเนอร์หรือไง“ผมลงไม่ได้” ทว่าคนข้างบนกับมีสีหน้าไม่สู้ดี แววตาภายใต้กรอบแว่นมองหาหนทางที่จะพาตัวเองลงไปหาทุกคนได้“แล้วมึงขึ้นไปยังไง” นำทัพยืนเท้าสะเอวมองอีกคนสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ไม่รู้ครับ” ส่ายหน้าตอบ ก็ตอนนั้นเขาตกใจมากนี่หน่า รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ข้างบนแล้ว ไมลส์มองซ้ายมองขวาเพื่อหาทางลงไปจากไอ้ตู้บ้า ๆ นี้“กูล่ะเชื่อมึงเลย”“เอาบันไดไปให้มัน” ครูซสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง เขาส่ายหน้าเนือย ๆ ให้กับสองคนนี้ที่ไม่ว่าจะเจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องกัดกันทุกทีไม่นานบันไดก็มาถึง ไมลส์พาตัวเองลงมาจนถึงข้างล่าง ทันทีที่เท้าแตะพื้นเขาก็หันมาฉีกยิ้มให้กับครูซและนำทัพที่ยืนมองอยู่“ตอบกูได้ยัง มึงมาที่นี่ทำไม” ไม่ใช่แค่สงสัยว่ามันมาทำไม แต่สงสัยว่ามันมาถูกได้ยังไง หรือมันแอบตามเขามาอย่างนั้นเหรอ แม่งเป็นใครกันแน่วะ“อะไรครับ” แต่คนถูกถามกลับทำหน้าใสซื่อไม่รู้อะไร ซึ่งท่าทางของไมลส์ทำเท้าเขากระตุกอยู่หลายครั้ง“มึงมาที่นี่ได้ยังไง” ถามย้ำอีกครั้ง“ตอบไปแล
สวบ!"อ่า~" ใบหน้าดูดีเชิดครางเมื่อตัวตนมุดเข้าไปในร่องอุ่น เขาแช่ทิ้งไว้สักพักก่อนจะเริ่มขยับเอวเนิบนาบพั่บ พั่บ พั่บตัวของหญิงสาวร่างกายขยับเขยื้อนไปตามแรงกระแทกที่อีกคนมอบให้ ใบหน้าเหยเกลอบมองเป็นระยะกลัวว่าเธอจะตื่นมางอแงใส่เสียก่อน จากที่จะทำเบามันจะกลายเป็นรุนแรงเอาได้พั่บ พั่บ พั่บ"อ่า ดีจังวะ" พอห่างนาน ๆ ได้กลับมาทำก็รู้สึกดีเป็นบ้า ร่องของเธอรัดเอ็นเขาแทบขาด"อื้อ~" มิลินพยายามจะพลิกตัวหนีเลี่ยงสิ่งน่ารำคาญในตอนนี้ เธอเข้าใจว่าตัวเองกำลังฝันว่ามีคนมาก่อกวน แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้มันคือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด"อ่า" ปึก! ปึก! ปึก!"อ่าา คุณทัพ~" ทว่า..ดวงตาคู่สวยปรือตามองชายหนุ่มด้านบนก่อนที่รอยยิ้มหวานเยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของเธอ นำทัพชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเจอกับรอยยิ้มยั่วยวนนั้น เขาสังเกตผ่านแสงไฟจากโคมไฟที่เขาเปิดเอาไว้ก่อนจะพบว่าแก้มสองข้างของเธอเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึง พอขยับเข้าไปใกล้ ๆ ก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ อย่าบอกนะว่า.."ดื่ม?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น เขาไม่อยู่แค่แป๊บเดียวเธอไปแอบดื่มกับใครมา เห็นแบบนี้แล้วมันยิ่งทำให้เขาโมโหมากกว่าเด
เกือบสองชั่วโมงที่คนตัวโตเอาแต่รังแกเธอไม่ยอมปล่อย นำทัพนั่งกอดอกจ้องหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าตัวเอง เขามองรอยแดงตามลำคอและหน้าอกลากยาวไปจนถึงเรียวขาเนียนสวย แทบไม่เหลือที่ว่างให้เขาฝากอีกแล้ว"นั่งสิ" ประโยคคำสั่งบอกกับอีกคนให้นั่งลง เธอไม่เคยเรียนเรื่องมารยาทหรือไงว่าห้ามยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ เมื่อคนตัวเล็กยังคงนิ่งเขาจึงส่งสายตาเป็นเชิงออกคำสั่งอีกครั้ง"ค่ะ" ร่างเล็กนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามกับมาเฟียหนุ่ม"มีอะไรอยากบอกฉันไหม" ทันทีที่นั่งลงประโยคคำถามก็พุ่งมาที่เธอ มือหนาเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบโดยที่สายตาก็จับจ้องไปยังคนตัวเล็กตรงหน้า มิลินชะงักไปทันที เขาสังเกตเล็บยาวของเธอจิกลงบนฝ่ามือแน่นจนเป็นรอยเล็บ"คะ?" แม้จะตกใจกับคำถามสักแค่ไหนแต่เธอจะทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไม่ได้เด็ดขาด"คิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนถึงกล้าโกหกฉัน" เขาอาจจะโง่ที่หลงเชื่อไปเสียสนิทใจเรื่องที่เธอความจำเสื่อม แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด เธอกำลังโกหกเขาอย่างหน้าตาย"คุณ.." ดวงตากลมโตเปิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดจากอีกคน“อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วจะไม่มีใครรู้”“....”ปึก! เอกสารบางอย่างถูกโยน
นั่งไปได้สักพักมิลินก็รู้สึกกรึ่ม ๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป เธอหันไปมองคนตัวโตข้างกายพร้อมกับเอ่ย "ลินขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ" เธออยากเข้าห้องน้ำจึงหันไปขออนุญาตเขาก่อน "เดี๋ยวพาไป" พูดจบเขาก็ดันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือไปให้เธอจับ "แต่ว่า.." มิลินกำลังจะค้านเป็นต้องกลืนคำพูดกลับไปเหมือนเดิมเมื่อเจอสายตาคมกริบกำลังจ้องมาอย่างน่ากลัว"ลุก" เขาพาไปแล้วมันจะทำไม คนด้านนอกเยอะเดี๋ยวเธอหลงอีก ยิ่งไม่ทันคนด้วย เกิดมีใครเข้ามาวอแวจะทำไงล่ะ"ไปไหนกันวะ" ครูซถามทันทีเมื่อเห็นทั้งสองกำลังจะออกจากห้อง"เข้าห้องน้ำค่ะ""อยากรู้อะไรอีกไหม?" นำทัพเลิกคิ้วถามเพื่อนตัวเอง กลัวแต่เขาจะหนีกลับบ้าน ขยับตัวนิดหน่อยก็ถาม เดี๋ยวหนีแม่งจริง ๆ ซะหรอก"ไม่ ไปได้""สัส"จากนั้นเขาก็พาคนตัวเล็กไปเข้าห้องน้ำ หลังจากออกจากห้องไปแล้วไมเนอร์ก็หันไปคุยกับเพื่อนด้วยความรวดเร็ว"มันลืมเอาปากมาหรือเปล่าวะ" ตั้งแต่มาเขาได้ยินนำทัพพูดอยู่คำเดียวนั้นคือ 'เขินใคร' จากนั้นก็ไม่ได้ยินอีกเลย"มันรำคาญมึง""มึงก็ไม่ต่างจากกูเลยไอ้วาฟิกซ์""กูมีสาระกว่ามึงก็แล้วกัน""สาบานว่าที่พูดออกมาคือคิดแล้ว?""ออกไปทะเลาะกันไกล
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่
เช้าวันใหม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะ" เรียวแขนเล็กโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง เสียงหวานชวนหลงใหลเอ่ยขึ้นก่อนที่ใบหน้าสวยจะชะโงกไปมองยังเสี้ยวใบหน้าคนตัวโต"ทำไมอารมณ์ดี หื้ม?" นำทัพถามคนตัวเล็กขณะที่ยืนทำอาหารเช้าให้แม่ของลูกอยู่ในครัว"เมื่อคืนลินฝันว่าเราได้ลูกชาย" เธอฝันว่าตัวเองคลอดลูกชาย ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักจ้ำม่ำทั้งยังเหมือนพ่อราวกับแฝด พอตื่นมาเธอจำเหตุการณ์เรื่องราวในฝันได้หมด มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีและอยากให้ถึงวันคลอดเร็ว ๆ"สงสัยเฮียจะได้ลูกชาย" ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าทางเขาเลยสิ นำทัพลอบยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าตนจะได้ลูกชายตามใจหวัง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกในท้องเพศอะไร แต่มันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี"ออกมาต้องหล่อเหมือนเฮียแน่เลย""มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเชื้อเฮียมันแรง""ไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยหรือไง" จากมาเฟียผู้เย็นชากลายเป็นคนหลงตัวเองไปเสียแล้ว มิลินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปยืนมองพ่อของลูกทำอาหารดี ๆ"วันนี้คุณแม่แต่งตัวน่ารักจัง"“ไม่น่ารักได้ไงคุณพ่อเป็นคนเตรียมไว้ให้”“หึหึ”"ว่าแต่วันนี้คุณพ่อทำอะไรให้ทานเอ่ย""มีบางคนบ่นอยากกินโจ๊กฝีมือเฮีย วันนี้เลยตื่นมาทำให้" ใบหน้าหล่อหันไปยิ
บนห้องนอนภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูมากมาย นำทัพนั่งกอดอกมองหญิงสาวขดนอนอยู่ใต้ผ้าน่วมผืนใหญ่บนเตียงคิงไซส์มาเป็นชั่วโมง ในหัวเขาเกิดคำถามมากมายที่ไม่สามารถพูดกับใครได้เลย มาลองคิดเล่น ๆ หากวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้วเขาจะเป็นยังไง จะแตกสลายแค่ไหนหากเราไม่สามารถปกป้องคนรักไว้ได้ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงอยู่ไม่น้อย“....” เขาจะปกป้องเธอกับลูกด้วยชีวิตของเขา ใครหน้าไหนก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้เด็ดขาดพูดถึงคาเรน เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่ถูกชะตากับน้องชายต่างแม่เป็นอย่างมาก สาเหตุก็มาจากคำว่า ‘ลูกเมียน้อย’ นำทัพเกลียดพ่อตัวเองในตอนนั้นมาก ท่านทำแม่เขาเสียใจจนล้มป่วย หลังจากที่พ่อเขาเปิดตัวเมียน้อยกับลูกติดก็คือคาเรน เขาก็พาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที กระทั่งวันที่พ่อเสีย ท่านยกทุกอย่างให้เขาเพียงผู้เดียว ถามว่าดีใจไหมตอบเลยว่าไม่! แม้ท่านจะให้เขาทั้งหมด แต่มีหนึ่งสิ่งที่พ่อของเขาได้ขอเอาไว้ ขอให้เขาดูแลน้องชายให้ดี ทำไมท่านถึงเอาแต่ห่วงมันทั้งที่เขาก็เป็นลูกเหมือนกันหลังจากวันเวลาผ่านไปหลายปีกระทั่งคาเรนเรียนจบจึงขอมาช่วยงาน เขาเห็นในความพยายามของอีกคนที่อยากมาอยู่ด้วยจึงตอบตก
ช่วงเย็น “เฮีย” คนตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเธอที่ดังอยู่ด้านหลัง “....” นำทัพคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ในวันนี้ เขาไม่สามารถสืบหาได้เลยว่าใครเป็นคนส่งภาพนั้นมาให้ ไม่รู้ว่าคนที่ทำต้องการแค่จะปั่นหัวเขาหรือเป็นสัญญาณเตือนในสิ่งที่เขากำลังกลัว ถ้าทุกอย่างมาลงที่เขาคนเดียวแน่นอนว่าเขาไม่คิดกลัวแต่กลับพร้อมพุ่งชน พอเป็นเธอทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายเลย “เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” “....” นำทัพไม่ใช่คนขี้ขลาด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมให้มันมาขู่อยู่แบบนี้แน่นอน มันอาจตายไปตั้งแต่วันแรกแล้วก็ได้ ทว่าเป้าหมายที่มันต้องการทำลายดันเป็นมิลิน แม่ของลูกคนที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต เขาจะไม่มีทางให้มันแตะต้องเธอได้เด็ดขาด “เฮีย” ขวับ! “มิลิน” น้ำเสียงตกใจแต่ยังคงความนิ่งเอาไว้เอ่ยเรียกแม่ของลูกที่กำลังจ้องมาตาแป๋ว นำทัพปรับเปลี่ยนใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะรั้งเธอเข้ามาสวมกอด “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเฮียดูเหม่อ ๆ” หรือเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยเป็นแบบนี้ “เฮียน่าจะนอนน้อย” นั่นไง จริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด มิลินผละตัวออกจ