‘ถ้าไม่อ่านก็ปิดตำราไปเถิด แสร้งทำเป็นอ่านตำราไม่สนใจ แท้จริงก็แอบฟังอยู่’ เจียงเซียวเล่อคิดพลางลอบกลอกตาเบ้ปากอย่างรู้สึกหมั่นไส้ก่อนจะเอ่ยรวบรัดตัดบทเพราะกลัวสหายจะเปลี่ยนใจ
“เช่นนั้นรบกวนพี่รองรับหน้าที่ไปขออนุญาตท่านน้าทั้งสองให้ซือซือนะเจ้าคะ”
“ย่อมได้”
‘เขาคงไม่ได้ไปด้วยหรอกนะ’ แต่ไปด้วยแล้วอย่างไรเจียงเซียวเล่อก็อยู่ด้วย คงจะสำรวมท่าทีบ้างกระมัง
คุณหนูเหอคิดโดยลืมไปว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วยาม แม้จะมีสหายอยู่ในรถม้าด้วยกันก็ยังฉวยโอกาสกินเต้าหู้ของตนได้เลย
“มีคนไปแจ้งเหอฮูหยินที่จวนเหอแล้ว ว่ายามนี้เจ้าพักผ่อนอยู่ที่จวนตระกูลเจียง”
7ท่องเที่ยวที่ไห่หยาง (1) แน่นอนว่าเพราะเป็นเจียงเซวียนเอ่ยวาจาเกลี้ยกล่อมรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอและเหอฮูหยินสุดท้ายเหอซือซือก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองไห่หยางได้สำเร็จ “ข้าดีใจยิ่งนักที่เจ้าสามารถไปท่องเที่ยวกับข้าได้” วันนี้เจียงเซียวเล่อตื่นตั้งแต่เช้าเพราะตื่นเต้นที่จะได้เดินทางไปต่างเมืองกับสหาย “เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่เซวียน ที่สามารถเกลี้ยกล่อมท่านพ่อท่านแม่ได้” นางกล่าวก่อนจะหันไปมองบุรุษที่ยืนอยู่ข้างรถม้า เมื่อคิดย้อนกลับไปในวันนั้นเจียงเซียวเล่อถูกสั่งให้อยู่รอที่รถม้าเพื่อการเจรจาจะได้เป็นไปอย่างราบรื่นและสุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จจริง ๆ สมแล้วที่เขาเป็นพ่อค้าสามารถต่อรองและไล่ต้อนจนบิดามารดาของนางไม่อาจหาเรื่องมาโต้แย้งได้อีก เมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เจ้ายิ้มเช่นนี้ คงไม่ได้หลงเสน่ห์พี่ชายของข้าอีกคนหรอกนะ” เจียงเซียวเล่อเอ่ยถามเสียงดัง ทำให้เหอซือซือที่กลัวว่าสหายจะเข้าใจผิดคิดว่ามีวัตถุประสงค์แอบแฝงในเรื่องนี้รีบอธิบาย “ไม่ได้ ๆ ข้าเพียงนึกถึง
โถ่! เสียแรงที่เอ่ยปากสนับสนุน ช่างเสียเวลาจริง ๆ “ได้! ข้าจะรอ รู้หรือไม่ข้านั่งคิดหลายวันเลยว่ายามไปถึงเมืองไห่หยางจะชวนเจ้าทำอันใดหรือไปเที่ยวที่ใดบ้าง” “คงต้องรบกวนเจ้าพาข้าไปเที่ยวในสามวันนี้” “น่าเสียดายที่มีเวลาเพียงสามวัน ข้าจึงไม่อาจพาเจ้าไปในทุกที่ที่อยากไปได้” “ข้าได้ออกมาเที่ยวกับเจ้านอกเมืองเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีครั้งต่อไปก็ได้ เมื่อนั้นเจ้าค่อยพาข้าไปเที่ยวอีกดีหรือไม่” “เพราะเจ้าน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ ข้าถึงได้ชอบเจ้าอย่างไรเล่าซือซือ” รู้สึกดีใจยิ่งนักที่วันนั้นตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายและสนทนากับคุณหนูเหอผู้นี้ “เจ้าดีกับข้า ข้าก็ชอบเจ้า” นางยิ้มรับ น้องสาวของเจียงเซวียนผู้โดดเด่นช่างดีกับนางเสียจริง นางสัญญาว่าจะดีกับอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน ยามนี้นางไม่คิดกล่าวโทษเจ้าของร่างอีกแล้วว่าเหตุใดถึงยุยงให้สหายลงมือกับสตรีที่พี่ชายคนรองชื่นชอบ เพราะสิ่งที่เหรินเสี่ยวเหยาทำ มันไม่ใช่นิสัยของผู้ที่มีจิตเมตตาที่คนเล่าลือก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางในงานเลี้ยงของจวนราชเลขาธ
“ขออภัยขอรับพี่รอง ได้โปรดชี้แนะว่าที่น้องเขยผู้นี้ด้วยเถิด” ชักช้าอยู่ได้ ประเดี๋ยวก็อดกันทั้งคู่จะมาโทษเขาไม่ได้นะ “เจ้าก็แค่หาทางสนทนากับซือซือตามลำพังแล้วกล่าวว่าเจ้าพึงใจในตัวเซียวเล่อมานานหลายปี ได้แต่รอให้นางปักปิ่นก่อนค่อยเกี้ยวพา จึงอยากขอโอกาสให้เจ้าได้ใกล้ชิดกับเซียวเล่อบ้างเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ ตอนเจ้าเอ่ยอย่าลืมแสดงความจริงใจให้มาก หากนางเห็นความตั้งใจจริงของเจ้า เซียวเล่อก็ไม่อาจโต้แย้งได้ยามที่สหายขอแยกตัวไป” “เจ้านี่มันฉลาดเจ้าเล่ห์จริง ๆ ขอบคุณนะขอรับพี่รอง” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาดีใจทำท่าจะโผเข้ากอดสหาย “รอเซียวเล่อตกลงปลงใจกับเจ้าก่อนค่อยเรียกข้าว่าพี่รองก็ยังไม่สาย” กล่าวจบก็รีบยกแขนกันแล้วผลักอีกฝ่ายออกห่าง “เจ้าช่างใจร้ายกับสหายเช่นข้าเสียจริง” “ข้าจะพักสายตา เงียบเสียงหน่อย” เจียงเซวียนกล่าวก่อนจะหลับตาลง มุมปากยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสนทนาจากรถม้าคันที่วิ่งนำหน้า ‘หึ! แท้จริงเจ้าก็กำลังลอบฟังสตรีสองคนสนทนากัน’ พักสายตาอันใดโกหกทั้งเพ ไม่รู้คุณหนูเหอจะรู้ตัวแล้วหรือไม่ ว่าถูกจิ้
‘จะแกะให้ข้าด้วยเหตุใด ข้าแกะกุ้งเองได้’ นางคิดก่อนทำท่าจะคีบกุ้งที่เขาแกะให้ไปใส่ชามของสหาย “เจ้าไม่ชอบกุ้งหรือ” วาจาของคุณชายรองเจียงทำให้นางชะงักมือ “ชอบเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าคิดว่าท่านเอื้อมไม่ถึงชามข้าวของเล่อเล่อ” “พี่ตั้งใจแกะให้เจ้า เจ้าก็รีบกินเถิด ส่วนเซียวเล่อ หากนางอยากกินประเดี๋ยวก็มีคนแกะให้เอง” ‘ที่พี่หลี่จุนพยายามเข้าใกล้ข้าคงไม่ใช่เป็นเพราะแผนการของพี่รองหรอกนะ’ คิดจะให้สหายมาช่วยกีดกันนางให้ออกห่างจากเหอซือซือหรือ ฝันไปเถิดนางจะเกาะติดสหายให้แน่น “เจ้าอยากกินกุ้งน้ำเหลือหรือเซียวเล่อ ข้าจะแกะให้” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าแกะเองได้” เจียงเซียวเล่อเอ่ย แต่สายตาจ้องมองพี่ชายที่มองมาด้วยสายตาของผู้ชนะ ทว่าคนที่ร้อนรนเห็นจะเป็นคุณหนูเหอที่กลัวว่าสหายจะเข้าใจผิดคิดว่านางพยายามล่อลวงพี่ชายคนรอง นางจึงพยายามเขี่ยอาหารที่เขาคีบให้แล้วกินแต่ข้าวเปล่า จนอีกฝ่ายสังเกตเห็น “คีบอาหารใส่ปากด้วย อย่ากินแต่ข้าวเปล่า หรือว่าอาหารไม่ถูกปากพี่จะสั่งมาให้ใหม่” “เอ่อ...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
แต่เมื่อนางทามันลงบนแขนตนเองแล้วกำลังจะยกขึ้นดม กลับพบว่าบุรุษที่ไม่รู้มายืนอยู่ข้าง ๆ นางเมื่อใดกดจมูกลงบนแขนของนางทำให้ใจดวงน้อยที่เพิ่งกลับมาสงบเต้นระรัวกว่าเดิม “อืม กลิ่นจวี่จื่อใช่หรือไม่ ทำได้ดีไม่น้อย ได้กลิ่นแล้วสดชื่น” เหมือนยามที่เขาอยู่ข้างนาง “พี่เซวียน ท่านทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ” ต่อให้เป็นพี่ชายร่วมสายเลือด ก็ไม่สามารถมาดอมดมข้อมือ หรือแขนนางเช่นนี้ได้ “พี่ทำเช่นใดไม่เหมาะสมหรือ” “ก็ที่ท่าน...ช่างเถิดเจ้าค่ะ หากท่านอยากลองน้ำมันหอม ท่านควรลองเอง” และไปให้ห่างจากนาง แม้อยากจะเอ่ยไปแต่ยามอยู่ต่างเมืองเช่นนี้ต้องพึ่งพาเขา นางจึงไม่อาจเอ่ยวาจาตัดรอนได้ “พี่ไม่อยากให้ในกายพี่มีกลิ่นหอม มิเช่นนั้นอาจจะโดนเข้าใจผิดได้” “เพียงแค่ท่านซื้อน้ำมันหอมไปฝากนางสักสองสามขวด นางคงเข้าใจได้เองเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นหรือ อืม...พี่เข้าใจแล้ว” เขายิ้มรับก่อนจะแสร้งกวาดสายตาดูน้ำมันหอมรอบตัว ‘หึ! มีสตรีที่พึงใจแล้วก็รีบไปอยู่ห่าง ๆ จากข้าเลย’ เจียงเซียวเล่อจะได้ไม่เข้าใจผิดพานทำให้ต้องผิดใจกับนาง
8 ท่องเที่ยวที่ไห่หยาง (2) เมื่อผู้ดูแลร้านห่อน้ำมันหอมที่นางเลือกเรียบร้อยแล้วก็นำมามอบให้พร้อมทั้งแจ้งยอดเพื่อเก็บเงิน “ทั้งหมดยี่สิบห้าตำลึงทองเจ้าค่ะ” ‘หา! ยี่สิบห้าตำลึงทองหรือ’ เหอซือซือคล้ายมือไม้จะอ่อนจนเกือบทำน้ำมันหอมสองขวดในมือร่วงหล่น น้ำมันหอมแค่สองขวด เหตุใดถึงแพงเช่นนั้น “ได้! นี่เป็นตั๋วเงินสามสิบตำลึงทอง อีกห้าตำลึงทองเอาน้ำมันหอมกลิ่นที่คุณหนูผู้นี้เลือกมาเพิ่มอีกอย่างละขวดก็แล้วกัน” เผยหลี่จุนตอบรับก่อนจะหยิบตั๋วเงินจำนวนสามสิบตำลึงออกมาแล้วยื่นให้ผู้ดูแลตรงหน้าแล้วชี้นิ้วไปที่เจียงเซียวเล่อ “เอ่อ คุณชายเผย ข้าไม่เอา...” นางตั้งใจจะปฏิเสธน้ำมันหอมที่อีกฝ่ายซื้อให้เนื่องจากมันแพงเกินไป แต่เจียงเซวียนก็กระตุกชายอาภรณ์ของนางไว้เป็นเชิงห้าม “ปราสาทเมฆาร่ำรวยมาก น้ำมันหอมแค่สองขวดไม่ทำให้คลังของเขาร่อยหรอหรอก” “แต่ว่ามันแพงมาก” “ในมือเจ้ารวมแล้วก็แค่สองตำลึงทอง ไม่ได้แพงอันใดมาก” “จริงหรือเจ้าคะ”
‘หึ! เด็กน้อย’ เจียงเซวียนแค่นเสียงในลำคอ ดูออกง่ายเกินไปแล้วคนพวกนี้ ด้านคุณหนูเหอที่ยืนรออยู่ด้านนอก ก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าสนทนาอันใดกับเผยหลี่จุนมากนัก “คุณหนูเหอ ขออภัยที่ก่อนหน้านี้ข้าเสียมารยาทกับเจ้าไปหลายเรื่อง” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าว่าเราเรียกขานกันเช่นนี้ย่อมเหมาะสมแล้วเจ้าค่ะ” “ในเมื่อเจ้ากล่าวอย่างรู้ความเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอกล่าวกับเจ้าตามตรงว่า ได้โปรดเปิดโอกาสให้ข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเซียวเล่อได้หรือไม่” ‘เขาอยากใกล้ชิดกับเล่อเล่อ เหตุใดต้องมาขอนาง’ “ที่ข้าเดินทางมาเมืองไห่หยางกับพวกเจ้าก็หวังอยากเที่ยวเล่นกับนาง แต่จนใจที่เซียวเล่อเกาะติดเจ้าเหลือเกิน อย่างไรเจ้าช่วยส่งเสริมข้าได้หรือไม่” “ได้เจ้าค่ะ หากท่านเสนอข้าก็พร้อมที่จะตอบรับเจ้าค่ะ” เพราะไม่อยากขัดขวางยวนยาง นางจึงตอบรับไปโดยไม่รู้ว่าแท้จริงมันกลับมาผูกมัดตัวนางเองด้วย “ขอบคุณคุณหนูเหอ ที่เข้าใจข้า” เผยหลี่จุนกล่าวด้วยท่าทางดีใจ “ขอเพียงท่านจริงใจกับเซียวเล่อ ข้าก็ไม่มีเหตุใดจะต้องขัดขวางท่าน”
“เจ้าชอบหรือ พี่จะซื้อให้” “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ มันเก็บรักษายาก หากทำมันแตกข้าคงเสียดายมาก” “หากแตก พี่จะมาซื้อให้ใหม่” “อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้าเกรงใจ” “เมื่อครู่เสียดายพี่ไม่ได้ซื้อน้ำมันหอมให้ เช่นนั้นพี่จะซื้อของพวกนี้ให้” “ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าแค่อยากมาดูไม่ได้อยากซื้อสิ่งใด” “ระวัง!” เขาส่งเสียงเตือนก่อนจะรั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อหลบคนที่กำลังจะเดินชน “ขออภัยขอรับ” พ่อค้าที่ตัวอ้วนท้วมกล่าวก่อนจะเดินจากไป “เป็นไรหรือไม่” เขาถามสตรีในอ้อมกอด “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางกล่าวก่อนจะผละออกห่างซึ่งเขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี “หากอยากซื้อสิ่งใดก็บอกพี่ อย่าได้เกรงใจ” เขากล่าวก่อนจะลูบผมนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าค่ะ” นางตอบรับอย่างส่ง ๆ ก่อนจะเดินดูไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดตาเจ้ากับสร้อยข้อมือไข่มุก ‘งดงามยิ่งนัก’ เหอซือซือได้แต่เอ่ยชมในใจเพราะกลัวว่าพี่ชายของสหายผู้นี้จะเอ่ยปากซื้อให้ นางหยิบมันมาทาบแขนตนเองแล้วมองอย่างพึงพอใจ “แม่นางตาถึง
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่
“ถูกต้อง แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเยวียนปี๋จวี้ซี[1]กำลังรุมกัดสาวงาม ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ เราไปจากที่นี่กันเถิด เมื่อครู่ข้าเห็นกลุ่มฮูหยินย้ายไปนั่งในสวนกลางป่าไผ่” “เจ้าค่ะ” นางตอบรับแต่ก่อนจะเดินจากไปนางอดไม่ได้ที่จะปรายตามองสีหน้าที่เกือบจะเขียวคล้ำของสตรีดีงาม คงเพราะเหรินเสี่ยวเหยายืนใกล้ที่สุดจึงได้ยินวาจาของฮุ่ยหลานซีเข้าไปเป็นแน่ “...” เหรินเสี่ยวเหยายืนเงียบไม่เอ่ยวาจา “อ้อ! ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าทราบแล้วหรือยังว่าบัดนี้พี่จิ้นฝานได้กลับมาทำงานในเมืองหลวงแล้ว หากมีโอกาสเจ้าควรไปเยี่ยมเยียนเขาจะได้สานสัมพันธ์ดี ๆ ในอดีต อย่างไรตอนนี้เขาเป็นถึงผู้ตรวจการแล้ว” กล่าวจบแล้วนางก็หันไปพยักหน้าให้สาวใช้แล้วเดินจากมาไปพร้อมฮุ่ยหลานซี&nb
“อย่างที่ท่านทราบว่าวันนี้ข้าเดินทางไปอารามช่างอันเป่าเพื่อไหว้พระกับมารดา แล้วข้าก็บังเอิญเดินหลงกับมารดาได้คุณชายฮุ่ยช่วยเหลือพาไปพบมารดา...” เหอซือซือเอ่ยปากเล่าในเรื่องที่เขาอยากรู้ก่อนจะคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สี่ชั่วยาม นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันนี้ที่อารามช่างอันเป่าซึ่งแสนสงบสุขจะไม่สงบสุขเช่นเคย นั่นเป็นเพราะวันนี้ซูเฟย พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ได้พาองค์ชายมาไหว้พระขอพร แน่นอนว่าพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูขุนนาง ผู้ที่มีใจอยากแสดงความจงรักภักดีจึงพากันสั่งให้ฮูหยินพาบุตรสาวบุตรชายมาไหว้พระที่พระอารามช่างอันเป่า ทำให้ลานกว้างเต็มไปด้วยรถม้าของตระกูลใหญ่ และหนึ่งในคนพวกนั้นก็มีเหอฮูหยินและคุณหนูเหอเช่นนางด้วย แม้แท้จริงจะไม่ได้อยากปร
15 กลิ่นน้ำส้มช่างรุนแรง หลายวันมานี้เรื่องราวร้ายกาจของเสี้ยนจู่จากแดนเหนือดังเข้าหูนางอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดเจียงเซวียนถึงเอาแต่ปีนเข้าห้องนางเช่นนี้ “ไม่ได้เจอหน้าเจ้านานพี่คิดถึงยิ่งนัก” จิ้งจอกหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้นพลางจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างพิจารณา “วันก่อนท่านก็ปีนหน้าต่างเพื่อมาพบข้าแล้วเจ้าค่ะ” อย่ามาเอ่ยคำหวานล่อลวงนางเพื่อกลบเกลื่อนเลย แท้จริงคงมาเพื่อจะดูว่านางโกรธเคืองเขาหรือไม่เกี่ยวกับข่าวลือที่ถูกแพร่กระจายไปทั่ว “ไม่ได้เจอหน้าเจ้าเพียงหนึ่งชั่วยาม พี่ก็คิดถึงเจ้าจนนอนไม่หลับแล้ว” หยอกเย้าเสร็จก็ยกชาขึ้นจิบ “ท่านกล่าวจุดประสงค์แท้จริงที่ปีนเข้าห้องข้าในวันนี้มาเถิดเจ้าค่ะ” “ปิดบังเจ้าไม่ได้เลยจริง ๆ” เจียงเซวียนมองตรงสตรีตรงหน้าอย่างถูกใจพลางคิดว่าหลังจากกลับมาเมืองหลวงเสน่ห์ของเขาลดน้อยลงใช่หรือไม่ นางถึงไม่คล้อยตามเท่าใดน
‘พวกเจ้าสองพี่น้องช่างดีกับข้าจริง ๆ’ เหอซือซือมองสหายด้วยแววตาซาบซึ้ง ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในเนื้อเรื่องเดิม เจียงเซียวเล่อก็แสนดีไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นคุณหนูเหอก็เปิดปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นเช่นที่เคยเล่าให้คุณชายรองเจียงฟัง และคงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน ทั้งสองจึงมีสีหน้าไม่แตกต่างกันเท่าใด แต่สหายของนางกลับเก็บอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าพี่ชาย ปัง! มือเรียวของคุณหนูจวนแม่ทัพบูรพาตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ดวงหน้าหวานฉายแววโทสะชัดเจน “เหรินเสี่ยวเหยาชั่วช้ายิ่งนัก ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ” “แท้จริงข้าก็ไม่ได้อยากให้เจ้าต้องโกรธเกลียดนางไปกับข้าหรอก แต่ที่ยอมเล่าให้เจ้าฟังก็เพราะเจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า” นางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยด
“ข้าจะเป็นผู้เฒ่าจันทราช่วยผูกวาสนาด้ายแดงให้เจ้าเอง หลวนจิ้นฝาน” นัยน์ตาคมฉายแววล้ำลึกคนอย่างเจียงเซวียนไม่เคยปล่อยให้คนที่ทำไม่ดีกับตนรอดตัวไปได้ วันต่อมาจวนตระกูลเหอก็ได้ต้อนรับคุณหนูตระกูลเจียงที่มาเยี่ยมเยียนตั้งแต่ต้นยามเฉิน (07.00-08.59) แม้จะเป็นเวลาที่เช้าเกินไป แต่คนตระกูลเหอก็หาได้ถือสาไม่ ทั้งยังเอ่ยปากชักชวนให้เจียงเซียวเล่อร่วมรับสำรับเช้าด้วย “พ่อครัวของตระกูลเหอ ทำอาหารได้ถูกปากข้ามากเลยเจ้าค่ะ” “เจ้าก็เยินยอเกินไปแล้วเล่อเล่อ” เหอซือซือปรามสหายที่ปากหวานเอาใจบิดามารดาของตน “ข้าไม่ได้เยินยอ ข้าว่าอาหารที่จวนเจ้าถูกปากข้าจริง ๆ” คุณหนูเจียงกล่
“เรื่องนั้นเอาไว้ท่านจัดการชะตาดอกท้อของตนเองให้เสร็จสิ้นก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยพร้อมจะทำร้ายสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ท่าน แค่เพียงผู้อื่นปรายตามองท่านยังไม่ได้เลย” “เพราะเหตุนี้ ในช่วงหลายวันนี้พี่ขอปีนเข้าห้องเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่ พี่ไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตรายเพราะสตรีบ้าและชั่วช้าผู้นั้น” “แล้วเมื่อครู่ที่เข้ามาเหตุใดถึงไม่ขออนุญาตข้าก่อน” “เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าพี่ไม่ต้องขออนุญาต สามารถมาหาเจ้าได้ทุกเมื่อใช่หรือไม่ เจ้าช่างน่ารักเสียจริง” กล่าวจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจุมพิตแก้มเนียนก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว “ท่านช่างคิดหลงตนเองจริง ๆ พี่ชาย” นางพึมพำกับตนเองเสียงเบา แต่บุรุษที่นั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้มีหรือจะ
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั